เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย

บอร์ดกลุ่มชมรม => ชมรมนักกลอน => ข้อความที่เริ่มโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 19 มิถุนายน 2012, 14:29:46



หัวข้อ: ตายเกิด 500 ชาติ ขอเป็นยุง
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 19 มิถุนายน 2012, 14:29:46


...ว้าเหว่ในเคหา...

เหลาดินสอ จ่อจุด สมุดขาว
เล่าเรื่องราว กลอนกานท์ เริ่มงานเขียน
ระยิบระยับ พับตา หน้าแสงเทียน
เงาวนเวียน เป็นปื้น เลื่อนขึ้นลง

แขวนข้างฝา นาฬิกา เวลาทุ่ม
ยินประชุม ทำนอง สวดของสงฆ์
เคาะระฆัง กังวาน สะท้านดง
จิ้งหรีดส่ง เสียงร้อง ก้องพนา

ไฟสุมฟาง ข้างคืน เลยดื่นดึก
ดุ้นฟืนสึก ถ่านเทา เถ้าถมท่า
น้ำค้างย้อย ปรอยปราย จากชายคา
แวบนกป่า ร่าเริง ล้อเพลิงแดง

หอนโหยหวน ทวนทับ รับร้องทอด
เสียงเส่าสอด มอมอ วัวรอแหล่ง
ฟ้ามืดมิด จิตวิญญาณ หาญแสดง
แว่วสาปแช่ง เสือลาก รีบจากไป

เย็นยะเยือก เกลือกกาย สายลมล่อง
มือตระกอง อุ่นอก วิโยคไหว
ไก่ขับขัน กระชั้นเสียง สำเนียงไกล
หริ่งเรไร สรรพสัตว์ สงัดพลัน

ยังคงนั่ง หน้าคอมพ์ จ่อมจิ้มศัพท์
หาวประหงับ ตาลาย มือม้ายสั่น
รีบเสร็จก่อน อ่อนแรง แสงตะวัน
คนชอบฝัน อยู่เดียว เปลี่ยวใจกาย

กานต์
18/06/55 21.00 น.



หัวข้อ: Re: ...เหงา...
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 19 มิถุนายน 2012, 18:54:16


...อ้างว้างกลางฝูงชน...

กางเกงยีนส์ เสื้อผ้าฝ้าย สะพายย่าม
เดินท่องตาม ถนน บนวิถี
รองเท้าแตะ แสะเสาะ เลาะธุลี
สองฟากมี คนผ่าน ละลานตา

ส่ง.สัญญา สารบาญ งานเงินกู้
สหกรณ์ ออมทรัพย์ครู อยู่ข้างหน้า
นานสิบปี ไม่เคย เลยแวะมา
ใช้เวลา ล่องลัด สัมผัสทาง


เลียบร้านรวง ข่วงข้อง ช่องตรอกแคบ
แออัดแอบ กำแพง ดินแดงกว้าง
สวนบวกหาด กาดมั่ว รั้วไม้ซาง
เจดีย์ร้าง วัดเก่า เข้าข้ามคู

ชมโบราณ ฐานสถูป รูป.หล่อ.ปั้น
อภิวันท์ เถ้าอังคาร ท่านหลวงปู่
องค์เม็งราย ฟายภาพ ปราบศัตรู
ย่างก้าวสู่ ลานกษัตริย์ ขัตตินัย

พบแปลกคน ล้นหลาม อยากถามทัก
ไม่รู้จัก สักผู้ อยู่.เชียงใหม่
ได้แต่ชม อมเมี่ยงคำ ฮัมเพลงไป
เหงาหัวใจ อ้างว้าง กลางฝูงชน

กานต์



หัวข้อ: Re: ...เหงา...
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 20 มิถุนายน 2012, 17:56:22


...ดั่งเม็ดทราย...

เกิดที่ลุ่ม ชุ่มฉ่ำ น้ำเป็นเพื่อน
กองกลาดเกลื่อน เรียงราย ตามชายฝั่ง
อยู่ตามตรอก ซอกดิน หลืบหินบัง
ใต้วนวัง เวิ้งว้าง กลางทะเล

ต้องไอแดด แผดเผา เช้าจดค่ำ
ฟ้ามืดดำ น้ำค้าง พรมพร่างเห่
ฟ้าคะนอง ก้องกาจ ฝนสาดเท
ลมพัดเพ ฟุ้งฟาย กระจายไกล

ปนฝุ่นดิน ตีนเปล่า รองเท้าย่ำ
ปนปูนทำ ก่อสร้าง ตึกห้างใหญ่
กรอกถุงทับ ตับชั้น กั้นน้ำภัย
เด็กทั่วไป เล่นกอง ขายของกัน

หมดความหมาย ย้ายยุบ เททุบทิ้ง
กลายเป็นสิ่ง น่าเกลียด คนเดียดฉันท์
ทนเงียบเหงา เศร้าฤดี ทุกวี่วัน
หญิงเย้ยหยัน แค่เศษ ดั่งเม็ดทราย

กานต์



หัวข้อ: Re: ...เหงา...
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 21 มิถุนายน 2012, 15:23:54

...จิตรกรน้อย...

มีดคมทื่อ มือจับ ลับดินสอ
แท่งสีมอ ไส้ดำ หนูกำแน่น
ถาถูเปลือก เถือกถาก ออกจากแกน
เหลากลมแบน ส่อเหตุ เจตนา

หยิบกระดาษ วาดเขียน โรงเรียนให้
เบาบางใบ กว้างสิบ ยาวสิบห้า...นิ้ว
พบรอยพับ ยับยู่ยี่ คลี่ออกมา
ค่อยกะกา กั้นกง ขีดลงลาย

หน้า.ตากลม ผมริ้ว คิ้วค้อมโก่ง
จมูกโด่ง ปากกระจับ กลับขึ้นหงาย
ฟันหน้าหลอ คอตั้ง หูบังบาย
หนวดเคราคล้าย จีนแปลก แขกอาซิง

คือ.ชายชาญ กร้านกรำ ทำงานหนัก
ที่หนูรัก กว่าใคร ใดทุกสิ่ง
แม่บอกเล่า เขาเป็น เช่นคนจริง
แล้วทอดทิ้ง หนูไกล ไม่กลับมา

มิมีกรอบ ขอบไว้ ให้สวยสะ
แต่หนูจะ ปะ.ปิด ติดข้างฝา
จุดธูปเทียน เวียนภาพ กราบบูชา
ทุกค่ำ.ครา ถอยถด หมดเรี่ยวแรง

จากวันนั้น ครรนึง ถึงวันนี้
ยังคงมี ภาพพริ้ม พ่อยิ้มแฉ่ง
เวลาวัน ผันไป ไม่เปลี่ยนแปลง
รักล้นแฝง สถิต...จิตรกร

กานต์


หัวข้อ: Re: ...เหงา...วันหยุดสุดเหงา
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 22 มิถุนายน 2012, 20:19:40

เช้าวันศุกร์...
ต้องเริ่มขลุก สะสาง งานค้่งเติ่ง
ดื่มกาแฟ แก้ง่วงนอน รอนบันเทิง
งานใหม่เพิ่ง เข้ามา ห้ารายการ

รีบทำแข่ง แซงเวลา พาคึกคัก
เจ้านายทัก ตอบรับ กลับฉะฉาน
ส่งรอยยิ้ม พิมพ์ใจ ให้ดวงมาน
สำนักงาน อิ่มเอม เปรมปรีดา

อุปสรรค หนักใหญ่ ไม่เคยหวั่น
ร่วมใจกัน แน่วแน่ แก้ปัญหา
เรื่องแรกจบ ลบไป มีใหม่มา
กองตรงหน้า ท้าความ สามารถเรา

จะร้ายดี มีไว้ เพื่อให้แก้
ไม่ยอมแพ้ ท้อถอย นั่งหงอยเหงา
เสาะหาเหตุ เด็ดฟัน จนบรรเทา
ท้ายหมดเกลี้ยง เลี่ยงเลา เบาบางไป

เย็นวันศุกร์...
หมดสนุก เลิกงาน บ้านอาศัย
คิดถึงเพื่อน และงาน ร้าวรานใจ
อยากจะให้ ถึงจันทร์ พรุ่งทันที

เสาร์อาทิตย์ ติดเหงา อยู่เฝ้าบ้าน
ทำอาหาร ปลูกผัก ซักขยี้
ปัดกวาดถู ดูหนัง ฟังดนตรี
ไม่อยากมี เสาร์อาทิตย์ ติดสัปดาห์

กานต์


หัวข้อ: Re: ...เหงา...
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 26 มิถุนายน 2012, 12:30:27


บ้านเก่า...บ้านใหม่...

