เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย

ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย => งานบ้านงานครัว คลีนิค ถามหมอ เรื่องสุขภาพ => ข้อความที่เริ่มโดย: หยินหยาง ที่ วันที่ 25 มิถุนายน 2012, 07:10:52



หัวข้อ: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: หยินหยาง ที่ วันที่ 25 มิถุนายน 2012, 07:10:52
ผมมองถึงการรักษาโรคต่างๆในปัจจุบันเป็นการรักษาโรคที่ปลายเหตุเป็นส่วนใหญ่เช่นความดันโลหิตสูงไปกินยากดการเต้นของหัวใจให้อ่อนลงถ้ามีไขมันในเลือดก็ให้ยาลดใขมันในเลือดไปซึ่งในความจริงก็รู้อยู่ว่ามันไม่ได้หายไปเลยเมื่อหยุดยาความดันก็มาเหมือนเดิมและเมื่อกินยาเคมีนานๆส่งผลให้ค่าตับผิดปรกติค่าไตก็เริ่มไม่ดี กินยา1 เม็ดในวันแรกที่ไป รพ. 5-6 ปีผ่านไปเริ่มกินเป็นกำมือทำไมยิ่งรักษายิ่งเป็นหนักขึ้น พูดกันตรงๆเพราะการรักษาไม่ตรงประเด็นพอถ้าป็นผมในกรณีนี้ สภาวะความดันสูงส่วนใหญ่เกิดจากหลอดเลือดเดินทางไม่สะดวกท่อเลือดสกปรกตีบตันเลือดข้นกว่าปรกติ ทำการตรวจชีพจร ตรวจสภาพการทำงานของระบบร่างกาย เร่มทำการฟอกเลือดและล้างคราบใขมันในหลอดเลือดออก เมือหลอดเลือดสะอาดเลือดไม่ข้นค่าเลือดพอดีความดันก็หาย เพราะหัวใจเป็นเสมือนเครื่องสูบน้ำเลือดไปส่งร่างกายเมื่อท่อส่งน้ำสกปรกตีบตันน้ำก็หนืดมากเครื่องสูบน้ำต้องเร่งเครื่องให้แรงเพื่อส่งน้ำเลือดไปให้ทั่วร่างกายเครื่องต้องทำงานหนักกว่าปรกติความดันในท่อส่งจึงสูง แต่เมื่อท่อไม่มีตีบตันสะอาดโปร่งโล่งน้ำเลือดก็สะอาดเครื่องส่งเลือดคือหัวใจไม่ต้องทำงานหนักก็ส่งไปทั่วร่างกายสบายๆแรงดันท่อก็ลดลงเข้าสู่สภาะวะปรกติโรคความดันสูงก็หายไป....แต่ในบางก็รณีก็ต้องสอบถามอาการและพิจารณาไปหาสาเหตุที่แท้จริงของโรคนั้นๆเหตุเกิดที่ใหนให้แก้ที่นั่นจึงจะหายครับ... :D


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: lady_highland ที่ วันที่ 25 มิถุนายน 2012, 20:27:43
ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ มีประโยชน์มากๆเลยค่ะ คุณหยิงหยาง เป็นแพทย์ทางเลือกหรือเปล่าค๊ะ
มาโพสต์ให้ความรู้อีกบ่อยๆ นะค๊ะ


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: หยินหยาง ที่ วันที่ 25 มิถุนายน 2012, 20:34:10
ผมต้องออกตัวก่อนนะครับว่าไม่ได้โจมตีใครแต่พูดตามความเป็นจริงที่เห็น คนไข้ที่เป็นความดันโลหิตสูง จะมีวงจรชีวิตการักษาจาก รพ. ดังนี้ครับ เริ่มจากไปรับยากดการเต้นหัวใจก่อนกับละลายใขมันในเลือด ในช่วงปีแรกๆ กิน 2 เม็ด ต่อมาเกิดสภาวะกล้ามเนื้อหัวใจโตเนื่องจากหัวใจทำงานหนัก บวกยาไปอีก 1 เม็ด จากนั้นสารพิษจากยาเคมีไปสะสมตกค้างในตับๆเริ่มเสื่อม เบาหวานเรื่มมาเพราะตับอ่อนผลิตอินซูลีนไม่ได้ดี รับยาตับกับเบาหวานและบำรุงเม็ดเลือดไปช่วยตับทำงานอีก ตอนนี้เริ่มไปประมาณ 5-6 เม็ดละ เมื่อต่อมาไตกรองสารพิษต่างไม่ไหลตับก็ดักพิษไม่ได้ ไตพังครับ เมื่อไตพังก็ต้องฟอกประครองชีวิตไว้คนมีตังค์มากก็อยู่นานหน่อยคนมีตังค์น้อยไม่นานก็ตาย มันเป็นความจริงดังนี้ พิจารณาเอาเองตามความเป็นจริงที่เห็นๆกันอยู่นะครับ.... :D


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: หยินหยาง ที่ วันที่ 25 มิถุนายน 2012, 20:40:31
ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ มีประโยชน์มากๆเลยค่ะ คุณหยิงหยาง เป็นแพทย์ทางเลือกหรือเปล่าค๊ะ
มาโพสต์ให้ความรู้อีกบ่อยๆ นะค๊ะ

ขอตอบแบบตรงตรงว่าผมศึกษาและอยู่ในวงการ แพทย์แผนไทย แผนจีน แผนอาหรับ ตะวันออกและชนเผ่า มาพอประมาณพอจะเข้าใจว่าจริงแล้วสภาวะต่างในร่างกายมันเสียสมดุลแค่ทำให้มันสมดุลได้ก็ร่างกายจะปรับสภาพเข้าสู่สภาวะปรกติเอง หมายเหตุ ผมรับให้คำปรึกษาแต่ไม่ขอแสดงตัวนะครับขอเป็นแค่คนธรรมดาๆคนหนึ่งก็พอครับ.... :D


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: lady_highland ที่ วันที่ 25 มิถุนายน 2012, 20:55:45
เท่าที่อ่านรายละเอียดที่คุณหยิงหยาง พูดมาตรงกับความเป็นจริงทั้งหมดตามนั้นจริงๆ ค่ะ
คุณแม่ ตอนนี้อายุ 72 แล้ว เป็นทั้งความดัน เบาหวาน หัวใจ วันๆ ต้องกินยา 3 เวลา จากครั้งละ
ไม่กี่เม็ด เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้คุณแม่เล่าว่าต้องกินทีเป็นกำๆ มือ(ท่านว่าอย่างงั้นจริงๆค่ะ)
และท่านก็บ่นเบื่อทุกวัน กินยามากๆ เข้าทำให้เบื่ออาหารไปเลย  พอดีว่าตัวเองตอนนี้ก็ไม่ได้
อยู่ด้วยกันกับคุณแม่ค่ะ  เห็นทีคงต้องมีเรื่องรบกวนปรึกษาคุณหยิงหยางเกี่ยวกับสุขภาพของคน
ในครอบครัวแล้วล่ะค่ะ จริงๆ มันยากตรงที่ทำอย่างไรจึงจะรู้ได้ว่าร่างกายเราขาดสมดุล อะไร
อย่างไร และจะแก้อย่างไรนี่แหละค่ะ ดีใจที่ได้มีโอกาสได้รู้จักคุณหยิงหยางนะค๊ะ

จะติดตามทุกกระทู้เลยค่ะ ได้ความรู้และเป็นประโยชน์จริงๆ ค่ะ


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: หยินหยาง ที่ วันที่ 27 มิถุนายน 2012, 17:33:58
เส้นผมบังภูเขาในเรื่องการนวด เท่าที่เคยพบปะกับการนวดมาหลายที่พบว่ามักจะเป็นการนวดที่แรงเกินไปขาดคำว่าพอดี จากมานวดเพื่อผ่อนคลายกลายเป็นซ้าเจ็บปวดไข้ เพราะมันแรงเกินคำว่าพอดี ไม่แรงเกินไปไม่เบาเกินไป จริงๆแล้วการนวดต้องเริ่มจากการนวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อก่อนแล้วค่อยๆเพิ่มน้ำหนักตามจุดที่ต้องเน้น แล้วทำการคลึงคลายแรงกดนั้นอีกรอบ เพื่อให้กล้ามเนื้อคลายตัวไม่มีการซ้ำ และต้องสอบถามประวัติการผ่าตัดอุบัติเหตุทางกายภาพรวมถึงโรคประจำตัวของเขาเพื่อวิเคราะห์การนวดด้วย ตัวอย่างเช่น คนที่ปวดเมื่อยเอวจากการทำงานนั่งนานๆหรือใช้แรงกล้ามเนื้อมากพวกนี้จะมีอาการปวดตึงแน่น ส่วนมากจะไม่พูดพร่ำทำเพลงมาถึงอัดอย่างเดียวโดยคิดว่านวดแรงเพื่อจะทำให้คลายทั้งเข่าทั้งศอกผลที่ได้คือซ้ำระบมเป็นไข้หนักกว่าเดิม เเพราะในความจริงแล้วหลักการปรับร่างกายเข้าสู่ภาวะสมดุลหรือหยินหยางนั้นเมื่อมันแข็งแกร่งปวดตีงเราต้องใช้การนวดแบบผ่อนคลายกล้ามเนื้อโดยการนวดพอดีไม่แรงเพราะถ้าแรงมันตึงอยู่แล้วปวดอยู่แล้วไปอัดมันอีกเหมือนเครื่องยนต์ที่ร้อนอยู่แล้วยังไปเร่งเครื่องอีกเดี๋ยวความร้อนขึ้นเครื่องก็น็อก ทำไมไม่ค่อยผ่อนเครื่องลงแล้วค่อยๆวอร์มเครื่องเอาให้เครื่องเข้าสู่อุณภูมิปกติ การนวดก็เช่นกันก็นวดคลายช้าๆพอดีๆจนกล้ามเนื้อผ่อนคลายตัวสู่สภาวะปกติของร่างกาย นวดเสร็จแล้วผ่อนคลายเบาสบายดีกว่าเป็นใหนๆ ไม่ต้องพกความซ้าความเจ็บปวดกลับบ้านไป เรื่องง่ายๆที่หมอนวดส่วนใหญ่มองข้ามไปลืมความเข้าใจเรื่องสมดุลของร่างกาย ร่างกายมันฟ้องเสมอ สังเกตุดูเมื่อรู้สึกร้อนก็เปิดพัดลมคลายร้อน เมื่อหนาวก็ห่มผ้าให้ร่างกายอบอุ่น เมื่อร่างกายปวดตึงก็คลายให้ร่างกาย เมื่อร่างกายอ่อนล้าก็กระต้นให้ร่างกายสดชื่น มันเป็นหลักธรรมชาติ ที่เรามองข้ามมันไปแล้วค่อยว่ากันใหม่ครับ.... :D


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: lady_highland ที่ วันที่ 28 มิถุนายน 2012, 16:51:13
ถูกของคุณหยิงหยาง เกี่ยวกับเรื่องนวดค่ะ

เคยพาสามีไปนวดแผนโบราณครั้งนึง ปรากฎว่าหมอนวดนวดแรงมาก จนทนไม่ไหวร้องลั่นห้อง
ตั้งแต่นั้นมาเข็ดเลยค่ะ ไม่กล้านวดอีกเลย จากแค่เคล็ดๆ ตึงๆ กลายเป็นปวดทนไม่ไหวต้องกิน
ยาแก้อักเสบไปหลายวันเลยค่ะ  คงไม่กล้านวดไปอีกนานเลย


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: หยินหยาง ที่ วันที่ 30 มิถุนายน 2012, 06:45:30
ของเล่นเรื่องพลังซี่ง่าย แค่คุณลองหายใจลึกๆผ่อนออกช้าๆซัก 1 นาที จะรู้สึกถึงการเดินของพลังซี่ไปทั่วทั้งตัวซึ่งพลังนี้คือลมปราณภายในร่างกาย ที่อุปกรณ์สมัยใหม่ตรวจสอบไม่ได้... ;D สามารถบรรเทาอาการปวดหลังได้ง่ายๆเพียงแค่หายใจให้ลึกเข้าท้องน้อยแล้วกลั้นลมหายใจเบ่งออกไปช่วงเอวและแ่ผ่นหลังซัก7 วินาทีแล้วหายใจหายใจออก ทำซ่ำซัก 5 ครั้ง แล้วผ่อนคลายร่างกายสบายๆไม่ต้องฝืนหรือเกร็งซัก 10 นาทีอาการปวดหลังจะค่อยๆเบาลงและหายไป..ใช้ได้ในกรณีที่ปวดเมื่อย..แต่ถ้าเป็นมานานโรคเรื้อรังต้องวินิจฉัยอาการของโรคก่อนนะครับ... :D


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: สบายแมน ที่ วันที่ 30 มิถุนายน 2012, 07:24:25
ขอถามครับ การฟอกเลือดและการล้างคราบไขมัน ต้องใช้วิธีไหนครับ ต้องใช้เครื่องมือแพทย์หรือเปล่าครับ และการปรับสมดุลในร่างกายควรทำยังไงครับช่วยแนะนำวิธีด้วยครับจะขอบพระคุณเป็นอย่างสูง :)


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: หยินหยาง ที่ วันที่ 02 กรกฎาคม 2012, 12:52:12
จริงๆแล้วการจะปรับสมดุลร่างกายนั้นจำเป็นต้องเข้าใจสภาพร่างกายก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วจึงวินิจฉัยสาเหตุของอาการจึงทำการรักษา ว่าง่ายๆคือให้หมอเช็คร่างกายก่อนว่าสภาพร่างกายกายแบบนี้ควรจะรักษาอย่างไร กรณีที่คนที่ร่างกายปรกติ ไม่เป็นโรคโลหิตจางความดันต่ำ สามารถฟอกล้างใขมันในเลือดในท่อเลือดได้ง่ายๆโดยการทานมะเฟืองหรือน้ากระเจี๊ยบต้มติดต่อกันประมาณซัก15 วัน ไขมันก็ลดลงแล้ว เพราะรสฝาดเปรี้ยวสามารถล้างคราบใขมันและฟอกเลือดได้ดีมาก ลองเอามะเฟืองล้างจานที่มีมันติดอยู่ดูสิครับจะรู้ว่าจริงๆแล้วเส้นผมมันบังเราอยู่ง่ายๆแต่ใช้ได้ตามเงื่อนใขของบุคคลที่สภาวะปกตินะครับ .... :D หมายเหตุลดคลวามดันสูงในกรณีใขมันในเลือดสูงได้ดีด้วย... :D


