เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย

บอร์ดกลุ่มชมรม => ชมรมนักกลอน => ข้อความที่เริ่มโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 19 มิถุนายน 2012, 19:30:11



หัวข้อ: ยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 19 มิถุนายน 2012, 19:30:11
...ฝนแล้ง...

น้ำไหลเลาะ เซาะฝั่ง พังตลิ่ง
สายน้ำปิง ซิ่งกราก ถากเหมืองฝาย
พนังดิน หินกั้น พลันทลาย
ไม้ปูนทราย หายไป ไม่เหลือซาก

ถั่งถาโถม โจมตี ที่กรุงเทพฯ
สร้างความเจ็บ เหน็บช้ำ หลังน้ำจาก
ต้นเล็กใหญ่ ไหลล้ม จมโคนราก
ไม้ม่วงหมาก ฝากเน่า เฉาเหี่ยวแห้ง

ถึงวันนี้ ไม่มีน้ำ จะทำสวน
บ่ออ่างจวน ค่อนขอด ตลอดแหล่ง
เจาะบาดาล กบาลหมุน ลงทุนแพง
เทาม่วงแดง พันใบ ยังไม่พอ

ต้องกราบกราน วานฟ้า เมตตาด้วย
โปรดจงช่วย ให้ฝน ตามบนขอ
ตกดิบดี มีน้ำ ชุ่มฉ่ำตอ
มากเหลือรอ ลงหลุม คุ้มได้นาน

ลมดินฟ้า อากาศ คาดเหี้ยมโหด
หรือลงโทษ คนสัตว์ สิ้นสงสาร
ให้น้ำมาก หลากท่วม อ่วมดินดาน
ให้ร้อนผลาญ ดินแยก แตกเป็นทาง

หงายผงะ กสิกรรม มินำผล
เมื่อใดพ้น จนซุก ทุกข์ซาสร่าง
ไร้เรี่ยวแรง แสงจ้า ตาฝ้าฟาง
ถึงรุ่งสาง มื้อเช้า เอาไรกิน?

ถึงตกก็เบาบาง ไม่เพียงพอต่อพืชผล
ฝนแล้งอีกแล้วครับท่าน แย่จริงครับ

กานต์



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 20 มิถุนายน 2012, 14:41:37


...เหตุผลในความรู้สึก...

เหตุ.เพราะจน ข้นแค้น แสนลำบาก
ร้อยความอยาก อาหาร ที่หวานหอม
ล่องตามลม ชมกลิ่น ยลยินยอม
ซูบเซียวผอม บอบบาง ร่างโซเซ

ผล.ดิ้นรน ทนอยู่ สู้ชีวิต
มิปลงปลิด มีใช้ ไม่อักโข
เพียงพอกิน ผินหน้า หาพุทโธ
อัตโน กายใจ ให้เป็นทาน

เหตุ.เขาย่ำ ซ้ำเติม เพิ่มความทุกข์
หนีหัวซุก ซอนไป ไกลถิ่นฐาน
แบ่งรวยจน ชนชั้น เทพจัณฑ์มาร
ถึงรอนราน ผู้น้อย ด้อยเรี่ยวแรง

ผล.ต้านฝืน ยืนร่าง สร้างตนได้
มอบอภัย รักฉันท์ มิกลั่นแกล้ง
ใครถูกชัง รังแก แถทิ่มแทง
จะแสดง รับช่วย ด้วยเต็มใจ

เหตุ.ชอบกานต์ อ่านกลอน ตอนวัยเด็ก
ผล.อเนก อนันต์ อันยิ่งใหญ่
คล่องเขียนคิด วิชชา ภาษาไทย
พื้นทั่วไป เกี่ยวการ กับงานเรา

วันโชคดี มีเน็ต เข้าเขตบ้าน
สุขสำราญ กรานอักษร ทอนความเหงา
ไม่คิดดัง หวังเด่น เห็นผลเอา
กานต์แก่เก่า ตายไป ใครก็ลืม



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 21 มิถุนายน 2012, 15:07:26

...เช่นจรจัด...

ใต้ต้นตาล ลานดิน ชายสิ้นรัก
นั่งลงพัก หักใจ ยากไถ่ถอน
ถูกหนาวเหน็บ เจ็บจุด สุดร้าวรอน
ทรวงสะท้อน รอนร่าง เกลือกกลางทราย

ความกลัดกลุ้ม รุมเร้า เศร้าสลด
ยังปรากฎ จดเช้า ย่างเข้าบ่าย
แสงสาดส่อง ต้องเนื้อ เหงื่อละลาย
มีเพียงควาย หนึ่งผู้ อยู่ด้วยกัน

ครั้นมืดห่ม ลมตก นกการ้อง
เพิ่มหม่นหมอง ครองใจ ให้หวาดหวั่น
เหงามิคลาย รายล้อม จ่อมชีวัน
ความโศกศัลย์ ถึงนาง มิสร่างซา

จากถิ่นอยู่ สู่อมร เช่นจรจัด
ด้วยกำหนัด คนที่ ละหนีหาย
นานนับเดือน เลื่อนไป ไม่เห็นมา
ให้ห่วงหา จาบัล ทุกวันคืน

เขาเลิกรัก ภักดี เช่นนี้แล้ว
เชิญน้องแก้ว หวนกลับ พี่รับชื่น
ลืมเสียเถิด ความหลัง ใช่ยั่งยืน
ทิ้งขมขื่น กานตี นี้เฝ้าคอย

กานต์


หัวข้อ: Re: ...เศร้า...
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 23 มิถุนายน 2012, 12:17:05

ตลอดบ่าย...ไม่ได้แต่งกลอน

อุปกรณ์ ค้อน ขวาน อาหารห่อ
มีด เคียว ขอ เสียม จอบ กระสอบปุ๋ย
สาก ครก เขียง เมี่ยง ยา เตรียมท่าลุย
ฝนตกสุย พรำพรำ มุ่งทำงาน

ขึ้นปิกอัพ ขับตรงทาง อย่าเชื่องช้า
ฟากซ้ายขวา ป่าโป่ง ทุ่งโล่ง.ผ่าน
ไต่ถนน โคลน.หิน ปนดินดาน
เลียบลำธาร จอดจวน สวนลำไย

ตกแต่งต้น ตัดก้าน รานกิ่งซ้อน
แผ้วหญ้าอ่อน ถางอ้อ ฟันกอไผ่
ดินก่อคัน กั้นหลุม ปลายพุ่มใบ
เทปุ๋ยคอก ถอกขี้ไก่ ใส่อินทรีย์

ซ่อมแซมทั่ว รั้วรอบ ขึงขอบชิด
ประตูติด กลอนแน่น เกรงแฟนหนี
ปรุงอาหาร ทานเที่ยง เลี้ยงกินฟรี
เมี่ยง.บุหรี่ สูบอม ขมคาว.คาย

บ่ายถึงค่ำ ทำสวน ง่วนเช่นนี้
จินต์ไม่มี จิตไม่ว่าง ใจห่างหาย
ยุ่งกับคน บ่นกับงาน นานเดียวดาย
ตลอดบ่าย เลยแลง หยุดแต่งกลอน

บ่ายนี้.ขออนุญาตไปสวนครับ เย็นก็มาจ้า

กานต์


หัวข้อ: Re: ...เศร้า...รอยอดีต
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 23 มิถุนายน 2012, 19:52:58

ลงเล่นลิง ชิงบอล ตอนเลิกพัก
มือกำทัก ซ่อนไว้ อะไรเอ่ย
โกรธแท้หนอ ล้อว่า หน้ากระเทย
ขุดดินเคย ปั้นตัว ม้าวัวควาย

ก่อเจดีย์ ด้วยทราย หมายสมมุติ
ทำเป็นชุด อาหาร ร้านค้าขาย
พี่เป็นตา หน้าทะเล้น น้องเป็นยาย
บ้างลงท้าย ทะเลาะ เบาะแว้ง.ฮา

ขุดมะกอ รอตำ ปนน้ำอ้อย
หั่นพริกลอย ได้กิน บินถึงฟ้า
จิกหนอนขาว ยาวเล็ด เม็ดพุทรา
น้องบอกว่า โปรตีนน้อย อร่อยดี

ม่วนทุกครั้ง หนังขายยา รถมาฉาย
กายอิงกาย ปรีด์เปรม สุขเต็มที่
เม็ดขามคั่ว ถั่วต้ม ชมหนังฟรี
มันเทศจี่ อ้อยควั่น แบ่งกันกิน

โชคชะตา วาสนา คราระเห็จ
จบ ป.เจ็ด ต้องไป ไกลจากถิ่น
น้องเรียนต่อ ม.ต้น เมืองอลอินทร์
พี่ ม.ดิน นาดำ ปลูกลำไย

กลับอีกที มีกวิน ปริญญาบัตร
ข่าวปลัด เฉิดฉันท์ บรรจุใหม่
เห็นคนสวย งวยงง หลงดีใจ
ควงคู่ไป แนบกาย นายอำเภอ

กึ๊ดเติงเถิงอ้าย จาใดมาหา จ๋นปอเวลา ลงแลงใจ้ใจ้
ฤๅว่าน้องตั๋ว มัวแมะนั่งใกล้ เกาะเก่ยเกิ้งกั้น นอนยาย
ตี้เป๋นแฟนน้อง เกี่ยวก๊องกอดก๋าย กาผัวอี่นาย มือต๋ำเตื้อตุ้ม
บิดบ่ายส่ายแอว ปอแผวเปิ้นอุ้ม เตียวเข้าสุมทุม พุ่มม้าย
เสียงฮ้องวิดวิด ติดติดดังว้าย ใจ๋คลอนหล่อนหาย เป๋นกำ
ท่าบ่าเหลือแล้ว แอวแค้วโดนหยำ ใค้ต๋ายอ้ายคำ ปากส้ำำฮ่ำไห้...

ทอง โบตัน


หัวข้อ: Re: ...เศร้า...
เริ่มหัวข้อโดย: >_อนัตตา_< ที่ วันที่ 23 มิถุนายน 2012, 21:31:18
คิกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อ้ายคำ  ;D

(http://upic.me/i/yz/2862emoticon6094.gif) (http://upic.me/show/83873)


หัวข้อ: Re: ...เศร้า...
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 24 มิถุนายน 2012, 15:31:30

โลกของฉัน...สีดำ

นรกหรือ สวรรค์ ที่บรรเจิด
ส่งฉันเกิด ราตรี ที่สดใส
ประดับดวง ดารา นภาลัย
รอบทั่วไป พิลาส อากาศเย็น

รับไออุ่นระทวยด้วยความรัก
เฝ้าฟูมฟักสอนรู้ได้ดูเห็น
หิวมีกินอาบใช้ไร้ลำเค็ญ
อยากจะเป็นเช่นนั้นมิผันแปร

เมื่อชะตา ของฉัน เกิดวันเสาร์
ดีแรกเยาว์ รุ่นกลาย ร้ายย่ำแย่
พบลำบาก ยากจน คนรังแก
จวบชแร เกรอะกรัง ยังจาบัลย์

ถูกทอดทิ้ง เดียวดาย กายเงียบเหงา
นั่งจับเจ่า มองโลก อย่างโศกศัลย์
ประคองจิต หายใจ ไปวันวัน
ความสุขนั้น อย่างไร ไม่เคยมี

ถึงเที่ยวท่อง ละอองถ้ำ น้ำตกป่า
ยลผกา อบอวล ในสวนศรี
แค่ชั่วครู่ ใช่นาน ซ่านฤดี
กลับทวี ตรอมตรม ขมถักทอ

คงคืนวัน ฉันแน่ ไร้แลรัก
จะนานสัก เท่าไร ช้ำใจหนอ
ร้อยพันหมื่น ยืนร่าง อย่างคนรอ
เปลี่ยน พ.ศ. รักมี ล้วน...สีดำ

กานต์


หัวข้อ: Re: ...เศร้า...
เริ่มหัวข้อโดย: little girl ที่ วันที่ 25 มิถุนายน 2012, 05:36:20
(http://upic.me/i/7g/nu031.gif) (http://upic.me/show/26986384)


ยามสุข  รักเป็น  เช่นกุหลาบ
ยามใหม่  รักรื่นราบ  แสนหวาน
ยามทุกข์  รักนั้น  อันตธาน
ยามร้าวราน  รักนี้  สีดำ
(http://upic.me/i/uh/bluebeer06.gif) (http://upic.me/show/13065248)


หัวข้อ: Re: ...เศร้า...
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 29 มิถุนายน 2012, 15:00:02


...คิดผิดไหม...

พ่อไม่มี ที่ดิน และสินทรัพย์
ความจนจับ แต่เดิม เริ่มชันษา
มีลูกน้อย คอยเลี้ยง กล่อมเกลี้ยงมา
ปรารถนา ได้ดี มีงานทำ

ไม่ลำบาก ถากดิน ขุดกินเผือก
มีให้เลือก ดื่มชิม กินอิ่มหนำ
งานหนักเบา เหมาสร้าง จ้างประจำ
งานบนบิน ดินย่ำ ดำทะเล

ขอให้ลูก ผูกใจ ใส่เรียนรู้
เชื่อฟังครู สู้ไป ไม่หันเห
ไม่สู่หญิง สิงชาย กิ๊กกายเกย์
ยอมทุ่มเท ตั้งจินต์ ที่ปริญญา

สิบพ่อค้า ไม่เท่า พระยาเลี้ยง
งานสุ่มเสี่ยง เลี่ยงหลบ เลิกคบหา
ราชการ งานแบ๊งก์ แย่งก่อนนา
เป็นดารา อย่าทำ ค้ำประกัน

จรดล พ้นผ่าน เนิ่นนานนัก
โอ.ลูกรัก หวังเป็น ได้เช่นนั้น
เรียนจบปั๊บ ลับกาย แยกย้ายพลัน
ปล่อยตัวฉัน เอกา ว้าเหว่ใจ

นั่งกอดเข่า เฝ้ามอง จ้องถนน
ลูกสามคน ตอนนี้ อยู่ที่ไหน
ยินแต่ความ ตามสาย สบายหรือไร
ลูกรู้ไหม พ่อเหงา เศร้าทุกคืน

กานต์



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...
เริ่มหัวข้อโดย: >_อนัตตา_< ที่ วันที่ 29 มิถุนายน 2012, 21:08:21
น่าสงสารคุณพ่อจังเลยค่ะ คงคิดถึงลูกมากน่ะค่ะ  :'( :'( :'(


หัวข้อ: Re: ...เศร้า...
เริ่มหัวข้อโดย: นายตะเข้ ที่ วันที่ 29 มิถุนายน 2012, 21:12:03
เศร้าไปใย..แม่ของลูกยังอยู่  ..ฮิฮิ :P


หัวข้อ: Re: ...เศร้า...
เริ่มหัวข้อโดย: little girl ที่ วันที่ 29 มิถุนายน 2012, 21:16:25
(http://upic.me/i/cp/1sri4.gif) (http://upic.me/show/14627974)


 อานิสงส์ของการสวดพระพุทธคุณ
พระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
วัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี

"จดหมายถึงลูก"

พ่อแม่ไม่มี เงินทอง จะกองให้
จงตั้งใจ พากเพียร เรียนหนังสือ
หาวิชา ความรู้ เป็นคู่มือ
เพื่อยึดถือ เอาไว้ ใช้เลี้ยงกาย

พ่อกับแม่ มีแต่ จะแก่เฒ่า
จะเลี้ยงเจ้า เรื่อยไป นั้นอย่าหมาย
ใช้วิชา ช่วยตน ไปจนตาย
เจ้าสบาย แม่กับพ่อ ก็ชื่นใจ

ถึงแม้จน ทนได้ ไม่ทุกข์หนัก
เท่าลูกรัก ประพฤติตน เป็นคนชั่ว
ลูกกี่คน ทนเลี้ยงได้ ไม่หมองมัว
ไม่โศกเศร้า เท่าลูกตัว ชั่วระยำ

พ่อแม่ส่ง ให้ลูกเรียน เพียรอุตส่าห์
พ่อแม่ฟันฝ่า อุปสรรค แสนหนักเหลือ
พ่อแม่ตั้งหน้า หาทุน มาจุนเจือ
พ่อแม่ทำเพื่อ ลูกเจริญ เดินก้าวไกล



(http://upic.me/i/cp/1sri4.gif) (http://upic.me/show/14627974)


หัวข้อ: Re: ...เศร้า...
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 30 มิถุนายน 2012, 22:56:38


...แม่จ๋า...
สูญน้ำตา มากมาย แล้วหลายครั้ง
แสนละเหี่ย เสียจริง น่าชิงชัง
ความผิดหวัง โหดเหี้ยม มาเยี่ยมเยืือน

ทุกคราที่ มีรัก ถูกหักอก
ต้องโฉลก คบเล่น แค่เป็นเพื่อน
คุยสนุก สุขศัพท์ นานนับเดือน
เธอเสมือน หญิงผู้ คู่เคียงกาย

เวลาวัน ผันผ่าน มินานนัก
คนที่รัก อย่างแรง กลับแหนงหน่าย
เศร้าถูกทิ้ง หญิงห่าง แทบวางวาย
หวังสุดท้าย แน่วแน่ อยู่แท้เทียว

...แม่จ๋า...
วอนวิญญาณ์ ของแม่ โปรดแลเหลียว
ช่วยดลใจ ให้หญิง รักจริงเดียว
ใจแน่นเหนียว จิรันดร์ เท่านั้นพอ

กานต์



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...
เริ่มหัวข้อโดย: Yim sri ที่ วันที่ 01 กรกฎาคม 2012, 11:03:24
จะอกหักสักกี่ครั้งนะคุณครู
ไหนว่าอยู่บ้านน้อยกลอยใจพี่
ทั้งเรือนเล็กเรือนใหญ่ มากมายมี
กานต์คนดีเสน่ห์แรงแซงหนุ่มเอย


ว่างๆไปเช็คหัวใจอีกครั้งนะคะ
ว่ามีกี่ห้อง
ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ;D


หัวข้อ: Re: ...เศร้า...
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 01 กรกฎาคม 2012, 11:32:20


ทั้งสี่ห้อง หัวใจ ให้สาวแล้ว
มาเดินแกร่ว แถวนี้ มีไหมเอ่ย
คนรักจริง ยิ่งยอด อยากกอดเกย
ขอเฉลย ยังว่าง ตรงกลางใจ

อธิบาย..กลางใจยังว่างจุได้อีกหลาย

กานต์



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...
เริ่มหัวข้อโดย: >_อนัตตา_< ที่ วันที่ 01 กรกฎาคม 2012, 21:58:31


ทั้งสี่ห้อง หัวใจ ให้สาวแล้ว
มาเดินแกร่ว แถวนี้ มีไหมเอ่ย
คนรักจริง ยิ่งยอด อยากกอดเกย
ขอเฉลย ยังว่าง ตรงกลางใจ

อธิบาย..กลางใจยังว่างจุได้อีกหลาย

กานต์


บอกหัวใจ ยังว่าง ตรงกลางห้อง
แอบถามน้อง แถวนี้ มีบ้างไหม
ปี้หนานทอง ต้องการ ตรงกลางใจ 
ยังสงสัย ว่าแต่ ไหวแน่น้า

จะไหวรึ  เหนื่อยน้า.... :-\ :-\ :-\


หัวข้อ: Re: ...เศร้า...
เริ่มหัวข้อโดย: little girl ที่ วันที่ 01 กรกฎาคม 2012, 22:13:34



ตรงกลางใจ จุได้ อีกหลายคน..พ่อหน้ามน คนเจ้าชู้ ขออยู่ไกล  
        



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 01 กรกฎาคม 2012, 22:17:15


นั่งเหงาก๊กงก เหมือนครกบ่ต๋ำ
ต๋าแดงหน้าดำ เป๋นก๋ำตั๋วอ้าย
ฮื้อๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...
เริ่มหัวข้อโดย: >_อนัตตา_< ที่ วันที่ 01 กรกฎาคม 2012, 22:26:08


นั่งเหงาก๊กงก เหมือนครกบ่ต๋ำ
ต๋าแดงหน้าดำ เป๋นก๋ำตั๋วอ้าย
ฮื้อๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ



คิกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: ...เศร้า...
เริ่มหัวข้อโดย: little girl ที่ วันที่ 02 กรกฎาคม 2012, 16:09:45

หัวใจพี่ สี่ห้อง น้องคงพลาด
มิบังอาจ ก้าวล้ำ หรือร่ำหา
มีเนื้อทอง เต็มห้อง ต้องอุรา
หญิงฤๅมา เทียบเท่า เหล่าโฉมนาง

เหลือ..ตกค้าง กลางใจ ชายเจ้าชู้
มิขอสู่  ประตูรัก เกรงจักหมาง
กว่าจะเดิน เหินเลี่ยง เบี่ยงหนทาง
ผ่านน้องนาง กี่คน คงจนใจ

(http://upic.me/i/r8/pianto2.gif) (http://upic.me/show/399209)







หัวข้อ: Re: ...เศร้า...
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 02 กรกฎาคม 2012, 22:06:19

หัวใจพี่ สี่ห้อง น้องคงพลาด
มิบังอาจ ก้าวล้ำ หรือร่ำหา
มีเนื้อทอง เต็มห้อง ต้องอุรา
หญิงฤๅมา เทียบเท่า เหล่าโฉมนาง

เหลือ..ตกค้าง กลางใจ ชายเจ้าชู้
มิขอสู่  ประตูรัก เกรงจักหมาง
กว่าจะเดิน เหินเลี่ยง เบี่ยงหนทาง
ผ่านน้องนาง กี่คน คงจนใจ

(http://upic.me/i/r8/pianto2.gif) (http://upic.me/show/399209)


มิเป็นไร ใจพี่ มีให้เจ้า
ทุกนางเท่า หยวนหยวน กันถ้วนหน้า
รักหลายข้าง สร้างภิรมย์ สมอุรา
ไยต้องมา จับเจ่า เฝ้าตรมตัน

มาคล้องแขน แทนใจ ให้สนุก
ร้องเพลงปลุก เพลิดเพลิน เดินตามฝัน
ชมจันทร์ดาว พราวแสง แข่งตะวัน
ความสุขสันต์ ก่ายกอง เป็นของเรา

กานต์









หัวข้อ: Re: ...เศร้า...
เริ่มหัวข้อโดย: little girl ที่ วันที่ 02 กรกฎาคม 2012, 22:22:04

รับไม่ได้ จากใจจริง หญิงคนนี้
เพียงฤดี เป็นหนึ่ง ซึ่งเคยฝัน
มีรักเดียว ครองเดียว เกี่ยวก้อยกัน
นางอื่นนั้น ไม่ให้หมาย ชายเคียงคลอ

(http://upic.me/i/dv/l7212.gif) (http://upic.me/show/36195176)


หัวข้อ: Re: ...เศร้า...
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 02 กรกฎาคม 2012, 22:30:44

รับไม่ได้ จากใจจริง หญิงคนนี้
เพียงฤดี เป็นหนึ่ง ซึ่งเคยฝัน
มีรักเดียว ครองเดียว เกี่ยวก้อยกัน
นางอื่นนั้น ไม่ให้หมาย ชายเคียงคลอ

(http://upic.me/i/dv/l7212.gif) (http://upic.me/show/36195176)


รักกันจริง กล้วยใบ ปันให้ครึ่ง
อย่าคำนึง กฎเกณฑ์ เช่นนั้นหนอ
รักเพื่อนจริง แบ่งเรียง ครบเพียงพอ
ร่วมอี๋อ๋อ ด้วยกัน สวรรค์อาย




หัวข้อ: Re: ...เศร้า...
เริ่มหัวข้อโดย: little girl ที่ วันที่ 02 กรกฎาคม 2012, 22:59:30

ความหมายกลาย ปลายบาน สราญเล่น
กลัวเป็นเช่น รอยอดีต กรีดเป็นสาย
ประสบการณ์ สอนผิด คิดทำลาย
ตัวเกือบตาย หมายพาด มาดอ้างอิง

ชมรมกลอน นอนสบาย คลายความร้อน
บทบางตอน แรงรัก ปักใจยิ่ง
แม้นเนื้อหา พาเรา เศร้าก็จริง
เป็นเพียงสิ่ง สร้างมา ภาษากลอน
          

:D ;)






หัวข้อ: Re: ...เศร้า...
เริ่มหัวข้อโดย: little girl ที่ วันที่ 03 กรกฎาคม 2012, 20:50:15
(http://upic.me/i/gc/imagescawzgafx.jpg) (http://upic.me/show/37093766)


โลกของฉัน มันคล้ำ ดำสนิท
ฉากรักปิด ด้วยบท ที่หมดเยื่อ
ความหลังก่อน ครั้งเก่า เฝ้าคลุมเคลือ
มาจานเจือ เถือรัก ให้หักรอน

ความอ่อนไหว ได้ทาง สร้างความคิด
มุ่งผลิต ผลงาน กานท์อักษร
ด้วยอารมณ์ ขมใจ ในบางตอน
จึงร่ายกลอน ตอนช้ำ ด้วยจำใจ


little girl

(http://upic.me/i/hx/9h028.gif) (http://upic.me/show/4235159)






หัวข้อ: Re: ...เศร้า...
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 18 กรกฎาคม 2012, 11:02:19


...เช้านี้ที่เหงาหงอย...

อากาศวิปริต     เมฆบังปิดอาทิตย์เจ้า
เจ็ดวันมิบางเบา     ความหมองเศร้าเข้ามาเยือน

ฝนตกมิสร่างซา     เปรียบน้ำตาข้าไหลเลื่อน
ลมจัดพัดมาเตือน     เหมือนหนาวเหน็บเจ็บทรวงใน

หลายวันที่ว่างงาน     ข้าวอาหารกักตุนไว้
กระเทียมหอมพริกไทย     ปลาร้าไข่ไม่เหลือเลย

ชีวิตคิดอนาถ     เกิดหนึ่งชาติทุกข์เกินเอ่ย
กายใจไม่เสบย     แต่ไม่เคยง้อขอกิน

ก่นกร่างกลางสภา     นิ้วชี้ด่าว่ากังฉิน
พวกมรึงจงยลยิน     กรูแทบสิ้นแล้วชีวัน

จัดซื้อหรือจัดจ้าง     รีบจัดสร้างจ่ายเงินผัน
ให้คนทำงานกัน     จะได้ทันวันเวลา

ลูกข้าเริ่มหิวโหย     ร้องโอดโอยเสียงแตกพร่า
ช่วยเหลือเอื้อเยียวยา     หรือให้ข้าอาชญากรรม

เช้านี้ที่หงอยเหงา    ออกร่อนเตาเอาจอกผำ
เก็บผักได้สักกำ     จิ้มพริกตำยำกินไป เฮ่อ...