บ้านเก่า...
ปลูกตั้งเสาด้วยรอจากกอไผ่
มีแปดต้นบนหลังคาคาดตอกไพ
ขึ้นกระไดสามซี่ถึงที่นอน

ฝาขัดแตะแปะปะด้วยกระดาษ
ปูเสื่อสาดพื้นฟากรองตากหมอน
พอล้มพับหลับตาคราเหนื่อยทอน
มีจานช้อนครัวไฟได้ทำกิน

พ่อแม่ลูกสุขสันต์กันทั่วหน้า
ค่ำแลงมาสุมไฟไล่ยุงริ้น
หมูสามตัววัวคู่อยู่ลานดิน
นกไก่บินจับไม้ใกล้หลังคา

บ้านใหม่...
ปลูกหลังใหญ่ซีเมนต์เส้นเหล็กกล้า
กระเบื้องสีกระจกใสวิไลตา
ของนานาอุดมสมบูรณ์ครัน

จะกินบ้างขว้างไปใช้มิหมด
แสนสลดเงียบเหงาเศร้าโศกศัลย์
ตายายสองจ้องหน้าพูดจากัน
ส่วนลูกนั้นจากไกลไม่กลับมา

กานต์



หัวข้อ: Re: ...เหงา...
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 30 มิถุนายน 2012, 13:03:05


๐ สักวา ความเหงา รุมเร้าจิต
เฝ้าครุ่นคิด ถึงเพื่อน ที่เลือนหาย
ทิวาวาร ผ่านพ้น ทุรนกาย
ใจที่หมาย คาดหวัง ยังมืดมน

สะกิดเตือน เพื่อนเรา เข้าใจผิด
เรื่องน้อยนิด ติดข้อง มิต้องสน
ท้ายกระทบ จบจุก ถ้วนทุกคน
กลับมาด้น ดั้นกลอน เช่นก่อนเอย

กานต์



หัวข้อ: Re: ...เหงา...
เริ่มหัวข้อโดย: >_อนัตตา_< ที่ วันที่ 30 มิถุนายน 2012, 21:22:02

สักวา  หน้าฝน  คนหน้าหมอง 
หนุ่มที่ปอง  หลีกหนี  หลบลี้หาย
ปล่อยให้สาว   นอนหนาว  ร้าวรานกาย 
ใจวุ่นวาย  ร้อนรุ่ม   สุ่มในทรวง

เมื่อก่อนแอบ  แนบชิด  สนิทร่าง 
ไม่เคยห่าง  เว้าวอน  อ้อนในบ่วง
กลับหนีหาย  พ่ายแพ้  แค่รักลวง
ต้องก้าวล่วง  อีกนานไหม  ทำใจเอย  


 :'( :'( :'(


หัวข้อ: Re: ...เหงา...
เริ่มหัวข้อโดย: little girl ที่ วันที่ 30 มิถุนายน 2012, 21:34:23

สักวา สองสาว หนาวดวงจิต
เพื่อนเคยชิด ห่างหาย หน่ายกันแล้ว
เคยหยอกเย้า เซ้าซี้ มาหนีแจว
โถพ่อแก้ว รีบกลับ รับขวัญนาง

ยังรอหน้า พี่ยา มาเยือนถิ่น
ยังถวิล คนไกล อย่าได้หมาง
มีเรื่องใด ผิดใจ ใยอำพราง
หรือว่านาง "อนัตตา" พาจรเอย 

 ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: ...เหงา...
เริ่มหัวข้อโดย: >_อนัตตา_< ที่ วันที่ 30 มิถุนายน 2012, 21:41:02

สักวา สองสาว หนาวดวงจิต
เพื่อนเคยชิด ห่างหาย หน่ายกันแล้ว
เคยหยอกเย้า เซ้าซี้ มาหนีแจว
โถพ่อแก้ว รีบกลับ รับขวัญนาง

ยังรอหน้า พี่ยา มาเยือนถิ่น
ยังถวิล คนไกล อย่าได้หมาง
มีเรื่องใด ผิดใจ ใยอำพราง
หรือว่านาง "อนัตตา" พาจรเอย 

 ;D ;D ;D

ไอ้หย่ะ!!!!!   :o :o :o  อนัตตาป่าววววววน่ะค่ะ  :-[ :-[ :-[  ยังนอนหนาว  ไร้บ่าวเคียงคู่ ฮิ้วๆๆๆๆๆๆ :-* :-* :-*


หัวข้อ: Re: ...เหงา...
เริ่มหัวข้อโดย: little girl ที่ วันที่ 30 มิถุนายน 2012, 21:43:11

เหมือนกันเลย... ;D
แต่วันนี้ไม่หนาวแฮะ   :(   
รู้สึกว่าร้อนมากมาย เดี๋ยวต้องอาบน้ำรอบละ  :(


หัวข้อ: Re: ...เหงา...
เริ่มหัวข้อโดย: นายตะเข้ ที่ วันที่ 30 มิถุนายน 2012, 22:04:09
ขอเหงาบ้าง สักนิด อยากคิดเหงา
มองดูเงา  ตัวเราเอง วังเวงเหลือ
ค่ำวันนี้ มีความเหงา  มาเคล้าเจือ
แม่แก้มเรื่อ ช่วยเจือจาน วานรักที..

ขอความรัก มาคลายเหงา เคล้าอิงแอบ
มาชิดแนบ  แยบยล  ปนสุขขี
มีบ้างไหม  หญิงใด ใจอารี
ให้ใจนี้ ได้คลายเหงา  ก่อนเข้านอน... :(


          ...ตะเข้ขี้เหงา...


หัวข้อ: Re: ...เหงา...
เริ่มหัวข้อโดย: little girl ที่ วันที่ 30 มิถุนายน 2012, 22:22:50
 
ป๋าเข้เหงา  เป็นเรื่องปกติ
หากหายเหงาเมื่อไหร่   นั่นแหละผิดปกติ  :P




หัวข้อ: Re: ...เหงา...
เริ่มหัวข้อโดย: นายตะเข้ ที่ วันที่ 30 มิถุนายน 2012, 22:26:20

ป๋าเข้เหงา  เป็นเรื่องปกติ
หากหายเหงาเมื่อไหร่   นั่นแหละผิดปกติ  :P





อ้าว :o ..ไหงงั้นล่ะ :P


หัวข้อ: Re: ...เหงา...
เริ่มหัวข้อโดย: little girl ที่ วันที่ 03 กรกฎาคม 2012, 19:01:43

ชายเหงาเหงา เศร้าเศร้า เขาอยู่ไหน
รู้บ้างไหม ใครถามถึง คะนึงหา
เพียงอยากพบ ลบหมอง ที่ครองมา
เปร่งวาจา ตามหา พ่อยาใจ

มาเถิดหนา พาอ้อน ห้องกลอนน้อย
ถักทอร้อย  ถ้อยพจน์ ให้สดใส 
สิ่งที่เหงา เศร้าเบื่อ เจือจางไป
ความอาลัย อาวรณ์ คงจรลา




หัวข้อ: Re: ...เหงา...
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 06 กรกฎาคม 2012, 12:46:10


หลับดึกดื่น ตื่นสาย ไม่หายง่วง
เวลาล่วง เห็นแดด แปดโมงเช้า
ยังหนาวเย็น เช่นนั้น มิบรรเทา
เลยเดือนเก่า ผ่านมา มิถุนายน

คนแทบบ้า อากาศะ วิปริต
เที่ยงบ่ายนิด ร้อนแรง ทุกแห่งหน
พอตกค่ำ ดำสลัว มืดมัวมล
ลมเมฆฝน กระหน่ำ ซ้ำอีกที

เกิดจากท้อง ล่องเลย ไม่เคยรู้
สามฤดู อะไรกัน วันเดียวนี่
หรือโลกใหญ่ ใกล้แตก แหลกแล้วซี
ปรากฏมี เหตุเห็น ความเป็นไป

ใต้น้ำท่วม เหนือเย็น อีสานเแล้ง
คงถูกแช่ง สาปส่ง จากองค์ใหญ่
หรือจากผล คนมัน ทำจัญไร
ทำเอาน้ำ ดิน ไฟ บรรลัยลา

ชาติต่อไป ไม่จะ เป็นมนุษย์
ตายไม่ผุด ไม่เกิด ประเสริฐกว่า
อยู่บนสรวง สรวลเส เทวดา
เสวนา พญายม ผมไม่เอา