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: หยินหยาง ที่ วันที่ 03 กรกฎาคม 2012, 19:37:51
เส้นผมบังภูเขาเรื่องมดลูกกับผู้หญิง มดลูกเป็นจุดศูนย์กลางที่รั้งเส้นทั้งหลายในร่างกายทั่วทั้งตัวทำให้เกิดอาการต่างๆของร่างกายอาการที่รักษากันไม่หายคืออาการฉี่บ่อยวันหนึ่งๆแทบไม่ได้พักกลางคืน 4-5 ครั้งแทบไม่ได้หลับเต็มอิ่มเลย หาสาเหตุไม่เจอ จริงๆแล้วส่วนมากเกิดจากสภาวะมดลูกหย่อนกดทับกระเพราะปัสสาวะเมื่อน้ำสะสมเข้าไปในกระเพราะปัสสาวะนิดเีดียวก็เต็มเพราะโดนมดลูกกดไว้ ต้องทำการจัดมดลูกให้ลอยขึ้นสู่ตำแหน่งปรกติจึงจะหายและหายมาแล้วในกรณีแบบนี้ทุกราย อาการจะมีประมาณนี้ มดลูกบวมโตเหมือนท้องได้ซัก 2-3 เดือน ปัสสาวะบ่อยมาก ปวดเอว ปวดหลัง ปวดส้นเท้า ปวดสะบัก นวดก็ไม่หายคลายไม่นานก็เป็นอีกเพราะมดลูกมันหย่อนเลยดึงเส้นทั้งหลายรั้งให้ตึงเลยปวดไม่รู้หาย ยังมีอีกหลายกรณี เช่น ตกขาวไม่หาย ประจำเดือนมาน้อยมาก ผายลมออกช่องคลอด เกิดจากสภาวะมดลูกเอียง มดลูกลอย ระบบเลือดน้อย หยินมาก ร่างกายเย็น หรือประจำเดือนมามากเกินไป ปวดมากก่อนเป็นประจำเดือนจะเริ่มหายเมื่อประจำเดือนใกล้จะหมด อาการเหล่านี้มาจากมดลูกและระะบบเลือด เสียส่วนมากแล้วผมจะค่อยๆอธิบายสาเหตุเป็นเรื่องๆไปนะครับ ช่วงนี้จะมีการสอบประกอบโรคศิลปะของกระทรวงสาธารณะสุขที่กรุงเทพมหานครผมคงไม่มีเวลาตอบคำถามหลังไมล์เท่าไหร่ขอเสร็จธุระหลังวันที่ 8 จะมาตอบให้นะครับ.... :D


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: หยินหยาง ที่ วันที่ 16 กรกฎาคม 2012, 15:52:53
วันนี้มีคนมาคุยเรื่องการนวดให้ฟังว่านวดแล้วใข้ขึ้นระบมไปทั้งตัวเนื่องจากตอนแรกยกแขนไม่ขึ้นเส้นมันจมเลยต้องงัดขึ้น กรณีนี้แสดงว่าไปเจอกรรมกรนวดในห้องแอร์มาซัดแหลกไม่เลี้ยง จริงๆแล้วการนวดผู้นวดต้องเข้าใจเรื่องลายมัดกล้ามเนื้อและแนวกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดอาการว่ามาจากกล้ามเนื้อมัดใหนมีส่วนใดที่เกี่ยวข้องบ้าง ในกรณียกแขนไม่ขึ้นต้องดูว่าไม่ขึ้นยังใงองศาใหนและตึงจากใหนไปใหน ปกติที่เจอว่าเส้นจมนั้นมันไม่มีจมครับเส้นมันอยู่ปรกติของมันแต่ถูกกล้ามเนื้อรัดตึงแน่นดันไว้เลยปวดยกแขนไม่ขึ้นถ้าคลายกล้ามเนื้อถูกตำแหน่งและทำการยึดกล้ามเนื้อด้วยยกได้ทันทีหลังจากนวดเสร้จเลยครับไม่ต้องรอให้หายระบมอีกหลายวันหรอก มันเป็นความผิดพลาดของการนวดไทยอย่างหนึ่งที่ขาดการศึกษาเรื่องกายภาพและแนวมัดกล้ามเนื้อระบบโครงสร้างของร่างกายอย่างถ่องแท้ตามระบบร่างกายจริงๆเลยมีปัญหากันมาถึงทุกวันนี้ถ้าเข้าใจหลักกายภาพดีจะรูว่าสาเหตุการยกแขนนั้นมีอยู่มากมายต้องตรวจสอบกันให้ถึงต้นเหตุให้ได้จริงๆก่อนค่อยรักษา เพราะบางกรณีหมอนรองกระดูกคอเคลื่อนทับเส้นประสาท ปวดชาร้าวลงแขนก็ยกไม่ขึ้นเหมือนกัน สภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบก็ยกไม่ได้เหมือนกันต้องตรวจสอบให้รอบคอบครับ ไม่งั้นจะกลายเป็นกรรมกรในห้องแอร์ใช้แต่แรงอย่างเดียวน่วมกันจนขยาดนวดกันเป็นแถวๆ..... :D


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: lady_highland ที่ วันที่ 16 กรกฎาคม 2012, 16:30:25
ขอบคุณ จขกท สำหรับความรู้ดีๆ ติดตามอ่านทุกกระทู้เลยค่ะ


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: หยินหยาง ที่ วันที่ 17 กรกฎาคม 2012, 11:10:07
การตรวจสอบสัญญาณหลอดเลือดหัวใจตีบ ปรกติแล้วคนที่เริ่มเป็นหลอดเลือดหัวใจตีบการหายใจเริ่มจะไม่ค่อยอิ่มเหนื่อยง่าย ชีพจรเต้นแรงความดันโลหิตสูง ตอนประมาณบ่ายโมงจะมีอาการปวดร้าวจากหัวใจไปตามแนวแขนด้านซ้าย สาเหตุของโรคส่วนมากก็มาจากการกินของมันหวานไม่ออกกำลังกาย เลยทำให้ไขมันในเลือดสูง จับวีพจรตรงข้อมือจะมีแรงดันที่ข้างซ้ายแรงมากกว่าข้างขวา มักปวดหัวเพราะเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ นานไปจะชาปลายมือปลายเท้า สายตาพร่ามัว อย่าประมาทโดยเด็ดขาดเพราะอาจทำให้เส้นเลือดในสมองตีบและเป็นอัมพาตได้ อาการเส้นเลือดในสมองตีบยังพอรักษาได้โดยการให้ยาสมุนไพรขยายหลอดเลือดในสมอง นวดส่งเลือดไปเลี้ยงสมอง ก็จะกลับคืนมาได้แต่ถ้าเส้นเลือดในสมองแตกละก็ ต้องตอบตามตรงว่าเหนื่อยแน่รักษายากมากต้องสลายลิ่มเลือดที่เกาะเส้นประสาทในสมองและสมานหลอดเลือดที่แตกให้กลับคืนมา นวดเป็นชาติก็ไม่หายครับ ใส่ใจดูแลตรวจสอบอาการร่างกายไว้เนิ่นดีกว่าแต่ถ้า กรณีฉุกเฉินปวดหัวอย่างแรงขึ้นมาเส้นเลือดจะแตกความดันสูงมาให้ใช้เข็มแทงปลายนิ้วมือนิ้วเท้าทุกนิ้วให้เลือดออกมาลดความดันในเลือดลงจะช่วยชีวิตได้ทันและเร็วกว่าไปโรงพยาบาลครับ เดี๋ยวรอบหน้าผมจะมาพูดเรื่องเส้นผมบังภูเขาเรื่องโรคภูมิแพ้ หอบหืดและแนวทางการรักษาให้ครับ... :D


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: LittleELF ที่ วันที่ 17 กรกฎาคม 2012, 11:16:10
กระทู้ดี แอบมาติดตามค่ะ


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: คนหัวง้ม... ที่ วันที่ 17 กรกฎาคม 2012, 21:28:14
จริงๆแล้วการจะปรับสมดุลร่างกายนั้นจำเป็นต้องเข้าใจสภาพร่างกายก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วจึงวินิจฉัยสาเหตุของอาการจึงทำการรักษา ว่าง่ายๆคือให้หมอเช็คร่างกายก่อนว่าสภาพร่างกายกายแบบนี้ควรจะรักษาอย่างไร กรณีที่คนที่ร่างกายปรกติ ไม่เป็นโรคโลหิตจางความดันต่ำ สามารถฟอกล้างใขมันในเลือดในท่อเลือดได้ง่ายๆโดยการทานมะเฟืองหรือน้ากระเจี๊ยบต้มติดต่อกันประมาณซัก15 วัน ไขมันก็ลดลงแล้ว เพราะรสฝาดเปรี้ยวสามารถล้างคราบใขมันและฟอกเลือดได้ดีมาก ลองเอามะเฟืองล้างจานที่มีมันติดอยู่ดูสิครับจะรู้ว่าจริงๆแล้วเส้นผมมันบังเราอยู่ง่ายๆแต่ใช้ได้ตามเงื่อนใขของบุคคลที่สภาวะปกตินะครับ .... :D หมายเหตุลดคลวามดันสูงในกรณีใขมันในเลือดสูงได้ดีด้วย... :D

มะเฟืองหวานได้รึปล่าว :o :o


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: Da่ geิ ลูกครึ่งขาว ที่ วันที่ 18 กรกฎาคม 2012, 11:47:27
มาติดตามเป็นแฟนเพจ คอลัม คุณหยินหยางด้วยคนครับได้ความรู้ใหม่ๆเกี่ยวกับโรคที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันจะเกี่ยวกันได้ มีประโยชน์จริงๆ


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: หยินหยาง ที่ วันที่ 19 กรกฎาคม 2012, 19:28:48
เป็นโรคกระเพาะมาสิบกว่าปี รักษาไมหายซะที ช่วงหลัง ๆ มาอาการไม่ค่อยจะสู้ดี มีอาหารเลื่อนขึ้น ๆลง ๆ เรอบ่อย ๆ แต่ไม่ทำให้หายแน่นอก หายใจไม่ค่อยออกแน่นคอ ปวดออกตาเหมือนมีแรงดันดันตา ขับถ่ายลำบากมากนั่งเป็นชั่วโมง ใครเคยมีอาการถึงขั้นนี้บ้างหรือใครเคยรักษามาแล้วหายบ้างแนะนำด้วยจ้าาาา ลอกมาจากกระทู้ข้างบนครับมีคนตอบเยอะเกรงใจเขาเอามาพิจารณาเองเอาดีกว่าครับ  ว่ากันตามหลักการแพทย์ทางเลือกสาเหตุที่เรอบ่อย จุกลิ้นปี่ ปวดตันขึ้นข้างบนเกิดจากสภาวะ ลมในกระเพราะดันขึ้นไปเลยทำให้จุกอก ยิ่งถ่ายยากๆเนี่ยลมไปข้างล่างไม่ได้เพราะจุดกำเนิดของโรคลมอยู่ที่ลำไส้ใหญ่ธรรมชาติของลมและแก็ชที่หมักอยู่ในท้องในลำไส้ ในกระเพราะ ย่อมลอยขึ้นเสมอ เมื่อสะสมนานก็ยิ่งดันขึ้นไปเรื่อยอัดแน่นในเส้นเรื่อยๆ รักษายังใงก็ไม่หายเพราะขาดความเข้าใจเรื่องธรรมชาติและหลักหยินหยางร้อนเย็นไป สาเหตุหลักของโรคเกิดจากโรคกระเพราะต้องรักษาโรคกระเพราะก่อนเป็นอันดับแรกโดยการสมานแผลในกระเพราะให้หายปกติผมจะแนะนำให้ใช้ยารสฝาดเข้าสมานเช่นกล้วยดิบ เปลือกสีเสียดต้ม แต่ถ้าไม่เข้าใจการรักษาท้องจะผูกกว่าเดิมเพราะรสผาดทำให้ท้องผูก ต้องระบายโรคลมและท้องผูกในลำใส้เหล่านี้ด้วยการประคบร้อนบริเวณท้องและนวดตามเข็มนาฬิกานานซัก 15 นาทีเพื่อให้ลำไส้ได้ขยับ ใล่ลมในสำใส้ใหญ่ด้วย จากนั้นทำการ ดีท็อกสวนทวารล้างลำใส้ใหญ่เพื่อเอา ลมและอุจจาระที่อุดตันมานานออก ทำซัก 3 วันติดกันอาการปวดขึ้นตาหายไปทันทีอย่างอัศจรรย์เลยครับ หลังจากนั้นไปว่ากันเรื่องการช่วยย่อยของอาหารให้กระเพราะหน่อยโดยการเพิ่มไฟในการย่อยให้หมดจดไม่คั่งค้าง โดยสมุนไพรรสขมร้อนหลังอาหารทันทีไปเรื่อยๆรักษาไปพร้อมกับการกินสมุนไพรรสฝาดก่อนอาหารเพื่อไปสมานแผลในกระเพราะ ผมกล้ารับรองว่าหายขาดแน่นอน แต่อาจจะใช้เวลาเป็นเดือนในการรักษาแต่ปวดตาหายใน 2 วันแน่นอนครับ...หมายเหตุมะเฟืองหวานฟอกเลือดไม่ได้ครับมันช้าเหลือเกินเพราะมันไม่เปรี้ยว..... :D :D


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: lady_highland ที่ วันที่ 19 กรกฎาคม 2012, 20:17:07
ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ
เป็นแฟนคลับ รออ่านกระทู้คุณหยินหยาง ตลอดค่ะ ได้ความรู้ดีมากๆ
แวะมาให้ความรู้บ่อยๆ นะค๊ะ


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: Da่ geิ ลูกครึ่งขาว ที่ วันที่ 19 กรกฎาคม 2012, 23:07:00
ขอบคุณครับ ;)


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: Da่ geิ ลูกครึ่งขาว ที่ วันที่ 22 กรกฎาคม 2012, 17:53:42
มีเรื่องอยากสอบถามคุณหยินหยาง เกี่ยวกับ สภาวะไตอ่อนแอ เคยหาอ่านในกูเกิ้ลแล้ว แ่ต่อยากได้ทราบถึงข้อควรปฏิบัติต่อผู้ป่วย แนวทางการรักษา ยารักษา ทั้งแพทย์แผนตะวันตก และแพทย์แผนจีน และสามารถรักษาได้ที่ไหนบ้าง สถานพยาบาล อยากทราบครับ