กานต์




หัวข้อ: Re: ...เศร้า...บ้านนอกเข้ากรุง 1
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 07 สิงหาคม 2012, 11:53:10

ย่างเดือนแปด สิงหา ฟ้าขาดฝน
ทุกผู้คน ไม่มีกิน มองสิ้นหวัง
ข้าวที่เก็บ ก็ชะลอ พอประทัง
เลี้ยงชีพยัง กันอด หมดชีวา

พับผ้าเหลือ เสื้อใน ใส่ถุงปุ๋ย
ออกบ้านลุย ไปตาย วายดาบหน้า
ละผู้เฒ่า เฝ้าบ้าน อยู่ล้านนา
เที่ยวเสาะหา เงินงาน แถวชานเมือง

ดูป้ายจ้าง สร้างงาน ตามบ้านตึก
รองเท้าสึก สายกิ่ว กัดนิ้วเขื่อง
ถูกดุด่า ว่าวุ่น ตาขุ่นเคือง
บ้างหาเรื่อง เหม็นลาว ด้าวแดนไกล

แสนลำบาก ลากเท้า เข้าในวัด
กราบนมัส หลวงพ่อ ขออาศัย
วอนเมตตา อาหารเพล คนเข็ญใจ
ศาลาให้ พักผ่อน นอนค่ำคืน

หัวหนุนแขน แทนหมอน ก่อนหลับไหล
นึกขึ้นได้ มีเพื่อน เหมือนฝันตื่น
เป็นอาเสี่ย เมียมี เมื่อปีซืน
คงหยิบยื่น งานทำ ด้วยน้ำใจ

ยามเช้าตรู่ ผู้คน เดินล้นหลาม
เอ่ยปากถาม เพื่อนรัก รู้จักไหม
เขาส่ายหน้า อ้าปาก หันจากไป
คนอะไร ไม่รู้จัก...ศักดิ์ช่างซอ

ทอง โบตัน



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...
เริ่มหัวข้อโดย: Yim sri ที่ วันที่ 19 สิงหาคม 2012, 09:33:05
                  แม้จะทุกข์ อย่างไร ไม่ให้รู้

                  ปิดประตู ซ่อนไว้ ในใจฉัน

                  ฉาบความเศร้า เหงา ความโศก วิโยควาร

                  สุขสราญ แค่เบื้องหน้า  ทาภิรมย์

                  (http://upic.me/i/c0/68558.jpg) (http://upic.me/show/38383867)


หัวข้อ: Re: ...เศร้า...
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 21 กันยายน 2012, 12:36:33

" เสือกำสรวล " 1

ธรรมชาติ วาดชีวา ข้าเป็นเสือ
ตายได้เพื่อ พิทักษ์ รักษาถิ่น
คณานับ ทรัพย์กอง ของในดิน
ใครกอบโกย โบยบิน มิยินยอม

หมายปักหมุด สุดตา อาณาเขต
หากมีเหตุ รุกแดน แสนถนอม
ไล่ตะปบ ขบกัด ตวัดงอม
เข้าแนวห้อม ล้อมเกี่ยว กลิ่นเยี่ยวตู

ตาแดงกล่ำ คำราม ตามวัยถึก
โลดแล่นคึก คะนอง ฮึ่มร้องขู่
ขยับนิด บิดเอ็น เส้นกล้ามฟู
ออกโจมจู่ พริบตา ฆ่าทั้งเป็น

สัตว์ตัวน้อย ค่อยคลาน มิหาญกล้า
เกรงภัยพา ลำบาก หนียากเข็ญ
ท้าทะลึ่ง ขึ้งเดือด เลือดกระเซ็น
มีให้เห็น ป่นปี้ ทุกวี่วัน

เปรียบให้รู้ ผู้ชาย ดังคล้ายเสือ
ถูกแถกเถือ ดันด้ำ โหมห้ำหั่น
ฤๅคุดคู้ สู้ศึก ฮึกโรมรัน
จบชีวัน มันหรือข้า บ้ารบลุย

จะเสืออ้วน ท้วนล่ำ ผอมย่ำแย่
จะชแร เหี่ยวย่น ขนหลุดลุ่ย
จะฟันหลอ ถ่อร่าง ปากช่างคุย
เจอฟ้ามุ่ย ยามบิ่น เสือสิ้นลาย

กานต์



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...บ้านนอกเข้ากรุง 2
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 07 ตุลาคม 2012, 10:47:42

ดูท้องฟ้า นาข้าว ปวดร้าวจิต
เกินวิกฤต ดินแดง แห้งเป็นผง
ต้นถูกแดด แผดผลาญ ทั่วดานดง
ทิ้งใบลง ทับเถื่อน เกลื่อนกระจาย

ถ้าขืนรอ ต่อไป ไม่ไหวแน่
ยอมท้อแท้ แพ้พัก ช้าจักสาย
หากขืนสู้ ธรรมชาติ อาจถึงตาย
จำขวนขวาย หางาน แถวชานเวียง

มีรวงร้าน บ้านใด ให้รับจ้าง
งานก่อสร้าง ถักทอ ก็ไม่เกี่ยง
งานแบกหาม หาบหับ ขับลำเลียง
งานสุ่มเสี่ยง ขอตัว ชั่วไม่ทำ

โปรดเมตตา อาหาร แค่จานมื้อ
ไม่หาหือ เรียกต่อ พออิ่มหนำ
ที่ซุกตัว หัวนอน หมอนด่างดำ
ดีเหลือล้ำ กับคน จนเช่นเรา

จะตื่นเช้า เข้างาน มานมุ่งหมาย
จะน้อมจิต อุทิศกาย เพื่อนายเจ้า
ถ้ามีทุกข์ ร่วมด้วย ช่วยแบ่งเบา
และปัดเป่า คุ้มครอง ป้องเภทภัย

ค่าตอบแทน ไม่แพง ขั้นแรงต่ำ
เก็บออมนำ ฟื้นฟู กู้สวนไร่
หากปีหน้า ฟ้าบน ฝนเป็นใจ
พอชดใช้ ดอกหนี้ มีสุขเอย

กานต์



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...เพื่อนเรา
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 11 ตุลาคม 2012, 16:37:37

เมื่อปวดหัวตัวร้อนนอนไม่หลับ
มีไข้จับสับสั่นขวัญผวา
เหงาอกหักรักเดาะเจาะอุรา
แวบเข้ามามุมกาแฟแก้ทุเลา

ได้ระบายคลายทุกข์คลุกกับเพื่อน
ช่วยตักเตือนยามพลาดผิดขลาดเขลา
ปัญหาหนักจักจางลงบางเบา
ยั่วหยอกเย้าเอาจิตมิตรทุกวัย

ยามกลัดกลุ้มมุมนี้มีตลอด
แวะมาจอดถอดอารมณ์ที่ตรมไหม้
นั่งดื่มคุยลุยเล่นร้องเต้นไป
พอสุขใจไขว้ลำทำกิจตน

ใคร่ถามทักสักนิดปิดไฉน
หรือเลศนัยไล่ขับจนสับสน
หรือเหนื่อยหน่ายก่ายเบือแล้วเหลือทน
จึงปลีกตนพ้นไปไกลสุดแดน

อรุณเบิกเถิกฟ้าสางครานี้
คงไม่มี"เพื่อนเรา"เศร้าโศกแสน
ไร้ภิรมย์ซมสลดระทดแทน
เหลืออดีตติดแขวนกลางแผ่นทรวง

กานต์



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...โยกย้าย
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 17 พฤศจิกายน 2012, 21:08:10

เขาไหลริน ยินยอม ตอมตามติด
ก็อย่าคิด"คนจริง"ที่ยิ่งใหญ่
หมดคุณค่า สาธารณภัย
อยากหยิบใช้ แค่วัน ง่ายทันที

แหกปากโวย โกยอ้าว สู่คาวเปรอะ
ช่างเขาเถอะ ดีอีก เร็วหลีกหนี
ช้าให้ช้ำำ ทำเสีย เพลียฟรีฟรี
ปราศราคี พันธะ นะหัวใจ

ยืดขายาว ก้าวล้ำ ชิงตำแหน่ง
วิ่งเบียดแซง แย่งเพื่อน เลื่อนเป็นใหญ่
ข้ามหัวคน ผลงาน บานตะไท
เอาแต่ได้ อย่างเดียว ไม่เกี่ยวกัน

ถึงระทม ขมขื่น กล้ำกลืนไหม
กำลังใจ หายหด สรดโศกศัลย์
เชื่อโลกนี้ มีสุทธิ์ ยุติธรรม์
มินานวัน ผ่านพ้น ยลแพรวพราว

อันนินทา กาลี ที่ปนเปื้อน
แค่ลมเถื่อน ลุกลาม ปากสามหาว
พัดต้องหู รู้คัน มันครั้งคราว
พอบัดนาว ละลาย หายกับกาล

เพียรน้อมนำ ธัมมะ ปฏิบัติ
ช่วยขจัด ทุกขัง ที่ยังหาญ
แก้ที่เหตุ สำเร็จผล ดลดวงมาน
สุขสราญ สุดยอด ตลอดไป

กานต์

เขียนเบานานเข้าใจ   เขียนแรงไปให้เดือดร้อน
ขอจิตคิดเป็นกลอน   กราบวิงวอนผ่อนอภัย



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2012, 21:56:48

คำว่า "เศร้า" เคล้าน้ำตาอารมณ์โศก

แสนวิโยคปวดใจ ... จนไห้หวน

ทั้งสองเส้า สามเส้า เฝ้าคร่ำครวญ

โลกเหมือนอวลด้วยไอร้อนซ้อนอาดูร



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...
เริ่มหัวข้อโดย: นายตะเข้ ที่ วันที่ 21 พฤศจิกายน 2012, 21:27:46
รักแล้วเศร้า เหงาใจ ใยต้องรัก
เหมือนเข็มปัก ทรวงใน ให้ขื่นขม
รักแล้วพราก รักแล้วจาก ซากอารมณ์
แล้วใยก้ม หน้ารัก ให้ปักทรวง...

คนมีรัก รักจะสร้าง ไม่ร้างหมอง
รักเรืองรอง ตรองดู  คู่แมนสรวง
เหมือนพี่รัก ปักจิตน้อง คล้องคู่ควง
รักใหญ่หลวง มอบดวงใจ ใว้คู่เธอ..... ฮิฮิ ;D
 


หัวข้อ: Re: ...เศร้า...
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2012, 21:57:30

คุณหมอขา...
วอนเมตตา ชี้ทาง สว่างไสว
ผมเครียดจัด กลัดกลุ้ม สุมดวงใจ
ปัญหาใหญ่ ใช่น้อย คอยรุกราน

เขียนกลอนสัจ ปรัชญา ค่าชีวิต
เพื่อนหน้าบิด มองข้าม ไม่ตามอ่าน
ว่าเป็นเรื่อง เปลืองสมอง ดองกบาล
เล่านิทาน เก่ากรุ เถ้าพุพัง

เขียนฉอฉอด ออดอำ ด้วยคำหวาน
เพื่อนประจาน ถมทับ เมื่อลับหลัง
น่าอยู่วัด จัดของ ท่องอ่านฟัง
แก่แล้วยัง แลบเลีย ยกเบี้ยชู

เขียนตลก โปกฮา แสร้งบ้าใบ้
เพื่อนก็ใส่ ว้าวุ่น วัยคุณปู่
ทำทะเล้น เป็นลิง วิ่งเสาะรู
ไม่น่าดู เหมือนเด็ก-เล็กซุกซน

เขียนขึ้นดอย ลอยน้ำ ลงถ้ำลึก
นั่งนอนนึก ไม่เคย(ไป)เลยเพียงหน
ถ้ำเชียงดาว อ่าวพระ อินทนน
ยังมืดมน จนตรอก บอกบรรบาย

คุณหมอขา...
กรุณา บอกสักครั้ง ยังไม่สาย
เพื่อนไม่ชอบ ตอบย้อน กลอนเดียวดาย
ผมคงตาย แน่แน่ แย่แล้วเอย

กานต์



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2012, 14:55:47

" เสือกำสรวล " 2

สงสารสาง ร่างผอม เพราะตรอมเศร้า
โถ.เสือเฒ่า โก่งหลัง หนังแห้งเหี่ยว
สองแก้มตอบ ขอบตา หน้าซีดเซียว
ปากไร้เขี้ยว เหงือกช้ำ ดำเป็นทิว

เดินย่องแย่ง แรงหมด รันทดยิ่ง
จับสัตว์สิ่ง วิ่งไล่ ให้โหยหิว
จะบิดตัว กลัวเอ็น เป็นตะคริว
สี่เท้า.นิ้ว ติดล็อค ยามออกคลาย

พอคืบคลาน ผ่านโคน ต้นแสม
ถูกลิงแหย่ หน้าเงย เลยล้มหงาย
แมวยังมี สีแสง คั่นแล่งกาย
เสือหมดลาย อายสิ้น ฟ้าดินไพร

เพื่อนเย้ยเยาะ เทาะแทง แสร้งยลยิ้ม
ทำกรุ่มกริ่ม แลบเลีย เสียมิได้
แท้สลด อดสู อยู่ภายใน
ซ่อนเก็บไว้ ใจเสือ สุดเหลือทาน

มันทำท่า บ้าใบ้ ไม่รู้ไม่ชี้
หลากวิธี มีไว้ ใช้สังหาร
ความเป็นเสือ เจือฝัง อหังการ
เขาอาจตรา ว่ามาร พาลสตรี

ชื่อว่าเสือ อยู่อย่างเสือ ตายอย่างเสือ
ถูกแถกเถือ ยังรัก ในศักดิ์ศรี
ใครบ้างล่ะ ชนะเฮ ทุกเวที
แพ้บ้างซี รู้ตรม ขมเช่นไร

กานต์



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...เสือกำสรวล 3
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2012, 19:34:04

เดินงุ่นง่าน เงยหน้า มองฟ้ากว้าง
ไกลสุดทาง ลิบตา แนวป่าใหญ่
ลมโชยพัด สะบัดมา ครั้งคราใด
สะท้านใจ โอนเอน แทบเป็นลม

เห็นเมฆฝ้า ตาลาย คล้ายทิวเทือก
สะอื้นเฮือก รันทด เหลืออดข่ม
เลยค่ำแลง แสงจาง น้ำค้างพรม
ทิ้งตัวจม ดินอ่อน นอนเดียวดาย

ความหิวจับ สัปดาห์ ไร้อาหาร
เสือพิการ โอดโอย โหยกระหาย
สัตว์น้อยใหญ่ ไคลคลาน ผ่านมากมาย
ได้แต่ชาย ตาจด หมดเรี่ยงแรง

ยินจิ้งหรีด เรไร นกไพรร้อง
เสียงกึกก้อง ฟ้าลั่น เหมือนกลั่นแกล้ง
สักกวัดใบ ไผ่สีกอ ดังถ่อแทง
เจ็บปวดแฝง ทั่วร่าง มิสร่างเซา

จนดาวเคลื่อน เดือนคล้อย เมฆลอยต่ำ
ความเงียบงำ มืดสลัว ทั่วขุนเขา
ไก่ป่าขัน กระชั้นแว่ว มาแผ่วเบา
คิดถึงเจ้า เศร้าเพิ่ม เติมอุรา

คงอีกคืน ตื่นหลับ แสนสับสน
นอนทุรน ก่นคำ น้ำนองหน้า
จับตะคริว นิ้วน่อง ท้องหลังชา
เสือชรา ดวงทรุด หยุดหายใจ

กานต์



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...ที่พึ่งสุดท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 24 ธันวาคม 2012, 21:21:15

หลับตาลง ปลงได้ อย่างไรเล่า
คืนก่อนเจ้า แขนเกี่ยว เที่ยวที่ไหน
นั่งในผับ คลับบาร์ จ้องหน้าใคร
ยกแก้วไวน์ ชนกัน สนั่นฟลอร์

สุดเสียใจ ไร้สิทธิ์ คิดเอ่ยอ้าง
ยืนหยัดร่าง ยักแย่ ดุจแพถ่อ
เราเด็กวัด ซัดเซ เท่ไม่พอ
ชายรูปหล่อ คลอเคล้า เฝ้าเชยชม

คนต่ำต้อ คอเอียง หมายเคียงฟ้า
ชาติเช่นกา เพียงดิน สิ้นเหมาะสม
ได้แต่ฝัน พลันสลาย กลายเป็นลม
ความขื่นขม โจมจับ ทับทวี

เดินตลอด ทอดใจ บนไหล่ข้าง
ถนนกว้าง เร่งรุด ไกลสุดที่
เห็นจุดหมาย ปลายถึง หนึ่งไม่มี
ปล่อยฤดี หม่นหมอง ครองน้ำตา

ค่ำอาศัย ใต้กุฏี ซุกที่วัด
ดึกสงัด จิตหลอน นอนผวา
เช้าเสียงสวด กรวดน้ำ พร่ำเมตตา
แสนซาบซ่า กระมล ยามยลยิน

กราบนมัส ศรัทธา สัมมาพุทธ
บริสุทธิ์ ผุดใส ใคร่ถวิล
ขอชำระ สะสาง ล้างมลทิน
หายหมดสิ้น รักลวง จากดวงใจ

กานต์



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...เผาป่า
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2013, 21:36:24

เผาทั้งดอย คอยฝน หล่นลงฉ่ำ
ต้นซับน้ำ ผลิใบ กว้างไพศาล
มือมนุษย์ จุดไฟ ใจต้องการ
เพียงผักหวาน เห็ดถอบ มันชอบกิน

ฝุ่นพิษวน ปนเปื้อน เกลื่อนควันหมอก
เหนือ.วันออก.ตก.ใต้.ไปทั่วถิ่น
ฟ้ามืดดำ น้ำขุ่น อุ่นในดิน
ลมพากลิ่น เหม็นคลุ้ง ฟุ้งกระจาย

เด็กทารก ตกใจ ไอติดขัด
เชื้อไข้หวัด ฝืดคอ ใส่ท่อสาย
เกิดตุ่มตื่น ผื่นดัน คันระคาย
อันตราย ปอดโล่ง ถุงโป่งพอง

ทำงานหนัก หักโหม โถมผาดโผน
ขาดโอโซน พอเพียง เลี้ยงสมอง
ฟิวส์ขาดผึง ถึงช็อค น็อคลงกอง
ด่วนประคอง เรียกหวอ ต่อโรงยา

เห็นแก่ตัว ชั่วช้า กล้าทำผิด
เอาชีวิต พืช.สัตว์ มาตัดฆ่า
เล่นทดลอง ของน้อย ด้อยราคา
ด้วยตัณหา โลภมาก อยากได้เงิน

ความวิบัติ สัตว์หมดไป ไม้หมดป่า
นี่หรือว่า ฅ ฅน ชนสรรเสริญ
ธรรมชาติ เสียหาย มากมายเกิน
ความยับเยิน เมื่อไร ได้เหมือนเดิม

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...เผาป่า 2
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 06 เมษายน 2013, 18:55:54

ความยากจน ข้นแค้น แสนสาหัส
เจ้าจึงตัด ต้นไม้ ใกล้หุบเขา
ทั้งต้นเล็ก ต้นใหญ่ ไม้หนักเบา
เลื่อยเป็นเสา เผาเป็นถ่าน รานเป็นฟืน

บ้างจุดไฟ ไหม้สิ้น เหลือดินซาก
ด้วยความอยาก ผักหวาน ยอดบานรื่น
เถ้าถมทับ อับสปอร์ รอวันคืน
น้ำชุ่มชื้น เกิดเม็ด เห็ดถอบกลม

เห็นผักหวาน เห็ดถอบ คนชอบซื้อ
สองสามมื้อ เบื่อแย่ มันแก่ขม
เงินที่ขาย จ่ายไป พร้อมสายลม
หมอกควันรม มืดดำ อำทั่วเมือง

โรคทางเดิน หายใจ จามไออืด
โรคหอบหืด อันตราย ใช้สายเครื่อง
ตาปวดแปลบ แสบคัน กันเนืองเนือง
รัฐหมดเปลือง รักษา หยูกยาคน

ขึ้นไปเหนือ เมื่อวาน ได้พานพบ
ตลอดวัน ควันตลบ กลบถนน
ขับรถช้า ขวาเลี้ยว กลัวเฉี่ยวชน
ต้องมีฝน ชะล้าง จะสร่างซา

หวังเงินบัตร ปัจจัย ไม่รู้คิด
ว่าชีวิต พืชสัตว์ ถูกตัดฆ่า
ไหม้ซ้ำซาก หากเยือน เดือนมีนา
อนิจจา...นี่หรือ คือ.มนุษย์!

รพีกาญจน์

 


หัวข้อ: Re: ...เศร้า...ยินข่าวช้างตกมันบ่อยๆ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 24 เมษายน 2013, 10:56:00

ฝ่าเปลวแดด แผดเผา เข้าหน้าร้อน
ที่พักผ่อน อาศัย ร่มไม้เสี้ยง
พืชผักลด หมดกอ ไม่พอเพียง
จะหล่อเลี้ยง เรือนกาย อุ้ยอ้ายโต

น้ำหน้าแล้ง แห้งขอด ตลอดสาย
เคยแหวกว่าย ยามเย็น เล่นผลุดโผล่
ช่วยระบาย คลายบ้าง ร่างผอมโซ
เจ้าของโง่ ใช้งาน นานทั้งวัน

ช่วงหนาวเหน็บ เจ็บใน โรคไข้ป่วย
อ่อนระทวย ผิวย่น ขนลุกสั่น
มิการุญ สมุนไพร ใช้แก้กัน
พอร้อนพลัน สะบัด ขัดขุ่นเคือง

คน สัตว์ คือ สิ่งที่ มีชีวิต
รู้สึกคิด ฉลาด ต่างปราดเปรื่อง
ถือเป็นเจ้า เอารัด สัตว์เนืองเนือง
มิสนใจ ใยเบื้อง เรื่องดูแล

ไม้ฟาดเฟี้ยว เกรี้ยวกราด ตวาดสั่ง
ควบขี่หลัง สำทับ ขอสับแส้
ถึงเจ็บช้ำ น้ำตาร่วง ร้าวดวงแด
ยอมพ่ายแพ้ ละแค้น ทดแทนคุณ

มนุษย์เอย เลยจุด สุดอดกลั้น
ช้างตกมัน จังก้า อารมณ์ฉุน
ความจำเสื่อม สติเสีย สิ้นเยียบุญ
เบนเหหุน เตรียมหัน ประจัญบาน!

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...กี่น้ำตา?
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 12 พฤษภาคม 2013, 13:50:21

" ยุบโรงเรียน "

 :( :( :(

อิฐกี่ก้อนซ้อนก่ายทรายกี่ถัง
เหล็กกี่เส้นซีเมนต์ชั่งกี่ถุง
หินกี่ลำน้ำฟรีกี่กระบุง
ข้าวกี่ยุ้งใช้คนเลี้ยงคนงาน

โค่นต้นไม้กี่ต้นกี่คนตัด
ลงมือคัดกี่ท่อนทอนกิ่งก้าน
เลื่อยขื่อแปกั้นฝ้าฝาเพดาน
หน้าต่างบานประตูกี่คู่โครง

กี่แรงงานวานจ้างสร้างกี่ตอน
ฝนหนาวร้อนร่วงใบไม้ผลิโปร่ง
กี่ศรัทธาร่วมปลูกผูกใยโยง
เสร็จรูปโรงเรียนวัดกี่ปัจจัย

โรงเรียน.วัด.หมู่บ้าน.ฐานศักดิ์สิทธิ์
สามวิถีขีวิตอันยิ่งใหญ่
ที่มาระบอบประชาธิปไตย
ขาดหนึ่งใดสังคมล่มพังภิน

โรงเรียนก่อพ.ศ.ใดบอกให้รู้
รุ่นทวดปู่ย่าตายายได้เรียนสิ้น
ถูกกฎก่นป่นปี้บี้ลงดิน
น้ำตารินไหลรี่กี่น้ำตา?

 :'( :'( :'(

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...กี่น้ำตา?
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 22 พฤษภาคม 2013, 17:23:25

เราเป็นครูผู้น้อยพลอยสิ้นหวัง
รับคำสั่งหัวหน้าว่าสถาน
หวังพึ่งพิงอิงเขตเทศบาล
กลับสนองการเมืองหวังเฟื่องฟู

เพราะพวกผุดจุดเป็นรวมเซนเตอร์
องค์กรเออคนออจอแจอยู่
รวบอำนาจเบ็ดเสร็จเผด็จครู
เพื่อก้าวสู่อาเซียนศิวิไลซ์

อำนาจล้นผลลัพธ์สนับสนุน
ช่วยค้ำจุนประโยชน์อันยิ่งใหญ่
สร้างเครือข่ายสายท่อพ่วงต่อไป
ล่างรับใช้หนุนเนื่องชูเบื้องบน

สถาบันบางแห่งยื้อแย่งเด็ก
คอยสำรวจตรวจเช็คเด็กทุกหน
ยื่นให้พอล่อตัวยั่วกระมล
ทั้งแถมแหลกแจกจนของล้นมือ

โครงการหรูกู้แบ๊งค์ซื้อแปลงใหญ่
ที่ดินใช้สร้างอาคารอย่าหาญหือ
ผู้ซื้อขายรายเก่าที่เขาลือ
ทุกรายคือเพื่อนพ้องน้องเนืองเนือง

โรงเรียนยุบยังอยู่ครูเด็กย้าย
แสนเสียดายอาคารนานเก่าเหลือง
งบประมาณแผ่นดินหมดสิ้นเปลือง
โปรดอย่าเคืองพูดมากปากมันคัน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...เงินแต่งงาน
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 13 มิถุนายน 2013, 21:36:31

พ่อนั่งสอน นอนสั่ง ตั้งแต่เด็ก
รู้เก็บเล็ก ผสมน้อย ค่อยอดเก็บ
เย็บผ้าทอ ต่อติด ขีดตัดเย็บ
พับตะเข็บ เม้มใน ถุงใบลาย

ค่าขนม นมเนย ที่เคยได้
เช้ามืดไป โรงเรียน แม่เพียรจ่าย
ซื้อบาทหนึ่ง หนึ่งเหลือ เหลือห่อชาย(เสื้อ)
นำสอดส่าย ถุงน้อย ห้อยเสาออม

ปลายสัปดาห์ อาทิตย์ เสาร์ปิดหยุด
รับจ้างขุด ดินพรวน สวนผักหอม
พอว่างเปล่า เข้าลาน สานชะลอม
ละลายสี คลี่ย้อม ม่อฮ่อมดำ

หาบน้ำอ้อย ลอยป่า ฝึกค้าขาย
ออกเดินสาย ช่วยงาน เล่นสานต่อ
ร้องลิเก เฮรำวง กะโลงซอ
เงินมีพอ เรียนฝัน ชั้นอุดม(ศึกษา)

บรรจุครู อยู่สอน นอนกลางป่า
รับเงินตรา เท่าไร ได้สะสม
ขุดหน่อไผ่ ใบสอย หอยปลางม
กินขนม ข้าวดำ คลุกน้ำตาล

พับเขียวแดง แบ๊งค์ใหม่ ใช้ยางรัด
ห่อเป็นมัด ยัดถัง ซ่อนหลังบ้าน
ลับขโมย ฉวยกัน อันตรธาน
จะแต่งงาน เปิดดู ตูเป็นลม!