ยองหละปูน มารฟ้า กากีนั้ง
บรรพชน ก่นสั่ง แต่ครั้งเก่า
มิตรภาพ ซาบซึ้ง ตรึงจิตเรา
เร็วรีบเอา เหล้ามา โซดา.ฟรี
เร็วรีบเอา เหล้าแดง น้ำแข็ง.ฟรี

กานต์


หัวข้อ: Re: ...เหงา...
เริ่มหัวข้อโดย: little girl ที่ วันที่ 08 กรกฎาคม 2012, 11:53:38

อ้อนเพื่อน


ช่างเงียบเหงาเหลือดีชีวีหมอง
นั่งเมียงมองเพื่อนกลอนอยากอ้อนหา
ตั้งแต่เช้าจรดเย็นไม่เห็นมา
สุดเหว่ว้าอ้างว้างทางกลอนตัน

มีสิ่งใดติดขัดขจัดสิ้น
หวนถวิลถิ่นกลอนอาวรณ์ขวัญ
เคยหยอกเล่นเช่นเพื่อนเยือนหากัน
ยังรอวันแสนสุขอยู่ทุกคืน

มีเวลาเล็กน้อยชะรอยต่อ
มาถักทอคลอพจน์ให้สดชื่น
ร้อยเรียงสานกานท์กลอนวอนท่านคืน
ร่วมยิ้มรื่นชื่นบานในบ้านกลอน..


little girl

(http://upic.me/i/4d/jstar.gif) (http://upic.me/show/571977)


หัวข้อ: Re: ...เหงา...เหตุเกิดเมื่อวานวา
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 13 สิงหาคม 2012, 05:41:51

สิ้นแสงเดือน เลือนลาง สว่างแล้ว
นกเจื้อยแจ้ว ร้องรับ จับกิ่งไม้
น้ำค้างพรม ลมพัด กวัดแกว่งไกว
นั่งก่อไฟ ยามเช้า เหงามิคลาย

รีบจัดแจง แต่งชุด รุดไปสวย
นี่ก็จวน ตะวัน ชันโด่งสาย
รดน้ำผัก ฟักแฟง เต้าแตงลาย
ฝนขาดหาย ใบเหี่ยว เช่นเดียวเรา

กระถินไพร ใบงาม ขึ้นตามรั้ว
เด็ดฝักถั่ว จิ้มจิก พริกปลาเจ่า
ปลาทูเค็ม เล็มและ แตะเบาเบา
นับถึงเก้า ข้าวปั้น อิ่มทันที

หญ้ารกชัฎ ตัดถาง วางเป็นปุ๋ย
บ่ายตลุย พรวนดิน รอบลิ้นจี่
สมฮอร์โมน พ่นใบ ใส่อินทรีย์
รอบข้างมี เปลวแดด แผดเผาตัว

เกิดมืดหน้า ตาลาย ใจหายวูบ
น้ำเย็นลูบ ผ้านุ่ม คลุมโปะหัว
ตะวันรอน อ่อนรา ฟ้าเริ่มมัว
ให้หวาดกลัว คนเดียว เดินเปลี่ยวทาง

ถึงดึกดื่น คืนนี้ ฤดีเศร้า
คิดถึงเจ้า หลับตา ค่อนฟ้าสาง
วันหมุนเวียน เปลี่ยนไป ไม่จืดจาง
คงเหลือร่าง ชายเศร้า เหงาเหมือนเดิม

กานต์



หัวข้อ: Re: ...เหงา...
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 13 สิงหาคม 2012, 21:44:14

....เหงาสุดขีด....

วูบเดียวพัด สลัดใบ ไกลจากต้น
ใบหมุนวน หล่นลง กลางพงหญ้า
ใบสะบัด กวัดไกว ปลิวไปมา
ลมแรงกล้า ลาฤดู ใบลู่ลาม

ขึ้นบันได ไม้งาม ได้สามซี่
กลับลงที ซี่ไม้ นับได้สาม
บันไดดี มีคน ยลทุกยาม
ขึ้นลงตาม ซี่คั่น ไม้บันได

หมอกมืดมัว ชั่วเช้า ไร้เงาแดด
สายเผาแผด แจ่มจ้า โค้งฟ้าใส
เที่ยงเมฆลอย คล้อยครัน มิทันไร
บ่ายทั่วไป น้ำฝน หล่นลงดิน

เมื่อตะกี้ มีใจ ไม่ครุ่นคิด
ลืมสนิท สิฟัง เสียงสั่งสิ้น
อึงในรู หูอื้อ อู้ได้ยิน
คล้ายธานิน มอดไหม้ ด้วยไฟฟืน

พื้นชุ่มฉ่ำ ย่ำลง ยังคงเปียก
แว่วพ้องเพรียก นกไพร ตกใจตื่น
น้ำล้นไหล ลงพนัง ดังครืนครืน
ความขมขื่น คืบคลาน สู่มานเรา

เงียบงันล้อม ซอมเซา เหงาซมจิต
ไร้มิ่งมิตร คิดถึง ซึ้งก่อนเก่า
เคยขับขาน กานท์กลอน วอนลำเนา
ก้มกอดเข่า คดคู้ ดูเดียวดาย

กานต์



หัวข้อ: Re: ...เหงา...
เริ่มหัวข้อโดย: Yim sri ที่ วันที่ 14 สิงหาคม 2012, 14:36:06
สงสารจัง ท่านกานต์ มีแต่เหงา
นั่งหน้าเศร้าตาโศก วิโยคหวน
อยากจะเชิญมาเชียงรายอย่างรีบด่วน
แล้วชักชวนชมชี้ ไพร ในพนา

จะจับเข่าเล่าเรื่อง แต่เบื้องหลัง
เมื่อครั้งยังละอ่อน ฉอ้อนหา
กินกับแกล้มแซมไวน์ ได้สุรา
แล้วจะพาเพลินใจ ในเสียงเพลง ;D


หัวข้อ: Re: ...เหงา...
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 16 สิงหาคม 2012, 22:20:23


ด้วยน้ำใจ ไมตรี ที่หยิบยื่น
คลายขมขื่น ความเหงา เศร้าข่มเหง
คงสนุก สุขสันต์ ร่วมบรรเลง
ร้องครื้นเครง เฮฮา ประสากลอน

ชอบกานท์กล ดนตรี เท่าชีวิต
สองสถิต กลางใจ สุดไถ่ถอน
หากว่างกิจ ปิดงาน ผ่านมานอน
ขอพักผ่อน ภิรมย์ ชมเขียงราย

กานต์



หัวข้อ: Re: ...เหงา...
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 09 กันยายน 2012, 13:32:18

...บัวทิ้ง บึงทุกข์...

งานส่วนตัว.บัวผัด ช่างตัดเย็บ
อยู่กรุงเทพฯ รุ่งเรือง เมืองแสงสี
แจ้ง.บัวไข.ได้ความ ตามทันที
อีก.บัวสี.พับเสื้อ ลงเรือไป

ส่วน.บัวตอง.คล่องหุง ปรุงอาหาร
เซ้งเปิดร้่าน สามห้อง แถวคลองใหญ่
จ้าง.บัวคำ.ทำถู ดูครัวไฟ
เรียก.บัวใย.มือเติบ ช่วยเสิร์ฟจาน

ข่าว.บัวยอง.ร้องเก่ง เพลงลูกทุ่ง
มี.บัวรุ่ง.ช่วยเรื่อง เครื่องดิ้นด๊านซ์
ให้.บัวผัน.รันคิว ติวรับงาน
ส่ง.บัวบาน.เกาะตัว หัวหน้่าวง

ภาพ.บัวเย็น.เป็นกระปี๋ รถสีเขียว
เห็น.บัวเรียว.เรียงของบน รถขนส่ง
เก็บสตางค์ ทางด่วน ง่วนขึ้นลง
    ยังงวยงง ส่งมือ คือ.บัวนำ.

.บัวเลื่อน.ค้่า ปลาทู อยู่ตลาด
ส่งถังถาด.บัวนาง.สาวบางผำ
ทำลอดช่อง ของหวาน หลาน.บัวจำ.
ขายของชำ กาดมั่ว ม่าย.บัวแดง.        

สุดถนน หนทาง ว่างเงียบเหงา
เหลือคนเฒ่า เฝ้าขอน นอนทับแหล่ง
บัวทิ้งบาง นางไกล ไม่เยือนแยง(ดู)
ปล่อยเพื่อนแพง ชายเดียว เหี่ยวคาบึง

ปุจฉา...กลอนทั้งหมดนี้มีกี่บัว?