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: หยินหยาง ที่ วันที่ 22 กรกฎาคม 2012, 20:03:41
สภาวะใตพร่องมักจะไม่มีแรงขับปัสสาวะหรือเบ่งบังคับสั้งการความแรงไม่ได้มักจะมีอาการบวมน้ำ ปวดเอวเรื้อรัง หนังใต้ตาหย่อนเหนื่อยง่าย หนักเนื้อตัว ใบหูดำซีดเหี่ยวเพราะหูสะท้อนสภาพใต การรักษาจริงแล้วตอบยากเพราะใตที่มีปัญหาอ่อนแอนั้นเกิดจากสภาวะอะไรเป็นตัวนำ หยินนำร่างกายเย็นก็รักษาวิธีหนึ่ง หยางร้อนใตร้อน พ่วงไปถึงตับร้อนด้วยก็ต้องรักษาอีกวิธีหนึ่ง ก่อนรักษาก็ต้องตรวจดูคนไข้ก่อนว่าสภาพร่างกายของเขาเป็นอย่างไรสภาวะในแกร่งหรือพร่อง อะไรเป็นสาเหตุหลักของโรค และร่างกายรับยาได้มากแค่ใหน ถ้าร่างกายอ่อนแอก็ต้องบำรุงร่างกายก่อนแล้วค่อยๆรักษาใตไปแบบเบาๆถ้าไม่วิเคราะห์ให้ดีก่อนยาแรงเกินไปร่างกายไม่พร้อมอาจน็อกได้ แต่บางครั้งเรื่องใตผมอยากให้ไปตรวจค่าใต ใขมันในเลือด ความดัน เพื่อวิเคราะห์แนวทางในการรักษาที่ดีที่สุด ผมพยายามใช้เหตุผลกับความจริงในการตรวจโรคเสมอไม่ใช้อารมณ์ร่วมกับการแพทย์แผนใดเน้นความชัดเจนสมเหตุผลและได้ผลแน่นอนมากกว่า ถ้าอยากรักษาใตอ่อนแรง ขอร้องไปทำตามที่ผมบอกก่อนแล้วให้หมอจีนทำการจับชีพจร เช็คกำลังของใต ตรวจสภาวะใบหู ตรวจสภาพร่างกาย รักษาตามลำดับความสำคัญของอาการ แล้วทำการบำรุงร่างกายให้เข้าสู่สภาวะสมดุลก็จะค่อยๆดีขึ้นนะครับ ในเชียงรายผมต้องขอโทษจริงๆผมไม่รู้ว่ามีหมอทางนี้อยู่มั้ย แต่ถ้าเป็นเชียงใหม่ก็คุณหมออำนวย เฟื่องฟูกิจการ อยู่บ้านม้งดอยปุยเก่งมากทีเดียวครับ แต่ตอนนี้ไปรักษาคนใข้ที่อเมริกายังไม่กลับจะกลับกลางเดือนหน้า หรือกรุงเทพก็คลีนิกแผนจีนรุ่งสุริยาการแพทย์ขางวัดไตรมิตรเยาวราช หรือไม่งั้นก็ขอสอบถามพรรคพวกดูก่อนว่ามีที่ใหนบ้างที่ดีจริงๆไม่หลอกลวง.... :D


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: Da่ geิ ลูกครึ่งขาว ที่ วันที่ 22 กรกฎาคม 2012, 20:15:57
ขอบพระคุณจริง ๆ ที่ช่วยแนะนำครับ  8) 8) 8)


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: หยินหยาง ที่ วันที่ 25 กรกฎาคม 2012, 17:55:42
วันนี้ขอคุยเรื่องโรคภูมิแพ้อากาศเป็นขี้มูกทุกทีเมื่ออากาศเปลี่ยนหายใจไม่ค่อยอิ่ม ปรกติภูิมแพ้จริงจะแสดงอากาศในหน้าฝนชัดเจนและหน้าหนาวประปรายแต่หน้าร้อนจะไม่เป็นอากาศยิ่งร้อนยิ่งสุขภาพดี เพราะว่าปรกติแล้วสภาวะเหล่านี้เกิดมาจากอาการที่ร่างกายมีความเย็นชื้นมากเกินไปหรือทางแผนจีนว่าหยินมันมากหยางมันน้อยมันไม่สมดุล สังเกตุได้ง่ายพอหน้าร้อนอากาศร้อนเข้ามาช่วยปรับสมดุลให้ร่างกายอุ่นขึ้นหายใจโล่งโปร่งทันทีภูมิแพ้สงบศึกไปเลยชั่วคราว แต่พอฝนตกอากาศเย็นชื้นเข้ามาข้าศึกโจมตีทันที หายใจฝืดเหนื่อยง่าย เพลีย มองกันชัดๆเห็นกันง่ายไม่ต้องไปกินยาภูมิแพ้จนวันตายหรอกครับ แค่ปรับพฤติกรรมการกิน การอยู่ โดยการงดกินน้ำเย็น อาหารมัน อาหารเย็นๆ เปลี่ยนไปกินอาหารร้อนๆเผ็ดบ้างพอดีๆออกกำลังกายพอดีๆเช่นปั่นจักรยานซักวันละ15-30 นาที ถ้าจะให้เร็วหน่อยก็รัปประทานสมุนไพรรสร้อนเข้าไปช่วยใล่ความเย็นความชื้นออกมา หรืออบไอน้ำโดยให้หัวโผล่ออกมาประมาณ ไม่เกิน 20 นาทีต่อครั้งแต่อย่าทำบ่อยร่างกายจะเพลียตายเอาได้ซัก 10 วันครั้งก็พอ ลองทำตามที่ผมแนะนำดูซัก 1 เดือนจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจนขึ้น ปรกติเท่าที่เห็นการรักษาแบบนี้มาประมาณ 3 เดือนแทบจะลืมว่าเคยเป็นภูมิแพ้ไปเลยครับ...... :D


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: หยินหยาง ที่ วันที่ 25 กรกฎาคม 2012, 17:56:53
วันนี้ขอคุยเรื่องโรคภูมิแพ้อากาศเป็นขี้มูกทุกทีเมื่ออากาศเปลี่ยนหายใจไม่ค่อยอิ่ม ปรกติภูิมิแพ้จริงจะแสดงอาการในหน้าฝนชัดเจนและหน้าหนาวประปรายแต่หน้าร้อนจะไม่เป็นอากาศยิ่งร้อนยิ่งสุขภาพดี เพราะว่าปรกติแล้วสภาวะเหล่านี้เกิดมาจากอาการที่ร่างกายมีความเย็นชื้นมากเกินไปหรือทางแผนจีนว่าหยินมันมากหยางมันน้อยมันไม่สมดุล สังเกตุได้ง่ายพอหน้าร้อนอากาศร้อนเข้ามาช่วยปรับสมดุลให้ร่างกายอุ่นขึ้นหายใจโล่งโปร่งทันทีภูมิแพ้สงบศึกไปเลยชั่วคราว แต่พอฝนตกอากาศเย็นชื้นเข้ามาข้าศึกโจมตีทันที หายใจฝืดเหนื่อยง่าย เพลีย มองกันชัดๆเห็นกันง่ายไม่ต้องไปกินยาภูมิแพ้จนวันตายหรอกครับ แค่ปรับพฤติกรรมการกิน การอยู่ โดยการงดกินน้ำเย็น อาหารมัน อาหารเย็นๆ เปลี่ยนไปกินอาหารร้อนๆเผ็ดบ้างพอดีๆออกกำลังกายพอดีๆเช่นปั่นจักรยานซักวันละ15-30 นาที ถ้าจะให้เร็วหน่อยก็รัปประทานสมุนไพรรสร้อนเข้าไปช่วยใล่ความเย็นความชื้นออกมา หรืออบไอน้ำโดยให้หัวโผล่ออกมาประมาณ ไม่เกิน 20 นาทีต่อครั้งแต่อย่าทำบ่อยร่างกายจะเพลียตายเอาได้ซัก 10 วันครั้งก็พอ ลองทำตามที่ผมแนะนำดูซัก 1 เดือนจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจนขึ้น ปรกติเท่าที่เห็นการรักษาแบบนี้มาประมาณ 3 เดือนแทบจะลืมว่าเคยเป็นภูมิแพ้ไปเลยครับ...... :D


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: Da่ geิ ลูกครึ่งขาว ที่ วันที่ 26 กรกฎาคม 2012, 13:07:40
เรียนถาม

หากเรามีอาการปวดบริเวณต้นคอ (ปวดประจำ) แล้วใช้ถุงน้ำร้อนไฟฟ้าประคบ แบบนอนทับ ควรใช้


เวลาประมาณสักกี่นาทีครับ?? นอนทับแล้วหลับไปด้วยเป็นเวลา สามสี่ชั่วโมง จะมีผลอย่างไรบ้าง??


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: หยินหยาง ที่ วันที่ 27 กรกฎาคม 2012, 10:55:32
การใช้ถุงร้อนประคบเป็นหลักการคลายกล้ามเนื้อแบบทางกายภาพ มีผลดีคือคลายอาการปวดเกร็งของกล้ามเนื้อทำให้อาการปวดหัว ปวดคอคลายตัวลง ระยะเวลาปกติแล้วแค่ประมาณ 30 นาทีก็เพียงพอแล้วครับ แต่ถ้านานก็ให้พอร้อนนิดๆไม่ร้อนมาก แต้านานเกินไปก็ไม่ดีนะครับเพราะความร้อนจะเรียกเลือดมาเลี้ยงบริเวณนั้นมากขึ้น ไม่กระจายไปที่อื่นเท่าทีควร เอาเป็นว่าซัก 1 ชั่วโมงก็พอแล้วครับ ปกติแล้วอาการปวดต้นคอจะมาจากหลายสาเหตุ และกล้ามเนื้อหลายมัดที่่เกี่ยวข้องกัน ให้ลองก้มคอลงให้สุดหลายคอให้สุดจะเห็นว่ากล้ามเนื้อต้นคอโยงยาวตีงไปถึงกลางกลัง พอบิดคอไปทางซ้ายทางขวาพร้อมก้มคอลงกล้ามเนื้อจะตีงไปถึงบ่าและหัวสะบัก การประคบร้อนต้องประคบให้สุดปลายกล้ามเนื้อที่รั้งตึงให้ครบทุกส่วนจึงจะผ่อนคลายกว่าและได้ผลดีกว่าด้วย และสลับกับการคลึงกล้ามเนื้อพอดีๆไม่ต้องรุนแรงไปด้วยกัน จะดีมากกว่าประคบแค่คออย่างเดียวแน่นอนครับ ส่วนอาการปวดเรื้อรัง ต้องให้ผู้ที่เข้าใจเรื่องหลักกายภาพแนวลายมัดกล้ามเนื้อที่เกิดเหตุและข้อกระดูกที่มีปัญหาการกดทับเส้นประสาทหาสาเหตุจริงๆให้จึงจะหายเด็ดขาดครับ..หมายเหตุต้องเข้าใจเรื่องแนวทางและลายมัดกล้ามเนื้อแนวกระดูกและระบบเส้นประสาทจริงๆนะครับไม่ใช่หมอนวดทั่วไปๆที่นวดกันเกลื่อนนะครับ สอบถามเรื่องกายวิภาคและระบบโครงสร้างกระดูกและำตำแหน่ง ทริกเกอร์พ้อย ของร่างกายได้จึงน่าจะให้ทำนะครับไม่งั้นมีความเสี่ยงเดี้ยงสูงครับ.... :D


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: SemBe ที่ วันที่ 27 กรกฎาคม 2012, 11:43:51
เข้ามาอ่าน เอาความรู้ด้วยคน ขอบคุณครับ ;) ;) ;)


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: หยินหยาง ที่ วันที่ 29 กรกฎาคม 2012, 07:17:24
สภาวะไตวายต้องยอมรับกันในความจริงว่าแพทย์แผนปัจจุบันนั้นไม่สามารถรักษาได้อย่างดีก็แค่ฟอกไตหรือไม่ก็เปลี่ยนไตแต่ก็ต้องกินยาไปจนตายและออกมาพูดว่าโรคไตรักษาไม่ได้และห้ามกินยาสมุนไพรอันตรายต่อตับเป็นนิ่วว่าโจมตีไปร้อยแปดแต่ในความจริงแล้วเท่าที่ผมทดสอบการรักาาโรคไตกับผู้ป่วยระยะท้ายที่ต้องฟอกแล้วเนี่ยแต่ยังไม่ทันได้ฟอก รักษาด้วยสมุนไพรรักษาและบำรุงไตโดยเฉพาะ โดยการตรวจร่างกายแล้ว หมอแผนปัจจุบันบอกว่าถ้าไม่ฟอกอีก 3 เดือนตายแน่นอนผมรักษาจากที่นอนอย่างเดียวลุกไม่ได้เลย ถ่ายดำ ฉี่นิดเดียว 3 เดือนไม่ตาย ลุกปั่นจักรยานได้กินข้าวได้ถ่ายทำหายไปฉี่ดีขึ้น การทำงานของไตดีขึ้น พอรักษาได้ 6 เดือนโดยไม่กินยาแผนปัจจุบันเลยเพราะว่าหมดศรัทธาไปแล้วตั้งแต่ว่าเขาจะตาย ออกวิ่งได้ ร่างกายแข็งแรงขึ้นร่างกายที่ดำคล้ำเริ่มสดใสขึ้นแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเจนมาก ผมกล้ารับรองว่ายังไม่ตายง่ายๆและจะอยู่กันอีกหลายปี จะว่าก็ว่าบ่น ประเทศจีนแพทย์แผนปัจจุบันกับแผนโบราณของจีนเขาทำงานร่วมกันในโรงพยาบาลวินิจฉัยโรคและรักษาตามความเหมาะสมของโรคแต่ละสาขาโดยเน้นการรักษาที่ได้ผลดีกับคนไข้เป็นสำคัญไม่ได้ทะเลาะกันอวดตนข่มกัน เขาจับมือกันเดินพัฒนาความรู้ไปด้วยกันด้วยความจริงใจการแพทย์เขาถึงเจริญ บ้านเราคงอีกนานเพราะได้รับการกีดกันดูถูกเรื่องแพทย์แผนไทยอยู่มากทั้งๆที่ยาไทยรักษามะเร็ง ตับ ไต โรคเรื้อรังต่างๆหายมามากมายแล้วลงข่าวก็มากแต่โดนถีบตกไปหลังเขาซะ เลยไม่ได้รับการสนใจเท่าที่ควร ก็ได้แค่บ่นต้องรอจิตรได้สำนึกของคำว่าหมอมารวมใจกันให้ได้ก่อนการแพทย์บ้านเราถึงจะเจริญกว่านี้ เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ครับท่านๆทั้งหลาย.... :D


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: lady_highland ที่ วันที่ 29 กรกฎาคม 2012, 14:07:49
ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ ติดตามอ่านข้อความคุณหยิงหยาง มาโดยตลอด
มีเรื่องรบกวน สอบถามคุณหยินหยางดังนี้ค่ะ

ปัจจุบันอายุ 45 ปีแล้ว สุขภาพร่างกายปกติดีทุกอย่าง ตรวจสุขภาพทุกปี ไม่มีโรคประจำตัวใดๆ
แต่มีปัญหาเรื่องสิวค่ะ เริ่มเป็นมาตั้งแต่วัยรุ่นค่ะ น่าจะประมาณอายุ15 ปี ที่บ้านพี่น้อง เป็นกันหมด
ผิวมัน รูขุมขนกว้าง และมีแผลเป็นหลุมสิวพอสมควร ตอนนี้เริ่มจาง อาจจะเพราะอายุมากขึ้น
ดูจากอายุแล้ว ปัญหานี้น่าจะหมดไป แต่ก็ไม่หาย เป็นๆ หายๆ อยู่ตลอด ส่วนใหญ่จะมีปัญหาสิว
ช่วงบริเวณคาง ส่วนใหญ่เป็นสิวอุดตัน แต่ถ้าไปบีบ แล้วหัวสิวไม่ออก ก็จะกลายเป็นสิวอักเสบ
ปกติเป็นคนไม่แต่งหน้ามากนัก ก็ใช้ครีมบำรุงตามปกติ แล้วก็ล้างหน้าคิดว่าสะอาดดี ทุกครั้ง
แต่ปัญหาคือ สิวที่บริเวณคางไม่เคยหาย แต่จะมีมากเป็นพิเศษช่วงที่มีประจำเดือน เคยหาข้อมูล
หลายๆ ที่ว่า เป็นสิวฮอร์โมน บางกรณีก็ว่า สิวประเภทนี้ รักษาตามแพทย์แผนจีน ได้ผลกว่าแผน
ปัจจุบัน ก็เลยอยากถามคุณหยินหยาง ว่ากรณีอย่างนี้ ทางแพทย์แผนจีน พอจะรักษาให้หายขาด
ได้มั้ยค๊ะ บอกตามตรงว่ารำคราญมากๆ เลยค่ะ และบางครั้งอายด้วย เวลามีคนถามว่า อายุเท่าไหร่
แล้วนี่ ป่านนี้ยังมีสิวอีกเหรอ พยายามรักษามาโดยตลอด แต่ก็ไม่หายขาดซักทีค่ะ