เงินหมื่นบาท ถูกปลวกแทะกิน
นับที่ใช้ได้ เหลือเพียงเจ็ดพัน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...ไม่มีวันนั้นอีกแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 20 มิถุนายน 2013, 17:22:19

มือแตะมือ ถือขัน ยอพลันสรง
น้ำไหลลง รางริน ยินคำขาน
ยาปาตุ ภูตา...บูชากราน
อธิษฐาน พระเจดีย์ศรีจอมทอง

ว่าคู่บ่าว สาวรัก สมัครจิต
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ อวยชัย ให้เราสอง
พบสันติ ภิรมย์ สุขสมปอง
ร่วมเคียงครอง นานนับ ถึงกัปกัลป์

ตาจ้องตา หน้าบาน สราญรื่น
ส่งมือยื่น มือรับ มือจับมั่น     
จุดธูปเทียน เวียนวง องค์ธาตุธัญ
จำเริญขวัญ สามหน พร่ำมนตรา

พลอยพยัก ตักบาตร หย่อนหยาดเหรียญ
กราบนบเศียร พระสถิต ทุกทิศา
ร่วมทำบุญ จุนเจือ เอื้อวัดวา
น้ำประปา ค่าไฟ ใช้จำเป็น

เดือนเต็มดวง เดือนเก้า มีเราสอง
แล้วนวลน้อง อยู่ไหน พี่ไม่เห็น
คงล่องลับ กับฟ้า คราเดือนเพ็ญ
รับลมเย็น ซูบเซียว แต่เดียวดาย

รพีกาญจน์

งานสรงน้ำพระธาตุศรีจอมทอง ปีนี้ตรง 23 มิถุนายน



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...เชื่อเขาทำไม?
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 11 กรกฎาคม 2013, 21:31:56

มีพ่อแม่แลลูกปลูกกระท่อม
ขนาดหย่อมริมทุ่งมุงใบจาก
เสาแปดต้นตอไผ่ฝาไม้ฟาก
ร้อนหนาวมากฝนลงคงสบาย

ข้าวเกี่ยวนาปลาหนองน้ำคลองใส
ผักเกาะไต่ใบต้นผลขยาย
ปล่อยเป็ดไก่หมูกินตามดินทราย
เลี้ยงวัวควายลากเกวียนเวียนใช้งาน

น้อยนิดเจือเหลือแบ่งมิแก่งซื้อ
ยอมนับถือพี่น้องคล้องประสาน
ผูกพันจิตคิดอวยร่วมช่วยการ
ฝากลูกหลานเรียนวิทย์ศิษย์หลวงตา

กินอยู่เพลินเดินทางอย่างเป็นสุข
แสนสนุกทุกวันชื่นหรรษา
ลางวอดวายหลายสิบปีที่ผ่านมา
เทวดาร่างขาวก้าวลงเครื่อง

นำเทคโนโลยี่ที่สมัย
ศิวิไลซ์มาสู่หลงฟูเฟื่อง
ปรับวิถีชีวิตคิดรุ่งเรือง
พาบ้านเมืองลงเหวเปลวอัคคี

เศร้าหดหู่รู้ทันมันก็สาย
ความเสียหายยับเยินเกินสุดที่
กลับตั้งก่อพอเพียงเลี้ยงชีวี
ล่มครั้งนี้เพราะเรา..เชื่อเขาทำไม?

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...เชื่อเขาทำไม 2
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 12 กรกฎาคม 2013, 18:29:59

สู่บ้านนอก คอกนา ถึงป่ากว้าง
ตัดภูเขา เผาสร้าง ทำทางใหญ่
เป็นผุยผง ลงหลัก ปักเสาไฟ
ของหลั่งไหล ประโยชน์ ปนโทษมี

โทรทัศน์ พัดลม หม้อต้มนึ่ง
แก๊สลังถึง กระทะทอด หลอดไฟสี
เครื่องซักถู ตู้เย็น เล่นซีดี
เสียงดนตรี ชมหนัง ฟังร้องรำ

ค่าแพงเบา เอาก่อน ค่อยผ่อนจ่าย
เจ้าของเงิน เดินสาย ทวงบ่ายค่ำ
กองทุนกู้ หมู่บ้าน ร้านประจำ
จับกลุ่มค้ำ ชำระ ธนาคาร

ถอยสี่ล้อ มอเตอร์ไซด์ ไอโฟนเอี่ยม
โน้ตบุ๊คเปี่ยม เครื่องมือ เพื่อสื่อสาร
ปลูกบ้านใหม่ ใช้หิน ปูนดินดาน
กินอาหาร รสจรุง ปรุงโอชา

หนักไม่เอา เบาไม่สู้ อยู่ตามผับ
ควงสลับ จับคู่ เวียนจู๋จ๋า
ท่ามกลิ่นไอ บุหรี่ อี สุรา
รัมมี่ ม้า บอล มวย หวย ไฮโลว์

สภาพ ปัจจุบัน ในวันนี้
คนไม่ดี ช้าชัก มากอักโข
ชอบถ่มถุย คุยเบ่ง นักเลงโต
วางท่าโก้ โอ่โถง ล้วนโกงกิน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...เชื่อเขาทำไม 3
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 13 กรกฎาคม 2013, 13:58:12

สองเท้าดำย่ำนาหญ้าจมมุด
ดินช่วยยุดใบยอกอข้าวแน่น
น้ำเย็นใสไหลรวมท่วมคันแดน
ปลาโลดแล่นหอยเกาะปูเลาะตม

คลื่นกระฉอกจอกแหนทบแพผำ
สาหร่ายลำทะลักพันผักขม
มีแมงจอนซอนซอกออกจากหล่ม
ร้องระงมจิ้งหรีดกรีดก้องไพร

แมลงปอล้อลมชมแดดอ่อน
ผีเสื้อว่อนผึ้งวงลงตอมไต่
เกสรเหลืองละอองงามยองใย
เสียงเรไรนกเขาขันจุ๊กกรู

สวรรค์หวานบ้านนาคราอดีต
ความเจริญสุดขีดเข้ามาสู่
ใช้ฮอร์โมนพ่นยาฆ่าศัตรู
สัตว์พืชอยู่รอบข้างร่างล้มตาย

เหลือต้นข้าวราวนาไร้ปลาหอย
ผักไม้พลอยหมดสิ้นจากดินหาย
เหลือค้างดานสารซากพิษมากมาย
โทษมหันต์อันตรายทำร้ายคน

ถูกปล่อยปละละนานควานสาเหตุ
สู่เกษตรอินทรีย์ที่เริ่มต้น
ตรวจสอบทุนคุณภาพทราบพิษปน
จะส่งผลเลิศเลอกี่เปอร์เซ็นต์?

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...เชื่อเขาทำไม 4
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 14 กรกฎาคม 2013, 15:24:49

พืชขุดพรวน สวนครัว รั้วกินได้
เลื้อยพันไต่ นั่งร้าน ยานลงห้อย
หัวรากเหง้า เหล่ากอ หน่อไผ่ดอย
เกาะกลุ่มลอย ผิวน้ำ เป็นลำแพ

เหี่ยวแห้งกรอบ ยอบแยบ แฟบร่วงหล่น
ถึงคราฝน ตกพรำ น้ำขังแช่
พืชผักหญ้า ปลาตาย หงายท้องแบ
เวรกรรมแท้ สารพิษ ค้างติดดิน

น้ำอากาศ ล่างบน มีปนเปื้อน
กว่าง ไส้เดือน แมงมัน พลันสูญสิ้น
กบ อึ่งอ่าง คางคก ไร้นกบิน
น้ำอาบกิน เน่าเหม็น เห็นโคลนทราย

ก่อนฟืนไฟ ได้ฟรี มิมีแล้ว
น้ำสักแก้ว ต้องรอ ต่อแถวจ่าย
ถูกลมใส่ ไส้กิ่ว หิวตาลาย
ข้าวสักก้อน ช้อนจะฟาย ตายไม่มอง

เพราะสังคม ซมชั่ว เอาตัวรอด
ดังจิ้งจก นกปรอด สีถอดถอง
หากบ้าเบี่ยง เพลี่ยงพล้ำ ซ้ำกระบอง
เพื่อนครอบครอง ตำแหน่ง แย่งเอนอิง

ผูกเงื่อนงำ สำรวม สวมหน้ากาก
ซีดตายซาก ป้ายเพ้นท์ ทะเล้นยิ่ง
ร่างพิไล ใสเนื้อ เสือตัวจริง
เร็วกว่าลิง โลมลูบ จูบไอติม*

รพีกาญจน์

*เลียแข้งเลียขา



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...เชื่อเขาทำไม 5
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 15 กรกฎาคม 2013, 10:41:32

ครอบครัวมีลูกมากเอาฝากวัด
ขอสอนหัดจัดดูรู้หนังสือ
เลขคณิตคิดตรึกลองฝึกปรือ
อี อึ อือ นักธรรม คำบาลี

ก่อนฟ้าฮามตามพระบิณฑบาต
ทำสะอาดช้อนจานงานหน้าที่
เก็บปัดกวาดวิหาร ลาน กุฏี
แล้วรีบรี่พากเพียรเรียนศาลา

หน่วยก้านดีพอใช้ใจสมัคร
สมควรจักเลือกสรรก่อนพรรษา
จัดแจงบวชสามเณรเป็นสังฆา
ถึงครูบาอายุลุท้ายวัย

ปฏิบัติไม่ขาดศาสนกิจ
มิยึดติดปรากฎลาภยศใหญ่
ยึดถือความพอดีสี่ปัจจัย
โปรดเวไนยย่ำเท้าเปล่ายวดยาน

มีลูกมากยากจนแค่คนสอง
วัดวาหมองพระน้อยคอยสืบสาน
เอาใจให้ภิรมย์แก่สมภาร
สร้างวิมานปากว่าหาประเคน

ลองขึ้นรถลงเรือเหนือจดใต้
วัดน้อยใหญ่อารามงามโดดเด่น
คนใจบาปหยาบดำกระทำเวร
มีให้เห็นตนตัวทั่วเขตคาม

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...เชื่อเขาทำไม 6
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 15 กรกฎาคม 2013, 15:24:51

สักแต่ว่ามีดินก็สิ้นเรื่อง
เที่ยวคุยเขื่องว่าสวยร่ำรวยได้
ขุดหลุมกว้างห่างวากล้าลำไย
ปลูกลงไปสามปีมีผลงาม

มิรู้ดินร่วนเหนียวเปรี้ยวเค็มฝาด
มีแร่ธาตุต้องการสารต้องห้าม
ที่ราบลุ่มอุ้มน้ำฉ่ำทุกยาม
หรือโขดขามหินแกร่งแห้งกันดาร

วอนเทวาฟ้าบนขอฝนช่วย
น้ำคูคลองหนองด้วยห้วยละหาน
บ่อน้ำตื้นลื่นเลาะเจาะบาดาล
หรือลำธารไหลวนล้นพนัง

เตรียมท่าลุยปุ๋ยใส่ใบดอกผล
บำรุงช่อฮอร์โมนพ่นหว่านฝัง
เพิ่มธาตุดินอินทรีย์ที่ผุพัง
ให้ก่อนหลังระยะกะคำนวณ

เจ้าหน้าที่วิชาการงานเกษตร
ออกนิเทศสอบคำสำรวจสวน
แพร่ความรู้ดูแนะและชักชวน
ร่วมขบวนต่อต้านสารเคมี

มิเห็นกายหลายเดือนเยือนอีกครั้ง
คงผิดหวังไม่เป็นตามเกณฑ์ที่
จะบอกนายรายงานท่านไงดี
แต่เราซีหนี้ยับครับขาดทุน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...เชื่อเขาทำไม 7
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 15 กรกฎาคม 2013, 21:57:41
เพราะสูงสอง ของแพง ค่าแรงเพิ่ม
ช่วยต่อเติม กำไร ได้ยอดขาย
หักต้นทุน หุ้นปัน ผลบั้นปลาย
ผู้ต้องจ่าย ท้ายมือ คือคนจน

เลี้ยงคนงาน ร้านขาย ให้นายห้าง
เสียสตางค์ ภาษี ที่สับสน
เสียสุดทาง กรุงเทพฯ ถึงตำบล
ซ้อส เกลือป่น เครื่องปรุง กุ้ง น้ำปลา

ดรรชนี ชี้ช่อง ค่าครองชีพ
ความจนบีบ กล้วยใบ ไข่ มาม่า
ต้องปากกัด มือปั่น ยันบาทา
รับเงินมา เท่าไร ก็ไม่พอ

ค่าแรงมาก จากเดิม เพิ่มสามร้อย
สินค้าคอย ยืนท่า หน้าแล้วหนอ
กับข้าวถูก ผูกขาด ผักกาดจอ
มื้อเย็นต่อ จิ้มจ้ำ น้ำพริกแดง

ยุดชีวิต สืบไป อย่าให้สิ้น
มีของกิน หลายอย่าง วางตามแผง
เห็นราคา ดีใจ ไม่เปลี่ยนแปลง
หายคลางแคลง ลดน้ำหนัก หักปริมาณ

เพราะเชื่อเขา เราได้ ใช้ของสูง
ช่วยผดุง เงินตรา ฐานะท่าน
หากพรุ่งนี้ ยังว่าง หมดจ้างงาน
ละลูกหลาน เอาอะไร ใส่ปากกิน

รพีกาญจน์

 


หัวข้อ: Re: ...เศร้า...เชื่อเขาทำไม 8
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 16 กรกฎาคม 2013, 12:00:39

เตรียมจตุปัจจัยใส่พร้อมครบ
ยกยอนบศีรษะก่อนถวาย
อุทิศส่วนกุศลดลสัมปราย
ขอสุขกายใจเพลินรวยเงินทอง

บังเกิดดีผู้ให้ได้ผู้รับ
พรย้อนกลับร้อยคำนำสนอง
จงมั่งมีภิรมย์สุขสมปอง
เป็นเจ้าของที่ดินสินอนันต์

พรปลอบปลุกถูกใจใช่ตลอด
จงแจ๊ดพอตสักครั้งดังนึกฝัน
หวยชุดใหญ่เรียงเบอร์เจอรางวัล
ลูกหลานเป็นนายพันชั้นนายพล

ท่ามชีวิตยากจนบนความหวัง
อยากได้ตังค์ถูกหวยรวยสักหน
ออกหมดจากซากทุกข์ซุกกมล
ต้องอดทนตรำงานมานานปี

อนาคตเงียบเหงาดังเขาสร้าง
มองรอบข้างทางไกลไร้แสงสี
เงยขึ้นบนฝนฟ้าไม่ปราณี
พืชผลมีช่างโหดกดราคา

พึ่งตัวแทนรับปากเหมือนสากเปล่า
หันพึ่งเจ้าพึ่งผีคงดีกว่า
น้อมสาธุเบิกบุญหนุนนำพา
เข้าพรรษาเงินเข้ามือซื้อของทาน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...เชื่อเขาทำไม 9
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 16 กรกฎาคม 2013, 22:32:34

ปัจจัยสี่มีแพ็คเสร็จสำเร็จขาย
วางเรียงรายทั่วไปว่าใหม่เฉย
บ้างเป็นดุ้นฝุ่นจับทับหนาเลย
ปากอ้างเอ่ยรับรองของดีดัง

ล้วนส่วนมากกากเก่าเหลาเหลือโหล
มิอาจโชว์ยี่ห้อห่อหุ้มหลัง
มีเหี่ยวหดหมดอายุซองผุพัง
อัดแน่นใส่ในถัง...สังฆทาน

งานบุญไทยใหญ่โตโทรสั่งห้าง
ถึงปลายทางนำส่งลงสถาน
พระสวดเสร็จเทศน์จบนบสักการ
บริวารเก็บไว้ในกุฎี

หน่วยคัดกรองของงามตามลำดับ
พอมากโขโทรกลับร้านเร็วรี่
ประมูลเหมาเอาปลีกขายอีกที
ทำเช่นนี้ลือกันแซดในแวดวง

หากอุทิศถวายไว้ภายหน้า
มีเสื้อผ้าเครื่องใช้ใจประสงค์
เป็นของเก่าเจ้าใครให้งวยงง
วิญญาณคงตะแบงแย่งวุ่นวาย

ไม่กี่วันเข้าพรรษาแก้วตาเอ๋ย
ไฉนเลยเชื่อเขาเราเสียหาย
ซื้อของชำจำเ้ป็นเห็นมากมาย
ประหยัดง่ายสดใหม่ได้บุญจริง

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...เชื่อเขาทำไม 10
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 22 กรกฎาคม 2013, 13:53:24

โครงการหรู สู่เกษตร เขตจำเพาะ
พื้นที่เหมาะ กับงาน การผลิต
เพื่อสอดคล้อง ของเดิม เพิ่มชีวิต
จะพิชิต อุปสรรค จักมีกิน

ร่วมตกลง ทำตาม สามประสาน
เกษตร การคลัง องค์กรส่วนท้องถิ่น
ให้ความรู้ ดูแล น้ำและดิน
คุณภาพสินค้า น่าปลอดภัย

จดต้นทุน บริหาร การตลาด
ราคาถูก ผูกขาด ปราศเงื่อนไข
ขายตรงต่อ บริโภค โยกกลไก
ด่วนทันใจ ใหม่สด งดเคมี

วางเป้าหมาย รายได้งาม วันสามร้อย
เป็นอย่างน้อย เทียบทัน ชั้นศักดิ์ศรี
หวังผลคาด ปราดเปรื่อง เรืองทวี
ขึ้นเวที ปีหน้า สู่อาเซียน

คงช่วงทำ สำรวจ ตรวจออกแบบ
เสนอแนบ ขั้นตอน ย้อนปรับเปลี่ยน
กรรมการ หยิบโยน ลอยวนเวียน
นี่ก็เจียน ใกล้จบ งบประมาณ

ทุกวันนี้ ยังยอ ขอน้ำฟ้า
พืชผลราคาร่วง ป่วงสังหาร
รอพระเอก ม้าขาว แสนยาวนาน
กว่าถึงลาน จะช่วย คงม้วยมรณ์

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...เชื่อเขาทำไม 11
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 23 กรกฎาคม 2013, 14:44:08

ปล่อยเหตุการณ์ เลยเถิด เกิดซ้ำซาก
อ้างยุ่งยาก แก้ไข ซุกไว้ก่อน
หากประท้วง ลุกลาม ตามขั้นตอน
ค่อยผลัดผ่อน หันเห เจรจา

ส่งตัวแทน พี่น้อง ยื่นร้องทุกข์
พาพวกบุก ทำเนียบ เทียบปัญหา
รออจัดสรร งบประมาณ ผ่านสภา
ยกราคา ซื้อขาย จ่ายพยุง

กว่าถั่วสุก ไฟรา งาก็ไหม้
เหลือลำไย ค้างบน ต้นกี่ถุง
เห็นพ่อค้า โกดัง นั่งตีพุง
ยังคุยฟุ้ง หน้าสื่อ คือผลงาน

ตามสไตล์ ป้องหัว เอาตัวรอด
ผู้ที่จอด ระนาว ล้วนชาวบ้าน
ไร้เครื่องมือ ต่อรอง สิ่งต้องการ
เพราะดวงมาน มีธรรม ประจำตน

ดูแลสวน พรวนดิน สิ้นปีหนึ่ง
ต้นไม้ถึง ผลิดอก ออกพวงผล
หักลงทุน กำไร ได้ต่อคน
หารอีกหน ต่อวัน เดือนพันเดียว

คิดจะล้ม ลำไย ไปปลูกข้าว
ปีสองคราว สบาย ง่ายเก็บเกี่ยว
คนของรัฐ บัตรเครดิต ไร้ซีดเซียว
แต่ละเที่ยว ปรีดา หมื่นห้า/ตัน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...เชื่อเขาทำไม 11
เริ่มหัวข้อโดย: ⒷⒼ* ที่ วันที่ 25 กรกฎาคม 2013, 22:28:45
เข้ามาอ่าน ลำใย แถว บ้านผมแต่ก่อนต้นละห้าหมื่น ใส่สารไเร่งปปีเดียวตาย  ;D


หัวข้อ: Re: ...เศร้า...เชื่อเขาทำไม 11
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 27 กรกฎาคม 2013, 10:49:17
เข้ามาอ่าน ลำใย แถว บ้านผมแต่ก่อนต้นละห้าหมื่น ใส่สารไเร่งปปีเดียวตาย  ;D

คงเป็นสารเข้มข้นลักษณะเป็นแท่งทรงกระบอกแข็ง
สารที่ขายในท้องตลาดมักเป็นสารที่โม่บดละเอียด
เจือปนด้วยแป้งด้วยอัตราส่วนที่ไม่แน่นอนแล้วแต่ทำ
ที่ลำพูนส่วนมากใส่ละลายในดินและผสมน้ำพ่นใบ
จึงจะให้ผลได้เต็มร้อย หลังเก็บเกี่ยวต้องรีบบำรุงต้น
ด้วยมูลวัว ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยอินทรีย์ และตรวจสภาพดิน
ใส่ต่อเนื่องทุกปีกว่าสิบปีใบร่วงหล่นแทบไม่เหลือ
แต่ไม่ตายครับ ถึงตายทำฟืนเผาถ่านก็คุ้ม 555



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...เชื่อเขาทำไม 12
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 04 สิงหาคม 2013, 16:31:13

ข้าท้องเปล่า เจ้าอิ่ม ยืนยิ้มย่อง
ผอมกะร่อง ร่างเผย ถูกเย้ยหยัน
คร่อมภักษา อาหาร คาวหวานมัน
มิแบ่งปัน สักก้อน ขย้อนคอ

จะกี่กาล ผ่านไป ไม่ขยับ
คงนั่งทับ นับเพิ่ม เสาะเติมต่อ
จากเหนือกลาง ล่างใต้ ไร้เพียงพอ
ปีกบินปร๋อ เหินพลิก จิกอินทรี

ลงลอยน้ำ ดำถ่อ จระเข้
ตะกุยเล หาเหลว ฉาบเปลวสี
ข้ามเขตแดน แผ่นด้าว จ้าวธานี
เบ่งฤทธี ชูฝัก พยัคฆา

แจงพี่น้อง หนังเหนียง เพียงเล็กน้อย
เนื้ออร่อย เครื่องใน เลิกใฝ่หา
ต่างเผ่าพันธุ์ หันจ้อง แค่มองตา
หมดวาสนา ท่ารอ ขอเศษกิน

ผูกแนวร่วม ต้วมเตี้ยม เกียมต่อต้าน
อยู่เนิ่นนาน สูบเลือด แห้งเหือดสิ้น
สมิงสาว พราวเสน่ห์ เล่ห์ระบิล
จอมเมฆิน แฝงร่าง ทรงข้างใน

หรือแทงเถือ เสืออิ่ม หัวทิ่มบ่อ
หรือยกยอ เสือหิว ขึ้นคิวใหญ่
หรือตีถอง สองเสือ หน่ายเหลือใจ
เสืออะไร วอแว เห็นแก่กิน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...เชื่อเขาทำไม 13
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 09 สิงหาคม 2013, 12:50:37

อย่าเชื่อ! ไม่จริงครับ

เจ้ายินยอมพร้อมใจรับใช้ข้า
รับบัญชาเสี่ยงตายจากนายเหนือ
เตรียมข้าวปลายาเมี่ยงเลี้ยงจุนเจือ
มีมีดเถือดาบถือมือกระบอง

กรีฑาทัพจับศึกต่างฮึกเหิม
ขบวนเริ่มกองม้าท่าผยอง
หลังไพร่พลคนเดินเหินลำพอง
ข้ามเขาคลองล่องน้ำทำสะพาน

โบกธงแดงแสงสีตีพรึบพรับ
ริ้วสลับจังหวะเสียงฉะฉาน
ฝุ่บตรลบกลบไกลไพรดอนดาน
ราตรีกาลม่านมืดอืดนอนลง

กองหน้าถึงตรึงลานชานกรุงใหญ่
ขับรุกไล่ผ่านประตูสู่ประสงค์
สร้างกำแพงแท่งหินดินมั่นคง
เช้าชูธงเรียงรายเปิดค่ายรบ

ยิงปืนผาหน้าไม้ใส่อมิตร
เข้าประชิดเลือดสาดขาดเป็นศพ
ตะลุมบอนนอนตายก่ายทำนบ
ท้ายสิ้นจบหยุดกันเมื่อควันจาง

แพ้ย่อยยับจับมัดรัดติดหลัก
ชาติพยัคฆ์ตาเปิดยืนเชิดร่าง
หุบสนิทปิดปากไร้ขากคราง
ยอมวายวางมิง้อขออภัย

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...สงสารประเทศไทย
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 01 พฤศจิกายน 2013, 16:30:45

ก็ไม่รู้ เขาเล่น อะไรเขา
ยินเสียงเป่า นกหวีด กรีดสนั่น
รับเสียงทอด สืบยาว เป่าต่อกัน
ด่าไล่มัน กลางถนน นั่งบนลาน

เสื้อสีดำ สีขาว สีสลับ
ขู่สำทับ ให้ผ่าน ไม่ให้ผ่าน
พูดตอบโต้ ไปมา ว่าประจาน
ซีกต่อต้าน ซีกชอบ ดีไม่ดี

เป็นผู้ร้าย ฆ่าคน ปล้นไม่ผิด
ตนเจ็บนิด คิดเผา เอาเป็นผี
โกงบ้านเมือง เรื่องจ้อย น้อยเต็มที
ลักเป๊บซี่ หนึ่งลัง ขังนานเดือน

ทั้งร้อยวัน พันปี ไม่มีแจก
วันนี้แบก ข้าวสาร กองดานเกลื่อน
แถมยังหุง ปรุงยื่น ผู้มาเยือน
เพียงเป็นเพื่อน ไชโย โห่ฮิ้วดัง

วางตำรวจ ตรวจกัก อารักขา
ยืนตั้งท่า พรักพร้อม ล้อมหน้าหลัง
บ้างยกย่อง บ้างด่าดุ ยุชิงชัง
เขานิ่งฟัง เหมือนหู รูตีบตัน

นี่นะหรือ คือแคว้น แดนธัมมะ
อารยะ ชีวิต จิตสุขสันต์
แบ่งพวกพรรค ฝักฝ่าย ทำร้ายกัน
ใกล้ถึงวัน สิ้นงาม ความเป็นไทย

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...จ้าวพายุ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 20 พฤศจิกายน 2013, 21:24:02

หากว่าเทียบหวู่ติ๊บก็จิ๊บจ๊อย
เสียหายน้อยเพียงจุดพอหยุดต้าน
หากว่าเทียบไห่เยี่ยนเยียนแหลกราน
พอพัดผ่านชีพดิ้นทรัพย์สินพัง

บูรณะชะล้างซ่อมสร้างใหม่
มีกินใช้บรรเทาลืมเก่าหลัง
แต่งบำบัดจัดเติมเสริมชีวัง
สู่ความหวังวิวัฒน์พัฒนา

แต่กลุ่มคนคลุ้มคลั่งพลั้งเบือนบิด
ถูกเกาะกุมคุมจิตด้วยอิจฉา
วางโทษทัณฑ์กลั่นแกล้งแสร้งนานา
ริษยาอาฆาตสบฟาดฟัน

ตาต้องจับนับถือเงินคือเจ้า
ชี้เสกเป่าลดเลี้ยวเดี๋ยวกลับหัน
เอามนุษย์ฉุดหัวตัวประกัน
มีเดิมพันตำแหน่งแย่งยึดครอง

อ้างบงการงานจากข้ามฟากสรวง
จึงก้าวล่วงเข้าเขตเหตุทั้งผอง
เอาชนะคะคานพาลคะนอง
ล้างสมองเชือดเฉือนมิเหมือนคน

บอกหวู่ติ๊บไห่เยี่ยนเวียนชิดซ้าย
นี่เลวร้ายกว่าใดใกล้แตกป่น
เชื้อเดียวกันกำลังตั้งหน้าชน
คงไม่พ้นถึงล่มจมอีกนาน!