กานต์



หัวข้อ: Re: ...เหงา...
เริ่มหัวข้อโดย: Yim sri ที่ วันที่ 09 กันยายน 2012, 17:23:30

...บัวทิ้ง บึงทุกข์...

งานส่วนตัว.บัวผัด ช่างตัดเย็บ
อยู่กรุงเทพฯ รุ่งเรือง เมืองแสงสี
แจ้ง.บัวไข.ได้ความ ตามทันที
อีก.บัวสี.พับเสื้อ ลงเรือไป

ส่วน.บัวตอง.คล่องหุง ปรุงอาหาร
เซ้งเปิดร้่าน สามห้อง แถวคลองใหญ่
จ้าง.บัวคำ.ทำถู ดูครัวไฟ
เรียก.บัวใย.มือเติบ ช่วยเสิร์ฟจาน

ข่าว.บัวยอง.ร้องเก่ง เพลงลูกทุ่ง
มี.บัวรุ่ง.ช่วยเรื่อง เครื่องดิ้นด๊านซ์
ให้.บัวผัน.รันคิว ติวรับงาน
ส่ง.บัวบาน.เกาะตัว หัวหน้่าวง

ภาพ.บัวเย็น.เป็นกระปี๋ รถสีเขียว
เห็น.บัวเรียว.เรียงของบน รถขนส่ง
เก็บสตางค์ ทางด่วน ง่วนขึ้นลง
    ยังงวยงง ส่งมือ คือ.บัวนำ.

.บัวเลื่อน.ค้่า ปลาทู อยู่ตลาด
ส่งถังถาด.บัวนาง.สาวบางผำ
ทำลอดช่อง ของหวาน หลาน.บัวจำ.
ขายของชำ กาดมั่ว ม่าย.บัวแดง.        

สุดถนน หนทาง ว่างเงียบเหงา
เหลือคนเฒ่า เฝ้าขอน นอนทับแหล่ง
บัวทิ้งบาง นางไกล ไม่เยือนแยง(ดู)
ปล่อยเพื่อนแพง ชายเดียว เหี่ยวคาบึง

ปุจฉา...กลอนทั้งหมดนี้มีกี่บัว?

กานต์


แว๊กกกกกกกกกกกกกก
เป็นคำทาย หรือคะ
ตอบถูกได้รถใหม่  ๓ ประตู ด้วยนะ ;D

ทั้งหมด ๑๘ บัวค่ะ(http://upic.me/i/it/8ii45.gif) (http://upic.me/show/786406)

ไชโย ถูกแน่ๆ ;D


หัวข้อ: Re: ...เหงา...
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 09 กันยายน 2012, 18:25:38

...บัวทิ้ง บึงทุกข์...

งานส่วนตัว.บัวผัด.ช่างตัดเย็บ
อยู่กรุงเทพฯ รุ่งเรือง เมืองแสงสี
แจ้ง.บัวไข.ได้ความ ตามทันที
อีก.บัวสี.พับเสื้อ ลงเรือไป

ส่วน.บัวตอง.คล่องหุง ปรุงอาหาร
เซ้งเปิดร้่าน สามห้อง แถวคลองใหญ่
จ้าง.บัวคำ.ทำถู ดูครัวไฟ
เรียก.บัวใย.มือเติบ ช่วยเสิร์ฟจาน

ข่าว.บัวยอง.ร้องเก่ง เพลงลูกทุ่ง
มี.บัวรุ่ง.ช่วยเรื่อง เครื่องดิ้นด๊านซ์
ให้.บัวผัน.รันคิว ติวรับงาน
ส่ง.บัวบาน.เกาะตัว หัวหน้่าวง

ภาพ.บัวเย็น.เป็นกระปี๋ รถสีเขียว
เห็น.บัวเรียว.เรียงของบน รถขนส่ง
เก็บสตางค์ ทางด่วน ง่วนขึ้นลง
    ยังงวยงง ส่งมือ คือ.บัวนำ.

.บัวเลื่อน.ค้่า ปลาทู อยู่ตลาด
ส่งถังถาด.บัวนาง.สาวบางผำ
ทำลอดช่อง ของหวาน หลาน.บัวจำ.
ขายของชำ กาดมั่ว ม่าย.บัวแดง.        

สุดถนน หนทาง ว่างเงียบเหงา
เหลือคนเฒ่า เฝ้าขอน นอนทับแหล่ง
บัวทิ้งบาง นางไกล ไม่เยือนแยง(ดู)
ปล่อยเพื่อนแพง ชายเดียว เหี่ยวคาบึง

ปุจฉา...กลอนทั้งหมดนี้มีกี่บัว?

กานต์


บัวเจ้าป้า...ตอบได้ถูกต้อง
รับรถผลิตจากจีนหนึ่งคัน
ใส่กระเป๋าให้หลานเล่นที่บ้าน
ไชโย่ๆๆ ;D ;D ;D



หัวข้อ: Re: ...เหงา...
เริ่มหัวข้อโดย: Yim sri ที่ วันที่ 09 กันยายน 2012, 18:30:06
ยังขาดแต่ บัวตูม กะบัวบาน
บัวกลางบึง  รวมทั้งบัวเหี่ยวด้วยค่ะ

ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก ;D
ฮ่า ฮ่า ฮ่า


หัวข้อ: Re: ...เหงา...
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 09 กันยายน 2012, 18:33:17
ยังขาดแต่ บัวตูม กะบัวบาน
บัวกลางบึง  รวมทั้งบัวเหี่ยวด้วยค่ะ

ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก ;D
ฮ่า ฮ่า ฮ่า

บัวไหนๆก็สู้บัวเจ้าป้ามิได้หรอก
เหอ เหอ เหอ  :P :P :P


หัวข้อ: Re: ...เหงา...
เริ่มหัวข้อโดย: Yim sri ที่ วันที่ 09 กันยายน 2012, 18:45:04
ยังขาดแต่ บัวตูม กะบัวบาน
บัวกลางบึง  รวมทั้งบัวเหี่ยวด้วยค่ะ

ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก ;D
ฮ่า ฮ่า ฮ่า

บัวไหนๆก็สู้บัวเจ้าป้ามิได้หรอก
เหอ เหอ เหอ  :P :P :P

แว๊กกกกกกกกกกกกกกก
แหม แหม แหม  ครูกานต์ ก้อ :-[

อ๋อหมายถึงบัวเหนือน้ำ  เนอะ เนอะ  ครูกานต์เนอะ ;D


หัวข้อ: Re: ...เหงา...
เริ่มหัวข้อโดย: นายตะเข้ ที่ วันที่ 18 กันยายน 2012, 07:25:26
...เหงา...


อ้างว้าง โดดเดี่ยว เปลี่ยวเหงา    เกาะกุม รุมเร้า เข้าหา
ชิวิต ไร้สิทธิ์ ชะตา    เพียงว่า คงได้ แค่มอง..

หัวใจ หวั่นไหว สะท้าน    หยาบกร้าน ไร้สุข ทุกข์ถอง
ชาตินี้ ไม่สิ้น กรรมจอง    คล้ายต้อง เป็นเดน ทรชน ..

สายตา บ่งบอก พรากแล้ว    ดวงแก้ว แววเปลี่ยน เวียนฝน
เข้าหนาว ร้าวร้าย กลายจน    พร่ำก่น เพียงคน รำพัน..

เจียมตน สักนิด คิดได้    ชม้าย ชายตา น่าขัน
ชะโงก ดูเงา เราพลัน    อย่าผัน ตัวเอียง เคียงเธอ..

เวลา กลกาล พานผ่าน    เพียงวาน วาดฝัน เสมอ
คงได้ คิดแค่ ละเมอ    สุดท้าย ก็เจอ ความจริง...

...เหงาจัง...