รบกวนคุณหยิงหยางแนะนำด้วยนะค๊ะ  พฤติกรรมส่วนตัวก็ ไม่มีปัญหาเรื่องขับถ่ายนะค๊ะ เป็นปรกติ
ทุกเช้าตามเวลานาฬิกาชีวิตเลยค่ะ อาหารก็ปกติทานครบค่ะ ผัก ผลไม้ ทานเป็นประจำ พร้อมดื่ม
น้ำเปล่าไม่แช่เย็นค่ะ น้ำอัดลม มีบ้างนานๆ ครั้ง ไม่บ่อย ส่วนอาหารชอบทานรสจัดค่ะ

รอคำแนะนำนะค๊ะ  ขอบคุณค่ะ


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: แมวเมียวๆแมวเมี๊ยวๆ ที่ วันที่ 29 กรกฎาคม 2012, 15:09:45
จริงอย่างที่ว่ามา


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: หยินหยาง ที่ วันที่ 29 กรกฎาคม 2012, 16:43:44
ขอสอบถามข้อมูลเรื่องสิวเพิ่มเติมนะครับรบกวนทาง  1. น้ำหนัก 2.ชอบอากาศฤดูใหนหรืออากาศแบบใหนที่รู้สึกสบาย 3.หน้ามันมากมั้ย ปรกติทางแพทย์แผนจีนจะเน้นการปรับสมดุลของร่างกายเป็นหลักฉะนั้นการรักษาทุกอย่างแม้แต่สิวก็ต้องตรวจสอบสภาพหยินหยางของร่างกายว่าอะไรหนักไปหรือเบาไป การักษาสิวดูเหมือนว่าง่ายแต่ความจริงแล้วยากเอาเรื่องเพราะมันเป็นการตีบตันของระบบเลือดและน้ำเหลืองด้วย แนวทางการรักษาแบบของผมนี่ปรกติจะเริ่มจากการนวดเบาๆไปทั้งตัวขยับข้อทุกส่วนเพื่อให้น้ำเหลืองใหลเวียนแล้วตามด้วยการแช่น้ำร้อนในอ่างแบบนอนให้ร้อนพอทนได้ไม่ใช่อุ่นเพื่อกระตุ้นการหมุนเวียนของเลือดให้กระจายไปทั่วร่างกาย ทำ3วันครั้งไปเรื่อยๆซัก 15 วันแล้ว ขยับไปทำอาทิตย์ละครัง อีกซัก 2เดือน ปรกติแล้วถ้าเป็นคนผิวมัน ร่างกายจะดีขึ้นทุกอย่างไม่ใช่แค่สิวที่ค่อยๆหายไปผิวพรรณก็จะสดใสขึ้นด้วย ที่ผมถามเรื่องอากาศนั้นเพราะอยากรู้ธาตุและการปรับเทคนิคการรักษาให้เหมาะสมกับคุณครับ... :D


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: lady_highland ที่ วันที่ 29 กรกฎาคม 2012, 18:38:25
ขอบคุณค่ะ คุณหยิงหยาง

รายละเอียดเพิ่มเติมนะค๊ะ 1.น้ำหนัก 42-43 (เป็นคนตัวเล็กค่ะ สูงประมาณ 153)
อากาศที่ชอบและรู้สึกสบายคืออากาศช่วงหน้าหนาว ซักประมาณ 20-25 องศากำลังดีค่ะ
ร้อนมากไปก็รู้สึกไม่สบาย ปวดหัวค่ะ และถ้าหนาวมาก หรือเย็นมากๆ ก็จะไม่สบายเหมือนกันค่ะ
ส่วนอากาศชื้นๆ ช่วงหน้าฝน จะรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวค่ะ  พูดถึงเรื่องน้ำเหลือง เป็นคนที่แพ้ง่ายค่ะ
ยุงกัด มดกัด หรือแมลง ก็แพ้ค่ะ ยิ่งแมลงหวี่(ตัวเล็กๆ ที่ชอบตอมผลไม้อ่ะค่ะ) โดนแล้วเป็นคัน
ทั้งตัว บางทีขึ้นผื่น แล้วพอหายก็จะเป็นแผลเป็น คนโบราณชอบบอกว่าน้ำเหลืองไม่ดี ได้ยินบ่อยๆ
ตั้งแต่เด็กเลยค่ะ

ส่วนแนวการรักษาที่คุณหยิงหยางแนะนำ รู้สึกสนใจมากค่ะ คิดว่าน่าจะมาถูกทาง เพราะรักษาแพทย์
แผนปัจจุบันมาก็ไม่เคยหายขาด เลยอยากลองรักษาตามที่คุณหยิงหยางแนะนำค่ะ กำลังจะกลับไป
เชียงรายกลางเดือนสิงหานี้ค่ะ ถ้าจะติดต่อขอรับการรักษา จะต้องทำอย่างไร ติดต่ออย่างไรค๊ะ
รบกวนด้วยนะค๊ะ อยากหายขาดซะทีค่ะ

ขอบคุณมากๆ อีกครั้ง สำหรับคำแนะนำที่ดีค่ะ  รอฟังคำตอบนะค๊ะ ถ้าต้องการข้อมูลเพิ่มเติมก็แจ้ง
ได้เลยค่ะ


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: หยินหยาง ที่ วันที่ 30 กรกฎาคม 2012, 16:19:36
ทำตามที่ผมแนะนำไปได้เลยครับ ชอบหน้าหนาวเพราะธาตุในตัวมันร้อนเหนียวแต่ไม่มากเพราะไม่ชอบหนาวมากปรับปรุงการกินให้เปรี้ยวฝาดขมซักหน่อยเพื่อกระจายเลือดกับน้ำเหลืองหน่อย มีคนเคยพูดกับผมเรื่องการปรับสมดุลด้วยน้ำว่ามันพิเศษยังใง ต้องขอโทษนะครับว่าคำพูดของผมอาจจะเว่อไป เพราะมนุษย์เราเริ่มการเกิดชีวิตมาจากน้ำและก่อสร้างร่างกายจากน้ำในครรภ์ของมารดาโดยมีน้ำคล้ำประคองในอุ้นภูมิที่เหมาะสม พอเกิดมาในร่างกายส่วนใหญ่ก็มีน้ำเป็นส่วนสำคัญที่สุดในร่างกายขาดข้าว 7 วันยังไม่ตาย แต่ขาดน้ำ 3 วันตายการปรับสมดุลที่ดีแบบจีนโบราณสมัยฮ่องเต้ทั้งหลายจึงมักนิยมการแช่น้ำสมุนไพรอยู่เสมอ โดยเอาสมุนไพรที่เหมาะสมกับธาตุของร่างกายต้มผสมน้ำร้อนพอทนได้ลงไปแช่เพื่อรักษาสมดุลของร่างกายอยู่เสมอ ยาอายุวัฒนะโบราณส่วนมากจะปรุงให้เฉพาะแต่ละบุคคลตามความเหมาะสมไม่ได้มีสูตรตายตัวเพราะร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกันที่อวดอ้างว่ายานู่นดีนี่ดีใช้ได้แค่บางคนที่พอดีกับยานั้นเท่านั้นครับ ถ้ายานั้นมีผลที่เป็นโทษแก่คนที่ะาตุไม่ถูกกับยานั้นเสร็จเลยครับหามเข้าโรงพยาบาลเลย การปรุงยานั้นมันเป็นศาสตร์อย่างหนึ่งที่หมอต้องมีความเข้าใจในดุลยภาพของร่างกายคนใข้และจัดสรรค์การปรุงยาให้ถูกโรคถูกร่างกายคนไข้ด้วยการวินิจฉัยต้องรอบคอบและแม่นยำไม่ใช่คิดเองเออเองไปเรื่อยเปื่อย..ไม่งั้นผลการรักษาก็จะออกมาแบบเรื่อยเปื่อยเช่นกันครับ... :D


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: lady_highland ที่ วันที่ 30 กรกฎาคม 2012, 16:35:54
ขอบคุณมากๆ ค่ะคุณหยิงหยาง

จะลองปฎิบัติตามที่คุณหยิงหยางแนะนำมานะค๊ะ รู้สึกว่าจริงมากๆ เลยที่ต้องปรับตัวเองสำหรับการกิน
ที่มีรสเปรี้ยวฝาดขม เพราะปกติเป็นคนไม่ทานเปรี้ยวเลย ผลไม้อย่างส้มที่ใครๆ ว่าหวานแต่สำหรับ
ตัวเองจะรู้สึกเปรี้ยวมากๆ และอะไรที่ฝาด ขม ไม่เอาเลยค่ะ ถ้างั้นเดี๋ยวต้องลองปฎิบัติตามที่คุณหยิงหยาง
แนะนำนะค๊ะ ได้ผลคืบหน้าอย่างไร จะมารายงานผลค่ะ

ขอบคุณอีกครั้งสำหรับความรู้ อันเป็นวิทยาทาน ขอให้คุณหยินหยาง มีสุขภาพแข็งแรง และครอบครัว
มีความสุข ปลอดภัยจากภัยอัตรายทั้งปวง ด้วยผลบุญกุศลที่ได้แนะนำ เราทุกคนในเรื่องสุขภาพนะค๊ะ

จะติดตามอ่านความรู้และคำแนะนำดีๆ ตลอดไปค่ะ :)


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: lady_highland ที่ วันที่ 31 กรกฎาคม 2012, 14:45:04
เรียน คุณหยินหยางค่ะ

มารายงานความคืบหน้า ตามที่ได้รับคำแนะนำนะค๊ะ  วันนี้ลองเริ่มแช่ตัวในน้ำร้อน(ร้อนกว่าน้ำอุ่นปกติ)
ไม่ทราบว่าต้องแช่นานแค่ไหน แต่วันนี้เริ่มทำวันแรก เลยไม่กล้าแช่นานมากค่ะ ก็แช่ไปประมาณ 30 นาที
ระหว่างที่แช่พอน้ำเริ่มอุ่นขึ้นก็ค่อยๆ เติมน้ำร้อนเข้าไปทีละนิด จนอุณหภูมิเท่าครั้งแรก ก็แช่ไปจนครบ
เวลา จากนั้นก็เริ่มอาบน้ำ ขัดตัว ไปเรื่อยๆ โดยก็ยังอาบน้ำอุ่นอยู่ค่ะ แต่ตอนนี้เป็นน้ำอุ่นปกติ ไม่ร้อนมาก
หลังจากแช่และอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย รู้สึกเหมือนตัวเบาและมีอากาศเหนื่อยนิดหน่อย คล้ายๆ กับเวลา
เราออกกำลังกายเสร็จใหม่ๆ แล้วนั่งพักอ่ะค่ะ หลังจากนั้นรู้สึกเลยว่าเบาตัวมากๆ เหมือนกับเพิ่งอบซาวน่า
เสร็จยังงัย ยังงั้นเลยค่ะ โห นี่แค่เพิ่งลองครั้งแรกนะค๊ะ รู้สึกเลยว่าแตกต่างกับตอนอาบน้ำปกติมากๆ
แล้วจะทำต่อไปตามที่คุณหยินหยางแนะนำค่ะ คิดว่าวิธีนี้โอเคเลยค่ะ แล้วจะมารายงานผลต่อเนื่องนะค๊ะ
ตามที่แนะนำมา ทำ 3 ครั้งซัก 5 ครั้ง และก็ไปเริ่มเป็นอาทิตย์ละครั้งต่อไปใช่มั้ยค๊ะ

ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ สำหรับคำแนะนำดีๆ


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: หยินหยาง ที่ วันที่ 31 กรกฎาคม 2012, 18:15:12
ไม่เกิน 30 นาทีครับ ทำถูกต้องแล้วครับ เพลียหยั่งกับไปเดินเขามาเป็นสิบลูกเลยมั้ยครับ หลังจากแช่แล้วเหงื่อจะออกมาอีกประมาณ15 นาทีพอเหงื่อหายร่างกายเข้าสู่ภาวะปกติจะเริ่มเบาขึ้น นอนหลับสบายผ่อนคลายมากครับ ให้สังเกตุดูหลังจากที่ทำเสร็จแล้วประมาณ 1 ชั่วโมงหน้าตาจะใสขึ้นดูเด็กขึ้นด้วย คนที่ทำใหม่ๆถ้าเป็นความดันสูงให้เอาเท้าลงแช่ก่อนเพื่องดึงความดันลงแล้วค่อยนอนแช่ แช่นานๆระวังตอนลุกจากอ่างจะหน้ามือด้วยนะครับค่อยลุกช้าๆหายใจลึกไว้ ลืมบอกหลังจากแช่แล้วห้ามกินน้ำเย็นของเย็น ประมาณ 4 ชั่วโมงนะครับ มีอาการแปลกผิดปกติสอบถามได้นะครับ โชคดีร่างกายแข็งแรงครับ... :D


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: lady_highland ที่ วันที่ 31 กรกฎาคม 2012, 20:19:31
อาการเป็นอย่างที่คุณหยินหยางบอกเลยค่ะ รู้สึกเหนื่อย เหงื่อออกบ้าง เหมือนไปออกกำลังกายมา
แต่ซักพักรู้สึกเบาสบายตัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หลังจากนั้นสังเกตุดูหน้าตัวเอง หลังจากแช่และ
อาบน้ำเสร็จก็ทาครีม บำรุงเหมือนปกติ แต่วันนี้รู้สึกหน้าไม่มัน เหมือนทุกวัน ส่องกระจกดูก็รู้สึกใสๆ
นุ่มๆ ขึ้นค่ะ แต่เสียดายที่รู้ช้าไปหน่อย พอหลังอาหารมื้อเที่ยง ไม่ถึง4 ชั่วโมง ก็ทานไอศครีม ไปถ้วย
นึงค่ะ ปกติไม่ค่อยได้ทานของเย็น แต่วันนี้รู้สึกเหมือนอยากทานค่ะ เอาเป็นว่าครั้งหน้าจะปฎิบัติให้
ถูกต้อง คิดว่าอาการต้องหายเร็วๆ นี้ค่ะ