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...วันนี้
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2013, 22:07:21

แบ่งพวกพ้อง สองฝ่าย ซ้ายขวาฝัก
จับเชือกชัก คะเย่อ เออเสียงหลง
เป็นตำรวจ กวดไล่ โจรไพรพง
สนั่นดง ดวลหมัด ซัดด้วยปืน

เบื่อบทบู๊ อยู่ดอน เล่นซ่อนหา
มือปิดตา ลงพับ นับพันหมื่น
โยนหมากเก็บ กินเมือง ควบเยื้องยืน
กระโดดลื่น ล้มหงาย อายหน้าแดง

ข้ามเขตขัณฑ์ กลั้นใจ ไล่ตี่จับ
เสียงหยุดปั๊บ ถูกกลุ้ม รุมยื้อแย่ง
ขายเสื้อผ้า อาหาร ร้านข้าวแกง
หาบฟักแฟง สอดไส้ เร่ไอติม

เกิดผิดพลั้ง ครั้งใด ไม่ถือโทษ
คิดเคืองโกรธ ตีต่อย คอยแทงทิ่ม
มีกล้วยมัน ปันแป่ง แบ่งเพื่อนชิม
ยื่นส่งยิ้ม พิมพ์ใจ ไปแสนนาน

คือสุทธิ วิถี ของชีวิต
จรุงจิต สุขชื่น มวลพื้นฐาน
ประเพณี ดีสืบ ต่อคืบคลาน
เป็นสวรรค์ วิมาน แห่งบ้านนา

อสูรร้าย ป้ายหม่น คนใดเล่า
มันเสกเป่า เราคลั่ง ชังเข่นฆ่า
แยกค่ายสี พี่น้อง ต้องร้างลา
อนิจจา โศกศัลย์ เศร้าวันนี้

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...หัวอกพ่อ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 08 ธันวาคม 2013, 20:00:27

วอนสวรรค์บันดาลตามสารกล่าว
ปวงเทพจ้าวฤทธิแรงทุกแห่งหน
ไหว้ปลกยกยอขอช่วยดล
สักสองคนมีลูกผูกพันใจ

เป็นคนยึดพฤติดีมีความรู้
เพื่อเชิดชูเชื้อชาติศาสน์ผ่องใส
พร้อมจงรักภักดีภูมีไทย
ครอบครัวให้ผาสุกทุกเช้าเย็น

น้อมนบนำทำคิดจิตพิสุทธิ์
สิ่งสมมุติผุดพลันทันตาเห็น
ผ่านปีผันจันทร์เอยเสวยเพ็ญ
แสนตื่นเต้นดีใจได้ลูกชาย

สู้ถนอมกลอมเกลาเฝ้าฟูมฟัก
ส่งลูกรักพากเพียรเรียนกฏหมาย
เป็นครูบาอาจารย์.อีกหนึ่งนาย
อกผึ่งผายตำรวจตรวจภูธร

หลังลำบากตรากตรำทำนาสวน
นี่ก็จวนคืบใกล้ได้พักผ่อน
สวดมนต์พร่ำธัมมะละอาวรณ์
คงช่วงตอนสงบพบมรรคา

วันนี้
ในฤดีกังวลหมองหม่นหน้า
ลูกถูกเรียกปกปักนัครา
อีกคนมาร่วมงานม็อบต้านเมือง

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...โศกสลด
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 22 ธันวาคม 2013, 21:07:18

อ้างชอบธรรมตามสิทธิ์คิดต่อต้าน
ขจัดมารไล่ลุยแถมคุยเขื่อง
ปฎิรูปสูตรใหม่ให้รุ่งเรือง
ชาติประเทืองไร้จนทุกคนรวย

รวมหมู่มิตรพร้อมหน้ากรีฑาทัพ
แบบฉบับกินลมชมวิวสวย
นับคำนวณวาศอกบอกเอออวย
เป็นภาพพวยอำนาจบาทคุกคาม

อ้างชอบธรรมตามสิทธิ์ยึดติดอยู่
ป้องประตูคูคลองยองสยาม
อิงระเบียบกฏกรอบระบอบงาม
สากลปรามขั้นคุณละมุนละไม

แฉลบซ้ายป่ายขวาท่ารำป้อ
นวลลออแสดงแสร้งเฉไฉ
ยืนตัวลีบบีบน้ำตาว่าร่ำไร
ออกไม่ได้ทางตันมันสุดซอย

ขิงก็ราข่าก็แรงแกร่งชะมัด
ต่างฮึดฮัดบ้าบ้อมมิยอมถอย
เร่งขบวนมวลชนขนทยอย
บนแร้งคอยโฉบปีกอยากฉีกกิน

ที่แน่แน่แพ้ชนะผลกระทบ
ถึงจุดจบคือคนยากจนสิ้น
เอวกิ่วคอดกอดเข่าเฝ้าดานดิน
ทั่วทุกถิ่นเลิกจ้างหยุดสร้างงาน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...เรื่องเล่าจากเจ้าโชคดี 1
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 31 มกราคม 2014, 08:48:41


" รพีกาญจน์ "หลานคนที่ 3 เลี้ยงเธอตั้งแต่แรกเกิด เอานามสกุลของผมตั้งเป็นชื่อ
เธอเรียนจบชั้นอนุบาลจากโรงเรียนใกล้บ้าน อายุครบ 7 ปี เมื่อ 19 มิถุนายน 2553
จะไปอยู่กับพ่อแม่และพี่ชายในเมืองเชียงใหม่ เพื่อเข้าเรียนในชั้นประถมปีที่ 1
วันที่จะลาไป เธออุ้มลูกหมามาตัวหนึ่ง ก้มกราบแทบเท้าผมหลายครั้งพร่ำพูดว่า
วานให้ตาและยายช่วยเลี้ยงให้ด้วย ขอจากเพื่อน มันเพิ่งกำพร้าแม่ อายุได้ 18 วัน
ถ้าตาคิดถึงน้องอิม(ชื่อเล่นของหลาน)ให้ดูเจ้าตัวนี้ มันคือตัวแทนของน้องอิม

ผมรักสัตว์ทุกชนิด แต่ไม่เลี้ยง เพราะไม่มีเวลาเอาใจใส่ ในชีวิตขลุกอยู่กับงาน
ก็จำใจรับเอาหมาตัวนี้เลี้ยงไว้ เพื่อไม่ให้หลานเสียใจ คิดอีกทีก็ดีเหมือนกัน
จะได้ทดแทนหลานที่ลาไป เธอดีใจมากกล่าวขอบคุณเสียงดัง กอดผมแน่น

ผมตั้งชื่อหมาเพศผู้ตัวนี้ว่า " โชคดี " มันโชคดีจริงๆ หมาตัวแรกที่ผมเลี้ยง
และเป็นที่มาผมหยุดแต่งกลอนหลายวัน โอ เจ็ดวันแล้วสิครับ

(ผมขอหยุดตรงนี้ก่อนครับ มีช่วงที่ว่างจะพิมพ์ต่อ จิ้มพิมพ์ทีละตัวช้ามาก
และขออนุญาตใช้ชื่อกระทู้เลียนคุณสียะตรา โดยเปลี่ยนจากเจ้าวันเพ็น)




หัวข้อ: Re: ...เศร้า...เรื่องเล่าจากเจ้าโชคดี 2
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 31 มกราคม 2014, 21:39:01


รถสองแถวสี่ล้อแดงพาหลานพร้อมข้าวของแล่นไปไกลจนลับตา
ตาและยาย(ผมและแฟน) ยืนเช็ดน้ำตา ตาเหม่อลอย นานแสนนาน
รู้สึกตัวอีกทีเมื่อได้ยินเสียงร้องของเจ้าโชคดี แกคงหิวนมแน่ๆ
ผมจึงรีบไปตลาดหาซื้อขวดนม แปรงล้างขวด น้ำยาล้างขวด นมผง
ผมรีบชงนม อุ้มให้ดูดนม นมผสมยาช่วนย่อย ให้นมทุก 3-4 ชั่วโมง
วางนอนในกล่องสี่เหลี่ยมทรงสูงศอก รองด้วยผ้านวมหนานุ่ม
ห่มผ้าให้เวลาหนาวเย็น กางมุ้งครอบกันยุง เปิดไฟให้ความอบอุ่น
มีหลายครั้งอุ้มเล่นหรือให้นม แกถ่ายปัสสาวะรดราดผมเลอะเทอะ
ผมและแฟนออกไปธุระนอกบ้าน ต้องหอบเจ้าโชคดี หิ้วตะกร้าไปด้วย
ถึงแกจะเป็นหมา เราเลี้ยงอย่างลูก แกเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวแล้ว
เมื่อถึงกำหนดสัตวแพทย์นัด พาไปทำวัคซีน ยากันลำไส้อักเสบ
กันพิษสุนัขบ้า อาบน้ำด้วยสบู่เหลว เช็ดแห้ง แปรงขน สวมเสื้อ
แกได้กินอาหารเช่นครอบครัวผม อาหารหวานคาวจนม น้ำแข็ง
ไอศครีม นมสด ยกเว้นของเผ็ด แกไม่ยอมกิน อาหารที่โปรดปราน
ได้แก่ เลือดหมูต้ม ข้าวผัดไข่หมูบด ช็อคโกแลต ทุเรียน ลำไย
แกชอบเล่นลูกบอลเป็นที่สุด วิ่งรอบบ้านเป็นประจำทุกเช้าเย็น
แกแข็งแรง เห่าเสียงดัง ใจดีขี้เล่นไม่ดุ จึงเป็นขวัญใจเพื่อนบ้าน
แกโตเป็นหนุ่ม มักเดินตามจีบสาวที่ต้องใจทั่วไป แต่ไปไม่นาน
จะรีบกลับบ้านเสมอ จึงไม่ใช่เป็นเรื่องที่น่าห่วงแต่ประการใด

และแล้ว เช้าวันจันทร์ที่ 27 มกราคม 2557 แกหายไป.....




หัวข้อ: Re: ...เศร้า...เรื่องเล่าจากเจ้าโชคดี 3
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 31 มกราคม 2014, 22:31:28


เวลา 06.30 น. วันจันทร์ หลังจากผมอ่านงานจากบอร์ดบ้านกลอนไทย
ผมเปิดประตูบ้านเพื่อขายของเบ็ดเตล็ด ยังไม่เอะใจเมื่อไม่เห็นเจ้านำโชค
คิดว่าแกคงออกไปวิ่งเล่นกับเพื่อน หรือไปทำธุระส่วนตัว(ถ่ายหนักเบา)
พอข้าวสุก ผมคดข้าวแบ่งไว้สำหรับตักบาตร แบ่งทำข้าวผัดมื้อเช้าให้แก
แกมักได้กินก่อนผมเสมอ เพราะผมมัวแต่ขายของและทำงานจุกๆจิกๆ
ขณะนั้น 08.00 น. ผมเรียกเจ้านำโชคไม่เห็นมา เดินตามหาไร้วี่แวว
ผมตกใจมาก สอบถามเพื่อนบ้านๆก็ไม่รู้ไม่เห็น ผมขับมอเตอร์ไซด์ช้าๆ
ตามถนนวนรอบหมู่บ้าน แกจำเสียงรถคันนี้ได้ ถ้าได้ยินจะวิ่งออกมาทันที
ไม่มีจริงๆ ผมรีบไปที่หอกระจายข่าวเสียงตามสาย ประกาศหาเจ้านำโชค
ขอพี่น้องชาวบ้านพบเห็นช่วยบอกด้วย ทุกครั้งที่ผมประกาศข่าวแกได้ยิน
จะวิ่งมาหา แต่ครั้งนี้ไม่ มีคนโทรบอกว่า เห็นแกตามหมาสาวทางทิศตะวันตก
ผมรีบไปดู มีแต่หมาตัวอื่นเป็นฝูง เห่าหอน กัดกันแย่งตัวเมีย ไม่มีนำโชค
ญาติ เพื่อนบ้าน กรรมการหมู่บ้านช่วยออกตามหาจนทั่วหมู่บ้าน นาสวนไร่
รัศมีประมาณเกือบกิโลเมตรโดยรอบ ไม่เห็นแม้แต่เงา ผมซุ่มฟังเสียงหมา
เกือบตลอดทั้งคืนวันจันทร์ เสียงดังที่ไหนไปที่นั่น พบแต่ความผิดหวัง
กลับบ้านด้วยความอ่อนใจใกล้สว่าง นอนไม่หลับ ดื่มกาแฟ อ่านกลอน

อย่างไรก็ตาม วันอังคารต้องตามหาเจ้าโชคดีให้พบให้จงได้.......




หัวข้อ: Re: ...เศร้า...เรื่องเล่าจากเจ้าโชคดี 4
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 01 กุมภาพันธ์ 2014, 06:31:23


ตีห้าครึ่ง ล้างหน้า แปรงฟัน ทั้งๆที่ไม่ได้หลับเลยสักงีบเดียว
อ่านบทประพันธ์ในบ้านกลอนไทย ไม่มีกะใจจะเขียนเลย
พอสว่างเห็นลางๆ รีบสะพายย่ามมีโซ่ไว้สำหรับคล้องถ้าเจอ
มีดเดินทาง กล้วย ขวดน้ำสำหรับมื้อเช้าของผม นมกล่อง
สำหรับนำโชค แกคงหิว กะว่าจะเดินสำรวจทุกตารางวาใน
และรอบหมู่บ้านๆผมมีสี่ร้อยสิบแปดหลังคา เป็นบ้านที่อยู่
อาศัยและค้าขายประมาณครึ่ง นอกนั้นเป็นบ้านสวน และมี
ทุ่งนา สวนลำไยมะม่วงโดยรอบคั่นกับหมู่บ้านอื่นทั้งสี่ทิศ
ผมเป็นคนพื้นเพนี้ตี้งแต่เกิด รู้ดีว่าตรงไหนมีสระน้ำ บ่อน้ำ
บ่อร้าง ดูทุกบ่อ แกอาจพลัดตกลงไป เดินเลาะรั้วลวดหนาม
ทุกด้าน เผื่อว่าเสื้อที่แกใส่อาจคล้องติดแน่น ดึงจนหมดแรง
ออกไม่ได้ เจอหน้าผู้คนสอบถามให้วุ่นไปหมด ได้ยินเสียง
หมาที่ไหน รีบไปทันที มีคนโทรแจ้งสิบกว่าราย รีบไปทันที
ก็ไม่มีก็ไม่ใช่อีก ขณะเดียวกันมีลูก ญาติ และเพื่อนอีกคน
แบ่งพื้นที่ช่วยเสาะหา เมื่อหาจนรอบแล้ว เดินทางทางเดิม
อีกรอบหนึ่ง เพื่อความแน่ใจหรือบางทีอาจจะสวนทางกันบ้าง
มื้อเช้ากลางวันวันนั้นคือกล้วยครับ จนเกือบมืดค่ำ ผมเดิน
ระโหยโรยแรงด้วยความอิดอ่อนใจ เดินทั้งวันคิดว่าระยะทาง
กว่าสิบกิโลเมตร ที่เป็นหลุมเป็นบ่อ ขึ้นเนินสูง ลงที่ต่ำ
ข้ามลำคลอง ลำเหมือง ลอดรั้วลวดหนาม ป่าพงหญ้าหนาม
ใบหน้าสองมือเท้ามีรอยเกี่ยวขีด เลือดไหลซิบๆปวดแสบ
แกเสมือนลูก ลูกที่หายไป เป็นหน้าที่ที่พ่อต้องตามเสาะหา

พรุ่งนี้ครับ พรุ่งนี้วันพุธ ผมวางแผนการค้นหาว่ากันใหม่อีกที
ผมนอนหลับสลบไสล ไม่ได้อาบน้ำ เย็นนั้นลืมกินข้าว.....



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...เรื่องเล่าจากเจ้าโชคดี 5
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 01 กุมภาพันธ์ 2014, 14:49:59


เช้าวันพุธ อันดับแรกหยิบพาราเซตามอลสองเม็ดหย่อนลงปากตามด้วยน้ำ

จับรถบึ่งไปสถานีวิทยุชุมชนประจำอำเภอพบนักจัดรายการข่าวเที่ยงวัน
ที่มีผู้ติดตามรายการมากที่สุดในเขตหกอำเภอข้างเคียง ขอช่วยประกาศ
หมาของ อาจารย์ทวี รพีกาญจน์ หาย ตามรูปพันธุ์สัณฐาน ผู้ใดพบหรือ
จับขังไว้ แจ้งให้ทราบ มอบรางวัลและกราบขอบพระคุณ เขาช่างใจดีมาก
ประกาศทุกต้นชั่วโมงสามครั้ง มีโทรเข้ามาแสดงความเห็นใจย่างมากมาย
เครือข่ายชมรมผู้สูงอายุ ชมรมวัฒนธรรม ชมรมฌาปนกิจ กรรมการหมู่บ้าน
สื่อสารกันเป็นหูเป็นตาเสาะหา มีผู้พบเสื้อของแกติดรั้วลวดหนามห่างจาก
หมู่บ้านทางทิศตะวันออกราวครึ่งกิโลเมตร ผมมีกำลังใจเพิ่มขึ้น อย่างน้อย
แกคงยังไม่ตาย คงไม่มีใครจับเอาไปย่างแกง คิดแล้วก็ใจหาย หมาตัวอ้วน
สีดำ ตลาดซื้อขายชั่งเป็นๆราคากิโลกรัมละร้อยบาท มีโทรเข้ามาตลอดเวลา
จนกระทั่งเย็น ทุกคนที่ออกไป ทุกอย่างที่คิดไว้ คว้าน้ำเหลว ว่างเช่นเดิม
สามวันแล้วเจ้าอยู่ไหนหนอ ได้กินข้าวกินน้ำหรือเปล่า กลางคืนนอนที่ไหน
หนาวสั่นอย่างไร สมองผมหนักอึ้งจากเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าและผิดหวัง

ผมจำต้องละเรื่องโชคดีไว้ก่อน เพื่อจัดเตรียมข้าวของไหว้เจ้าตรุษจีนพรุ่งนี้



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...เรื่องเล่าจากเจ้าโชคดี 6
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 01 กุมภาพันธ์ 2014, 21:48:42


ผมพยายามควบคุมสะกดกลั้นเก็บความรู้สึกไว้ภายในอย่างที่สุด
แต่ไม่สามารถกักกันปกปิดได้มิดชิด ยังมีอาการเศร้าบนใบหน้า
ท่าทางเชื่องช้าเซื่องซึมปรากฎให้เห็น ตรุษจีนปีนี้ไม่รื่นรมย์เลย
วันพฤหัสบดีนี้เป็นวันตรุษจีน และตรงกับวันพระ เมื่อไหว้เจ้าเสร็จ
ผมจัดอาหารพิเศษไปทำบุญถวายทานอุทิศให้เจ้านำโชคที่วัด
ถ้าแกถึงแก่ชีวิตก็ขอให้รับส่วนกุศลนี้ ถ้าแกยังมีชีวิตอยู่ ขอให้เรา
ได้พบกันโดยเร็วพลัน ลูกเอ๋ย บ่ายนี้พ่อจะออกตามหาเจ้าอีกครั้ง
ถ้าพ่อเดินเรียกชื่อเจ้า เจ้าได้ยินเสียงของพ่อ ให้เห่าขานรับดังๆ
พ่อจะรีบไปรับเจ้า เจ้าให้รีบมาหาพ่อนะ เราจะได้พบกันเสียที
ทุกวันพระ ผมกินมื้อเดียว ไม่กินเนื้อ กินแต่ข้าวผักผลไม้เท่านั้น
ผมแกะขนมเข่งกินหกใบ ไหว้เจ้าสวมชุดแดง ไปวัดสวมชุดขาว
ผลัดเป็นชุดยีนส์ออกเดินทางตามหาเจ้าโชคดี ตั้งใจสอบถาม
ขอความคิดเห็นจากผู้ที่รักและเลี้ยงหมาจำนวนมากๆ อาศัยข้อมูล
ของปศุสัตว์ ไปกราบนมัสการพระคุณเจ้า เจ้าอาวาสใกล้เคียง
6 วัด ตลาดสดใหญ่น้อย 10 แห่ง โชคดีอาจป้วนเปี้ยนแถวนั้น
ผมถือป้ายเขียนข้อความว่า " หมาหายครับ ใครเห็นบ้าง? "
คนให้ความสนใจมากมาย ให้กำลังใจ จะสอดส่องให้เบาะแส
จบอีกหนึ่งวัน ไม่มีเจ้านำโชคอย่างวันก่อนครับ




หัวข้อ: Re: ...เศร้า...เรื่องเล่าจากเจ้าโชคดี 7
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 02 กุมภาพันธ์ 2014, 12:59:51


บรรยากาศเช้าวันศุกร์แจ่มใส ไม่ร้อนไม่หนาว เย็นสบายพอดิบพอดี
กาแฟขมพร่องถ้วย ช่างเย็นชืด เย็นรวดเร็ว หรือเราลืมยกดื่มกันแน่
มองออกไปข้างหน้า สายตาพร่าลาย รัดแขนวัดความดัน 110  80
ตวงน้ำหมักมะขามป้อม 100 ซีซี ผสมยาบำรุงหัวใจ ค่อยยกจิบดื่ม
เปิดกระปุกตวงสมุนไพรแห้งบดละเอียด 1 ช้อนชา ชงน้ำร้อนดื่ม

ย่างวันที่ 5 แล้วสินะ วันนี้ตรง วันศุกร์ ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 (เหนือ)
ตรงกับสิ่งดีๆหลายอย่าง วันศุกร์ เชื่อว่าจะพบกับความสุข สมหวัง
ขึ้น 1 ค่ำ ช้างแก้วสู่โรงธรรม เชื่อว่าจะได้รับของดี(โชคดี)กลับคืน
ฟ้าตี่แส่งเศษ 2 เชื่อว่าคิดหรือทำการใดจะสำเร็จเสร็จสม ตรงกับ
นันทาดิถี ไชยโชค ราชาโชค อมริสโชค เชื่อว่าจะพบเจ้าโชคดีแน่
ถึงเป็นความหวังซึ่งอาจสวนทางกับความเป็นจริง แต่เพื่อสร้างแรง
จูงใจ เติมพลังให้ตนเอง ยามหัวใจอ่อนล้า เพื่อทรงกายหยัดยืนได้

เจ้าเป็นลูกของพ่อ พ่อต้องรับผิดชอบ พ่อมีหน้าที่เลี้ยงดูแล พ่อต้อง
ปกป้องคุ้มครอง เจ้าหายไปด้วยสาเหตุใดก็ตาม พ่อต้องตามหาเจ้า
ให้พบให้จงได้ แม้จะเหลือเพียงร่างไร้วิญญาณ การหายไปเพราะถูก
ลักพา ถูกฆ่ายำย่างแกง  พ่อจะไม่ลดละ สักวันหนึ่ง เราคงได้พบกัน

วันนี้ ผมจ้างวานคนที่รู้จักคุ้นเคยกับเจ้าโชคดี เขาเต็มใจช่วยตามหา
ผมไปให้น้ำลำไยมะม่วง ปล่อยละทิ้งหลายวัน ปกติผมทำเองทั้งสิ้น
ครั้งนี้จ้างแรงงานช่วยแทน บอกตามตรง แรงกายแรงใจหมดสิ้นแล้ว