หัวข้อ: Re: ...เหงา...แต่สบายใจ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 07 ตุลาคม 2012, 11:04:18

คนหมู่มากหลากเรื่องเปลืองคำถ้อย
คนหมู่น้อยถ้อยทีถ้อยอาศัย
คนหมู่มากยากยิ่งจะจริงใจ
น้อยนับได้ใจจริงร้อยสิ่งอัน

ในสังคมเห็นภาพมักอาบสี
อย่าโทษที่โทษคนจนหุนหัน
สิ่งแวดล้อมห้อมหน้าสารพัน
ปนสร้างสรรบั่นทอนตอนทำลาย

คนหมู่มากหากชมชอบข่มเหง
อวดนักเลงผู้น้อยพลอยเสียหาย
คนหมู่มากหากดีมีมากมาย
สุขสบายชวนหัวทั่วพารา

เรื่องเล็กน้อยค่อยคลายหายหมดมิด
เรื่องกระจิดริดอย่าดันเป็นปัญหา
ชูอภัยใจกว้างสร้างเมตตา
เลิกบีฑาทุกอย่างจะบางเบา

จะอยู่โยงตรงไหนในโลกนี้
จะชั่วดีความคิดจิตคือเจ้า
จะสนุกทุกข์หนักจักที่เรา
จะเงียบเหงาอย่างไรใช่ตนเอง

กานต์



หัวข้อ: Re: ...เหงา...
เริ่มหัวข้อโดย: คนหลึก 2029 ที่ วันที่ 08 ตุลาคม 2012, 10:05:59
ชอบครับ :( :( :( :( :(


หัวข้อ: Re: ...เหงา...
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 08 ตุลาคม 2012, 10:10:43
ชอบครับ :( :( :( :( :(

ชอบเหงาหรือชอบผมครับ ล้อเล่นอ่ะ
ขอบคุณครับ เราเป็นเพื่อนกันนะครับ :D


หัวข้อ: Re: ...เหงา...
เริ่มหัวข้อโดย: Yim sri ที่ วันที่ 08 ตุลาคม 2012, 10:23:06
ชอบครับ :( :( :( :( :(

ชอบเหงาหรือชอบผมครับ ล้อเล่นอ่ะ
ขอบคุณครับ เราเป็นเพื่อนกันนะครับ :D

ชอบ หนวด ไม่ชอบผม

ก๊ากกกกกกกกกกกก


หัวข้อ: Re: ...เหงา...
เริ่มหัวข้อโดย: Siranoi ที่ วันที่ 08 ตุลาคม 2012, 21:36:25
     หากความเหงา มีเงา ให้เจ้าคว้า
คงได้ทั่ว ตัวตน ของคนเหงา
แต่นี่มี เพียงใจ แต่ไร้เงา
จงทนเหงา เถิหนา ให้ชินชา


หัวข้อ: Re: ...เหงา...งานเข้า
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 09 ตุลาคม 2012, 22:44:48

กองพะเนิน เทินทึก ศึกในบ้าน
วันอังคาร รุ่งเช้า งานเข้าหา
ตะลึงดู ภูเขา กองเลากา
ทั้งเสื้อผ้า ชามจาน งานในครัว

เสียงเย้วเย้ว เร็วซี สุดที่รัก
มัวยึกยัก ชักช้า ฟ้าสลัว
เสื้อกระโปรง ลงแช่ แค่ร้อยตัว
ซักเพียงชั่ว ครึ่งวัน ทันใช้การ

กะละมัง ถังถาด วางพาดทับ
ตั้งเป็นตับ หลังวัน จันทร์สุขศานติ์
ขวดเหล้าเบียร์ เคลียร์โต๊ะ โละลงลาน
ล้างสะอ้าน ผึ่งแห้ง ตะแคงเรียง

ปัดฝุ่นลง ผงเม็ด เช็ดถูพื้น
ขัดลาดลื่น หมดจด ลดล้มเสี่ยง
เขี่ยหยากไย่ ไต่ลาม ตามระเบียง
อิ่มมื้อเที่ยง อย่างีบ รีบเริ่มทำ

เก็บกวาดใบ ไม้ม่วง ที่ร่วงหล่น
สมฮอร์โมน พ่นบอน ตอนใกล้ค่ำ
ปรุงกับข้าว คาวจืด ก่อนมืดดำ
กรอกขวดน้ำ เก่าใหม่ ใส่ตู้เย็น

ทนชอกช้ำ กะหล่ำปลี ฤดีเศร้า
มีงานเข้า มิว่าง อย่างที่เห็น
กว่าเสร็จสรรพ นับเหลือ เหงื่อกระเซ็น
ได้นั่งเล่น แต่งกลอน เกือบค่อนคืน

กานต์



หัวข้อ: Re: ...เหงา...
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2012, 14:58:15

เคยทุกข์ยาก ตรากตรำ ตั้งแต่เล็ก
เหมือนเป็นเด็ก พ่อแม่ ไม่สั่งสอน
เอาแต่ใจ ใช้ชีวิต ติดตะลอน
จึงสะท้อน ออกมา เป็นอารมณ์

กลอนของฉัน...
หยิบโน่นนั่น จดจาร มีหวานขม
รักคิดถึง ซึ้งใจ ไห้ตรอมตรม
ซวนเซซม คะมำ ขำเฮฮา

ขุดของเก่า เอาอดีต ผ่านขีดเขียน
หรือนั่งเทียน เวียนวาด ศาสนา
สมุนไพร ใกล้ตัว มั่วเยียวยา
แสร้งใบ้บ้า ระบำ รำลออ

มีนาไร่ ไถพรวน สวนหมากม่วง
ขาดทุนป่วง หนี้ต่อ  ธ.ก.ส.
เจ็บผอมโซ โรคิน กินฝืดคอ
เสียดด่าทอ ซอกซัด รัฐบาล

ถ้าหากชอบ ขอบคุณ การุณจิต
บ้างเบือนบิด กระทู้ ไม่ดูอ่าน
เรื่องเรื้อรัง สังคม จมบาดาล
เพื่อนมองผ่าน เลยไป มิใยดี

กลอนของฉัน...
เช่นตะวัน ลงแลง แสงริบหรี่
หมดความหวัง ตั้งใจ ให้ครบปี
คงเห็นที วิโยค โบกอำลา

กานต์



หัวข้อ: Re: ...เหงา...
เริ่มหัวข้อโดย: Yim sri ที่ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2012, 16:11:42

เคยทุกข์ยาก ตรากตรำ ตั้งแต่เล็ก
เหมือนเป็นเด็ก พ่อแม่ ไม่สั่งสอน
เอาแต่ใจ ใช้ชีวิต ติดตะลอน
จึงสะท้อน ออกมา เป็นอารมณ์

กลอนของฉัน...
หยิบโน่นนั่น จดจาร มีหวานขม
รักคิดถึง ซึ้งใจ ไห้ตรอมตรม
ซวนเซซม คะมำ ขำเฮฮา

ขุดของเก่า เอาอดีต ผ่านขีดเขียน
หรือนั่งเทียน เวียนวาด ศาสนา
สมุนไพร ใกล้ตัว มั่วเยียวยา
แสร้งใบ้บ้า ระบำ รำลออ

มีนาไร่ ไถพรวน สวนหมากม่วง
ขาดทุนป่วง หนี้ต่อ  ธ.ก.ส.
เจ็บผอมโซ โรคิน กินฝืดคอ
เสียดด่าทอ ซอกซัด รัฐบาล

ถ้าหากชอบ ขอบคุณ การุณจิต
บ้างเบือนบิด กระทู้ ไม่ดูอ่าน
เรื่องเรื้อรัง สังคม จมบาดาล
เพื่อนมองผ่าน เลยไป มิใยดี

กลอนของฉัน...
เช่นตะวัน ลงแลง แสงริบหรี่
หมดความหวัง ตั้งใจ ให้ครบปี
คงเห็นที วิโยค โบกอำลา

กานต์




กลอนของท่าน ฉันอ่านอยู่ทุกเมื่อ

มิเคยเบื่อ หรอกหนา พี่ยาเอ๋ย

แต่ว่าไม่  เจ๊าะแจ๊ะ แชะแชะเลย ;D

อยากภิเปรย ให้รู้ นะครูกานต์

โปรดอย่าได้ ร้างลา  นะยาหยี

วอนคนดี  อย่าหนีห่าง  ปล่อยร้างบ้าน

เคยรำพัน  พร่ำพรอด  อ้อนออดกัน

หากมีวัน  ขาดเธอ  คงเพ้อตาย ;D ;D 
[/size][/color]


หัวข้อ: Re: ...เหงา...
เริ่มหัวข้อโดย: ⒷⒼ* ที่ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2012, 18:25:08
กระทู้ท่าน กานต์ ผมก็อ่านประจำครับ มีเอกลักษณ์เฉพาะตน อย่าได้หน่ายหนีกันเลย


หัวข้อ: Re: ...เหงา...
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2012, 21:07:36

เหมือนกับพริก น้ำปู๋ จิ้นหมูส้า
มีเจ้าป้า มีกานต์ หวานสหาย
วาดชีวิต คิดอยู่ คู่เชียงราย
วันนี้ก่าย(เซ็ง)ร่ายกลอน อ้อนบ่าดาย(เท่านั้น)

ไม่ได้หนีไปไหนหรอกครับท่าน คงอยู่คู่เชียงรายต่อไป
รอหมดพันธจิตที่บ้านใหญ่ สิ้นปีนี้จะเบาที่โน่น จะขลุก
อยู่ตรงนี้ให้แสนนาน ต้องขออภัยที่มิได้ตอบกระทู้ครบ
ทุกท่าน งานรัดตัว(เอวคอดกิ่วเยอะ)แทบมิว่างจริงๆครับ

ด้วยความเคารพ
กานต์



หัวข้อ: Re: ...เหงา...
เริ่มหัวข้อโดย: นายตะเข้ ที่ วันที่ 21 พฤศจิกายน 2012, 21:05:02
อกเอ๋ย ดวงใจ เคยชิดใกล้
เป็นไฉน ทำไม จึงเมินเฉย
ชิดเหมือนห่าง ร้างไร้ ใยละเลย
โอ้..เราเอ๋ย นางเมิน เกินเศร้าใจ...