ต้องขอขอบคุณ สำหรับคำแนะนำที่ดีจากคุณหยินหยางนะค๊ะ ถ้าอาการสิวหาย แล้วจะมารายงาน
ให้เพื่อนๆ สมาชิก ชรฟก ที่มีปัญหาเหมือนกัน ได้ลองไปปฎิบัติตามวิธีการรักษาแพทย์ทางเลือก
ที่คุณหยินหยางได้กรุณามาให้คำแนะนำ เป็นวิทยาทานนี้ค่ะ และขออนิสงค์ผลบุญในครั้งนี้ส่งผล
ให้คุณหยินหยางและครอบครัว มีสุขภาพแข็งแรง ปลอดภัยจากโรคภัยนะค๊ะ


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: หยินหยาง ที่ วันที่ 05 สิงหาคม 2012, 16:54:11
เส้นผมบังภูเขาเรื่องการรักษากับสภาวะจิต เมื่อวานมีคุณยายท่านหนึ่งมาหาผมเรื่องอาการปวดหัวเรื้อรัง ก็เลยนั่งฟังแกเล่าอาการให้ฟังและจดบันทึกอาการต่างๆของโรคแก่เล่าไปเล่ามาแล้วก็บ่นเรื่องลูกชายกับลูกสะใภ้ไม่ตามใจแกให้ฟัง ระบายอารมณ์อยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง ผมเลยหยุดการตรวจสอบโรคและถามถึงสาเหตุที่เขาทุกข์ใจเราเข้าใจเขาพูดกับเขาเรื่องการปล่อยวางอารมณ์ลงและมองในความเป็นจริงของการดิ้นรนของชีวิตที่บำเรอแค่ความต้องการของตัวเองและมองไม่เห็นความตายที่ไม่มีสิ่งใดเอาไปได้เลยจะทุกข์จะสุขก็ไม่ได้จีรังยั่งยืนทำไมไม่เปิดใจให้กว้างหาความสงบสุขหล่อเลี้ยงชีวิตและดวงจิตในวัยชราบ้างไปแบกโลกแบกโศกไว้ทำไมโลกนี้ไม่ใช่ของเราแค่มาอาศัยเขาอยู่อีกไม่นานก็ไปและหนีก็ไม่ได้สัจจะธรรมมันเป็นอย่างนี้ พอแกได้สติกลับคืนระบายพอแล้วเลยสอบถามแกว่าอาการปวดหัวเป็นอย่างไรบ้าง แกบอกว่าโล่งโปร่งเบามากไม่ได้เป็นแบบนี้มานานแล้ว ไม่ได้รักษาอะไรเลยยาก็ไม่ได้จ่าย มันเป็นแค่สภาวะจิตที่กักขังกดดันไว้หาทางออกไม่ได้ พอหายเครียดจิตมันผ่อนคลาย สมองโปร่งโล่ง กายก็สบาย เป็นโรคที่รักษายากเพราะคนเราทุกวันนี้มุ่งแต่จะเอาไม่รู้จักพอ มีตัวตนสูง ไฮโซ บ้าสังคม ทั้งๆที่สิ่งที่ทำมาทั้งชีวิตนั้นไม่มีอะไรเลยเป็นแค่เถ้าถ่านผงธุลีดิน   :D


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: Da่ geิ ลูกครึ่งขาว ที่ วันที่ 06 สิงหาคม 2012, 11:28:32
เส้นผมบังภูเขาเรื่องการรักษากับสภาวะจิต เมื่อวานมีคุณยายท่านหนึ่งมาหาผมเรื่องอาการปวดหัวเรื้อรัง ก็เลยนั่งฟังแกเล่าอาการให้ฟังและจดบันทึกอาการต่างๆของโรคแก่เล่าไปเล่ามาแล้วก็บ่นเรื่องลูกชายกับลูกสะใภ้ไม่ตามใจแกให้ฟัง ระบายอารมณ์อยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง ผมเลยหยุดการตรวจสอบโรคและถามถึงสาเหตุที่เขาทุกข์ใจเราเข้าใจเขาพูดกับเขาเรื่องการปล่อยวางอารมณ์ลงและมองในความเป็นจริงของการดิ้นรนของชีวิตที่บำเรอแค่ความต้องการของตัวเองและมองไม่เห็นความตายที่ไม่มีสิ่งใดเอาไปได้เลยจะทุกข์จะสุขก็ไม่ได้จีรังยั่งยืนทำไมไม่เปิดใจให้กว้างหาความสงบสุขหล่อเลี้ยงชีวิตและดวงจิตในวัยชราบ้างไปแบกโลกแบกโศกไว้ทำไมโลกนี้ไม่ใช่ของเราแค่มาอาศัยเขาอยู่อีกไม่นานก็ไปและหนีก็ไม่ได้สัจจะธรรมมันเป็นอย่างนี้ พอแกได้สติกลับคืนระบายพอแล้วเลยสอบถามแกว่าอาการปวดหัวเป็นอย่างไรบ้าง แกบอกว่าโล่งโปร่งเบามากไม่ได้เป็นแบบนี้มานานแล้ว ไม่ได้รักษาอะไรเลยยาก็ไม่ได้จ่าย มันเป็นแค่สภาวะจิตที่กักขังกดดันไว้หาทางออกไม่ได้ พอหายเครียดจิตมันผ่อนคลาย สมองโปร่งโล่ง กายก็สบาย เป็นโรคที่รักษายากเพราะคนเราทุกวันนี้มุ่งแต่จะเอาไม่รู้จักพอ มีตัวตนสูง ไฮโซ บ้าสังคม ทั้งๆที่สิ่งที่ทำมาทั้งชีวิตนั้นไม่มีอะไรเลยเป็นแค่เถ้าถ่านผงธุลีดิน   :D

อ่านแล้วก็รู้สึกดี แต่ก็ทำได้ยากเหมือนกันนะครับ เรื่องการปล่อยวาง คงต้องใช้เวลาอีกระยะ  ;D
กิเลส ตัณหา มันยังครอบคลุมจิตใจอยู่หนะ ;D แต่พออายุมากขึ้นก็เริ่ม ลดความอยากได้ ลงเยอะ
อยู่เหมือนกัน  ;)

สภาวะไตวายต้องยอมรับกันในความจริงว่าแพทย์แผนปัจจุบันนั้นไม่สามารถรักษาได้อย่างดีก็แค่ฟอกไตหรือไม่ก็เปลี่ยนไตแต่ก็ต้องกินยาไปจนตายและออกมาพูดว่าโรคไตรักษาไม่ได้และห้ามกินยาสมุนไพรอันตรายต่อตับเป็นนิ่วว่าโจมตีไปร้อยแปดแต่ในความจริงแล้วเท่าที่ผมทดสอบการรักาาโรคไตกับผู้ป่วยระยะท้ายที่ต้องฟอกแล้วเนี่ยแต่ยังไม่ทันได้ฟอก รักษาด้วยสมุนไพรรักษาและบำรุงไตโดยเฉพาะ โดยการตรวจร่างกายแล้ว หมอแผนปัจจุบันบอกว่าถ้าไม่ฟอกอีก 3 เดือนตายแน่นอนผมรักษาจากที่นอนอย่างเดียวลุกไม่ได้เลย ถ่ายดำ ฉี่นิดเดียว 3 เดือนไม่ตาย ลุกปั่นจักรยานได้กินข้าวได้ถ่ายทำหายไปฉี่ดีขึ้น การทำงานของไตดีขึ้น พอรักษาได้ 6 เดือนโดยไม่กินยาแผนปัจจุบันเลยเพราะว่าหมดศรัทธาไปแล้วตั้งแต่ว่าเขาจะตาย ออกวิ่งได้ ร่างกายแข็งแรงขึ้นร่างกายที่ดำคล้ำเริ่มสดใสขึ้นแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเจนมาก ผมกล้ารับรองว่ายังไม่ตายง่ายๆและจะอยู่กันอีกหลายปี จะว่าก็ว่าบ่น ประเทศจีนแพทย์แผนปัจจุบันกับแผนโบราณของจีนเขาทำงานร่วมกันในโรงพยาบาลวินิจฉัยโรคและรักษาตามความเหมาะสมของโรคแต่ละสาขาโดยเน้นการรักษาที่ได้ผลดีกับคนไข้เป็นสำคัญไม่ได้ทะเลาะกันอวดตนข่มกัน เขาจับมือกันเดินพัฒนาความรู้ไปด้วยกันด้วยความจริงใจการแพทย์เขาถึงเจริญ บ้านเราคงอีกนานเพราะได้รับการกีดกันดูถูกเรื่องแพทย์แผนไทยอยู่มากทั้งๆที่ยาไทยรักษามะเร็ง ตับ ไต โรคเรื้อรังต่างๆหายมามากมายแล้วลงข่าวก็มากแต่โดนถีบตกไปหลังเขาซะ เลยไม่ได้รับการสนใจเท่าที่ควร ก็ได้แค่บ่นต้องรอจิตรได้สำนึกของคำว่าหมอมารวมใจกันให้ได้ก่อนการแพทย์บ้านเราถึงจะเจริญกว่านี้ เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ครับท่านๆทั้งหลาย.... :D

น้าผู้ชาย ปัจจุบันก็ต้องไปฟอกไต อาทิตย์ละ 2 วัน ไม่ทราบแนวทางการรักษา และสถานที่รักษาแบบที่คุณหยินหยางกล่าวไว้ ต้องไปรักกษาที่ไหนเหรอครับ?


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: หยินหยาง ที่ วันที่ 07 สิงหาคม 2012, 07:55:31
ขอแนะนำไปหาคุณหมออำนวย เฟื่องฟูกิจการ หมู่บ้านม้งดอยปุย ต.สุเทพ เชียงใหม่ครับ ตอนนี้กลับมาจากนอกแล้วครับ ลองคุยดูนะครับปรกติอาการไตวายจะหนักยังใงก็ตามถ้ายังไม่ได้เจาะสายฟอกไตพอรักษาให้หายได้ครับ แต่ถ้าเจาะฟอกไปแล้วรักษายากครับผมตอบตามตรงนะครับไม่รู้ว่าจะหายมั้ย แต่สามารถช่วยให้การฟอกห่างขึ้นได้แน่นนอน สมมุติว่าปรกติอาทิตย์ละ 2 ครั้ง
อาจจะเหลือ 2 อาทิตย์ครั้งได้ เป็นเรื่องที่แปลกถ้าไม่เจาะฟอกไตการรักษาใช้เวลาไม่นานมากก็เริ่มเข้าสู่สภาวะไตปรกติได้แต่ถ้าเจาะฟอกไปแล้วรักษาได้แต่ช้ามากๆและกินเวลาเนิ่นนานมาก เอาเป็นว่าถ้าใครเป็นโรคไตวายไม่อยากจะฟอกไตและมีความเชื่อในแพทย์ทางเลือกและยังไม่ได้ทำการเจาะสายฟอกไตติดต่อผมมาครับผมจะให้คำปรึกษาและให้สมุนไพรรักษาโรคไตที่สามารถเห็นผลภายใน 3 วันให้ท่านใช้ในการรักษาครับ ส่วนท่านที่เจาะฟอกแล้วต้องรบกวนไปตามที่ผมแนะนำครับเพราะการรักษาต้องละเอียดมากกว่าปรกติครับ... :D


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: Da่ geิ ลูกครึ่งขาว ที่ วันที่ 07 สิงหาคม 2012, 14:55:56
ขอบคุณมาก ๆ ครับ คุณหยินหยาง  8) 8) 8)

ขอแนะนำไปหาคุณหมออำนวย เฟื่องฟูกิจการ หมู่บ้านม้งดอยปุย ต.สุเทพ เชียงใหม่ครับ ตอนนี้กลับมาจากนอกแล้วครับ ลองคุยดูนะครับปรกติอาการไตวายจะหนักยังใงก็ตามถ้ายังไม่ได้เจาะสายฟอกไตพอรักษาให้หายได้ครับ แต่ถ้าเจาะฟอกไปแล้วรักษายากครับผมตอบตามตรงนะครับไม่รู้ว่าจะหายมั้ย แต่สามารถช่วยให้การฟอกห่างขึ้นได้แน่นนอน สมมุติว่าปรกติอาทิตย์ละ 2 ครั้ง
อาจจะเหลือ 2 อาทิตย์ครั้งได้ เป็นเรื่องที่แปลกถ้าไม่เจาะฟอกไตการรักษาใช้เวลาไม่นานมากก็เริ่มเข้าสู่สภาวะไตปรกติได้แต่ถ้าเจาะฟอกไปแล้วรักษาได้แต่ช้ามากๆและกินเวลาเนิ่นนานมาก เอาเป็นว่าถ้าใครเป็นโรคไตวายไม่อยากจะฟอกไตและมีความเชื่อในแพทย์ทางเลือกและยังไม่ได้ทำการเจาะสายฟอกไตติดต่อผมมาครับผมจะให้คำปรึกษาและให้สมุนไพรรักษาโรคไตที่สามารถเห็นผลภายใน 3 วันให้ท่านใช้ในการรักษาครับ ส่วนท่านที่เจาะฟอกแล้วต้องรบกวนไปตามที่ผมแนะนำครับเพราะการรักษาต้องละเอียดมากกว่าปรกติครับ... :D


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: faris ที่ วันที่ 07 สิงหาคม 2012, 15:09:01
คุณพ่ออายุ 65 ปี กินยาลดความดันตลอด ถ้าจะรักษาแบบโบราญ ต้องทำอย่างไรคะ
และดิฉันเป็นริดสีดวงทวาร ผ่าตัดมาแล้วแต่ไม่หายคะ ต้องดูแลรักษาอย่างไร จึงจะหายคะ ปกติ ไม่มีปัญหาเรื่องระบบขับถ่ายเลยคะ


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: หยินหยาง ที่ วันที่ 08 สิงหาคม 2012, 20:15:17
คุณพ่ออายุ 65 ปี กินยาลดความดันตลอด ถ้าจะรักษาแบบโบราญ ต้องทำอย่างไรคะ
และดิฉันเป็นริดสีดวงทวาร ผ่าตัดมาแล้วแต่ไม่หายคะ ต้องดูแลรักษาอย่างไร จึงจะหายคะ ปกติ ไม่มีปัญหาเรื่องระบบขับถ่ายเลยคะ
ขอข้อมูลเพิ่มเติมนะครับเรื่องความดันว่าน้ำหนักเท่าไหร่ อ้วนหรือผอมมีใขมันในเลือดมั้ยเป็นโรคหัวใจมั้ยมีโรคประจำตัวอะไรบ้าง ระบบขับถ่ายเป็นยังใง ส่วนริดสีดวงขอข้อมูลแบบละเอียดๆอาการที่เป็นปวดตรงใหนบ้างกินอาหารแบบใหนทำงานอะไร ปกติชอบอากาศฤดูใหน ความดันเท่าไหร่ปวดเอวมั้ย ลักษณะริดสีดวงแบบใหน ถ้าไม่อยากบอกหน้าบอร์ด pm ก็ได้ครับ... :D


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: faris ที่ วันที่ 09 สิงหาคม 2012, 08:33:45
ขอข้อมูลเพิ่มเติมนะครับเรื่องความดันว่าน้ำหนักเท่าไหร่ อ้วนหรือผอมมีใขมันในเลือดมั้ยเป็นโรคหัวใจมั้ยมีโรคประจำตัวอะไรบ้าง ระบบขับถ่ายเป็นยังใง ส่วนริดสีดวงขอข้อมูลแบบละเอียดๆอาการที่เป็นปวดตรงใหนบ้างกินอาหารแบบใหนทำงานอะไร ปกติชอบอากาศฤดูใหน ความดันเท่าไหร่ปวดเอวมั้ย ลักษณะริดสีดวงแบบใหน ถ้าไม่อยากบอกหน้าบอร์ด pm ก็ได้ครับ... 
 