***ที่ผมเล่ามีจุดมุ่งหมายสื่อแทนผู้รักและเลี้ยงสัตว์ เพื่อให้ทุกท่าน
ได้ทราบและเข้าใจความรู้สึก อาจเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับบางท่าน
แต่พวกเราที่สูญเสีย มันเจ็บปวดรวดร้าวยิ่งกว่าบรรยาย ฝังลึกในใจ
ตราบนานแสนนาน และเรียนว่า ผมมิได้อวดดีอวดเด่นแต่ประการใด
กราบขอบพระคุณที่สนใจ ให้กำลังใจ และขอจบลงเพียงเท่านี้ครับ



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...เรื่องเล่าจากเจ้าโชคดี 8
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 02 กุมภาพันธ์ 2014, 13:27:23

หลานไปขอ เพื่อนมา ให้ตาเลี้ยง
ก่อนหลานลา ไปเวียง เรียน..เชียงใหม่
เรียก..ลัคกี้ ใช่เบื่อ ซนเหลือใจ
มีชื่อไทย..นำโชค พกความรวย

ใช้เท้าเคาะ เกาะกวน ชวนให้เล่น
พอมันเห็น บอลคาบ วิ่งฉาบฉวย
ชอบนอนหงาย ยกขา พางงงวย
ธุระใด ไปช่วย อยู่ด้วยดี

ยินเสียงเจ้า เห่าหอน กลางตอนดึก
แปลกพิลึก ทึกทักเจ้า เห่าหอนผี
หอนโหยหวน ชวนสยอง ล่องราตรี
เห่ากับที่ นั่งลุก จุกนั่งลง

ป้องปากปราม ห้ามไป เจ้าไม่เชื่อ
จนแสนเบื่อ เหลือทน บ่นเฉงโฉง
จะได้หลับ จับขัง ในลังกรง
ตื่นเช้างง งึกงัก เมินทักทาย

เจ้าแสนงอน ค้อนเป็น เล่นตัวนี่
หันมาที ซีจ๊ะ อร่อยหลาย
ข้าวคลุกไข่ ใส่เนื้อ เจือมากมาย
นมละลาย น้ำผึ้ง อีกครึ่งปอนด์

พอลืมตา หน้าตะแคง แสร้งหลับต่อ
เข้าหาง้อ จ่อปาก มือสากป้อน
ขอโทษจ้า อย่าแล ทำแง่งอน
หม่ำข้าวก่อน อิ่มหนำ นมน้ำทาน

มือลูบหัว ตัวขา พูดจาเพราะ
เท้าหน้าเคาะ ยอมรับ งับอาหาร
เอาให้หมด ชดเชย เหนื่อยคืนวาน
จะร้องเพลง หวานหวาน ให้ฟังนะ

เจ้าคือเพื่อน สูงค่า ที่ข้ารัก
ถ้าใครลัก เจ้าไป ไล่ฉะดะ
เป็นเรื่องความ ตามกฎ มิลดละ
โมโหจะ ควักยิง ทิ้งเสียเลย

กลอนเก่าเมื่อ มิถุนายน 2011



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...เรื่องเล่าจากเจ้าโชคดี 9
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 03 กุมภาพันธ์ 2014, 22:51:39

กราบขอบพระคุณลุงไพร เพื่อนนักกลอน และเพื่อนผู้อ่านทุกท่านครับ
ผมคิดไปเองว่าเป็นเรื่องส่วนตัว เล่าจนละเอียดเกินไป  อาจไม่ใช่ความจริง
ผมขอยืนยันว่าจริงทุกประการครับ  มีอีกมากไม่สามารถถ่ายทอดได้ทั้งหมด
ครบถ้วน เพราะผมมีความสามารถการใช้คอมพ์อย่างจำกัด(จิ้มพิมพ์ทีละตัว)

วันเสาร์ อาทิตย์ จันทร์ ผมตามหาหาเจ้าโชคดีอย่างไม่ลดละ มีผู้แจ้งข่าว
เกี่ยวกับหมาเให้ทราบโดยตลอด เมื่อออกไปดู ไม่ใช่โชคดีครับ ผมเพิ่งรู้ว่า
ยังคงมีหมาพลัดหลงที่ผู้ใจดีชุบเลี้ยงหลายแห่ง วัดวาอาราม หมู่บ้านห่างไกล
อยู่กับครอบครัวยากจนหาเช้ากินค่ำกระท่อมไม้ไผ่ เขาบอกว่าหมาที่ให้ข้าว
เป็นหมาพลัดหลงทั้งนั้น ผมมอบเงินช่วยค่าอาหาร เขาบอกว่าอยากได้ตัวใด
เลือกเอาไปเลี้ยงเถิด ผมปฏิเสธครับ ไม่อยากเสียใจกับการพลัดพรากอีก

ถ้าแกประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ผมพอทำใจได้ คงเหลือแต่ความอาลัยเท่านั้น
แต่นี่หายไปไม่เห็นตัวตน ผมทำใจได้ยากมากครับ ทั้งห่วงหาอาลัยเป็นที่สุด
หลานของผมชื่อน้องอิม ที่นำแกมากราบขอให้ผมเลี้ยงทราบข่าวการหายไป
ร้องไห้ทั้งคืนจนไม่สบาย ผมต้องรีบไปปลอบใจถึงเชียงใหม่

ผมเป็นข้าราชการเกษียณก่อนกำหนดรุ่นแรกปี 2542 รับบำนาญหักค่าต่างๆ
ณ ที่จ่าย เหลือใช้กับครอบครัววันละ 300 บาท ค่าหมูบดหรือเลือดหมู นม
ขนม หรืออื่นๆสำหรับเจ้าโชคดี ตกวันละ 40 บาท แกอายุ 3 ปี 8 เดือน
คิดเป็นเงินกว่า 5 หมื่นบาท แต่คุณค่าของความรักไม่อาจประมาณได้เลย
ถ้าใครนำไปเลี้ยงดู นับว่าเจ้าโชคดีเช่นชื่อ แต่ถ้าหากจับไปฆ่าย่างแกงล่ะ
แบบนี้จะเข้าข่ายลักทรัพย์ ทำร้ายชีวิตโดยเจตนาไหมครับ
                          สมองของผมว้าวุ่นสิ้นดี!

ผมมีรูปเจ้าโชคดีเก็บในคอมพ์หลายท่า  ถ้าลูกของผมมาหาจะขอลงรูปครับ




หัวข้อ: Re: ...เศร้า...เรื่องเล่าจากเจ้าโชคดี 10
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 04 กุมภาพันธ์ 2014, 13:20:08

...จุดเทียนท่องหา...

เคยอุ้มร่อนป้อนนมน้ำอาหาร
ป่วยไข้ทานฉีดยารักษาหาย
อาบล้างขัดปัดแปรงแต่งขนกาย
หลับสบายกางมุ้งกันยุงกวน

เช้าคาบเล่นลูกบอลนอนเกลือกกลิ้ง
โลดแล่นวิ่งนำหน้าคราไปสวน
คาบสายยางวางไว้ให้น้ำพรวน
ล้มลงม้วนกับหญ้าท่าตะแคง

เรียกเข้าใกล้ไล่ทีบี้หน้ามุ่ย
แกว่งหางปุยหัวเอียงเลี่ยงเสแสร้ง
ทำเวียนวนคนเคล้าเร่าประแจง
ดุด่าแรงเหลี่ยมจัดสะบัดงอน

หมอบเหยียดขาตาพับลับข้างเสา
ยินเสียงแปลกแกรกเบาครางเห่าหอน
ค่ำกลางคืนยืนเฝ้ายามเข้านอน
ยกเท้าอ้อนขอนมขนมกิน

มโนภาพพร่างามท่ามเปลวแสง
เทียนวาบแดงมอดไหม้ไขหมดสิ้น
เหลือควันลอยพลอยพร่ำน้ำตาริน
ไร้ยลยินหูตาอื้อฝ้าฟาง

สองมือจบนบลงองค์ศักดิ์สิทธิ์
ขอบูชิตบาทเบื้องเทพบนล่าง
ดลได้พบได้อยู่จนวายวาง
เทียนเป็นทางให้เลือกเฮือกสุดท้าย


สุนัขของผมที่หาย ชื่อตามทะเบียนประวัติปศุสัตว์ " โชคดี รพีกาญจน์ " ครับ



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...เรื่องเล่าจากเจ้าโชคดี 11
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2014, 22:22:55

สิบห้าวันแล้วหนอพ่อตามหา
จนน้ำตาสีเลือดแห้งเหือดหาย
มิทราบข่าวคราวเข็ญเป็นหรือตาย
เจ้าสบายทนทุกข์สุขหรือไร

คงร่อนเร่พเนจรนอนตามป่า
ยินเสียงผาดหวาดผวาหมาน้อยใหญ่
สะดุ้งนกหกเหินกลางเนินไพร
สะดุ้งไก่กระชั้นขันสำนวน

เช้าตรู่ตื่นขึ้นถนนผู้คนเยอะ
อาจจะเจอะเหตุโหดรถแล่นสวน
คนใจร้ายหมายจ้องคล้องโซ่ตรวน
ถูกดาบทวนแล่เนื้อพริกเกลือทา

หากเทพดลพ้นเคราะห์เพราะบุญเก่า
หนุนนำเจ้าพ้นบาปที่หยาบหนา
มีมนุษย์สุดเยี่ยมเปี่ยมเมตตา
ช่วยนำพาให้อยู่เลี้ยงดูแล

โปรดอย่ารัดมัดคอติดตอไม้
อย่าจับใส่กรงกรวยฟาดด้วยแส้
อย่ากุมขังลังมิดปิดกุญแจ
โปรดเห็นแก่สี่ขาตาดำดำ

เตรียมข้าวปลาอาหารจานส้มผล
ยอเบื้องบนเหนือเกล้าคุกเข่าพร่ำ
สงบนิ่งวิงวอนพรจงนำ
พรุ่งเช้าค่ำขอพระปะ"โชคดี"

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...เรื่องเล่าจากเจ้าโชคดี 12
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2014, 17:15:41

หัวถึงหมอนนอนนบสลบไสล
น้อมนมัสรัตน์ตรัยใส่เกศี
ผ่องผุดผลิภิรมย์สมฤดี
ทอดกายีสักครู่สู่ภวังค์

ไร้รู้สึกนึกคิดจิตว่างเปล่า
หายใจเข้าครอกกรนวนออกหลัง
หว่างสะดุดหยุดแผ่วแว่วเบาดัง
มีบางครั้งเฮือกนานสะท้านกาย

คงความเฉื่อยเหนื่อยอ่อนแรมรอนร้าง
เดินท่องทางจดค่ำย่ำทุกสาย
ถึงสลดหดหู่มิรู้คลาย
ยากละลายความหวังลงพังภิน

จะกี่กาลผ่านไปค่อนใกล้แจ้ง
บังเกิดแสงเรืองรองส่องกสิณ
ครอบคลุมแดนแผ่นฟ้าทั่วธานิน
เห็นองค์อินทร์สักกะบูรพา

ยินดนตรีปี่ประโคมโสมนัส
ดังวิวัชบานบวงสรวงเวหา
เสียงระเรื่อยเจื้อยแจ้วไก่แก้วลา
พอม่านเถิกเบิกจ้าฟ้าอำไพ

ก้มสาธุศุภนิรมิต
กำหนดทิศชี้ทางสว่างไสว
คงพ้นเศร้าเจ้าโชคดีมีสุขไชย
เป็นแรงเพิ่มเติมไขให้เกินร้อย

พกความหวังเต็มเปี่ยม ควบมอเตอร์ไซด์ยามาฮ่า เบลล์อาร์ สีแดง รุ่นสามสิบปีที่แล้ว ซึ่งเจ้าโชคดีจำเสียงได้ดี
กำหนดทิศตะวันออก เอาดวงตะวันเป็นที่ตั้ง ค่อยแล่นอย่างเชื่องช้า กวาดสายตาไปทั่วทั้งซ้ายขวา ผ่านชุมชน
วัด โรงเรียน ตลาด ทุ่งนา ป่ารก สวนลำไย สวนมะม่วง หยุดแวะถามตามรายทางบ้าง จนดวงตะวันตรงกลางหัว
แวะทานก๋วยเตี๋ยว ออกเดินทางต่อ โดยกำหนดทิศตะวันออกเช่นเดิม จนถึงวัดกู่ห้วยงูลืน(กลืน) หยุดตรงหน้าวัด
เป็นระยะทางห่างจากบ้านสิบห้ากิโลเมตรเศษ ด้วยความท้อแท้และผิดหวัง ผมกดแตรลั่นยาว เร่งรถเสียงดังมาก
หลายที ปิดเครื่อง ทันใดนั้น ยินเสียงแหบเห่า เดินโซซัดโซเซออกมาจากข้างลำเหมือง หัวใจผมแทบหยุดเต้น
เจ้าโชคดีนั่นเอง ผมกอดมันจนนานแสนนาน โทรศัพท์แสดงเวลาสิบห้านาฬิกา ยังคงตื่นเต้นดีใจไม่หายเลยครับ



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...อำลาถิ่น
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 23 มีนาคม 2014, 21:15:43

ยกมือป้อง มองฟ้า เพลาเช้า
หายใจเข้า ลงลึก ไร้ฮึกเหิม
คายลมแผ่ว แล้วสุด หยุดต่อเติม
ร่างสั่นเทิ้ม ห่อหด หมดอาลัย

ท่ามอบอวล ควันพิษ คลุมมิดทั่ว
ม่านสลัว กั้นกาง ขวางฟ้าใส
อากาศเย็น เห็นแสง แดงรำไร
เที่ยงร้อนไหม้ อบอ้าว ราวอิงเตา

เมฆสีลาย บ่ายค่ำ เริ่มดำมืด
ค่อยเคลื่อนอืด เข้าคาม ข้ามภูเขา
คลื่นลมหวน ครวญคราง ไกลบางเบา
กระแทกเสา บ้านบัง ดังโครมคราม

ช่อมะม่วง พวงลำไย แกว่งไกวหล่น
เหลือค้างต้น ไม่ถึง หนึ่งในสาม
ต้องโรคร้าย แรงรุก แพร่ลุกลาม
ไร้ผลงาม ต่องแต่ง แกว่งไปมา

แถมภัยแล้ง แห้งขอด ตลอดสาย
น้ำเหือดหาย ขุดเจาะ เสาะสูบหา
ยอบานบน ฝนทิพย์ เทวดา
แต่ก็ช้า นานวัน ไม่ทันการ

เก็บเสื้อผ้า สารพัด ยัดถุงปุ๋ย
พาดบ่าลุย น้ำตาพราก ออกจากบ้าน
ผู้ใจดี มีไหม ให้ทำงาน
แลกอาหาร สักมื้อ ยื้อความตาย

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...ขาดน้ำครับ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 31 มีนาคม 2014, 12:40:46

เสียงหวีดหวิว ทิวสน โอนเอนไหว
แข่งไม้ไผ่ โง้มง้ำ ลำลงป้อ
สะบัดกิ่ง ทิ้งใบ ไกลจากกอ
ดูสิช่อ มะม่วง ร่วงโบยบิน

เหลือคงค้าง บ้างนิด ผลิผลิตลูก
ซ้ำร้ายถูก เพลี้ยเกาะ เจาะดูดสิ้น
ผลแค่เขื่อง เหลืองเหี่ยว แห้งลงดิน
ฝันพังภิน ลับหาย ตามสายลม

ละหดหู่ ดูแล ลำไยดอก
สะพรั่งออก เต็มต้น มนสุขสม
พวงดกงาม ตามคาด อาจระทม
พ่อค้าคม เกียมบั่น ฟันราคา

เอาเถิดหนอ ขอให้ ได้ซื้อขาย
จะยอมตาย เลือดอาบ หอกดาบหน้า
จะสิบเบี้ย ร้อยบาท พันเงินตรา
ยังดีกว่า ผ่ายผอม ตรอมอดตาย

ย่างเดือนห้า ห้วยหนอง คลองน้ำลด
มินานหมด ขาดขอด ตลอดสาย
สูบยื้อแย่ง แบ่งวัน ปันวุ่นวาย
ที่เสียหาย ชอกช้ำ คือลำไย

ยกมือป้อง มองนา แทบบ้าคลั่ง
ฝายพนัง พังครืน คราท่วมใหญ่
ยังมิสร้าง ซ่อมแซม แถมใส่ใจ
ปล่อย สัตว์ คน ต้นไม้ ไร้น้ำกิน

เชื่อไหม ฝายกั้นลำน้ำปิงตรงจุดระหว่าง อ.จอมทอง - อ.บ้านโฮ่ง
พังราบเมื่อปี 2553 จนบัดนี้ปี 2557 ยังไม่ได้สร้างทดแทนครับ

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...ร่างที่ไร้วิญญาณ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 22 เมษายน 2014, 09:30:37

เดินกระเซอะกระเซิงเถิงสามแยก
ก้นกระแทกลงจมตมเปื้อนร่าง
ท่ามสายฝนสาดซ่าฟ้าครืนคราง
ลุกยืนย่างต่อไปไม่พะวง

ก้าวขวาซ้ายเซซังโยกยั้งหยุด
แซะสะดุดคะมำง้ำงอก่ง
รีบโงหัวตัวฝืนขึ้นตั้งตรง
เสียการทรงแบหงายราบทรายดิน

ขวดกลมกลิ้งลงข้างทางป่าเงียบ
ปลาหมึกเสียบชืดเย็นกระเด็นสิ้น
สติก่อนสุดท้ายหายโบยบิน
แว่วได้ยินเสียงร้องก้องกากา

ความจำเก่าเท่านั้นในวันนี้
นานนับปีรันทดหมดคุณค่า
ความเป็นคนอนาถทาสสุรา
ชี้เทวาด่ายมถุยถ่มตน

รุ่งสางเช้าเมาสร่างสร้างเจ็บปวด
มือคว้าขวดยากหลีกดื่มอีกหน
ย้อมเยียวแย่แผลดำช้ำกมล
คลายทุรนรำพึงคิดถึงนวล

นับสงกรานต์ผ่านไปสองปีแล้ว
ไยน้องแก้วหลงกรุงมิกลับหวน
คืนดาวเกลื่อนเดือนคล้อยลอยลับควน
เหลือซากซวนหมองไหม้ไร้วิญญาณ

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...อยู่เพื่อใคร?
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 17 มิถุนายน 2014, 12:41:08

ยกมาเทียบเปรียบฉันในวันนี้
มากมายสิทธิ์เสรีที่บานเบ่ง
มิสามารถตรากฏกำหนดเอง
คงเพราะเพรงกรรมกิจเกาะติดมา

ถึงอายุลุชแรแก่หงักหงัก
กำไม้สักกันล้มก้มเงยหน้า
ยืนโย่งหยิบจิบจาบเจรจา
เอออืออ่าขาดจำซ้ำที่เดิม

อ่านหนังสือมือป้องต้องสวมแว่น
กระท่อนกระแท่นเสียงเงียบเสียบหูเสริม
ฟันร่วงหลุดฉุดถอนเทียมแต่งเติม
หลังมื้อเพิ่มพละวิตะมิน

ทุกสิ้นเดือนเตือนครบพบหมอนัด
กายบำบัดเรียกฟิตเป็นนิจสิน
เช็คบวมเหี่ยวเยียวยาหยอดทากิน
ต่อชีวินแค่คืบสืบศอกยาว

ยังบันเทิงเริงร่ายรำฟายฟ้อน
ชอบออดอ้อนวอนวานเชื่อมสานสาว
โงเงอะงะตะเบ็งเพลงไทยลาว
มีหลายคราวหน้าซีดหวิดเป็นลม

ยกมาเพียบเทียบฉันในวันนี้
นับวันคู่หรือคี่ที่สุขสม
จบลงท้ายปลายเดือนยนหรือคม
ยังนิยมมิเบื่อ...อยู่เพื่อใคร?

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...คุยกับลำไย
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 27 สิงหาคม 2014, 20:54:56

เหลือต้นขื่นฝืนซากตากใบเหี่ยว
เหลืองซีดเซียวอาบแดดแผดเผาไหม้
เปลือกแตกอ้าราเลาะเกาะแก่นใน
รากซอนไชผุดเผินโผล่เนินบน

ลมปะทะสะบัดใบกวัดแกว่ง
ปลิวล่องแล่งม้วนงอรอร่วงหล่น
ลงถมทับกับดานกิ่งก้านปน
จวบเจอฝนเน่าเหม็นเป็นดินจม

หวังเลื่อนลอยคอยท่ากากอาหาร
รับมวลสารอินทรีย์ที่หมักหมม
เสริมฮอร์โมนพ่นพรำน้ำเจิ่งพรม
เจือผสมมูลสัตว์กำจัดยา

เพื่อผลิดอกออกช่อกรอเกี่ยวติด
ผลผลิตทดทุนแทนคุณค่า
ผิวเกลี้ยงเหลืองลูกโตรสโอชา
กรอบล่อนหวานทานท้าทุกเม็ดมัน

เราคงเป็นเช่นนี้มิแปรเปลี่ยน
ยังวนเวียนสนองครองใจมั่น
ต่างเนื่องหนุนจุนเจือช่วยเหลือกัน
รักผูกพันเสมือนคือเพื่อนแท้

เจ้าหยัดยืนคืนต้นใบหม่นเขียว
เล็กลีบเรียวเชื่องช้ากว่าคลี่แผ่
ข้ากับเจ้าเก่าก่อนค่อนชแร
คงพ่ายแพ้สังขารรานสักวัน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...ช่วยเขาทำไม
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 04 กันยายน 2014, 20:59:09

โอ๋คนนอกออกใบสวมใส่สิทธิ์
ธุรกิจถ้วนหน้ารวมค้าขาย
ถือเป็นเจ้าเข้าครองพวกพ้องนาย
มีหญิงชายสมอ้างเป็นร่างองค์

รับร่วมมือซื้อที่ดินแลสินทรัพย์
เรือกนานับไร่สวนสมประสงค์
ราบลุ่มดอนแดนไกลดอยไพรพง
น้ำไหลลงธารดิ่งยิ่งยินดี

คุมคนงานหว่านกล้าปลูกนาไร่
คุมลำไยสดแห้งแบ่งเกรดกี่
คุมน้ำท่าอาหารสารเคมี
คุมผักชีตำลึงถึงดาวเทียม

คุมซุปเปอร์มาเก็ตมินิมาร์ท
คุมตลาดรายทางวางมีดเสียม
คุมบ่อดินหินโม่ปิโตรเลียม
คุมรถเอี่ยมเจ็ดหลักยันจักรยาน

คุมส่วนกลางล่างบนระคนภาค
คุมหลังฉากกลุ่มกอบริหาร
มิกล้าเอ็ดเด็ดขาดอาจจัดการ
ปล่อยชาวบ้านระอาอกจาบัลย์

ข้าวลำไยยางแผ่นซื้อแสนต่ำ
เครื่องยนต์ทำแสนแพงขู่แข่งขัน
ทุ่มของถูกถล่มถาโถมฟัน
ไทยเช่นกันช่วยเขาแสนเศร้าเอย

รพีกาญจน์







หัวข้อ: Re: ...เศร้า...สัพเพ สัตตา...
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 11 กันยายน 2014, 21:18:40

ท่องสัพเพสัตตาคราประถม
ครูเพาะบ่มชีวิตติดนิสัย
สอนหน้าที่ศีลธรรมนำวินัย
เด็กอ่อนวัยชินอยู่หูปากตา

อ่านบาลีคลี่แบแปลความหมาย
ให้้ทั้งหลายรู้ซึ้งถึงคำค่า
อย่าจองเวรรับกรรมเคยทำมา
หยุดเลิกลาฆ่าแกงเกลียดแย่งชิง

พอยืนหยัดมัธยมชื่นชมหวาน
วัยแตกพานหึงหวงชายควงหญิง
ผูกสมัครรักใคร่ด้วยใจจริง
เบื่อหน่ายทิ้งท้ารบสู้ตบตี

เตรียมอุดมศึกษาวิชาชีพ
หลงกาบกลีบชูพรรคเทิดศักดิ์ศรี
เที่ยวพกพาอาวุธรุดราวี
ตามรุ่นพี่สืบน้องแซ่ซ้องกัน

หรือเลียนแบบแอบดูพวกผู้ใหญ่
ปากปราศรัยใจดำสบห้ำหั่น
คบเช่นมิตรผิดพลาดซ้ำฟาดฟัน
แพ้พลิกผันทุเรศเปรียบเปรตมาร

ท่องสัพเพสัตตามาแต่ไหน
เราคนไทยไยตัดประหัตประหาร
กี่ศพแล้วศพเล่าเผาฝังดาน
เสียงกังวานแต่ไกลใช่..สัพเพฯ

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เศร้า...เรียกหาคุณธรรม...
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 25 ตุลาคม 2014, 22:23:25

คงเกาะกลุ่มสุมทุมพุ่มพงไม้
แทรกน้ำใสไหลลามอร่ามศรี
ฟุ้งกระจายหายลับกับธุลี
ท่องเมฆีเริงรมย์สุขสมจินต์

อาจมิดหมีมอดไหม้กลางไฟแล้ว
เจอลมแผ่วปลิวว่อนร่อนโผผิน
ถูถเหยียบย่ำดำลึกผลึกดานดิน
อสุรินทร์ขโมยหยิบโกยไกล

หรือหลวงปู่ปิดทองเก็บห้องพระ
เดินตุตะแปลงร่างเที่ยวห้างใหญ่
ในสเปรย์ปนหอมดอมชื่นใจ
ฉาบผิวนอกดอกไม้วิไลตา

ท่ามโลกหมุนคุณธรรมหนึ่งคำนี้
เปิดวจีทุกวันหันเรียกหา
ส่ายสอดส่องร้องทักมือกวักมา
เสาะสะดุดปุจฉาหาความจริง

เพราะอุตรินิยมชมต่างชาติ
ร้ายระบาดฟาดตีดังผีสิง
เบี้ยวกอบโกงกินเมืองเปลื้องปล้นชิง
เช่นวอกลิงลีลาปดน่าอาย

คุณธรรมนำใจในมนุษย์
งามพิสุทธิ์มากมีเดี๋ยวนี้หาย
สื่อสังคมตมชั่วมั่วอบาย
ดีสลายเป็นทาสอำนาจเงิน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: @ ฉัน...วันนี้ @
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 20 ธันวาคม 2014, 05:46:57