ใจจะหมอง อีกเท่าไหร่ ให้กัดกร่อน
อยากวิงวอน  อ้อนออด ยอดแก้มใส
ช่วยปัดเป่า เหงาจิต ให้ปลิดไป
สองเราได้ ชื่นชีวา ร่วมฮาเฮ.... ;D :P



หัวข้อ: Re: ...เหงา...สิ้นเสียงเธอ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2013, 21:42:38

เดินเลียบดอย สองข้าง ทางไปสวน
พอถึงจวน คันจมูก ป่าถูกเผา
ลอยเข้าตา เจ็บแปลบ แสบไม่เบา
ดินร้อน.เร่า แห้งหน ฝนไม่มา

หญ้าขึ้นรก ปกคลุม ลุ่มนาไร่
เพื่อนพ่นใช้ เคมี ที่แรงฆ่า
สัตว์อาศัย ในดิน สิ้นชีวา
จับต้นไม้ ใบหญ้า ตกมาตาย

ที่เหลือบ้าง ผุดดำ หนีน้ำปริ่ม
ขาเกาะริม ไม้พลัน มันก็สาย
ถูกจับชุบ แป้งทอด จนวอดวาย
กินบ้างขาย รสโอชา ราคาแพง

ต่อนี้ไป ได้ดูร่าง ทางจอเน็ต
ฟังเสียงเอ็ด ก้องเมือง จากเครื่องแต่ง
เป็นนิทาน อ่านเล่า เขาแสดง
นักร้องแห่ง พงไพร ไร้เทียมทัน

อยู่ในบ้าน ชานป่า ไร่นาเถียง
ไม่มีเสียง ร้องทัก จักจั่น
ไม่มีเสียง จิ้งหรีด กรีดไพรวัน
ดังสนั่น หวั่นไหว ใช่รถงาน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เหงา...สิ้นเสียงเธอ
เริ่มหัวข้อโดย: นายตะเข้ ที่ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2013, 12:59:22
"อยากโผเข้าหาอ้อมกอด  อยากอ้อนออดถามความเก่า คิดถึงฉันบ้างหรือเปล่า เธอยังเหมือนชายคนเก่า หรือเปล่าหนอ......"

เสียงเพลงเศร้า แว่วผ่าน มาลย์ครุ่นคิด
เพลงสกิด เตือนใจ  ให้เราหมอง
หรือเพราะรัก  สลักจิต  ที่คิดปอง
เหตุเราสอง  ต้องไกลกัน  ฉันผิดเอง..... :(


F7iS3F1SB54


หัวข้อ: Re: ...เหงา...แห่หาชู้
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 08 มิถุนายน 2013, 14:42:31

จะยอมอด ทดทน จนถึงไหน
เธอคืนใส่ ใจฉัน เช่นวันก่อน
อยู่กับบ้าน การครัว มั่วกินนอน
คราเหนื่อยอ่อน ฟ้อนฟาย คลายอารมณ์

ช่วยปักชำ ดำดาน หว่านข้าวกล้า
แจงคันนา ฆ่าพ่น ฮอร์โมนผสม
เก็บผักอ่อน ช้อนผำ ย่ำโคลนตม
สองมืองม ก้มหน้า จับปลาปู

หลับดึกดื่น ตื่นที เช้าตีห้า
น้ำล้างหน้า ยาสีฟัน ขันสบู่
มีอาหาร หวานคาว ข้าวปลาทู
ขนมฟู สู่ปาก หมากเมี่ยงยา

จูงขึ้นรถ ลงเรือ แอ่วเหนือใต้
เดินท่องไพร ไล่เลาะ เสาะของป่า
ร่วมทำบุญ สุนทาน งานวัดวา
ยืนเคียงบ่า ฮาดัง ฟังช่างซอ

เธอได้เป็น ประธาน แม่บ้านหญิง
ลืมทุกสิ่ง ทิ้งเหย้า แสนเศร้าหนอ
ออกบ้านเช้า เข้าค่ำ จำต้องรอ
แถมด่าทอ พอถาม ความผันแปร

ทำนบกั้น คันทน ป่นหมดแล้ว
ออกเดินแกร่ว แถวห้อง จ้องสาวแซ่
เมื่อเธอไกล ใครละ จะเหลียวแล
ฉันจึงแห่ หาชู้ ไม่รู้ตัว

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เหงา...ยังคอย
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 15 ตุลาคม 2013, 05:56:48

สองมือเสาะ เกาะฝา นั่งหน้าบ้าน
คอยลูกหลาน หลายคน บนทางโล่ง
ฝ่าเปลวแดด แผดเผา เฝ้าอยู่โยง
สี่ห้าโมง ย่ำเย็น มิเห็นมา

เตรียมอาหาร หวานคาว ข้าวพร้อมพรัก
มีแกงฟัก หน้อส้ม ไก่ต้มข่า
จิ๊งโกร่งทอด ยอดจิก น้ำพริกปลา
เม็ดขนุน น้อยหน่า เปียกสาคู

จะเล่นลิง ชิงบอล ก่อนหัวค่ำ
หลานกอดปล้ำ นำโชค*โยกย้ายสู้
อวดแมวน้อย น่ารัก ขนหยักฟู
ชี้ปลาบู่ แหวกว่าย วนท้ายคลอง

หลังมื้องาย พายเรือ ลอยเหนือน้ำ
ช้อนจอกผำ เด็ดหัก ผักบุ้งหนอง
นกกระยาง ย่างเดิน เพลินตามอง
ฟังจิ้งหรีด หวีดร้อง ดังก้องไพร

หลังมื้อเที่ยง เลี่ยงตม เข้าชมสวน
ดอกข้างจวน ต้องหนาว พราวไสว
ตั้งเรื่องคุย ปุ๋ยยา กล้าลำไย
จับหนอนไช ใบกิ่ง โยนทิ้งลาน

ตกค่ำคืน ชื่นฤดี สีสะล้อ
อ่ออี๊ออ คอยซับ รับเพลงหวาน
ช่วงปิดเทอม เพิ่มรัก พักเบิกบาน
คอยแสนนาน มานช้ำ นองน้ำตา

คอยแสนนาน อยู่ไหน ไยไม่มา...

รพีกาญจน์

นำโชค* - สุนัขตัวโปรดครับ



หัวข้อ: Re: ...เหงา...หลับอยู่มิรู้ตื่น
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 06 พฤศจิกายน 2013, 10:32:26

เหตุแวดล้อมห้อมกายเลวร้ายทั่ว
ล้วนน่ากลัวปริวิตกสั่น
สาปแช่งด่าอาฆาตเงื้อฟาดฟัน
ผ่านคืนวันแลเล็งเขม็งเกลียว

ปสาทะกระทบจบสมอง
ลู่ครรลองยินยลสถลเขี่ยว
มิระบายคายคูแต่ผู้เดียว
ดังข้นเคี่ยวผนึกลึกลงดาน

นอนเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าสองตาหลับ
จำตีกลับรายเรียงเจียงประสาน
ส่งสะท้อนย้อนยองสิ่งต้องการ
อันตรธานจากร้ายกลายเป็นดี

ดลบรรเจิดเปิดจิตนิมิตภาพ
สุขเอิบอาบสดชื่นคลื่นถ้วนถี่
เริงภูผาป่าเปลี่ยวเขียวขจี
ชมมาลีเดือนดาวแสงแวววาม

ท่องซาบซึ้งพึงใจในเมืองสวย
อุดมด้วยผู้คนมากล้นหลาม
ยิ้มเต็มหน้าปราศรัยส่อใจงาม
ซึมซับความวิจิตรตราติดทรวง