ข้อมูลเพิ่มเติมนะคะ คุณพ่อ น้ำหนัก ประมาณ  50 กว่า ไม่มีไขมันในเส้นเลือด ไม่เป็นโรคหัวใจ เบาหวาน  ไม่มีโรคประจำตัว ใด ๆ  ระบบขับถ่าย ปกติ เช้า-เย็น 
 ส่วนริดสีดวง เป็นที่ทวารหนักคะ เคยผ่าตัด เมื่อเดือน ม.ค 55 ส่วนอาหารทานปกติ ส่วนใหย๋กินผัก ระบบขับถ่ายไม่เคยมีปัญหา ทำงาน บัญชีดื่มน้ำวันละ 2 ขวด ชอบฤดูหนาว ความดันปกติ  สำหรับเอว ปวดบ้าง ลักษณะริดส่ดวง หมอบอกว่า เป็นแบบ มะเฟือง เวลาถ่ายจะ มีเลือดไหล บางครั้ง หน้ามืดคะ ตอนนี้ ยังมีก้อนเนื้อยื่นออกมา ประมาณ 3 ชิ้นคะ เคยถามหมอแล้วแต่หมอบอกว่า เป็นรอยแผลเย็บ ตอนผ่าตัด หมอบอกว่าเอาออกไป 5 ชิ้น คะ
 


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: หยินหยาง ที่ วันที่ 10 สิงหาคม 2012, 17:22:40
ให้คุณพ่อทานน้ำต้มผักย่านาง เช้า 1 แก้ว ก่อนนอน 1แก้ว กินติดกัน 5 วันหยุด 4 วันประมาณไปเรื่อยๆ 1เดือนความดันจะลดลงแน่นอนครับ ทานจนความดันปกติแล้วให้หยุดนะครับ แล้วทานยาหอมทิพย์โอสถ เพื่อบำรุงหวัใจอีกซัก 2 เดือนตามฉลากยา น่าจะความดันหายครับ ส่วนกรณีริดสีดวงทวารให้รับประทาน เพชรสังฆาตแคปซูล ครั้งละ 4 แคปซูล  ก่อนอาหารเช้า และก่อนนอนติดต่อกันไปเรื่อยจะค่อยหายครับ ที่สำคัญระหว่างรักษาห้ามทานของเผ็ดร้อนโดยเด็ดขาดและให้กินนมเรี้ยวแบบดัชมิลก็ได้วันละ 1-2 กล่องควบคู่ไปด้วยจนกว่าจะหาย ถ้ามีอะไรติดขัดหรือมีอาการแปลกๆให้สอบถามได้เลยนะครับ... :D


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: hwanka ที่ วันที่ 11 สิงหาคม 2012, 13:24:47
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีมากๆๆ ค่ะ  รบกวนสอบถามนิดนึงค่ะ
คือคุณแม่อายุ 59 ปี เป็นโรคเบาหวาน และเคยผ่าตัดมดลูก เนื่องจากพบเนื้องอก
ผ่าตัดมาแล้ว 8 ปี แต่ปัจจุบัน จะมีอาการร้อนในท้อง ช่วงมดลูก  รักษากับหมอแผนปัจจุบันหลายที่ก็เป็นๆ หายๆ  ช่วงหลังดิฉันก็สนใจอ่านหนังสือแพทย์ทางเลือก ก็เลยลองให้ทาน อาหารจืด ไม่เผ็ด ปรุงรสนิดหน่อย เน้นผักเป็นหลัก เปลี่ยนข้าวเหนียวเป็นข้าวหอมมะลิแดง
แม่บอกอาการดีขึ้น แต่บอกว่าไม่ค่อยมีแรง วันก่อนกินอาหารรสเผ็ด มีอาการกลับมาอีกค่ะ
ขอคำปรึกษาด้วยค่ะว่าควรรักษาอย่างไรดี  สงสารแม่มากค่ะ ไม่รู้จะพาไปหาหมอที่ไหนค่ะ

 


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: หยินหยาง ที่ วันที่ 11 สิงหาคม 2012, 16:18:22
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีมากๆๆ ค่ะ  รบกวนสอบถามนิดนึงค่ะ
คือคุณแม่อายุ 59 ปี เป็นโรคเบาหวาน และเคยผ่าตัดมดลูก เนื่องจากพบเนื้องอก
ผ่าตัดมาแล้ว 8 ปี แต่ปัจจุบัน จะมีอาการร้อนในท้อง ช่วงมดลูก  รักษากับหมอแผนปัจจุบันหลายที่ก็เป็นๆ หายๆ  ช่วงหลังดิฉันก็สนใจอ่านหนังสือแพทย์ทางเลือก ก็เลยลองให้ทาน อาหารจืด ไม่เผ็ด ปรุงรสนิดหน่อย เน้นผักเป็นหลัก เปลี่ยนข้าวเหนียวเป็นข้าวหอมมะลิแดง
แม่บอกอาการดีขึ้น แต่บอกว่าไม่ค่อยมีแรง วันก่อนกินอาหารรสเผ็ด มีอาการกลับมาอีกค่ะ
ขอคำปรึกษาด้วยค่ะว่าควรรักษาอย่างไรดี  สงสารแม่มากค่ะ ไม่รู้จะพาไปหาหมอที่ไหนค่ะ

 

จริงแล้วกรณีเบาหวานส่วนใหญ่จะมีปัญหาจากตับหลักก่อนแล้วจึงเสื่อมไปถึงปลายตับการรักษาต้องทำการรักษาที่ตับก่อนโดยการตรวจสภาพร่างกายว่ามีสภาวะอย่างไรแล้วการตัดมดลูกออกแล้วนั้นระบบของร่างกายจะไม่ค่อยเสถียรเท่าที่ควรและต้องตรวจจากคนไข้จริงๆเพราะมันละเอียดมากจะสอบถามอาการแล้วจ่ายยาเลยแบบทั่วๆไปไม่ได้อันตรายครับขอถามข้อมูลเพิ่มเติมคร่าวๆนะครับ ความดันเป็นอย่างไร ระบบขับถ่ายเป็นอย่างไรเป็นโรคกระเพราะมั้ย การรักษานั้นจะจำกัดแค่อาหารจืดอย่างเดียวไม่ได้เพราะรสจืดนั้นให้พลังต่อร่างกายน้อย การเดินทางของระบบร่างกายเมื่อมีเลือดแล้วก็ต้องมีพลังในการขับเคลื่อนเลือดด้วยมันถึงจะมีแรง พูดง่ายคือต้องกินอาหารที่เสริมกำลังด้วย ส่วนยาที่จะรักษานั้นต้องตรวจดูก่อนว่าจะฟื้นฟูอะไรก่อน ชีพจรเดินอย่างไร ร่างกายร้อนหรือเย็น รักษาโรคเรื้อรังและตัดมดลูกแล้วไม่ง่ายครับ... :D


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: hwanka ที่ วันที่ 15 สิงหาคม 2012, 20:52:56
ขอบพระคุณมากค่ะ ตอบกรณีที่ถามมานะคะ  คุณแม่ความดันค่อนข้างต่ำ  ขับถ่ายปกติ ไปหาหมอบอกว่าเป็นโรคกระเพาะ ได้ยารักษาโรคกระเพาะมาทาน อาการดีขึ้น  ทานเผ็ดจะรู้สึกร้อนภายในท้อง ( คือไม่ใช่ปวด แต่ร้อนภายใน)    อยากพาคุณแม่ไปตรวจได้ที่ไหนบ้างค่ะ


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: หยินหยาง ที่ วันที่ 18 สิงหาคม 2012, 17:43:46
ขอบพระคุณมากค่ะ ตอบกรณีที่ถามมานะคะ  คุณแม่ความดันค่อนข้างต่ำ  ขับถ่ายปกติ ไปหาหมอบอกว่าเป็นโรคกระเพาะ ได้ยารักษาโรคกระเพาะมาทาน อาการดีขึ้น  ทานเผ็ดจะรู้สึกร้อนภายในท้อง ( คือไม่ใช่ปวด แต่ร้อนภายใน)    อยากพาคุณแม่ไปตรวจได้ที่ไหนบ้างค่ะ

ขอโทษที่ตอบช้าครับช่วงนี้งานหนักหน่อยเลยไม่ค่อยได้เข้ามาครับ เชิญติดต่อได้ที่คุณหมอกิตติ กิตติจารุวงค์ สมาคมแพทย์แผนไทยเชียงใหม่ ในโรงพยาบาลแม่และเด็ก ต.ช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ปรกติจะอยู่ประจำวันเสาร์และอาทิตย์ครับ เพราะเป็นอาจารย์สอนนักศึกษาแพทย์แผนไทยอยู่ที่นั่นครับ การันตีประสบการณ์ได้ครับ.... :D


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: faris ที่ วันที่ 21 สิงหาคม 2012, 09:06:21
ขอบพระคุณมากคะที่ให้ความรู้ดี ๆ จะนำไปปฎิบัติคะ ได้ผลอย่างไร แล้วจะเข้ามาบอกเล่านะคะ


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: sunee2529 ที่ วันที่ 26 สิงหาคม 2012, 10:55:14
อยากถามคุณหยินหยางค่ะ แฟนอายุ 27 ปี มีอาการปวดข้อเท้า บางครั้งซ้าย บางครั้งขวา ตรวจเลือดพบว่า กรดยูลิคสูงค่ะ ปวด ๆ หายๆ ค่ะ ถ้าอากาศหนาว ไม่ได้ห่มผ้าที่เท้า อาการก็จะปวดข้อเท้ามาก จนเดินไม่ได้ หรือบางครั้งถ้าช่วงไหนกินเบียร์เกือบทุกวัน วันละประมาณ 2 ขวด ช่วงนั้นก็จะปวดขึ้นมา ต้องบอกว่าแฟนกินเบียร์ เหล้า วอดก้า สลับกัน และกินเกือบทุกวัน อาทิตย์นึงเค้าจะไม่กินอยู่แค่วันหรือ 2 วัน ค่ะ ส่วนพ่อเค้า ลุงเค้าก็เป็นค่ะ กรดยูลิคสูง เป็นเก๊าเลยค่ะ เค้าจะรักษาตามอาการ ช่วงไหนปวดเค้าจะงดเบียร์ และกินยาแก้ปวด (จะกินเฉพาะตอนปวด) และกินยาลดกรดยูลิคค่ะ เค้าก็ทราบอยู่ว่าเบียร์เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กรดยูลิคสูง แต่ก็เลิกไม่ได้ค่ะ จะทำอย่างไรดีค่ะ ขอคำปรึกษาคุณหยินหยาง ด้วยค่ะ....


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: สบายแมน ที่ วันที่ 26 สิงหาคม 2012, 11:18:37
กระทู้คุณหยินหยางมีประโยชน์มากเลยครับ ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆ ;D


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: หยินหยาง ที่ วันที่ 26 สิงหาคม 2012, 13:13:11
อยากถามคุณหยินหยางค่ะ แฟนอายุ 27 ปี มีอาการปวดข้อเท้า บางครั้งซ้าย บางครั้งขวา ตรวจเลือดพบว่า กรดยูลิคสูงค่ะ ปวด ๆ หายๆ ค่ะ ถ้าอากาศหนาว ไม่ได้ห่มผ้าที่เท้า อาการก็จะปวดข้อเท้ามาก จนเดินไม่ได้ หรือบางครั้งถ้าช่วงไหนกินเบียร์เกือบทุกวัน วันละประมาณ 2 ขวด ช่วงนั้นก็จะปวดขึ้นมา ต้องบอกว่าแฟนกินเบียร์ เหล้า วอดก้า สลับกัน และกินเกือบทุกวัน อาทิตย์นึงเค้าจะไม่กินอยู่แค่วันหรือ 2 วัน ค่ะ ส่วนพ่อเค้า ลุงเค้าก็เป็นค่ะ กรดยูลิคสูง เป็นเก๊าเลยค่ะ เค้าจะรักษาตามอาการ ช่วงไหนปวดเค้าจะงดเบียร์ และกินยาแก้ปวด (จะกินเฉพาะตอนปวด) และกินยาลดกรดยูลิคค่ะ เค้าก็ทราบอยู่ว่าเบียร์เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กรดยูลิคสูง แต่ก็เลิกไม่ได้ค่ะ จะทำอย่างไรดีค่ะ ขอคำปรึกษาคุณหยินหยาง ด้วยค่ะ....

กรดยูริคนั้นมันจะมีลักษณะเหมือนผงชอร์คแต่เป็นเหมือนกระดูกป่นแหลมคมผสมอยู่ในเลือดเมื่อกินเหล้าเบียร์เข้าไปหัวใจจะทำกการสูบฉีดเลือดแรงขึ้นทำให้ยูริคถูกดันมากขึ้นไปบาดท่อเลือดบริเวณข้อต่อต่างๆปรกติจะหนักที่เท้า จริงแล้วการรักษาต้องรักษาจากต้นเหตุก่อนคือยูริคที่มีมากในเลือดให้ค่าลดลงแล้วไปทำการบำรุงรักษาใตซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการขับยูริคออกมาจากร่างกาย จึงจะเป็นการรักษาที่ตรงจุดเกิดเหตุ นอกเหนือจากนั้นยากครับถ้าทนฝืนต่อไปเรื่อยๆจะเป็นนิ่วสะสมตามข้อและในใตนานๆไปจะเดินไม่ได้ และใตวาย อันตรายนะครับ ตอนนี้ถ้าเลิกไม่ได้จริงแนะนำให้ทานน้ำมะนาวกับเบียร์ไปด้วยก็แล้วกันน้ำมะนาวสดประมาณครั้งละ 5 ลูก ต่อการกินเบียร์หนึ่งครั้งจะช่วยสลายยูริคลงไปทีละน้อย อาการปวดจะค่อยทุเลาลงแต่แรกๆจะต้องทนเจ็บจากการสลายของยูริคจากข้อบ้าง แต่ถ้าทางที่ดีน่าจะรักษาให้ดีก่อนแล้วค่อยไปกินจะดีกว่านะครับ :D


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: sunee2529 ที่ วันที่ 27 สิงหาคม 2012, 22:13:58
อยากถามคุณหยินหยางค่ะ แฟนอายุ 27 ปี มีอาการปวดข้อเท้า บางครั้งซ้าย บางครั้งขวา ตรวจเลือดพบว่า กรดยูลิคสูงค่ะ ปวด ๆ หายๆ ค่ะ ถ้าอากาศหนาว ไม่ได้ห่มผ้าที่เท้า อาการก็จะปวดข้อเท้ามาก จนเดินไม่ได้ หรือบางครั้งถ้าช่วงไหนกินเบียร์เกือบทุกวัน วันละประมาณ 2 ขวด ช่วงนั้นก็จะปวดขึ้นมา ต้องบอกว่าแฟนกินเบียร์ เหล้า วอดก้า สลับกัน และกินเกือบทุกวัน อาทิตย์นึงเค้าจะไม่กินอยู่แค่วันหรือ 2 วัน ค่ะ ส่วนพ่อเค้า ลุงเค้าก็เป็นค่ะ กรดยูลิคสูง เป็นเก๊าเลยค่ะ เค้าจะรักษาตามอาการ ช่วงไหนปวดเค้าจะงดเบียร์ และกินยาแก้ปวด (จะกินเฉพาะตอนปวด) และกินยาลดกรดยูลิคค่ะ เค้าก็ทราบอยู่ว่าเบียร์เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กรดยูลิคสูง แต่ก็เลิกไม่ได้ค่ะ จะทำอย่างไรดีค่ะ ขอคำปรึกษาคุณหยินหยาง ด้วยค่ะ....