เมื่ออายุลุวัยสู่ใกล้ย่าง
เลือนฝ้าฟางวิงเวียนหมุนเปลี่ยนที่
น้ำมูกไหลไอจามท่ามผงคลี
ฟันหลายซี่โยกคลอนถอนมิทน

หูได้ฟังดังชัดแต่ขัดเพี้ยน
ผมสั้นเกรียนเทาขาวพราวร่วงหล่น
ผิวผ่องผุดจุดแดงปานด่างปน
หนังเหี่ยวย่นดูกเส้นเอ็นฟ่องฟู

สองบ่าไหล่ลู่ลงแขนตรงเหยียด
นิ้วบวมเบียดข้อปมปลายหดหู่
ยืนเต๊ะท่าขาถ่างก้างปลาทู
พุงยุบยู่หลังราบกาบก้นงอน

สวมเกิบแตะตุตะอย่างกะเป็ด
หมวกหัวเห็ดจางสีกากีอ่อน
เสื้อม่อฮ่อมย้อมเทาเก่าปะปอน
เตี่ยวสามตอนขาก๊วยปลายย้วยยาว

สองหูเสียเอียร์โฟนเสียบโทนเสียง
เอนคอเอียงสวมแว่นแม่นมองสาว
ลิ้นไร้รสสดหวานอาหารคาว
ผ่านร้อนหนาวใจนั้นพันเปอร์เซ็นต์

เมื่ออายุลุวัยสู่ใกล้ย่าง
กำหนดวางอารมณ์ปราศขมเหม็น
ไม่ถือโทษโกรธเคืองเรื่องไปเป็น
ขออยู่เย็นเว้าวากย์ก่อนจากลา

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...วันนี้...ระบาย...
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 31 ธันวาคม 2014, 18:17:11

คิดทบทวนหนึ่งปีที่พ้นผ่าน
ตลอดกาลมีสุขทุกข์แค่ไหน
สุขมากน้อยนอกกายหรือภายใน
ทุกข์เภทภัยครู่คราฝังตราตรึง

เรื่องอาหารการกินลิ้นปากท้อง
อยู่หอห้องอาศัยไฟน้ำถึง
ลมพัดเย็นเห็นดอกไม้ออกพึง
รอบบ่อบึงพักผ่อนหย่อนอารมณ์

เดินวิ่งแวดแดดอ่อนตอนเช้าค่ำ
กลางวันทำไร่พรวนสวนประสม
ปลูกพืชผักปักไม้ให้น้ำพรม
เพลิดเพลินชมนกหนูหมูหมาวัว

ถึงเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าแขนขาหย่อน
ชราทอนฟันหลอยอยิ้มหวัว
สะดุดล้มจมนาตามืดมัว
เต็มลำตัวเลอะเทอะเปื้อนเปรอะโคลน

ก็สนุกทุกยามตามประสา
บางเวลาคิดใคร่ไต่ห้อยโหน
โพล่งลำพองป้องปากกรากตะโกน
จ้ำกระโจนลงสายว่ายลอยคอ

คิดทบทวนหนึ่งปีที่พ้นผ่าน
สุขสำราญบานใจใดบ้างหนอ
งานหนักเบาเอาสู้รู้จักพอ
อย่ารีรอสร้างสุขเสริมใส่ตน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re:...เศร้า...เรื่องเล่าจากเจ้าโชคดี 13 ลางร้าย
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 09 มกราคม 2015, 05:57:36

( ต่อจาก กระทู้ตอบที่ Re: 76 )

แม่ แม่จ๋า มาดู ดูนี่ซี
เจ้าโชคดี เหงาง้ำ น้ำตาไหล
หรือมันป่วย มันเป็น เป็นอะไร
เช้านี้ไม่ ยลยิน กินข้าวปลา

แกปวดลาม ลำตัว หูหัวเปล่า
ดูซอกเท้า นิ้วเล็บ เจ็บแข้งขา
เห็บเกาะกัด ดูดเลือด แห้งเหือดชา
ฟันซี่หน้า หักบิ่น ลิ้นพุพอง

โดนเพื่อนหมา สกรัม รุมทำร้าย
ลองลูบกาย ชายโครง โป่งช้ำหนอง
คนใจดำ อาฆาต ฟาดกระบอง
ไล่ทุบถอง เสียงเห่า เขารำคาญ

ตรวจภายนอก ถ้วนถี่ ดีครบหมด
นี่คงอด ท้องกิ่ว หิวอาหาร
เนื้อหมูสับ ต้มข้าว คดใส่จาน
ร้องเพลงหวาน ปลอบปลุก ลุกขึ้นกิน

สองสามคำ แลบเลีย เสียไม่ได้
ค่อยเดินไป เหยียดขา ข้างม้าหิน
เปิดตู้หยิบ ซีเตตร้าซัยคลิน
อ้าปากริน ลงคอ น้ำจ่อกลืน

แกก้มหัว ยกขา สวมผ้าผ่อน
คุดคู้นอน ตาพับ ลืมหลับตื่น
ตบเบาเบา เอ้าฝัน เถิดขวัญยืน
พ้นผ่านคืน แสงทอ ก็หายแล้ว

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re:...เศร้า...เรื่องเล่าจากเจ้าโชคดี 14 จบชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 09 มกราคม 2015, 11:47:37

ดวงชะตาราศีชาวพฤศจิก
ชีวิตพลิกเรืองรองเคยผ่องแผ้ว
โชคหนีจากฝากช้ำเป็นน้ำแนว
สูญเสียแก้วเงินทองของที่รัก

จะป่วยเจ็บเหน็บไข้เข้าโรงหมอ
ศกพ.ศ.ตลอดกาลเพื่อนหาญหัก
ถูกใส่ร้ายป้ายแต่งชั่วแช่งชัก
อาจถึงจักแจ้งมีคดีความ

จะขึ้นรถลงเรือท่องเหนือใต้
ยานกลไกไดเช็คเบรคล้อห้าม
จะเลือดย้อยยางหยดหมดรูปงาม
หากบุ่มบ่ามเร่งลุยคุยคะนอง

ไปข้างหน้าขาก้าวสาวสะดุด
ฝืนยั้งหยุดภูกั้นเถาวัลย์ข้อง
ถอยหลังร่นลงน้ำตกลำคลอง
มิสมปองขาดเกินเงินและงาน

เช้าตรู่รีบบูชาพระอาทิตย์
วอนลดฤทธิ์รัศมีสุรีย์ฉาน
พระนาคปรกปกเกศพ้นเภทพาล
ดลบันดาลร่มเย็นหนักเป็นเบา

รู้ถ้อยคำทำนายหมายเพียรแก้
แต่ช้าแต่จบกันพลันแสนเศร้า
เสียงตะโกนโฟนลั่นยืนสั่นเทา
รถชนฟาดกับเสา...เจ้าโชคดี!

 :'( :'( :'(

รพีกาญจน์




หัวข้อ: Re:...เศร้า...เรื่องเล่าจากเจ้าโชคดี 15 เกินอภัย
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 09 มกราคม 2015, 15:09:28

เหตุเกิดตอนค่อนคืนรู้ตื่นเช้า
รีบจ้ำเอ้าเร็วพลันมันก็สาย
เห็นกองเลือดไม่เหลือเนื้อร่างกาย
ละสูญหายไปได้อย่างไรกัน

หลายคนคาดอาจรู้ดูอ้ำอึ้ง
มีคนหนึ่งยิบยิบกระซิบสั่น
กลุ่มคนลากซากไปคือใครมัน
แขวนคอหั่นปาดเถือแล่เนื้อแกง

หัวหนังดูกผูกมัดรัดเชือกรอบ
ยัดกระสอบทิ้งไกลไหนสักแห่ง
เพื่ออำพรางห่างตัวกลัวผิดแดง
จึงจัดแจงเพื่อนมิตรออกติดตาม

น่าอนาถขาดประจักษ์ไร้หลักฐาน
เพียงพยานหนึ่งคนจำนนถาม
ยากยื่นฟ้องร้องมีคดีความ
สู้ลุกลามหมดเปลืองเรื่องใหญ่โต

เมื่อระลึกตรึกตรองถึงถ่องแท้
การเกิดแก่เจ็บตายคลายโมโห
สงบจิตสงบใจใช้พุทโธ
เป็นเกราะโล่ต่อตั้งกำบังตรม

ได้ชั่วครู่ชั่วคราวบัดนาวนั้น
ล้นทำนบกลบกั้นสะบั้นขม
ส่อยันเตเปรตาพญายม
สัตว์อาจมใจหินกินหมากู!

รพีกาญจน์

ใช้คำหยาบคำไม่สุภาพกราบขออภัยครับ



หัวข้อ: Re:...เศร้า...เรื่องเล่าจากเจ้าโชคดี 16 ขอไปสู่ผู้ที่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 09 มกราคม 2015, 21:07:25

การรุกรบจบตายสูญหายจาก
เสาะหาซากเศษหนังเนื้อยังอยู่
เกลื่อนเรี่ยราดขาดแขนแดนศัตรู
ย้อนกอบกู้แย่งชิงยิงดาบฟัน

เป็นร่างเรือนเปื้อนดินสิ้นชีวิต
เขาคือมิตรชิดชอบร่วมขอบขัณฑ์
กลับมือเปล่าเล่าหลังยังไงกัน
คงหมดขวัญบั่นหวังกำลังใจ

เหลือดูกดุ้นจุลถ่านอังคารชิ้น
ทำบุญยินเสียงสวดกรวดน้ำใส
ก่อสถูปธูปเทียนเวียนอาลัย
วางดอกไม้ไหว้วอนก่อนเลยลา

ยกยอเทียบเปรียบเปรยเอ่ยคำกล่าว
วกวนถึงเรื่องราวข่าวของหมา
แม้ถูกจัดสัตว์ส่ำธรรมดา
ระดับค่าสามัญต่ำชั้นชน

เพียงรูปพรรณสัณฐานที่แตกต่าง
เทพเจ้าสร้างกอบแก่มาแต่หน
ไม่มีจิตคิดลอบร้ายแยบยล
แต่เลิศล้นเปี่ยมปันกตัญญู

เวรเก่านำกรรมกางปางไหนหนอ
ลูกของพ่อพรากไกลให้หดหู่
ถวายพระสังฆทานกรานเอ็นดู
ขอไปสู่...โชคดี รพีกาญจน์

ทวี รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re:...เศร้า...เรื่องเล่าจากเจ้าโชคดี 17 สังฆทาน
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 10 มกราคม 2015, 21:32:38

สังฆทานนี้...
ขอน้อมถวายหมายอุทิศให้
ผู้เป็นที่รักพลัดพรากจากกันไกล
สู่โลกใหม่... โชคดี รพีกาญจน์

มีลูกชิ้นซีพีอย่างดีแพค
มีนมแลคตาซอยนับสิบกล่อง
มีไส้อั่วคั่วกรอบแคบหนังพอง
มีปิดซองธนบัตรรวมปัจจัย

มีข้าวจ้าวขาวหุงหอมมะลิ
มีชาอิชิตันหวานมันใส
มีน้ำดื่มปลื้มจิตตั้งชิดใน
มีหนมไข่ใบเตยเคยชอบกิน

มีผ้าไตรไทยโทเรรวมหนึ่งชุด
ห่อหุ้มหอบเอาบุตรชีพสุดสิ้น
พ้นที่ยากจากทุกข์คลุกดานดิน
ขึ้นสู่ถิ่นสคราญวิมานเมือง

มีตองสดขดกรวยแต่งสวยดอก
โรยข้าวตอกวนเวียนธูปเทียนเฟื่อง
จัดบรรจุลงถังมลังเรือง
พร้อมของเครื่องนบพระสังฆทาน

วอนพุทธาธรรมาสังฆานุภาพ
ทวยเทพทราบสามภพครบสถาน
ทั้งอินทร์ยมพรหมรักษ์จักรวาล
นำวิญญาณสิงสถิตนิจนิรันดร์

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re:...เศร้า...เรื่องเล่าจากเจ้าโชคดี 18 สืบน้องลูก รักผูกพัน
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 11 มกราคม 2015, 05:42:37

พ.ศ.2504
เผยวจีคลี่กลอนอักษรสาร
ค่ำ 13 เมษา วันสงกรานต์
น้องชายคลอดคืบคลานครรภ์มารดา

น้องกระตุกอึกอักสักชั่วครู่
ก็เดินทางไปสู่ปรโลกหน้า
ละให้ผู้อยู่หลังหลั่งน้ำตา
จอบขุดฝังป่าช้าว่าทั้งคืน

วางน้องนอนก่อนเขี่ยเกลี่ยดินกลบ
สองมือจบเบื้องบนปนสะอื้น
ขอได้พบอีกครั้งยาวยั่งยืน
เป็นญาติอยู่รู้รื่นชื่นทุกยาม

จำเนียรกาลผ่านมาสิบห้าฝน
แฟนตั้งท้องอีกหนคนที่สาม
ทุกข์ระทวยป่วยไข้เจ็บไอจาม
ต้องหาบหามบ่าแบกแลกสตางค์

เข้าเดือนหกตกเลือดซีดเผือดแท้ง
โอ้ลูกแดงเป็นชายหงายแบร่าง
เจ้าบุญน้อยเกิดก่อนนอนวายวาง
เหตุการณ์ช่างละม้ายคล้ายคลึงกัน

เสด็จปู่ฯยิ้มออกพลางบอกว่า
น้องเกิดมาเป็นลูกเพราะผูกมั่น
ชดใช้กรรมจำพรากลับจากพลัน
หมาตัวนั้นคือ ลูก น้อง ของเจ้าเอง

รพีกาญจน์




หัวข้อ: Re:...เศร้า...เรื่องเล่าจากเจ้าโชคดี 19 เหลือแต่รอยยอาลัย
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 11 มกราคม 2015, 21:23:43

บ้านทั้งหลังฝังจมระทมเศร้า
คลื่นเงียบเหงาเข้าคุมรุมข่มเหง
ดวงดอกหุบเหี่ยวใบไกวโตงเตง
ขาดภาพเพลงละครก่อนนิทรา

ท่ามฝนตกนกไก่ไร้เสียงร้อง
ม่านละอองน้ำหม่นกล่นเวหา
สัมผัสเยือกเย็นลมพรมพริ้วพา
เกินกลืนกล้ำน้ำตาอกอาดุร

สิ่งที่เหลือเสื้อหมอนเบาะนอนสวม
ผ้านุ่มนวมหนาในห่มไออุ่น
กลิ่นสะอาดอบออมหอมละมุน
ร่างแนบหนุนตาพับหลับสบาย

เคยกระเซ้าเย้าหยอกหลอกโลดเล่น
สลับเต้นเตะบอลตอนเช้าสาย
ทำงานสวนพรวนดินเดินเคียงกาย
ตะกุยทรายวิ่งไวไล่ซุกซน

ติดธุระปะปังรังรีบร้อน
แกหมอบนอนจดจ้องมองถนน
จวนค่ำมืดไม่มาท่าลุกลน
เห็นโผล่พ้นโถมเกาะกอดดีใจ

แกคือทุนหุ้นส่วนของชีวิต
เทียบหนึ่งสิทธิ์กินคู่อยู่อาศัย
วันนี้น่าอนาถขาดแกไป
จะนานเนาเท่าใดไม่เลือนลืม

รพีกาญจน์




หัวข้อ: Re: เตือนตนสนสิ้นลม
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 09 พฤษภาคม 2015, 16:52:20

นับวันคืนยืนร่างบนทางเปลี่ยว
ใบแลบเรียวชี้ชิดติดกิ่งก้าน
สู้ร้อนลนฝนพรมบ่มหนาวนาน
รากยึดดานทยอยแตกฝอยคา

ดูดอากาศธาตุดินกลิ่นปนเปื้อน
ลำเลียงเลื่อนกาบแกนสู่แผ่นหนา
รอเช้าสายบ่ายแลงแสงส่องมา
มิชักช้ามั่นเหมาะสังเคราะห์ใบ

อาหารหล่อพอเพียงเลี้ยงลำต้น
ขึ้นเบื้องบนกลมเกลาเลาสูงใหญ่
สูงเสียดฟ้าท้าดาวพราวพิไล
ท้าตะวันจันทร์ไกลไม่ค้อมคัล

ยามต้องฝนทนฝืนยืนสล้าง
ไม่ครวญครางปวดร้าวต้องหนาวสั่น
ต้องร้อนแดดแผดเผาเหงาเงียบงัน
ต้องพายุดุดันไม่ยั่นเยง

เมื่อถึงจุดสุดสูงยางยูงสน
เปรียบเช่นคนชั่วช้าบ้าบอเบ่ง
ดีใส่ตัวชั่วใส่เขาเคล้าครื้นเครง
ดื้อทำเก่งคงจบลบสิ้นลาย

นับวันคืนยืนเหย้าเข้าคอนกรีต
หวนอดีตเลือนลางสว่างหาย
กาบแกนกร่อนอ่อนกร้านรานละลาย
สนสุดท้ายถูกเถือไม่เหลือลม

รพีกาญจน์

ไปสวนเห็นสนต้นนั้นทุกวันมันยืนต้นตาย เอามาเขียนเป็นกลอนเตือนตนเองครับ



หัวข้อ: Re: ...ขวัญเอ๋ยขวัญ...
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 08 มิถุนายน 2015, 09:39:07

ขวัญเอ๋ยขวัญมาอยู่คู่กับเนื้อ
เจ้าลงเรือจับรถผดถึงไหน
เกาะบนห้างกลางสวนจวนลำไย
นั่งพร่ำบ่นวนไหว้ในวัดวา

ม่วนฟายฟ้อนร่อนองค์งานทรงเจ้า
มัวเสกเป่าจบจดบทคาถา
เต้นคลุ้มคลั่งตั้งวงก๊งสุรา
เชียร์ซีเกมส์เฮฮายืนหน้าจอ

แอบเยี่ยมเยี่ยมมองมองท้องตลาด
หอมฟืดฟาดทุเรียนน้ำลายสอ
เห็นทองหยิบทองหยอดกลืนหลอดคอ
ชมลออแม่ค้าไก่ห้าดาว

หนีเตลิดเปิดเปิงเถิงอาศรม
รื่นอารมณ์ปี่พาทย์ระนาดฉาว
เพลินผีหม่องร้องเพลงบรรเลงกราว
เคยหน้ายาวหดหั่นสั้นซีดเซียว

เย็บใบตองรองกล้วยหน่วยข้าวปั้น
สาวฝ้ายฟั่นพันเส้นเป็นหนึ่งเหนียว
ขดวางกลางกระทงวนวงเดียว
วอนขวัญเที่ยวเหหกสาธกกราน

ขวัญเอ๋ยขวัญมาอยู่คู่กับเนื้อ
เจ้าขึ้นเหนือล่องใต้ไปอีสาน
หลงเฟื่องฟุ้งรุ่งเรืองเมืองพิมาน
จงกระดืบคืบคลานสู่บ้านเฮา

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ปวดหัวเพราะกรำแดดหรือเปล่าน้อ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 28 สิงหาคม 2015, 20:42:34

เขาเจนจัดตัดเกรดแค่เศษหญ้า
เทียบคุณค่าตราคำต่ำเพียงผี
สบโอกาสฟาดฟันแทงทันที
ยกมือชี้สืบเท้าเอามรึงตาย

แท่งปูนอิฐปิดขวางทางเข้าออก
ขู่ตะคอกคำรามห้ามหนีหาย
นิ่งว่ากลัวหัวหดหมดเล็บลาย
อธิบายว่าดื้อถือตัวทราม

ยุติธรรมคำนี้อยู่ที่ไหน
ประชาธิปไตยมีไหมถาม
ละจารีตสิทธิ์เสรีอันดีงาม
เหตุผลความเหมาะสมบ่มใดเอย

ชักชวนชูผู้คนเข้ารวมกลุ่ม
เรียกชุมนุมต่อต้านค้านเหวยเหวย
เอากฎหมู่เหนือกฎหมายหลายครั้งเคย
ชอบใส่ตัวชั่วละเลยเฉยช่างมัน

ใช่เพื่อนผูกถูกเป็นผิดบิดไว้ก่อน
ผิดแน่นอนถูกต้องเพื่อนพ้องฉัน
จะบ้าบอคอแตกต่างสำคัญ
ทำถึงขั้นให้ร้ายทำลายเมือง

บ้านเคยมั่วหัวร่อต่อสนุก
เคยร่วมทุกข์สุขอวยช่วยปลดเปลื้อง
เคยเฮฮาพาเพลินเจริญเรือง
ล่มเพราะเคืองครุ่นแค้นแสนเสียดาย

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: พักยก...ให้น้ำ...สองสามวัน
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 13 กันยายน 2015, 22:52:09

เกิดปวดหัวตัวร้อนนอนผวา
เซถลารีบยืนตื่นรุ่งสาง
สองหูอื้อตื้อตามัวฝ้าฟาง
กรรไกรค้างคางสั่นฟันหลุดซอง

ครางทึดทือมือทาบอกหวาบหวิว
เจอตะคริวแข็งรัดมัดปลีน่อง
ยันลุกขึ้นลื่นล้มร่างจมกอง
พุงแวบพองท้องไส้ดีไม่พัง

ลืมสนิมบิดหน้าอ้าปากหาว
โอยเสียงยาวคราวนี้เจ็บที่หลัง
ดูกบนห่างกลางทับเป็นจับกัง
ยอบลงนั่งใจหายปลายนิ้วชา

เปิดเครื่องวัดความดันห่อพันแขน
ตัวเลจแล่นสูงลิบสองร้อยห้า
ร้อนลุกลนค้นกระเป๋าหยิบเอายา
ขืนชักช้าเท่งทึงอาจถึงตาย

ให้วิตกหกสิบสามยามนี้หนอ
สิ้นพอศอเมื่อใดเคราะห์ภัยหาย
จ้าวลิขิตขีดเส้นเกณฑ์ทำนาย
พบเลวร้ายล่าถอยคอยประคับ

ท้ายที่สุดรุดไปให้รักษา
หมอเยียวยาผ่าตัดยัดไตตับ
ล้างกระบอกนอกในใสวาววับ
หายแล้วกลับย่องแย่งมาแต่งกลอน

รพีกาญจน์

ก็ไม่แน่ครับ ถ้ากลอนไหลจะโทรวานเพื่อนวางแทน



หัวข้อ: Re: ๐ แดงแมนยู ๐
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 30 กันยายน 2015, 22:26:56

ลูกวัวตัวผู้อายุสามเดือนเศษจากคอกข้างสวนลำไยของข้าพเจ้า
เจ้าของจะปล่อยลูกวัว ไม่ขังไม่ผูกล่ามเชือก ให้วิ่งเล่นตามสบาย
มันมักเข้ามาทักทายเยี่ยมเยียนข้าพเจ้าเสมอ มันเชื่องมาก
สามารถลูบหัวลำตัวได้ มีหลายครั้งที่ข้าพเจ้าเผลอยืนเหม่อลอย
มันย่องเข้ามาทางด้านหลังขวิดก้น จนคะมำคว่ำน้ำในแปลงลำไย
บางทีแอบพุ่มไม้ล่อให้เล่นให้ไล่เหมือนกับเด็กเล็ก วิ่งวนไปมา
มันจำเสียงรถมอเตอร์ไซค์ฮ่างที่ข้าพเจ้าควบไปสวนได้
มันจะรีบออกมาต้อนรับ แสดงความดีใจเป็นประจำมิขาด

เที่ยงนี้ก็เช่นกัน ข้าพเจ้าไม่ทันระวังตัว มัวแหงนมองเมฆบนท้องฟ้า
มันพรวดพราดออกมาจากพุ่มไม้ข้างทาง ไม่ทันได้เบรค ชนเต็มแรง
ผล มันกระเด็นกลิ้งไปทอดหนึ่ง มันไม่เป็นไร ลุกเดินมาใกล้ๆ
แต่ข้าพเจ้าสิ ร่างไถลไปตามพื้นถนนคอนกรีต เจ็บครับเจ็บ
หัวเข่าถลอกปอกเปิก หลังเท้าบวม หนังเล็บนิ้วเท้าขาดวิ่นสองนิ้ว

ขนของมันสีแดงครับ จึงเรียกมันว่า แดงแมนยู แดงได้เลือดจริงๆ

รพีกาญจน์
30 กันยายน 2558



หัวข้อ: Re: สร้างต้นทุนพอเพียงเลี้ยงชีวิตกัน เอาไหม?
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 21 ตุลาคม 2015, 15:56:24

สวมผ้าทอม่อฮ่อมย้อมดำปี๋
ไม่เอาสีแพรพรรณอวดมันสวย
ซักสบู่ถูแปรงแห้งนุ่มนวย
เตี่ยวขาก๊วยย้วยขวายืนขากาง

อาหารสั่งหนังเนื้อเบื่อแลเหลียว
ข้าวนึ่งเหนียวจิจ้ำตำปลาย่าง
น้ำพริกฮ้าคาถ้วยกล้วยสุกวาง
ไข่เคียงข้างถั่วเน่าเช้าเวียนวน

ยามปวดเหน็บเจ็บไข้ไม่พึ่งหมอ
ต้มยาห่อเถือถากกากฝานฝน
วิงวอนเจ้าเข้าองค์ชงน้ำมนต์
ยอบยอบนเหล้าตองของขมคาว

นอนตูบห้างกลางนาชายป่าเขา
สุมฟืนเผาไฟควันกันลมหนาว
ฟ้าคือมุ้งยุงคือเพื่อนยลเดือนดาว
หย่อนเชือกสาวน้ำหาบลงอาบธาร

รถสี่ล้อมอเตอร์ไซค์บอกไม่สน
เดินดั้นด้นช้ารีบคีบเกิบสาน
เต้นตีฆ้องมองเซิงเริงปอยงาน
ยิ้มหน้าบานพึมพำไหว้ทำบุญ

รับเงินหลายจ่ายจ้างอย่างประหยัด
เหลือแจงจัดเก็บจ่อมออมสินหนุน
คราจำเป็นเข็ญใจใช้เจือจุน
สร้างต้นทุนพอเพียงเลี้ยงชีวิต

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: เฮ้อ...จะตัดผมทีก็มีปัญหา
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 12 ธันวาคม 2015, 21:02:44

หัวล้านไร้ผมเผ้าเบาบางหนา
คงดีกว่าดกดำทำหลงเหลิง
ม้วนหยักหยิกหงิกงอช่อกระเซิง
พันยุ่งเหยิงหาเรื่องเปลืองแชมพู