การเดินทางหว่างพบจบสิ้นสุด
หวนสู่จุดแรกเริ่มยิ่งเพิ่มห่วง
ยากลบเลือนรุนแรงแก่งทั้งปวง
ถึงจะล่วงหลับหลีกอีกกี่นาน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เหงา...ใครเขียนฟ้าคืนนี้ด้วยสีหม่น
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2013, 22:05:06

พู่กันจุ่มสีเทากวาดเบาว่อง
ลิ่วละล่องจุดจัดสะบัดจ่อ
ป้ายดาวมิดปิดเดือนเลือนลางมอ
ไร้แสงทอเคยเด่นดังเพ็ญดวง

ถีบทะยานขวาซ้ายปีนป่ายเมฆ
ปากเป่าเสกหน้าแหงนจ้องแถนสรวง
จับถังสีคลี่พู่ฟูยาวยวง
จุ่มทะลวงยกย้อยแต้มพร้อยดาว

ห่างแค่เอื้อมเชื่อมได้ไกลสลัด
สีเกาะกัดสนิทติดเคลือบขาว
ทาละเลงแปดเปื้อนเดือนสกาว
คลุมทั้งราวเวหนมืดหม่นดำ

เหล่ามนุษย์เทวาพาแตกตื่น
ย่างเข้าคืนขึ้นสุดสิบห้าค่ำ
หยิบกระทงลงลอยค่อยพึมพำ
คงคานำร้ายภัยไหลคลองคู

เกิดอาเพศเหตุใดไยประหลาด
ใครบังอาจเคืองแค้นแล่นมาสู่
จากกองกูณฑ์อสูรชั่วช้าริปู
ฤาราหูปรปักษ์รักหรือไร

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เหงา...คิดถึงวันนั้น
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 10 ธันวาคม 2013, 21:50:34

เราอยู่เย็นเป็นสุขทุกหมู่บ้าน
พระองค์ท่านปกเกล้าปกกระหม่อม
เราเทิดทูนเคารพนบยินยอม
กายใจพร้อมจงรักและภักดี

เราพิทักษ์รักชาติศาสนา
ภัยนานาแผ้วพาลต้านมิหนี
ทั้งหญิงชายร่วมจิตอุทิศพลี
เหล่าไพรีพินาศขยาดมา

จารีตประเพณีที่สืบสาน
ทอดตำนานนุ่มนวลทั่วถ้วนหน้า
วัฒนธรรมล้ำไกลวิไลตา
มีภาษากินอยู่ดูงามครัน

เราช่วยเหลือเอื้อกันฉันพี่น้อง
ยึดปรองดองสามัคคีไมตรีมั่น
ไม่ด้านดื้อยื้อแย่งแก่งฟาดฟัน
ยินแบ่งปันเอออวยด้วยการุญ

รู้อภัยใจกว้างสร้างมวลมิตร
รู้ถูกผิดลืมเรื่องเคยเคืองขุ่น
รู้ชั่วดีชี้ช่องท่องทำบุญ
รู้พระคุณชื่นชอบคอยตอบแทน

โลกหมุนเวียนเปลี่ยนไปไม่เหมือนเก่า
มิน่าเรายอมทิ้งสิ่งหวงแหน
เปิดบ้านนับรับรองของต่างแดน
จึงสุดแสนโศกศัลย์ ณ วันนี้

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เหงา...คิดถึงวันนั้น 2
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 11 ธันวาคม 2013, 22:20:14

เราอยู่เย็นเป็นสุขทุกหมู่บ้าน
มีโรงเรียนสถานการศึกษา
ที่อบรมบ่มจิตวิทยา
พัฒนาความรู้สู่ปวงชน

มีวัดวาอารามงามสถิตย์
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ฤทเธทั่วเวหน
ที่ทำบุญสุนทราพากมล
น้อมนำตนประพฤติยึดความดี

เรายินยอมพร้อมใจใช่แต่งตั้ง
คนเด่นดังรู้รักเกียรติศักดิ์ศรี
อุตสาหะสะอาดปราศราคี
อุทิศพลีกายใจให้กับงาน

ยกเป็นเลิศเชิดชูนำหมู่คณะ
มอบภาระดูแลแก่ลูกบ้าน
ให้ช่วยเหลือเจือจุนอุดหนุนการ
บริหารปกครองพ้องกันไป

ด้วยทุกผู้รู้จักรักหน้าที่
เอาวจีผูกรัดอัชฌาสัย
เกิดพลาดครั้งพลั้งนิดคิดอภัย
เอาเยื่อใยฝั้นเกลียวหนึ่งเดียวกัน

โลกหมุนเวียนเปลี่ยนไปไม่เหมือนเก่า
แยกฝ่ายเขาเราพรรคมักเดียดฉันท์
สร้างใส่ร้ายป้ายสีรี่ฟาดฟัน
เพราะเงินมันทำพิษปิดหูตา

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เหงา...หนาวครับ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 31 ธันวาคม 2013, 09:23:49

ครางทึดทือมือสางซุกหว่างขา
แก้มหูตาคางคิ้วผิวมัวหม่น
ต้องลมพัดหมอกพราวหนาวเหลือทน
อาบน้ำหนนาทีคุ้มสี่วัน

มีดถางถากรากไม้ก่อไฟผิง
ย่อเอนอิงยองดานสะท้านสั่น
เสียงกักกักเขี้ยวขบกระทบฟัน
น้ำมูกพลันเยิ้มใสไหลลงดัง

หยิบปากกากดถือมือไม้แข็ง
จ่อทิ่มแทงสมุดจุดถึงหลัง
หัวสมองกระด้างช่างช้าจัง
คิดแทบพังนั่งนอนกลอนไม่มี

ก็เคยเขียนหกบทลดเหลือห้า
วันต่อมาลดลงคงเหลือสี่
สิ้นเหลือสามตามสองลองอีกที
เศร้าฤดีถอยถดเหลือบทเดียว

เหตุผลทั้งนี้นั้นเพราะมันหนาว
ของยืดยาวหดหู่จู๋แห้งเหี่ยว
หลบอยู่หลังกองฟางร่างลีบเรียว
รอเดือนเสี้ยวเลี้ยวลับจะกลับเนอฯ

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เหงา...อัศวิน
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2014, 16:19:10

ภาวะฉาวข้าวแพงแกงขาดเนื้อ
ลิ้มรสเกลือต้มผักฝักมะขาม
คนหยาบช้าตามัวชั่วเลวทราม
หลงนิยามโกงได้ให้แบ่งปัน

ประเทศชาติอาจล่มจมวิบัติ
โทมนัสเทวษครอบเขตขัณฑ์
หวังคนดีขี่ม้าฝ่าท่วงทัน
นำสุขสันต์เผื่อแผ่แด่มวลชน

คลื่นระทมซมทุกข์ลุมลามเรื่อย
เงียบเหงาเอื่อยจ่อจับจิตสับสน
ปวดร้าวสืบคืบคลานรานกมล
ยังเวียนวนบ่วงบทตามกฏกรรม

หากใครขีดกีดขวางทางอำนาจ
เจอพิฆาตฟาดฟันทัณฑ์กระหน่ำ
หากสนองต้องการทูนบานบำ
เสนอจำตำแหน่งแบ่งเงินทอง

กระชวกลิ่มทิ่มแทงทแยงปาด
มิเว้นญาติสาดสดสยดสยอง
ยิงปืนไฟไอพิษปลดลงกอง
โล่กระบองกันยุบเงื้อทุบตี

ความอดกลั้นมันจบทำนบท้าย
มิพ้นตายหายจากเป็นซากผี
โอนเอนล้มถมทับธรณี
ยังไม่มีอัศวินโบยบินมา

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เหงา...โดดเดี่ยว
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 06 มีนาคม 2014, 16:24:28

ในสนามตามบุกรู้รุกรับ
เตรียมเปลี่ยนปรับกลับหลังระวังถอย
คราเพลี่ยงพล้ำทำเขลาเฝ้ารอคอย
เร่งทยอยสบโอกาสรีบฟาดฟัน

กะกึ่งกลางวางกลุ่มคุมพื้นที่
ยุทธ์วิธีย้ายสลับยามคับขัน
เรียงรายขึงตึงตังหวังประจัญ
เร็วเท่าทันทัดเทียมเล่ห์เหลี่ยมคู