กรดยูริคนั้นมันจะมีลักษณะเหมือนผงชอร์คแต่เป็นเหมือนกระดูกป่นแหลมคมผสมอยู่ในเลือดเมื่อกินเหล้าเบียร์เข้าไปหัวใจจะทำกการสูบฉีดเลือดแรงขึ้นทำให้ยูริคถูกดันมากขึ้นไปบาดท่อเลือดบริเวณข้อต่อต่างๆปรกติจะหนักที่เท้า จริงแล้วการรักษาต้องรักษาจากต้นเหตุก่อนคือยูริคที่มีมากในเลือดให้ค่าลดลงแล้วไปทำการบำรุงรักษาใตซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการขับยูริคออกมาจากร่างกาย จึงจะเป็นการรักษาที่ตรงจุดเกิดเหตุ นอกเหนือจากนั้นยากครับถ้าทนฝืนต่อไปเรื่อยๆจะเป็นนิ่วสะสมตามข้อและในใตนานๆไปจะเดินไม่ได้ และใตวาย อันตรายนะครับ ตอนนี้ถ้าเลิกไม่ได้จริงแนะนำให้ทานน้ำมะนาวกับเบียร์ไปด้วยก็แล้วกันน้ำมะนาวสดประมาณครั้งละ 5 ลูก ต่อการกินเบียร์หนึ่งครั้งจะช่วยสลายยูริคลงไปทีละน้อย อาการปวดจะค่อยทุเลาลงแต่แรกๆจะต้องทนเจ็บจากการสลายของยูริคจากข้อบ้าง แต่ถ้าทางที่ดีน่าจะรักษาให้ดีก่อนแล้วค่อยไปกินจะดีกว่านะครับ :D

ถ้าเกิดหยุดทานเหล้า เบียร์แล้ว จะทำให้กรดยูลิคลดลง คือต้องกินน้ำมะนาว 5 ลูกต่อวัน กินไปจนถึงเมื่อไหร่ จึงเริ่มรักษาไตค่ะ


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: หยินหยาง ที่ วันที่ 28 สิงหาคม 2012, 19:42:20
อยากถามคุณหยินหยางค่ะ แฟนอายุ 27 ปี มีอาการปวดข้อเท้า บางครั้งซ้าย บางครั้งขวา ตรวจเลือดพบว่า กรดยูลิคสูงค่ะ ปวด ๆ หายๆ ค่ะ ถ้าอากาศหนาว ไม่ได้ห่มผ้าที่เท้า อาการก็จะปวดข้อเท้ามาก จนเดินไม่ได้ หรือบางครั้งถ้าช่วงไหนกินเบียร์เกือบทุกวัน วันละประมาณ 2 ขวด ช่วงนั้นก็จะปวดขึ้นมา ต้องบอกว่าแฟนกินเบียร์ เหล้า วอดก้า สลับกัน และกินเกือบทุกวัน อาทิตย์นึงเค้าจะไม่กินอยู่แค่วันหรือ 2 วัน ค่ะ ส่วนพ่อเค้า ลุงเค้าก็เป็นค่ะ กรดยูลิคสูง เป็นเก๊าเลยค่ะ เค้าจะรักษาตามอาการ ช่วงไหนปวดเค้าจะงดเบียร์ และกินยาแก้ปวด (จะกินเฉพาะตอนปวด) และกินยาลดกรดยูลิคค่ะ เค้าก็ทราบอยู่ว่าเบียร์เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กรดยูลิคสูง แต่ก็เลิกไม่ได้ค่ะ จะทำอย่างไรดีค่ะ ขอคำปรึกษาคุณหยินหยาง ด้วยค่ะ....

กรดยูริคนั้นมันจะมีลักษณะเหมือนผงชอร์คแต่เป็นเหมือนกระดูกป่นแหลมคมผสมอยู่ในเลือดเมื่อกินเหล้าเบียร์เข้าไปหัวใจจะทำกการสูบฉีดเลือดแรงขึ้นทำให้ยูริคถูกดันมากขึ้นไปบาดท่อเลือดบริเวณข้อต่อต่างๆปรกติจะหนักที่เท้า จริงแล้วการรักษาต้องรักษาจากต้นเหตุก่อนคือยูริคที่มีมากในเลือดให้ค่าลดลงแล้วไปทำการบำรุงรักษาใตซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการขับยูริคออกมาจากร่างกาย จึงจะเป็นการรักษาที่ตรงจุดเกิดเหตุ นอกเหนือจากนั้นยากครับถ้าทนฝืนต่อไปเรื่อยๆจะเป็นนิ่วสะสมตามข้อและในใตนานๆไปจะเดินไม่ได้ และใตวาย อันตรายนะครับ ตอนนี้ถ้าเลิกไม่ได้จริงแนะนำให้ทานน้ำมะนาวกับเบียร์ไปด้วยก็แล้วกันน้ำมะนาวสดประมาณครั้งละ 5 ลูก ต่อการกินเบียร์หนึ่งครั้งจะช่วยสลายยูริคลงไปทีละน้อย อาการปวดจะค่อยทุเลาลงแต่แรกๆจะต้องทนเจ็บจากการสลายของยูริคจากข้อบ้าง แต่ถ้าทางที่ดีน่าจะรักษาให้ดีก่อนแล้วค่อยไปกินจะดีกว่านะครับ :D

ถ้าเกิดหยุดทานเหล้า เบียร์แล้ว จะทำให้กรดยูลิคลดลง คือต้องกินน้ำมะนาว 5 ลูกต่อวัน กินไปจนถึงเมื่อไหร่ จึงเริ่มรักษาไตค่ะ

กินรอบแรก 15 วันติดกันแล้วหยุด 5วันจึงเริ่มกินยาบำรุงไตไปเรื่อยหลังจากหยุดมะนาวครบ 5 วันแล้วให้กินคนละมื้อกับยาบำรุงใตเช่นมะนาวเช้าบำรุงใตตอนเย็นประมาณซัก 1 เดือนไปวัดค่ายูริครับรองว่าลดลงแน่นอนครับทำไปเรื่อยจนค่ายูริคปกติ แล้วให้กินยาบำรุงไตไปอีก 3 เดือนก็น่าจะเข้าสู่สภาวะปกติกินอะไรก็ได้ครับ.... :D


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: sunee2529 ที่ วันที่ 28 สิงหาคม 2012, 20:11:33
อยากถามคุณหยินหยางค่ะ แฟนอายุ 27 ปี มีอาการปวดข้อเท้า บางครั้งซ้าย บางครั้งขวา ตรวจเลือดพบว่า กรดยูลิคสูงค่ะ ปวด ๆ หายๆ ค่ะ ถ้าอากาศหนาว ไม่ได้ห่มผ้าที่เท้า อาการก็จะปวดข้อเท้ามาก จนเดินไม่ได้ หรือบางครั้งถ้าช่วงไหนกินเบียร์เกือบทุกวัน วันละประมาณ 2 ขวด ช่วงนั้นก็จะปวดขึ้นมา ต้องบอกว่าแฟนกินเบียร์ เหล้า วอดก้า สลับกัน และกินเกือบทุกวัน อาทิตย์นึงเค้าจะไม่กินอยู่แค่วันหรือ 2 วัน ค่ะ ส่วนพ่อเค้า ลุงเค้าก็เป็นค่ะ กรดยูลิคสูง เป็นเก๊าเลยค่ะ เค้าจะรักษาตามอาการ ช่วงไหนปวดเค้าจะงดเบียร์ และกินยาแก้ปวด (จะกินเฉพาะตอนปวด) และกินยาลดกรดยูลิคค่ะ เค้าก็ทราบอยู่ว่าเบียร์เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กรดยูลิคสูง แต่ก็เลิกไม่ได้ค่ะ จะทำอย่างไรดีค่ะ ขอคำปรึกษาคุณหยินหยาง ด้วยค่ะ....

กรดยูริคนั้นมันจะมีลักษณะเหมือนผงชอร์คแต่เป็นเหมือนกระดูกป่นแหลมคมผสมอยู่ในเลือดเมื่อกินเหล้าเบียร์เข้าไปหัวใจจะทำกการสูบฉีดเลือดแรงขึ้นทำให้ยูริคถูกดันมากขึ้นไปบาดท่อเลือดบริเวณข้อต่อต่างๆปรกติจะหนักที่เท้า จริงแล้วการรักษาต้องรักษาจากต้นเหตุก่อนคือยูริคที่มีมากในเลือดให้ค่าลดลงแล้วไปทำการบำรุงรักษาใตซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการขับยูริคออกมาจากร่างกาย จึงจะเป็นการรักษาที่ตรงจุดเกิดเหตุ นอกเหนือจากนั้นยากครับถ้าทนฝืนต่อไปเรื่อยๆจะเป็นนิ่วสะสมตามข้อและในใตนานๆไปจะเดินไม่ได้ และใตวาย อันตรายนะครับ ตอนนี้ถ้าเลิกไม่ได้จริงแนะนำให้ทานน้ำมะนาวกับเบียร์ไปด้วยก็แล้วกันน้ำมะนาวสดประมาณครั้งละ 5 ลูก ต่อการกินเบียร์หนึ่งครั้งจะช่วยสลายยูริคลงไปทีละน้อย อาการปวดจะค่อยทุเลาลงแต่แรกๆจะต้องทนเจ็บจากการสลายของยูริคจากข้อบ้าง แต่ถ้าทางที่ดีน่าจะรักษาให้ดีก่อนแล้วค่อยไปกินจะดีกว่านะครับ :D

ถ้าเกิดหยุดทานเหล้า เบียร์แล้ว จะทำให้กรดยูลิคลดลง คือต้องกินน้ำมะนาว 5 ลูกต่อวัน กินไปจนถึงเมื่อไหร่ จึงเริ่มรักษาไตค่ะ


กินรอบแรก 15 วันติดกันแล้วหยุด 5วันจึงเริ่มกินยาบำรุงไตไปเรื่อยหลังจากหยุดมะนาวครบ 5 วันแล้วให้กินคนละมื้อกับยาบำรุงใตเช่นมะนาวเช้าบำรุงใตตอนเย็นประมาณซัก 1 เดือนไปวัดค่ายูริครับรองว่าลดลงแน่นอนครับทำไปเรื่อยจนค่ายูริคปกติ แล้วให้กินยาบำรุงไตไปอีก 3 เดือนก็น่าจะเข้าสู่สภาวะปกติกินอะไรก็ได้ครับ.... :D


แล้วยาบำรุงไตมีชื่อว่าอะไร สามารถหาซื้อตามร้านขายยาได้ใช่มั๊ยค่ะ ปล.ถามเยอะหน่อยน่ะค่ะ :)


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: หยินหยาง ที่ วันที่ 29 สิงหาคม 2012, 18:39:38
อยากถามคุณหยินหยางค่ะ แฟนอายุ 27 ปี มีอาการปวดข้อเท้า บางครั้งซ้าย บางครั้งขวา ตรวจเลือดพบว่า กรดยูลิคสูงค่ะ ปวด ๆ หายๆ ค่ะ ถ้าอากาศหนาว ไม่ได้ห่มผ้าที่เท้า อาการก็จะปวดข้อเท้ามาก จนเดินไม่ได้ หรือบางครั้งถ้าช่วงไหนกินเบียร์เกือบทุกวัน วันละประมาณ 2 ขวด ช่วงนั้นก็จะปวดขึ้นมา ต้องบอกว่าแฟนกินเบียร์ เหล้า วอดก้า สลับกัน และกินเกือบทุกวัน อาทิตย์นึงเค้าจะไม่กินอยู่แค่วันหรือ 2 วัน ค่ะ ส่วนพ่อเค้า ลุงเค้าก็เป็นค่ะ กรดยูลิคสูง เป็นเก๊าเลยค่ะ เค้าจะรักษาตามอาการ ช่วงไหนปวดเค้าจะงดเบียร์ และกินยาแก้ปวด (จะกินเฉพาะตอนปวด) และกินยาลดกรดยูลิคค่ะ เค้าก็ทราบอยู่ว่าเบียร์เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กรดยูลิคสูง แต่ก็เลิกไม่ได้ค่ะ จะทำอย่างไรดีค่ะ ขอคำปรึกษาคุณหยินหยาง ด้วยค่ะ....