หมดภาระประหยัดค่าตัดแต่ง
แพงแสนแพงบริการร้านเลิศหรู
ซอยสระพร้อมย้อมสีชันตั้งชู
ไม่น่าดูรวบรัดตัดสั้นเกรียน

วุ่นหยูกยากำจัดเหากัดไต่
สาบเหงื่อไคลเหม็นหืนดมคลื่นเหียน
หมู่แมงวี่แมงวันหันแวะเวียน
แทบอาเจียนตุ่มคาวคันรังแค

คิดจะโกนพ้นกรรมสิ้นลำบาก
เกาแกรกกรากฝากเห็นเป็นรอยแผล
กรำฝนลงร้อนผ่าวหนาวเปลี่ยนแปร
โรคภูมิแพ้หวัดไอให้ระอา

เอาอย่างไรดีหนอท้อเส้นผม
เพิ่มความคมงามสรรพสมสง่า
รักษาทรงคงทนถูครีมทา
เยิ้มใบหน้าคราถูกลื่นมูกมัน

เจอช่างสาววาววับลูบจับหัว
แตะต้องตัวเพียงครั้งยังเสียงสั่น
ตัดปัญหาทันทีงี้แล้วกัน
วอนเมียฉันลองหัดช่วยตัดซอย

รพีกาญจน์




หัวข้อ: Re: เพื่อนคุย...ฉันเขียน...
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 20 มกราคม 2016, 16:36:43

เสพย์ทุกวันมันติดเพราะจิตน้อม
สิ่งแวดล้อมรอบข้างไม่สร้างสรรค์
เบียร์สุรายาดองถองทุกวัน
การพนันบอลมวยหวยไฮโลว์

ทั้งงานศพงานแสงแต่งปอยหลวง
ยอบานบวงสรวงแถนแห่แหนโห่
สดุดีปีใหม่ร้องไชโย
ตำแหน่งโตโบนัสจัดเต็มลาน

พระคุณทั่นนั่นพี่นี่ผองเพื่อน
มาเหย้าเยือนโผงผึงถึงสถาน
บ้างรุ่นเยาว์เก่ากรุอนุบาล
เฮสำราญเลยสางไม่ร้างรา

ดสาร์อาทิตย์ตู้ดูพรีเมียร์
ยิ่งเล่นเสียเมียจิกกิ๊กดุด่า
ง่วงก็แก้แพ้ก็กินรินสุรา
จนเผื่อหมูเผื่อหมาอาเจียนจาม

เปิดแชมเปญเย็นจันทร์วันเกิดน้อง
ดื่มฉลองเต็มคาบถึงหาบหาม
จะจงรักภักดีมีเมียงาม
พบสุขสามประการหวานชื่นใจ

เสพทุกวันมันติดครับผิดครับ
ขอยอมรับเมาเพี้ยนเปลี่ยนนิสัย
มันหยั่งลึกฝังรากยากเลิกไกล
เยี่ยมพ่องเน่อเมื่อใดไอซียู

รพีกาญจน์

(สุขสาม - มีเหล้าดื่ม มีเมียงาม น้องเมียงาม)



หัวข้อ: Re: พรุ่งนี้ จะหวานละครับ...
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2016, 14:06:47

หยุดละมือดื้อรั้นแล้ววันนี้
พบเพื่อนดีมีครูดูสั่งสอน
แนะนำบทระเบียบเปรียบขั้นตอน
เหตุศีลกร่อนซ่อนอับเสียบสับใน

คนบ้านนอกขอกนาหาเช่นนั้น
ว่างกลางวันฝันกลางคืนตื่นเหลวไหล
คำทุกคำบ่งบอกออกจากใจ
ดีหรือไม่ขยักกักกลั่นกรอง

ใช่เบือนบิดผิดร้ายกลายเป็นถูก
แกะขี้มูกติดดังสั่งรูถอง
พอได้ทีตีฆ้องร้องมองมอง
กลัวเสียของแลบลิ้นเลียปลิ้นตา

ใช่ชอบปอกหลอกลวงห่วงชื่อเสียง
เดินเอนเอียงเมียคุมมือกุมหน้า
สองเข่าหนีบจิบจาบเจรจา
คนไหว้สาเชิดชูปูชนีย์

คนบ้านนอกขอกไกลใช่เช่นนั้น
หาเทียมทันยังรักในศักดิ์ศรี
ถูกหัวเราะเยาะเย้ยเผยสิ้นดี
ยื่นไมตรีพร้อมโพธไม่โกรธกำ

หยุดละมือดื้อด้านขีดงานเขียน
หมายพากเพียนหวนคืนรักชื่นฉ่ำ
จ้วงจาบเจ็บเก็บมวลสงวนคำ
หากเผลอพร่ำสักถ่อ(บ้าง)ขอสูมา..นะจ๊ะ

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ไปฟ้อนก็เป็นกลอนได้
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 06 มีนาคม 2016, 20:32:08

มียาดมฟอดฟอดสักหลอดไหม
ขอยืมใช้ดมทาข้าเป็นหวัด
กระแอมไอไข้หาสารพัด
หมอกควันจัดระหว่างบนทางเดิน

ออกบ้านเช้าขับช้าอากาศหนาว
เสื้อแขนยาวสวมทับขับเหาะเหิน
ลองเร่งแรงแซงอื่นขึ้นข้ามเนิน
สั่นสะเทิ้นรถเก่าเฒ่าเกิดนาน

เต้นตะลอนผ่อนลดทดเกียร์ต่ำ
เกรงขวางลำคว่ำลงตรงห้วยหาน
ฝุ่นตรลบกลบหินเกลื่อนดินดาน
ไต่สะพานผ่านน้ำถ้ำผาแล

ถึงสวนสีรีสอร์ทปลอดสารพิษ
ดอยสถิตย์เทวะหอพระแม่
คล้ายเสียงพิณยินพาทย์ระนาดแน
บรรเลงแห่เพลงเด็ดเพชรพยอม

เกิดหน้ามืดวืดวาดคงคาดหัว
ใจเต้นรัวตุ้มตุ้มตุมต้อมต้อม
ยกยอน้ำส้มป่อยค่อยพรมพร้อม
โน้มจิตน้อมค้อมเจ้าเข้าร่างกาย

มียาหอมฟอดฟอดสักหลอดไหม
ขอยืมใช้ทาดมด่วนก่อนสาย
ขืนชักช้านาทีมีหวังตาย
แค่ฟ้อนฟายครึ่งวันดั๊นเป็นลม

รพีกาญจน์




หัวข้อ: Re: กลับจากสวนร้อนจนปวดห้ว
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 18 เมษายน 2016, 22:22:35

ครั้งแรกเจ้าเข้าเมืองเริ่มเยื้องย่าง
ประคองร่างเด๋ดด๋าผ้าห่อห่ม
จากบ้านอกขอกสวนควนโคลนตม
ด้อยสั่งสมเจนจบประสบการณ์

ย่ำฟุตบาทพลาดเผลอชะเง้อแง้
สะดุ้งแตรรถลึ่งบีบบึ่งผ่าน
ชมป้ายโชว์โฆษณาตาลายลาน
สีแดงฉานกระพริบยิบยิบไฟ

สืบเท้าข้ามถนนยั้งร่นถอย
เหลียวแลคอยถี่ห่างว่างเมื่อไหร่
ล่วงเวลาสักนิดตัดสินใจ
รีบฝ่าไปหอบแฮกเหงื่อแตกฟุ้ง

แหงนอ่านป้ายรายทางข้างศรชี้
ซ้ายขวามีติดหมุดบอกจุดมุ่ง
ขึ้นสะพานย่านเดินเจริญกรุง
คลองผดุงฯเลียบลำเลาะกำแพง

เลี้ยวประตูสู่ห้องรับรองพัก
เจ้าหน้าที่ทายทักยักยิ้มแฉ่ง
ตอบคำถามนามบัตรจัดแสดง
เดินสวนแซงสองฟากมากผู้คน

ครั้งแรกเจ้าเข้าเมืองเลื่องลือเสียง
ป่าวประเดียงเลี้ยงรำโกลาหล
คือความหลังครั้งหนึ่งซึ้งกมล
อำนวยผลสุดดีแก่ชีวิต

รพีกาญจน์

คิดกลอนอื่นไม่ออก เอาประสบการณ์เก่าเข้ากรุงเทพฯครั้งแรก
ร่วมงาน ๕ ธันวามหาราช ปี ๒๕๔๖ ณ สวนอัมพร เขียนแก้ขัด



หัวข้อ: Re: เสียงพูดกับลูก
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 16 พฤษภาคม 2016, 10:25:42

จะรากต้นผลใบใยกิ่งก้าน
เหลืองน้ำตาลขาวเขียวฟันเคี้ยวขบ
แกงต้มตำยำแคเครื่องปรุงครบ
ตั้งนึ่งอบเร่งร้อนก่อนได้กิน

ล่วงเวลาสารพัดซื้อจัดหา
ชั่วโมงกว่าครัวขลุกสุกไอกลิ่น
หงายถ้วยชามด้ามขอยอตักริน
อิ่มพุงปลิ้นเร็วช้าหลายนาที

หนึ่งสำรับกับข้าวคาวอาหาร
บวกของหวานมันหอมย้อมสดสี
น้ำเย็นแก้วนมกล่องล้วนของดี
รวมบัญชีมื้อร้อยไม่ค่อยพอ

แรกเปิดเทอมเริ่มงานสานชีวิต
หลังครุ่นคิดฉับไววิไลหนอ
ทันกับกาลจานรองไม่ต้องรอ
จุดเปลวจ่อฉ่าฉอดทอดไข่ดาว

น้ำปลาหยิบทิพรสหวังหยดหยอด
เกลี้ยงขวดซอสโรยบนเกลือป่นขาว
ยุคประหยัดหัดกินสิ้นเรื่องราว
ต่อยืดยาวอายุลุเลยคืน

เดือนสองงวดใช่บ่อยทนหน่อยนะ
ขอเก็งกะทุ่มแทงแลงคงชื่น
พรุ่งนี้เนื้อเถือปลาถึงมะรืน
รวยเงินหมื่นแสนสุขถูกหวยเบอร์

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: เลิกเถิดครับ ขอให้กำลังใจครับ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 30 พฤษภาคม 2016, 20:04:01

ตะแคงขวาดังโด่งโล่งรูซ้าย
ตะแคงซ้ายดังโด่งโล่งรูขวา
นอนคว่ำหลังดังแฟบแทบมรณา
หงายแบหลาดังโด่งโล่งสองรู

หนอจั๋งใดหายใจฝืดอืดอัด
หรือเป็นหวัดเยื่อหุ้มดังหดหู่
หรือดังลีบตีบตันอั้นอุดอู้
หรือดังทู่ขี้มูกติดดูกดิว

เคยหารือซื้อหายานัตถุ์พ่น
ยาติดขนดังดามจามฮัดซิ่ว
พอดังโล่งโย่งเยิ่นเดินตัวปลิว
กลับหน้านิ่วมูกหลั่งดังต้องลม

ยามฝนพร่างกลางดึกขากขึกขืน
ผ้าสิบผืนหนาวกรากดึงลากห่ม
จรุงปอดถอดฝาเปิดยาดม
ก้มเงยก้มบิดบูดดังสูดเอา

ยามรุ่มร้อนนอนแอร์แช่น้ำตก
อ้าเปิดอกต้องแดดไอแผดเผา
ร้อนปะทุดุเดือดเลือดกำเดา
หายใจสั้นออกเข้าเส่าแสดง

เพราะผลพวงทรวงซูบสูบบุหรี่
หลายสิบปีเลิกขาดยังผาดแผลง
ปอดชำรุดทรุดชราคราอ่อนแรง
ตามทิ่มแทงเวรกรรมสูบทำไม

กระผมริสูบเมื่อเรียน ป.5 แอบสูบเมื่อเรียน ม.ศ.1 สูบจริงๆจังๆเมื่อ ม.ศ.4
เลิกสูบเด็ดขาด ปี 2535 ยามชรามีปัญหาเรื่องหายใจติดขัด หนาวร้อนฝน
ต้องเปิดพัดลมใกล้ๆช่วยหายใจสะดวก เมื่อรู้ก็เกือบยากแก้ไข เสียใจจริงๆ

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ลิเกอ่ะ อ้อนแม่ยก
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 21 มิถุนายน 2016, 05:37:15

ก็บ่นบ้างอ้างเหาะเพราะเต็มแก่
ลูกไม่เหลียวหลานไม่แลชะแง้หา
ถูกทอดทิ้งหญิงไม่สนคนชรา
จะหันมาทักทายรายไม่มี

มัวรีบเร่งเขย่งเท้าก้าวเดินผ่าน
รู้ไหมหน้าหยาบด้านพานเปลี่ยนสี
หลังแว่นดำน้ำตามากทุกที
ขยับหนีพากายอายผู้คน

สารรูปซูบผอมออมร้อยโรค
ปวดมะโหกฝีหนองผดร่องก้น
เกาขี้กลากสากเกลื้อนเรื้อนวงวน
รูขุมขนปริปรุตุ่มพุพอง

เลาขาลีบหนีบเข่าเท้าแดงกล่ำ
กินหลายคำไก่ทอดกลืนลอดช่อง
แกงส้มเผ็ดเห็ดถอบชอบหน่อดอง
ล้วนแต่ของอร่อยเก๊าท์พลอยลาม

ร่างชะลูดตูดต่ำย่ำตุตะ
หวัวฮ่ะฮ่ะขวยเขินเดินต่ามต่าม
ฟันเหลืองบ้างข้างบิ่นยิ้มสิ้นงาม
ก่งไอจามเสลดถึงเขตคอ

สภาพกรรมย่ำแย่ยากแก้ไข
เทียนสิ้นไขไส้มอดรอดไหมหนอ
หากใครยอมกล่อมเกลาพะเน้าพะนอ
หายใจต่อเคียงคู่อยู่แต่งกลอน

รพีกาญจน์


หัวข้อ: Re: เราต้องเดินต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 27 กรกฎาคม 2016, 15:58:21

ซุ่มซ่อนเร้นเส้นทางกีดขวางกั้น
มุ่งฝ่าฟันอุปสรรคที่หนักใหญ่
ฮือลุกโหมโจมจู่ขู่ขืนใจ
ยากแน่ใช้ไม้อ่อนยอมผ่อนคลาย

บนรอยเลือดเชือดแทงก่อนแห้งเก่า
บวมอืดเน่าเปล่าปลีกชิ้นฉีกก่าย
กองกะโหลกโดกเดกดูกเรียงราย
คลุกเคล้าทรายซากผุแตกธุลี

สิ่งสลักหักพังตั้งตรงแหว่ง
ลอยไกวแกว่งแรงซัดสะบัดสี
ควันคุกรุ่นฝุ่นเถ้าลมเป่าที
ฟุ้งผงคลีเข้าหน้าตาแสบเคือง

ร้อนหัวอกหกเหินก้าวเดินไต่
ปีนกะไดยวบโยนโจนขึ้นเหมือง
ลื่นลูกรังฝั่งคลองน้ำนองเนือง
ปลดผ้าเปลื้องฝนสุยลงลุยตม

เหวข้างหน้าขวาขอนอสรพิษ
ซ้ายผาผิดติดดอยร่นถอยหล่ม
แร้งพั่บพั่บจับจ้องร้องระงม
สานผสมปกาศิตปลิดวิญญาณ

ภัยซ่อนเร้นเว้นยากล้วนขวากหนาม
โผล่คุกคามเยี่ยมยุทธ์ช้าสุดต้าน
แพ้ชนะสะใจใช่ต้องการ
ก้าวข้ามผ่านทั้งผองมองอนาคต

รพีกาญจน์

อสรพิษ อ่านอย่างกลอน อะ สอน พิษ



หัวข้อ: Re: ไม่รู้เรา เมาหรือบ้า
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 18 สิงหาคม 2016, 21:08:09

ดื่มทั้งวันบรรเทาโรคเมาหัว
รู้สึกตัวตื่นเช้าเมาไม่จาก
เดินซวนเซชนเสาเมาโอ๊กอ๊าก
จับคอลากยกขวดดวดเมาซา

คนติดเหล้าเมาแย่แก้ก็หาย
เมามากมายนอนขดหมดปัญหา
หากเงินนิดเมาน้อยบ่อยระอา
โกเกลียดหน้าเชื่อดะเมาประจำ

อันเมาค้างสางสายถอนหายได้
แต่เมาใจยืนยงยังคงขำ
ไม่เห็นวันสั่นเทาเมาหัวปำ
หลงพูดพร่ำเมาหนักรักแรกเจอ

พี่ติดเหล้าเมาง้ำล้ำสุดห้าม
เมานงรามนานวันมั่นเสมอ
คิดเลิกดื่มลืมเหล้าเมาแต่เธอ
ใครเสนอไม่แคร์เมาแต่รัก

เมาอะไรไม่เท่าเมาอำนาจ
ทอดทายาทให้เห็นเป็นประจักษ์
ทำเฉเฉียงเอียงอายเพื่อนทายทัก
ปากอึกอักลิ้นไก่ถูกใบ้กิน

ทุกสมัยรายไหนก็รายนั้น
รู้เท่าทันเสียงอ่อยคอยติฉิน
ล้วนเสพเพลินเมินด่าเป็นอาจิณ
แม้คลินคลินทรัมทรัมยำกันเอง

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: วันนี้...แบบจ๋นจ๊อก
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 10 กันยายน 2016, 20:42:55

นกเจ้าเอย...
เจ้าเคย อยู่โยง หลังโรงสี
ข้าวสาร ข้าวเปลือก เลือกกินฟรี
อ้วนพี จุกปุก จุกขึ้นหงอน

นกเจ้าเอย...
เจ้าเคย ผับผับ ขยับร่อน
เงยโง โผผิน แล้วบินจร
ค่ำนอน ตรงไหน ใคร่รู้นัก

นกเจ้าเอย...
เจ้าเคย รีบรน ฝนจักจัก
จับไม้ ใบหนา คราร้อนพัก
หนาวทัก ยืนซุ่ม พุ่มละเมาะ

นกเจ้าเอย...
เจ้าเคย เป็นไข้ หัวใจเดาะ
ปีกหลุบ หุบหาง ย่างลัดเลาะ
ปะเหมาะ ซุกหัว ตัวโดดเดี่ยว

นกเจ้าเอย...
เจ้าเคย จากดิน ละถิ่นเที่ยว
แสงสวย นวยนาด ปราดเปรียว
ลืมเหลียว หญ้าไซ ไต่หญ้าปล้อง

นกเจ้าเอย...
เจ้าเลย ชูคอ ในหอห้อง
สำคัญ ชั้นสูง เช่นยูงทอง
แปร่งร้อง ต่อก ต่อก กระโต้งโฮง

รพีกาญจน์

จ๋นจ๊อก - ปุบปับ ขยับเขียน



หัวข้อ: Re: หนาวมาอารมณ์เฉื่อย
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 13 พฤศจิกายน 2016, 11:47:11

อยู่บ้านอกขอกนาใกล้ป่ากว้าง
เวลาว่างจักไม้สานไซแห
นุ่งเตี่ยวหลวมสวมหมวกลวกดอกแค
ปิ้งปลาแบโขลกตำน้ำพริกแดง

นั่งยองยองมองหาวปั้นข้าวเหนียว
จิ้มจ้ำเคี้ยวเปิดคอกวัวออกแหล่ง
ขัดนั่งร้านสานสักปลูกฟักแฟง
ตะวันแลงวางหาบอาบลอยคอ

สูบบุหรี่ขี้โยโพ่ไฟวาบ
ขับกลอนกาพย์เสภาหน้าห้องหอ
แสงจันทร์ส่องพ้องจังหวะเคาะกะลอ
เสียงมอมอทอดยาวหนาวค่ำคืน

หลับกรนดังหยั่งควายหายใจอยู่
นกเขาคูเกาพุงสะดุ้งตื่น
อกสะท้านควานขวาหาขวัญยืน
พบเพียงผืนกันลมผ้าห่มดำ

ลุกล้างหน้าทาแป้งแต่งตัวเสร็จ
คว้าคันเบ็ดพร้อมเหยื่อลงเรือจ้ำ
ดิ้นในข้องสองตัวแกงคั่วยำ
รีบกลับลำทันทีกลัวผีพราย

อยู่บ้านนอกขอกนาใต้ฟ้ากว้าง
ยึดแนวทางกินนอนก่อนสลาย
ช่วยงานบุญจุลกฐินกินฟ้อนฟาย
แบบสบายกินอยู่คู่พอเพียง

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: เห็นจอกออกมาเป็นกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 06 มกราคม 2017, 20:31:44

คราบไคลรอบขอบข้างกลางบู้บี้
เนิ่นนานปีเกรอะเก่าขาดเงาขาว
ย้อนแรกเริ่มเดิมนั้นคงมันวาว
วางบนราวระเบียงเคียงปินโต

มากคุณค่าถ้าใช้ใหม่ล้างเช็ด
จึงไร้เม็ดดำจุดเปื้อนผุดโผล่
ต้อนรับแขกแปลกตามาเยือนโชว์
คู่คนโทสำรับกับข้าวจาน

ตวงน้ำใสไหลย้อยลอยมะลิ
กลิ่นกลีบผลิดมดอมหอมรสหวาน
ดื่มระรื่นชื่นในใจเบิกบาน
ล่วงหลังทานอิ่มท้องรองอารมณ์

ตวงน้ำคุณสมุนไพรใช้แก้โรค
หูดมะโหกแดงชาดเปลือกฝาดขม
ฝนขมิ้นรินรับระงับลม
ใช้ผสมหยูกยารักษาคัน

ตวงน้ำเมาเหล้าเถื่อนเพื่อนเวียนแวะ
มึนอ้วกแอะครางฮือมือไม้สั่น
หลุดลงพื้นลื่นพลั้งยั้งไม่ทัน
เท้าเหยียบพลันฟุบแฟบแนบดานดิน

คราบไคลรอบขอบข้างกลางบู้บี้
ทิ้งคาทีเจ้าของมองผ่านผิน
เปรียบเช่นคนชราค่าโบยบิน
ก่อนชีพสิ้นช้ำชอกเช่นจอกเอย

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: จากจริงสิ่งที่ได้พบเห็น 5
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 29 มกราคม 2017, 21:11:19

ปีนลำไยใส่เข่งกรัเตงแบก
หาบสาแหรกเทินถาดกระจาดขาย
จอบด้ามกุดขุดดินหิ้วหินทราย
ปาดเกรียงป่ายกายโยกโบกซีเมนต์

ขับลากผาลดานไถดันไม้ขอน
ประแจช้อนจับกดขดเหล็กเส้น
คลำปูมุดอุดตมหล่มชายเลน
กระโจนเผ่นตำรวจกวดไฮโลว์

ยืนลุกนั่งหน้าดำคลี่กำไพ่
มวยสะใจเตะชกยกมือโห่
ส่ายปากอ้่ตาจ้องร้องโกลโกล
หลบผลุบโผล่เจ้าหนี้บี้ดอกตางค์

ท้ายเดือนช้ำน้ำปลากะปิสิ้น
หิวจะกินจานเปล่าไหข้าวว่าง
ลูกปวดหัวตัวร้อนนอนครวญคราง
มอไซค์ฮ่างยางแบนแฮนด์คอคด

ทำงานเฉื่อยเงยง่วงเบิกล่วงหน้า
จ่ายไฟฟ้าคืนขอหม้อถูกปลด
จ่ายค่าน้ำคำเตียนเจียนตัดงด
จ่ายเชื่อจดบิลบานร้านเจ๊ฮวย

หลังงานเสร็จเหน็ดเหนื่อยร่างเมื่อยล้า
รินสุราเบียร์เย็นเป็นเพื่อนด้วย
ซื้อโรคภัยใส่ตัวครอบครัวซวย
ผู้ผลิตรวยแน่นอนเราผ่อนตาย

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: อ้ายถูกใส่ร้าย
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 06 มีนาคม 2017, 20:54:54

เปิ้นกล่าวหาว่าอ้ายชายขี้คร้าน
บ่เฮ็ดงานหลับตื่นแอ่วขึ้นล่อง
ปั่นรถดีดกระดิ่งดังติงตอง
ทักนี่น้องนั่นตัวหวัวครื้นเครง

เปิ้นกล่าวหาว่าอ้ายชายงี่เง่า
แบกน้ำเต้าแตงกวาสี่ห้าเข่ง
เท่ากบเขียดไข่หำทำนักเลง
โอ้อวดเก่งตีกันมั่วฟันแทง

เปิ้นกล่าวหาว่าอ้ายชายเทียมแท้
ใกล้สาวแซ่ต้องตัวกลัวสั่นแหยง
สะกดรักสักคำหน้าดำแดง
ผมหงอกเงินเกินแกงแต่งแม่ญิง

เปิ้นกล่าวหาว่าอ้ายชายชายขี้ตืด
กินซุ่มมืดพริกไข่ใส่ข่าขิง
อย่าถามไถ่ไก่หมูปูปลาปลิง
ลาบหลู้ยิ่งไส้อั่วกลัวท้องพัง

เปิ้นกล่าวหาว่าอ้ายชายชอบเบี้ยว
จากวันเดียวไปหน้าละหล้าหลัง
ชอบหยิบยืมลืมลื่นคืนสตังค์
เอิ้นปึงปังผลัดวันประกันพรุ่ง

เปิ้นกล่าวหาว่าอ้ายชายผีบ้า
อาบน้ำท่าผ้าต่องเตี่ยวบ่นุ่ง
อยู่ตูบน้อยหน้าร้อนนอนตากยุง
ไปสวนปรุงพบหมอรอรับยา

รพีกาญจน์





หัวข้อ: Re: เพื่อนตอบ ดีไม่มีครับ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 14 พฤษภาคม 2017, 22:00:45

เรื่องคุณงามความดีมีมากไหม
น้อยเท่าไรไม่ต้องจ้องพูดถึง
หรือเสนอเออออออกพอพึง
แค่ก้ำกึ่งฟันธงคงเท่ากัน

เดิมเคยดีมีค่ากว่ากองโกฎิ
ก่อประโยชน์ทุกด้านงานเสกสรร
ช่วยส่งเสริมเพิ่มพูนคูณอนันต์
เปลี่ยนแปลงฝันควันธูปเป็นรูปเรือน