กรดยูริคนั้นมันจะมีลักษณะเหมือนผงชอร์คแต่เป็นเหมือนกระดูกป่นแหลมคมผสมอยู่ในเลือดเมื่อกินเหล้าเบียร์เข้าไปหัวใจจะทำกการสูบฉีดเลือดแรงขึ้นทำให้ยูริคถูกดันมากขึ้นไปบาดท่อเลือดบริเวณข้อต่อต่างๆปรกติจะหนักที่เท้า จริงแล้วการรักษาต้องรักษาจากต้นเหตุก่อนคือยูริคที่มีมากในเลือดให้ค่าลดลงแล้วไปทำการบำรุงรักษาใตซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการขับยูริคออกมาจากร่างกาย จึงจะเป็นการรักษาที่ตรงจุดเกิดเหตุ นอกเหนือจากนั้นยากครับถ้าทนฝืนต่อไปเรื่อยๆจะเป็นนิ่วสะสมตามข้อและในใตนานๆไปจะเดินไม่ได้ และใตวาย อันตรายนะครับ ตอนนี้ถ้าเลิกไม่ได้จริงแนะนำให้ทานน้ำมะนาวกับเบียร์ไปด้วยก็แล้วกันน้ำมะนาวสดประมาณครั้งละ 5 ลูก ต่อการกินเบียร์หนึ่งครั้งจะช่วยสลายยูริคลงไปทีละน้อย อาการปวดจะค่อยทุเลาลงแต่แรกๆจะต้องทนเจ็บจากการสลายของยูริคจากข้อบ้าง แต่ถ้าทางที่ดีน่าจะรักษาให้ดีก่อนแล้วค่อยไปกินจะดีกว่านะครับ :D

ถ้าเกิดหยุดทานเหล้า เบียร์แล้ว จะทำให้กรดยูลิคลดลง คือต้องกินน้ำมะนาว 5 ลูกต่อวัน กินไปจนถึงเมื่อไหร่ จึงเริ่มรักษาไตค่ะ


กินรอบแรก 15 วันติดกันแล้วหยุด 5วันจึงเริ่มกินยาบำรุงไตไปเรื่อยหลังจากหยุดมะนาวครบ 5 วันแล้วให้กินคนละมื้อกับยาบำรุงใตเช่นมะนาวเช้าบำรุงใตตอนเย็นประมาณซัก 1 เดือนไปวัดค่ายูริครับรองว่าลดลงแน่นอนครับทำไปเรื่อยจนค่ายูริคปกติ แล้วให้กินยาบำรุงไตไปอีก 3 เดือนก็น่าจะเข้าสู่สภาวะปกติกินอะไรก็ได้ครับ.... :D


แล้วยาบำรุงไตมีชื่อว่าอะไร สามารถหาซื้อตามร้านขายยาได้ใช่มั๊ยค่ะ ปล.ถามเยอะหน่อยน่ะค่ะ :)
ยาใทยให้ทานเห็ดหูหนูดำ ยาจีนถ้าเป็นยาสำเร็จรูปชื่อ ลิ่วเหว้ยตี้หวางหวาง..เป็นกล่องบรรจุยาลูกกลอนไว้มีขายที่ร้านขายยาจีนครับ... :D


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: chamrus ที่ วันที่ 29 สิงหาคม 2012, 21:28:05
ถูกของคุณหยิงหยาง เกี่ยวกับเรื่องนวดค่ะ

เคยพาสามีไปนวดแผนโบราณครั้งนึง ปรากฎว่าหมอนวดนวดแรงมาก จนทนไม่ไหวร้องลั่นห้อง
ตั้งแต่นั้นมาเข็ดเลยค่ะ ไม่กล้านวดอีกเลย จากแค่เคล็ดๆ ตึงๆ กลายเป็นปวดทนไม่ไหวต้องกิน
ยาแก้อักเสบไปหลายวันเลยค่ะ  คงไม่กล้านวดไปอีกนานเลย
ถูกต้องครับ ผมก็เคยเข้าไปนวดเหมือนกัน นวดแผนโบราณ ต่างๆ นวดแรงมากจนกล้ามเนื้ออักเสบ ต้องไปหาหมอ ฉีดยาแก้กล้ามเนื้ออักเสบอีก  เข็ดเลยครับ
ตอนหลังๆ เลยให้ภรรยานวดให้ดีกว่า มือเบาตั้งเยอะ และที่สำคัญ นวดฟรีครับ


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: sunee2529 ที่ วันที่ 29 สิงหาคม 2012, 21:45:18
ขอบคุณคุณหยินหยางมากๆ น่ะค่ะ ได้ความรู้มากมาย :) :) :)


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: หยินหยาง ที่ วันที่ 31 สิงหาคม 2012, 10:58:44
สัญญาณโรคตับขั้นรุนแรง ให้สังเกตุดูระบบขับถ่ายให้ดีถ้าเริ่มถ่ายเป็นสีดำปวดชายโครงด้านขวาและมีอาการท้องบวมอืดแสดงถึงสภาวะโรคที่รุนแรงอยู่ในขั้นที่เรียกว่าโรงพยาบาลไม่รับเย็บแล้วหรือรอวันตายครับ อย่างมาก 1 ปีครับตายแน่นอน เพราะโรงพยาบาลบอกว่าตับ กับ ไต เสียแล้วรักษาไม่ได้ แต่แพทย์ทางเลือกบอกว่าตราบใดที่ยังหายใจอยู่และธาตุทั้ง 4 ยังมีอยู่ในร่างกายยังรักษาได้ ผมเคยรักษาอาการแบบนี้มาแล้วโดยผู้ป่วยรายนี้เป็นนายทหารสังกัดกรมสรรพาวุธ มีอาการแบบที่ผมเล่าไปเป๊ะ ลูกเมียเริ่มทำใจแล้วและกำลังจะทำพินัยกรรมไว้ให้ลูกเมีย มานั่งคุยกับผมว่าได้ยาบำรุงเลือดมากับยารักษากรดใหลย้อน เพราะสภาวะกรดใหลย้อนจริงแล้วเกิดจากตับผลิตน้ำดีออกมาย่อยอาหารไม่พอมันเลยหมักสะสมในกระเพราะจนเกิดแก๊สดันขึ้นมาจุกอก โรงบาลให้ยาบำรุงเลือดกับยาถ่านอัดเม็ดมาซับกรด ไม่มียารักษาหรือบำรุงตับเลยมันจะหายได้ใงครับพอยาหมดก็กลับมาแย่อีกดีที่เบิกได้ไม่งั้นตายไปนานแล้ว แต่รักษายังใงก็ไม่ดีขึ้น เลยจัดยาสมุนไพรที่ใช้รักษาโรคตับโดยตรง+ยาบำรุงใตให้รับประทาน ตอนนี้ผ่านมาครึ่งปีแล้วครับยังไม่ตายยาโรงบาลก็ไม่กินออกวิ่งทุกวัน และมีสุขภาพโดยรวมดีขึ้นมามาก ทั้งแรงชีพจร สุขภาพตับและใต เล่นเอาหมอปัจจุบันเครียดเหมือนกันครับ.... :D


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: หยินหยาง ที่ วันที่ 05 กันยายน 2012, 12:57:50
พอดีเมื่อวันก่อนรุ่นน้องที่เดินป่าอาชีพที่เชียงรายบอกมาว่าถ้าใครต้องการสมุนไพรหายากสดแท้จากป่าติดต่อผ่านผมมาได้เลย ผมเลยมาลงช่วยสนับสนุนหน่อยเพราะเขาขายของจริงแท้แน่นอนผมรับรองครับ เพราะปรกติสมุนไพรแห้งจะเก็บได้ไม่เกิน 6 เดือนบางทีเราไปซื้อที่ร้านอาจได้ของเก่า และนานมากแล้วคุณภาพยามันไม่เต้มร้อยครับ  :D


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: Da่ geิ ลูกครึ่งขาว ที่ วันที่ 05 กันยายน 2012, 18:19:02
พอดีเมื่อวันก่อนรุ่นน้องที่เดินป่าอาชีพที่เชียงรายบอกมาว่าถ้าใครต้องการสมุนไพรหายากสดแท้จากป่าติดต่อผ่านผมมาได้เลย ผมเลยมาลงช่วยสนับสนุนหน่อยเพราะเขาขายของจริงแท้แน่นอนผมรับรองครับ เพราะปรกติสมุนไพรแห้งจะเก็บได้ไม่เกิน 6 เดือนบางทีเราไปซื้อที่ร้านอาจได้ของเก่า และนานมากแล้วคุณภาพยามันไม่เต้มร้อยครับ  :D

มีสมุนไพร อะไรบ้างเหรอครับ ? ใช้แก้อะไรบ้าง บอกให้หน่อยได้ปล่าวครับ ?


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: หยินหยาง ที่ วันที่ 05 กันยายน 2012, 18:59:13
พอดีเมื่อวันก่อนรุ่นน้องที่เดินป่าอาชีพที่เชียงรายบอกมาว่าถ้าใครต้องการสมุนไพรหายากสดแท้จากป่าติดต่อผ่านผมมาได้เลย ผมเลยมาลงช่วยสนับสนุนหน่อยเพราะเขาขายของจริงแท้แน่นอนผมรับรองครับ เพราะปรกติสมุนไพรแห้งจะเก็บได้ไม่เกิน 6 เดือนบางทีเราไปซื้อที่ร้านอาจได้ของเก่า และนานมากแล้วคุณภาพยามันไม่เต้มร้อยครับ  :D

มีสมุนไพร อะไรบ้างเหรอครับ ? ใช้แก้อะไรบ้าง บอกให้หน่อยได้ปล่าวครับ ?

ต้องถามว่าต้องการรักษาโรคอะไรครับ ส่วนตัวสมุนไพรในการรักษาผมยินดีให้ความรู้เต็มที่ครับ ถามมาเลย


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: Da่ geิ ลูกครึ่งขาว ที่ วันที่ 06 กันยายน 2012, 13:21:07
พอดีเมื่อวันก่อนรุ่นน้องที่เดินป่าอาชีพที่เชียงรายบอกมาว่าถ้าใครต้องการสมุนไพรหายากสดแท้จากป่าติดต่อผ่านผมมาได้เลย ผมเลยมาลงช่วยสนับสนุนหน่อยเพราะเขาขายของจริงแท้แน่นอนผมรับรองครับ เพราะปรกติสมุนไพรแห้งจะเก็บได้ไม่เกิน 6 เดือนบางทีเราไปซื้อที่ร้านอาจได้ของเก่า และนานมากแล้วคุณภาพยามันไม่เต้มร้อยครับ  :D


มีสมุนไพร อะไรบ้างเหรอครับ ? ใช้แก้อะไรบ้าง บอกให้หน่อยได้ปล่าวครับ ?

ต้องถามว่าต้องการรักษาโรคอะไรครับ ส่วนตัวสมุนไพรในการรักษาผมยินดีให้ความรู้เต็มที่ครับ ถามมาเลย

- แม่ปวดหัวเข่า ตามวัย

- แฟนนอนไม่หลับ พึ่งยานอนหลับตลอด

  พอจะมีสมุนไพร อะไรรักษาได้บ้างครับ?


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: หยินหยาง ที่ วันที่ 09 กันยายน 2012, 07:14:49
พอดีเมื่อวันก่อนรุ่นน้องที่เดินป่าอาชีพที่เชียงรายบอกมาว่าถ้าใครต้องการสมุนไพรหายากสดแท้จากป่าติดต่อผ่านผมมาได้เลย ผมเลยมาลงช่วยสนับสนุนหน่อยเพราะเขาขายของจริงแท้แน่นอนผมรับรองครับ เพราะปรกติสมุนไพรแห้งจะเก็บได้ไม่เกิน 6 เดือนบางทีเราไปซื้อที่ร้านอาจได้ของเก่า และนานมากแล้วคุณภาพยามันไม่เต้มร้อยครับ  :D


มีสมุนไพร อะไรบ้างเหรอครับ ? ใช้แก้อะไรบ้าง บอกให้หน่อยได้ปล่าวครับ ?

ต้องถามว่าต้องการรักษาโรคอะไรครับ ส่วนตัวสมุนไพรในการรักษาผมยินดีให้ความรู้เต็มที่ครับ ถามมาเลย

- แม่ปวดหัวเข่า ตามวัย

- แฟนนอนไม่หลับ พึ่งยานอนหลับตลอด

  พอจะมีสมุนไพร อะไรรักษาได้บ้างครับ?
ปวดหัวเข่าตามวัยใช้หญ้า 3 วันหรือที่ทางยาเขาเรียกว่าหญ้าหมอน้อยมาต้มทานครับ แล้วก็ทำการกดจุดเหว่ยจง( จุดพับเข่าด้านหลังตรงกลางข้อพับ) กดลึกพอหน่วงๆ 30 วินาทีแล้วยกจะส่งเลือดไปเลี้ยงหัวเข่าครับกด 2-3 วันครั้งก็พอ ส่วนอาการแฟนคุณต้องมีข้อมูลละเอียดกว่านี้ครับมันเดาไม่ได้มีหลายสาเหตุครับ... :D ลองกินน้ำขิงร้อนก่อนนอนดูก่อนสิครับ


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: nongss1 ที่ วันที่ 05 พฤศจิกายน 2012, 00:39:14
ขอติดตามกระทู้ด้วยคนน่ะ ขอรับ


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: HARLEY DAVIDSON ที่ วันที่ 20 พฤศจิกายน 2012, 00:03:58
ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ มีประโยชน์มากๆเลยค่ะ คุณหยิงหยาง เป็นแพทย์ทางเลือกหรือเปล่าค๊ะ
มาโพสต์ให้ความรู้อีกบ่อยๆ นะค๊ะ
;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: เส้นผมบังภูเขา
เริ่มหัวข้อโดย: yonoke ที่ วันที่ 10 มกราคม 2013, 19:41:13
สัญญาณโรคตับขั้นรุนแรง ให้สังเกตุดูระบบขับถ่ายให้ดีถ้าเริ่มถ่ายเป็นสีดำปวดชายโครงด้านขวาและมีอาการท้องบวมอืดแสดงถึงสภาวะโรคที่รุนแรงอยู่ในขั้นที่เรียกว่าโรงพยาบาลไม่รับเย็บแล้วหรือรอวันตายครับ อย่างมาก 1 ปีครับตายแน่นอน เพราะโรงพยาบาลบอกว่าตับ กับ ไต เสียแล้วรักษาไม่ได้ แต่แพทย์ทางเลือกบอกว่าตราบใดที่ยังหายใจอยู่และธาตุทั้ง 4 ยังมีอยู่ในร่างกายยังรักษาได้ ผมเคยรักษาอาการแบบนี้มาแล้วโดยผู้ป่วยรายนี้เป็นนายทหารสังกัดกรมสรรพาวุธ มีอาการแบบที่ผมเล่าไปเป๊ะ ลูกเมียเริ่มทำใจแล้วและกำลังจะทำพินัยกรรมไว้ให้ลูกเมีย มานั่งคุยกับผมว่าได้ยาบำรุงเลือดมากับยารักษากรดใหลย้อน เพราะสภาวะกรดใหลย้อนจริงแล้วเกิดจากตับผลิตน้ำดีออกมาย่อยอาหารไม่พอมันเลยหมักสะสมในกระเพราะจนเกิดแก๊สดันขึ้นมาจุกอก โรงบาลให้ยาบำรุงเลือดกับยาถ่านอัดเม็ดมาซับกรด ไม่มียารักษาหรือบำรุงตับเลยมันจะหายได้ใงครับพอยาหมดก็กลับมาแย่อีกดีที่เบิกได้ไม่งั้นตายไปนานแล้ว แต่รักษายังใงก็ไม่ดีขึ้น เลยจัดยาสมุนไพรที่ใช้รักษาโรคตับโดยตรง+ยาบำรุงใตให้รับประทาน ตอนนี้ผ่านมาครึ่งปีแล้วครับยังไม่ตายยาโรงบาลก็ไม่กินออกวิ่งทุกวัน และมีสุขภาพโดยรวมดีขึ้นมามาก ทั้งแรงชีพจร สุขภาพตับและใต เล่นเอาหมอปัจจุบันเครียดเหมือนกันครับ.... :D
  ขอสมุนไพรแก้โรคตับกับไตเสียครับผม  ขอบคุณครับ