นำจรรโลงโครงสร้างทางชีวิต
ขจัดพิษแร่ธาตุกรดฝาดเฝื่อน
แข็งก้อนกากยากย่อยขับคอยเตือน
ไม่แชเชือนหันเหละเวลา

ช่วงตรากตรำทำงานนานครัดเคร่ง
โผล่ตรงเผงพักทีตอนตีห้า
ระวังเขตเข้มงวดแล่นตรวจตรา
ปราการกล้าป้องกันกลุ่มบั่นทอน

ผลหอบแหบแฟบฝ่อชะลอช้า
ครั้นบางคราโอดโอยระโหยอ่อน
สะสมสารธารทุ่นขุ่นนิ่งนอน
ตกตะกอนคับแน่นเป็นแก่นปม

ธ เพียรถามความดีมีอีกไหม
ตอบเสียใจไร้รังถุงขังขม
คืนหนาวเหน็บเจ็บปวดรวดระบม
อักเสบซมสาหัสตัดดีทิ้ง

เพื่อนมีนิ่วในถุงน้ำดีครับ

รพีกาญจน์




หัวข้อ: Re: อย่ายึดติดชีวิตไม่จีรัง
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 23 มิถุนายน 2017, 21:56:17

นั่งตาปรือมือจบสงบนิ่ง
หยุดไหวติงพิงเสาหันเข้าฝา
ล้อมรอบมิดปิดม่านกาลเวลา
สูดลมช้าเข้าออกบอกหายใจ

ลองสำรวจตรวจตัวทั่วบนล่าง
ทีละอย่างคางคิ้วนิ้วบ่าไหล่
สภาพคงทรงทรุดหลุดหายไป
ยังพอใช้ได้ดีกี่ชิ้นอัน

องคาพยพครบงามสามสิบสอง
คิดคลำคล่องว่องไวใช้สุขสันต์
ลุยงานรับกลับรุกสมบุกสมบัน
เลยคืนวันเมื่อยเร้นแรงเช่นเดิม

หรือผมดกปกข้างบางร่วงหล่น
ฟันแท้ทนถอนซ่อมทำปลอมเสริม
ภาพลายพร่าถ้าชัดวัดแว่นเติม
หูตึงเพิ่มเครื่องฟังดังกระจาย

ผิวซีดเซียวเหี่ยวแห้งปานแดงโผล่
ก้มเงยโงคะมำก้นจ้ำหงาย
เดินลำบากลากขาพาร่างกาย
ยามื้องายความดันไขมันเก๊าท์

นิ่งสงบจบมือตาปรือนั่ง
รูปผุพังเวทนาสัญญาเช่า
สังขารสิ้นวิญญาณพานจากเรา
ท้ายดูกเถ้าเน่าเหม็นไม่เห็นมี

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ทางแพร่งแห่งชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 20 กรกฎาคม 2017, 09:32:58

ณ วันนี้ชีวิตติดตรงแยก
ตาล่อกแล่กหลุดกรอบมองรอบข้าง
ตัดสินใจใดดีสี่เส้นทาง
เวลาช่างถดถอยเหลือน้อยเกิน

หากทะลุ่มสุ่มเสือกเลือกไปหน้า
เกลือกกามาข้าแน่แก่ขวยเขิน
แอบซุ่มซุ่มซ่อนซ่อนห่อนเผชิญ
อาจบังเอิญเป็นข่าวฉาวโครมโครม

เลือกเลี้ยวขวาเข้าวัดขัดกิเลส
ขับภูตเปรตยั่วยุประทุโหม
ละโลภโมโทสันพันเล้าโลม
สาธุ โอม สัมฤทธิ์ประสิทธิเม

เลือกเลี้ยวซ้ายหมายทุ่งมุ่งนาไร่
ดูลำไยฝ่าฟันมิหันเห
บำรุงช่อฮอร์โมนพ่นสเปรย์
สะดุดเซอ่อนขาเรียกยาดม

เลือกย้อนรอยถอยหลังตั้งหลักใหม่
ทำอะไรเพื่อเพราะเพียงเหมาะสม
หยิบโน่นนิดนี่หน่อยร้อยอารมณ์
แก้ขอดปมผูกมัดรัดกายา

เมื่อถึงกลางทางแพร่งแห่งชีวิต
หลังไร้สิทธิ์อำนาจวาสนา
สิ้นสำแดงแสลงโรคโชคชะตา
เร็วหรือช้าทุกคนยากพ้นยม

รพีกาญจน์


หัวข้อ: Re: อยู่กับคนกินกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 09 สิงหาคม 2017, 12:29:23

ยากยึดยื้อมื้อกาลเคลื่อนผ่านพ้น
แลสัตว์คนเช่นกันหยุดวันเปลี่ยน
หรือติดเฟืองเนื่องหนุนวนหมุนเวียน
หวนเยี่ยมเยียนย่ำถอยย้อนรอยเดิม

ถือว่ากรรมธรรมชาติที่วาดแวด
ร้อนแสงแดดแผดเผาลมเป่าเสริม
ฝนตกหนักผลักน้ำท่วมซ้ำเติม
พอลดเริ่มหนาวจัดสัมผัสกาย

ขาดสมดุลย์จุนเจือเหลือมากน้อย
แห้งขอดพลอยใต้พื้นชุ่มชื้นหาย
น้ำหมดคลองหนองธารเห็นดานทราย
พืชเหี่ยวตายคาต้นเกลี้ยงผลใบ

ฤดูเดือนเลือนผลิร่วงวิบัติ
ฝูงส่ำสัตว์ย้ายท่าที่อาศัย
แหล่งทำมาหากินสูญสิ้นไป
โดนรุกไล่แล่นร่นลี้คนพาล

หลบลงรูอยู่ดอยแอบซอยซอก
ทะยอยออกจากทุ่งมุ่งสู่บ้าน
สร้างรวงรังหลังคาจั่วอาคาร
เศษอาหารอย่างไรไม่เลือกกิน

นกเขา นกกระจิบ นกกระจาบ
นกพิราบ นกเอี้ยง นกขมิ้น
จิกโฮมมี ไมโล โอวัลติน
จิกลูกชิ้น สุกสด กลืนหมดเลย

รพีกาญจน์

ทุกเช้านำข้าว หรือขนม และน้ำ รวม 25 จุด
ถวายพระ เทพ เจ้าที่ แปลกใจนกเหล่านี้กิน
เมล็ดพืช แมลง กลับรุมจิกกินอาหารที่ถวาย



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งเคยทำผิด
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 18 กันยายน 2017, 21:41:18

เพียงพาซื่อมือไวไร้เฉลียว
พลาดหนเดียวสติวิปริต
มากถึงกับกริยาคราครุ่นคิด
วุ่นวายจิตแวดวงคงเห็นเรา

ท่องตามตรอกซอกซอยเคยลอยร่า
เอ่ยวาจาขวาซ้ายทักทายเขา
ป้องปากเอิ้นอู้แอ่วดังแผ่วเบา
ยอหยอกเย้ายิ้มแหย่ให้แก่กัน

ยามนี้ย่อคอหดหมดสภาพ
เดินสูบสาบมองทางเอียงข้างหัน
ก้าวรีบเร่งเกรงพบหลบพัลวัน
หลีกนี่นั่นชุมชนคนไปมา

เพื่อนแลบลิ้นปลิ้นตาว่าเย้ยเยาะ
เพื่อนหัวเราะว่าย้ำสมน้ำหน้า
เพื่อนซุบซิบหยิบยินว่านินทา
เพื่อนเฮฮาว่าถ่อยคอยเติมร้าย

หวาดกังวลบนเตียงเที่ยงคืนค่อน
คอยหลอกหลอนนอนหลับกระสับกระส่าย
ทะลึ่งลุกทุกข์โจมเหงื่อโซมกาย
อยากจะตายอายคนพ้นเสียที

หากเผลอผิดพลั้งชั่วตัวย่อมรู้
ถูกเผยสู่สื่อสับสิ้นอับศรี
หากเม้มมิดปิดฝังยังโชคดี
จงเป็นที่สุดท้ายเถิดหมายทำ

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: แกงเก่าคนแก่
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 23 ตุลาคม 2017, 21:39:28

เช้าเที่ยงแลงแกงเก่าบ้างเขาเบื่อ
ลงท้องเหลือครึ่งหม้อยั้งรออุ่น
บ่บูดเสียสาบเหม็นย่อมเป็นคุณ
แถมยังทุ่นของกับยามทรัพย์จาง

จะตักถี่กี่คำก็ซ้ำซาก
จ่อเข้าปากฟันถูกแทะดูกก้าง
สัมผัสลิ้นกลิ่นรสบดเคี้ยวคาง
จุ่มถ้วยวางปั้นบิข้าวจิจาน

ปิดมิดชิดก่อนเก็บเข้าครัวตู้
ผลิตเมนูรักษารูปอาหาร
เด็ดตำลึงยอดใยใบอ่อนบาน
หน่อดองฝานต้นหอมโหระพา

ผงฮินเลเทบนช้อนคนคละ
ยกกระทะขึ้นตั้งไฟดังฉ่า
เหยาะชูรสหยดซอสหยอดน้ำปลา
ชิมโอชา"แกงโฮะ"โจ๊ะทึงทึง

แต่ละวันหันหาปรุงอาหาร
ตระเตรียมนานในครัวชั่วโมงถึง
กินเพียงห้านาทีอิ่มท้องตึง
หมดวันหนึ่งเวลาน่าเสียดาย

อันแกงเก่ากินบ่อยบ้างพลอยเบื่อ
คนเก่าเหลือเกินขอหนอไกลหน่าย
แสร้งจูบจับหับเหี่ยวเดี๋ยวฟ้อนฟาย
น่าละอายลาลิงจริงเน้อเรา

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ล่อลงหลุม
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2017, 21:32:56

เห็นโทนโท่โชว์ซากมากอ่อนด้อย
แถมปากพล่อยไร้รูดชอบพูดพล่าม
เก็บไม่อยู่รู้ลับยินจับความ
เกินหักห้ามแห่โหนโพนทะนา

ถูกถามทางวางปุ๊บรีบฮุบขอ
เปล่าเหยื่อล่อฉุกนึกควรปรึกษา
เฉเฉียดโผงตรงเผงเร่งเวลา
กวักมือท้าหยอยหยอยชวนต่อยตี

มันล้วนเล่ห์เพทุบายเหลี่ยมร้ายคิด
แพร่สารพิษโรยรินปราศกลิ่นสี
หน้าแสร้งซื่อถือธรรมนำวาที
สวัสดีไหว้สวยอำนวยพร

เดินกรุ่มกริ่มยิ้มแป้นแหงนหัวเราะ
แหมะปะเหมาะชักมีดจากปิดซ่อน
เผลอกระหน่ำซ้ำซวกพวกแน่นอน
แล้วกะล่อนบุ้ยบอกหลอกไม่จริง

เกรงเขาเกลียดเบียดไหล่ใกล้กระแซะ
หวัวแหะแหะขานลุงป้าสุงสิง
ทิ้งคำถามสามข้ออ่อยล่อลิง
หลบเร้นซิ่งฟังผลหลังต้นไทร

เห็นโทนโท่โซหิวเนื้อนิ้วสั่น
ทนกัดฟันกำตุงพุ่งเข้าใส่
ฝ่าควันธูปวูบวาบชักภาพไว
ลงหลุมไฟไหม้เกรียมเตรียมท่ารอ

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ได้แต่เฝ้ามอง
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 03 ธันวาคม 2017, 21:25:08

รวมสิบร้านเรียงรายท้ายถนน
ร้อยผู้คนเคยถือเลือกซื้อของ
สุกสดดิบหยิบแลแต่ใจปอง
ล้วนพี่น้องผองพาขาประจำ

ต่อลดนิดติดหน่อยมีบ่อยแถม
เอ่ยยิ้มแย้มแกมหยอกเย้าชื่นฉ่ำ
แวะสอดเสาะเจาะข่าวสาวคืบคำ
ทักถามพร่ำถึงทุกข์สุขสบาย

บ้างบังมุมซุ่มพักดักลูกหนี้
แสร้งบ้าจี้ทะลึ่งทำผึ่งผาย
เจอว่าจ้างว่างวานงานหญิงชาย
ตั้งแผงขายโป้งรวยหวยชุดใบ

เพลิดเพลินชมสนุกคนพลุกพล่าน
เข้าออกร้านเฮฮาอัชฌาสัย
เงินเข้ามือซื้อขายกระจายไป
เฉลี่ยได้มากน้อยค่อยตำบล

ซ้ายจอดวิ่งนิ่งแช่บีบแตรไล่
สวนขวักไขว่วนกลับแซงสับสน
มอเตอร์ไซค์ใหม่เอี่ยมเทียมรถยนต์
บัตรคนจนยึดต่อแถวรอเยียว

ทุกสายตรงธงฟ้าประชารัฐ
เขาจับจัดลงถุงกระบุงเกี่ยว
เราหยุดกึกคึกคักเขาร้านเดียว
เราซีดเซียวใกล้จมล้มละลาย

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า "วันเด็ก"
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 13 มกราคม 2018, 20:53:55

ถอนออมทรัพย์นับฝากจากออมสิน
เป็นค่ากินค่ารถค่าขนม
เที่ยววันเด็กเสาร์แรกตุลาคม
ครูพาชมงานใหญ่จัดในเวียง

พอได้ยินดีใจหัวใจเต้น
เราวิ่งเล่นไชโยโห่ส่งเสียง
อยากเร่งวันเร่งคืนตื่นจากเตียง
เข้าแถวเรียงทั้งหมดขึ้นรถยนต์

แหละแล้ววันนั้นหนาก็มาถึง
รถตะบึงเลี้ยวลดบดถนน
ผ่านเรือนแพแม่น้ำบางตำบล
สวนผู้คนเดินวิ่งมีหญิงชาย

เห็นตึกลานบ้านช่องร้องคึกคัก
รถทะลักแล่นหยุดยาวสุดสาย
แยกไฟแดงเหลืองเขียวเลี้ยววุ่นวาย
ร้านซื้อขายป้ายปิดติดราคา

เห็นเครื่องบินบินร่อนลงเงยไต่
เห็นรถไฟชั่กชั่กจอดพักท่า
เห็นโฆษกวิทยุกรมประชา(สัมพันธ์)
เห็นสิงสาราสัตว์สวนตีนดอย

แสนสนุกสุขใจวัยประสา
กลับบ้านนาคุยคุ้งปลิวฟุ้งฝอย
ซับสิ่งสรรค์บันเจิดล้ำเลิศลอย
เมื่อเด็กน้อยคิดเห็นอยากเป็นครู

รพีกาญจน์
เมื่อ 6 ตุลาคม 2505




หัวข้อ: Re: จากฝันสู่ความเป็นจริง
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2018, 05:26:30

มือจับท่อต่อท่อนก่อนบิดแน่น
ปวดต้นแขนเอ็นขาดอนาถหนอ
เคยขอร้องสองเดือนเลื่อนผ่ารอ
ดูคุณหมออืมอำคงรำคาญ

กระผมเองเกรงใจทำไงเล่า
เป็นเรื่องเศร้าจริงครับขอขับขาน
หักค่าศพกลบหนี้ดอกบี้บาน
รับบำนาญกระจ้อยเหลือร้อยเดียว

ฝืนปวดเจ็บเก็บออมถนอมผล
แต่เบื้องต้นต่อไปใครแลเหลียว
เสมือนขอนไร้เห็ดเด็ดต้มเจียว
ย่อมแห้งเหี่ยวแมงมอดดอดทำลาย

ทำขนมนมเนยไม่เฉยแฉะ
นึ่งสุกแคะแกะตอกออกวางขาย
ตุ๋นไก่เป็ดเผ็ดหลู้ลาบหมูควาย
เลิกสุดท้ายเข้าสวนพรวนลำไย

หวังสงบจบจำธรรมชาติ
ช่วงชีวาตม์หยุดพักก่อนตักษัย
อยู่แจรงแต่งกลอนอักษรไทย
มีเรไรรอบล้อมกล่อมยามนอน

มือจับท่อต่อท่อนก่อนเปิดน้ำ
ไหลตามลำระเรื่อยล้าเหนื่อยอ่อน
ทราบข่าวขุ่นวุ่นวายภายนคร
เมษาร้อนทันเกี่ยวเก็บไหมเอย

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ฮัลโหล...ทดสอบ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 31 มีนาคม 2018, 21:39:21

เตือนลูกเต้าเหล่าหลานอยู่บ้านติด
ชมหนังฮิตจอแก้วหยุดแอ่วไหน
ล้างชามจานงานครัวช่วยทั่วไป
พัดลมไล่ไอร้อนพักผ่อนเย็น

กวนฮอร์โมนพ่นใบลำไยเนื้อ
รอบพุ่มเจือราดตักน้ำหมักเหม็น
สับซัมเมอร์สเปิดลำน้ำกระเซ็น
ปิดเทอมเป็นผู้ช่วยด้วยปู่ตา

หวังมะม่วงพวงลำไยไม่ร่วงหล่น
ควั่นเหนียวทนแสงแดดบ่ายแผดจ้า
ต้องลมพัดกวัดไกวได้ฝนพา
เปลือกแตกอ้าทันทีแมงหวี่ตอม

กระรอกหนอนชอนไชไต่เจาะกัด
แก่หวานจัดลามเลียฝูงเพลี้ยห้อม
จุดปานแดงด่างดำจ้ำหม่นมอม
จำต้องยอมรูดร่วงตวงขายโล

ทั้งงานบ้านงานสวนงานขายซื้อ
งานล้นมือล้นตักกองอักโข
ทำเดี่ยวโดดโลดแล่นวันแมนโชว์
หลานคนโตเขยเล็กเช็คช่วยคิด

ได้แต่ปลงสงสารสังขารเอ๋ย
ปล่อยตามเลยใช่ฮึดหลงยึดติด
กล้ามฉีกเห็นเอ็นขาดเลือดฝาดพิษ
ทดสอบฟิตลองหวนทวนกลอนเรียว

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ยกของขึ้นรถ ปวดไหล่ชะมัด
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 20 พฤษภาคม 2018, 21:06:08

เคยแยกเขี้ยวเกรี้ยวกราดตวาดลั่น
ยืนแอ็กชันเช่นสิงห์หยิ่งผยอง
เคยเบ่งกล้ามกำมือถือคะนอง
ตบพุงพองอ่องโอ่โชว์สะดือ

ระคายหูขู่ฟืดจามฮึดฮัด
หันสะบัดซัดหน้าตามองขื่อ
แค่กีดขวางวางมวยฉวยลงมือ
เพราะข้าคือขุนห้าวจ้าวพยัคฆ์

สืบสกุลรุนชาติวาสนา
อสุราอาวุธยุทธจักร
ไผงอนง้อผ่อผิสามิภักดิ์
มอบความรักฟักแฟงเต้าแตงโม

ผิดประสงค์ตรงขามหยามลบหลู่
คิดต่อสู้สักไหล่ใส่โมโห
หรือเคร่งขึงตึงตังดังคุยโต
หมูพะโล้ลาบไก่มิให้กิน

ครอบครองตูบติดนาหลังคาจาก
พื้นไผ่ฟากสากเก่าเสากระถิน
ฝนพร่างพรมลมมาหลังคาบิน
หนุนหมอนหมิ่นมิหลับมัวนับดาว

หยุดแยกเขี้ยวเคี้ยวอ้อยอร่อยหวาน
ดั่งน้ำตาลร้านขายทรายเกล็ดขาว
ขืนเก่งกร่างสร้างซ่าหาเรื่องราว
บำบัดยาวสาวเส้นร้อยเอ็นพรุน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ตาบอดกอดกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 22 มิถุนายน 2018, 15:18:00

ด้วยสายตาพร่ามัวหม่นนานแล้ว
แถมดวงแก้วสองข้างต่างบอดสี
อาศัยแว่นแผ่นใสได้หลายปี
ช่วยเห็นชี้ถี่ชัดถนัดทำ

หากขาดแว่นวันใดลืมใส่สวม
มักบ้าบวมเลยเถิดเกิดเรื่องขำ
ใกล้คืบศอกออกมือถือควานคลำ
เล็กหล่นต่ำเงยก้มงมปูปลา

แยกรูปพรรณสัณฐานละลานยาก
มะนาวหมากเป็ดไก่แมวใช่หมา
ขวดแก้เพลียเบียร์เหล้าไรโซดา
ใดขิงข่ากาแฟเกลือแร่ซอง

แค่สลัวหัวโขกกระจกร้าน
เดินเข้าบ้านชนรั้วแหลมสยอง
พ่อตาเห็นเว้นไกลไม่แลมอง
หลงเข้าห้องสีลานึกว่าแฟน

ก่อนเช้าสางว่างบ่ายช่วงท้ายค่ำ
นั่งจิ้มจ้ำกำเหมาะเม้าส์เคาะแท่น
คลิกเว็บเพจเข็คบอลกลอนกาพย์แกน
ขยับแว่นชุบเช็ดคอมพ์เคสจอ

ตาแดงช้ำน้ำใสไหลเปียกแฉะ
ถูกค่อนแคะเพื่อนแพงว่าแสงส่อ
อาจสูญเสียชำรุดไม่หยุดยอ
ยินยอมรอตาบอดกอดกับกลอน

รพีกาญจน์

สีลา - น้องแฟนกระผมเองครับ แหะๆ



หัวข้อ: Re: ฝันค่อนแจ้งวันจันทร์
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 06 สิงหาคม 2018, 22:20:19

ยังจะให้ใครช่วยด้วยอีกหรือ
พนมมือนิ้วราบทาบเทียมมั่น
เสมออกยกจบอภิวันท์
หลับตาอั้นอุดลมค่อยระบาย

ดึงผ้าเวียนเคียนเอวเร็วกระชับ
ย่อยอบจับด้ามกลมดาบคมก่าย
ทะยานดินผินหน้าจ้องท้าทาย
พ้นจากค่ายข้ามคูกู่ทอดยาว

กรีดชี้กราดฟาดฟันสะบั้นซ้ำ
แทงถลำลงเนินโดดเหินหาว
ทอนขบวนทวนทนร่นระนาว
กลิ่นเลือดคาวคละคลุ้งทุ่งชโลม

ตั้งแต่สางร่างล้ากว่าถึงเที่ยง
หลบฉากเฉียงเบี่ยงขวาถลาโถม
เหงื่อเอิบอาบสาบไคลหลั่งไหลโซม
เท้าถีบโครมม้วนวงคลุกผงคลี

เพลงชำนาญหาญศึกคลายฮึกเหิม
พลังเริ่มถดถอยคล้อยเคลื่อนหนี
ชนะพ่ายหลายหนใช่ผลดี
เท่าไมตรีหยิบยื่นชื่นใจนัก

ยังจะหามาช่วยด้วยอีกหรือ
แท้เจ้าคือเจ๊กจั๊วแหลมตัวหลัก
ยังยิ้มแป้นแล่นลึกทำยึกยัก
เดี๋ยวเถิดผลักหักอกร่วงตกรถ

ฝันแบบนี้ทีไรไปพบหมอถอนฟันทุกที!

รพีกาญจน์




หัวข้อ: Re: ละเธอจะทำได้แค่ไหนหนอ ?
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 16 กันยายน 2018, 21:27:06

มองผิวเผือกเปลือกกาบแค่ฉาบฉวย
เอื้อสิ่งอวยเรื่อยเดือนรวมเงื่อนไข
อ้างมุ่งหมายคลายทุกข์ปลอบปลุกใจ
บรรเทาให้ยืนหยัดอย่างทัดเทียม

สรวงส่งทูตเทวาลงมาโปรด
พลิกพิโรธบทมารท่านหาเหี้ยม
แสร้งเขินอายทายทักจั๊กกะเดียม
โอนอ่อนเปี่ยมเลี่ยมเลศมากเมตตา

ปรับเร่าร้อนย้อนเย็นเป็นระเบียบ
อดอุบเงียบใช้มือสื่อภาษา
ชี้ถูกผิดคิดต่างบางเวลา
เจรจาลบลับจับเข่าคุย

มาลัยเหลืองรอบคอคาดผ้าต่อง
ลงน้ำท่องท่วมท้นฝนตกสุย
ภัยพิบัติจัดหน่วยเร็วช่วยลุย
ย่ำรับปุยเมฆขาวเยือนราวภู

แน่ะแจรงแต่งกลอนออดอ้อนหวาน
ร้องเพลงสานสมัครรักมวลหมู่
สั่นลิ้นรัวกลั้วกล้ำพร่ำพรั่งพรู
เอาสุขสู่ราบลุ่มปกมุมเมือง

มองผิวหยาบกาบเปลือกฝั้นเชือกกล้วย
เกลียวริ้วช่วยรัดงูฟ่อขู่เชื่อง
สงบปากอยากแย่แค่ชำเลือง
หล้าฟูเฟื่องสดใสไร้กอบโกย

รพีกาญจน์





หัวข้อ: Re: ยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2018, 20:32:40

เมื่อให้สิทธิ์เสรีเต็มที่แล้ว
ออกกรายแกร่วเก้งก้างขวางถนน
ขุ่นแยกเขี้ยวเยี่ยวหยดยางรถยนต์
มิเลือกคนเคยปะเห่ากระจาย

เจอแปลกหน้าตาถึงทำขึงขัง
ยินเสียงดังเดินมุดหางหยุดส่าย
หลบโจมจับคับข้นอันตราย
เกรงกลัวตายตำเจ็บเหน็บฤายอม

เที่ยวระรานหาญเห่ากลุ้มเจ้าของ
กักขังห้องหับแคบจนแวบผอม
หมายปรับแปลงแต่งตัดปัดปนปลอม
โน้มจิตน้อมนำทางชะล้างใน

คุมกี่ครั้งยังพึมครางฮึ่มแฮ่
ตวัดแส้เชือกคอตะกร้อใส่
ล่วงวันคืนตื่นหลับนานนับใด
สิ้นบ้าใบ้บ่งบอกปล่อยนอกกรง

แรกดูเรียบเงียบขรึมท่าซึมเศร้า
เริ่มงอนเง้าหงุดหงิดผิดประสงค์
พอข้างบ้านร้านตึกคึกคักคง
ยือคอก่งกินลมประสม

หลังได้สิทธิ์เสรีเต็มที่แล้ว
หวนซ่าแซ่วสร้างเหม็นเห็นระห่ำ
โฮ่งเห่าหอนจรจัดกัดประจำ
ตัดสินนำนอนกรงตรงที่เดิม

รพีกาญจน์