ถูกต้อนล่าปราชัยไม่ว้าวุ่น
แถวสองหนุนต้านทอเข้าต่อสู้
ซ้ายขวาโฉบโอบล้อมห้อมศัตรู
ขากเสียงขู่นิ่งตั้งวัดชั่งใจ

เขาเรรวนป่วนป่ายส่ายระส่ำ
ขุนกระหน่ำผ่าแล่งแบ่งเหนือใต้
เจอตะปบหลบเลี่ยงก้มเบี่ยงกาย
เอิ้นหวีดว้ายสลัดกำจัดมาร

ข้าหรือยอมพร้อมพลีเลือดชีวิต
อย่าเบือนบิดครรลองสองสถาน
อิสระเสรีคลี่เบ่งบาน
งามบนลานวับวาวเคียงดาวแดง

เปิดพิมพ์ชั่วทั่วไปไม่เอาด้วย
เกรงความซวยตะแบงแจงไม่เกี่ยว
แสนรันทดหมดรูปซูบซีดเซียว
นั่งโดดเดี่ยวเดียวดายอยู่ปลายนา

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เหงา...โดดเดี่ยว
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 16 มีนาคม 2014, 17:57:35

เมื่อพลัดพรากจากกันในวันเหงา
คือความเศร้าความหมองจนร้องไห้
คือความเจ็บความปวดรวดร้าวใจ
จากใดใดไม่เท่าจากพรากรักเลย

 :'(



หัวข้อ: Re: ...เหงา...อยากสัมผัส
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 02 พฤษภาคม 2014, 15:58:05

ลำบากแท้ แค่คิด ก็ผิดแล้ว
ที่เจื้อยแจ้ว จุ๊จุ๊ ล้วนมุสา
ฝืนหักห้าม ปรามใจ ให้ระอา
รูปชรา ลงทัณฑ์ รานบั่นทอน

บนเส้นลาก ปากเหว ช่างเลวชั่ว
อยากมุดมั่ว สำนึก มิสึกกร่อน
ครั้นเตลิด เปิดเปิง เริงตะรอน
หวนนั่งนอน กินแหนง แยงอารมณ์

รุมเร้าเดือด เลือดเนื้อ เติมเชื้อไข
สื่อสุมไฟ ปากเป่า เอาฝอยถม
พอซับภาพ อาบตา พาจ่อมจม
โง่เซ่อซม ถอกเท อเวจี

ศูนย์สำรวม ท่วมฐาน พานพิบัติ
ก่อกำหนัด เวียนวน เลอล้นปรี่
เรือนร่างเย็น เป็นลม สมประดี
ลืมตาตี่ หูอื้อ มืออ่อนแรง

กรรมมิหมด ชดใช้ ใคร่กิเลส
เลยขอบเขต คืนวัน ฝันยังแฝง
เลือกอาหาร ทานน้อย คอยพลิกแพลง
มิอาจแจง เก่ากาก ออกซากซัด

เอิ้นเหนียมอาย ชายนี้ มีปัญหา
บางเวลา พึมพำ อยากสัมผัส
สุดคร่ำครวญ ป่วนนอก ในชะมัด
ก่อนไปวัด วางโพสต์ โปรดเมตตา

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เหงา...อยากสัมผัส
เริ่มหัวข้อโดย: นายตะเข้ ที่ วันที่ 04 มิถุนายน 2014, 20:27:06
(http://upic.me/i/ib/1sa8a.jpg) (http://upic.me/show/51334557)

ยามเย็นย่ำ ค่ำหม่น คนเหงาหงอย
อาทิตย์ลอย ลาลับ กับสิงขร
ดวงใจเอย เหนื่อยล้า ด้วยอาวรณ์
สะอื้นอ่อน ถอนใจ ให้ระทม..


หัวข้อ: Re: ...เหงา...อยากสัมผัส
เริ่มหัวข้อโดย: นายตะเข้ ที่ วันที่ 04 มิถุนายน 2014, 20:28:42
หทัยเอย..ใยเหงา แสนเศร้าหมอง
เฝ้าเหม่อมอง ขอบฟ้าไกล ไร้ความหวัง
อดีตผ่าน มานเศร้า เฝ้าลำพัง
สุดจะยั้ง หยาดน้ำตา พร่าเนตรนอง..


หัวข้อ: Re: ...เหงา...อัศวิน 2
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 03 กรกฎาคม 2014, 19:14:42

ยังไม่มีอัศวินโบยบินมา

ทันทีเสร็จผูกเชือกเกือกขวาซ้าย
ยืนหยัดกายเข้มคมสมสง่า
ดูซุกซ่อนอ่อนไหวในแววตา
เปล่งวาจาหวานนวลชวนน่าฟัง

ไม่สนเสียงวอแวแส่รอบข้าง
ไม่คืนร่างทบทวนหวนกลับหลัง
หมายแน่วแน่แก้ไขใจจริงจัง
สิ่งร้ายฝังรากลึกผนึกใน

โครงการแกนแผนผุดยุทธศาสตร์
สร้างเกี่ยวดองยองญาติละบาตรใหญ่
สลายฝักสลักฝ่ายรื้อค่ายใด
หลอมหล่อใช้ไตรรงค์ธงหนึ่งเดียว

มอบอภัยใจกว้างเปิดทางโล่ง
มิหยิบโยงเรื่องต่อให้ห่อเหี่ยว
ถูกคือถูกผิดคือผิดมิบิดเกลียว
มิขู่เคี่ยวนุ่มนวมขอร่วมมือ

ขอร่วมด้วยช่วยกันแก้ปัญหา
ที่ค้างคาสะดุดหยุดห้ามหือ
เศรษฐกิจการเมืองเลวเลื่องลือ
สังคมซื่อหายหมดเหลือคดงอ

ร่วมกำหนดกฎชอบกรอบปฏิบัติ
ร่วมกำจัดทุรชนคนขี้ฉ้อ
อภิรมย์สมหวังตั้งตารอ
ชายเอียงคอแสนดีที่ฉันรัก

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เหงา...อัศวิน 3
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 15 กรกฎาคม 2014, 05:46:52

ด้วยรูปลักษณ์พิไลหวังไขว่คว้า
งามต้องตาหลายหลากจึงอยากได้
อยากลักลอบครอบครองสิ่งต้องใจ
ทำทุกทางอย่างไรจะได้มา

ต้องเดินแลกแบกหารสู้งานหนัก
ล้มนอนพักสักงีบรีบเร็วรี่
ถึงล่วงเลยเงยโงต่อโอที
ตลอดปีเรือนร่างร่วงโรยรา

เก็บออมพับนับเรียงเพียงครบซื้อ
เช่นมือถือยวดยานบ้านเลอค่า
เครื่องประดับจับแต่งแพงนานา
ทั้งเสื้อผ้าหนาบางพร่างแพรพรรณ

ดังมุ่งมาดปรารถนาพาสมสุข
คอยปลอบปลุกสร้างเสริมต่อเติมฝัน
ทำมิเบื่อเชื่อชอบตามกรอบธรรม์
คงสักวันเหลือจ่ายท้ายร่ำรวย

บ้างหมกมุ่นครุ่นคิดจิตฟุ้งซ่าน
ใคร่บันดาลฉับพลันทันโลกสวย
เรืองสกาวดาวรุ่งแสงพุ่งพวย
ละเขินขวยด้านดื้อมือกอบโกง

ปากประเสริฐเทิดไทใจแท้ทาส
รับสินบาทแบ๊งก์เทากระเป๋าโป่ง
เดินแอ่นห้อยลอยพุงตุงโทงโทง
โท้ดต่ายโฮ่ง"ลุงตู่"ชูดาบฟัน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เหงา...อัศวิน 4
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 17 กรกฎาคม 2014, 19:09:51

เป็นสุขเสิบเอิบอาบแค่ฉาบฉวย
เริ่มต้นด้วยสวยงามแฝงความฝัน
ตั้งตัวเลขเสกกลวงลวงรางวัล
จับกำนัลล้วนเล่ห์เพทุบาย

หนอนคล้องขอล่อปลาปรี่ฮุบเบ็ด
ลงทุนเม็ดเป็นต้นผลขยาย
รู้มนุษย์สุดนิยมหลงงมงาย
ถึงบั้นท้ายวินาศขาดพึ่งพิง

มีอะไรได้ง่้ายดายกว่าขอ
มิเพียงพออยากร่ำทำทุกสิ่ง
ฉลขี้ฉ้อคอรัปชั่นปล้นฟันยิง
แสร้งกลอกกลิ้งตบทรัพย์ขยับตา

เงินเปรมปรีด์มีหรืออยู่มือมั่น
วันสองวันปลิวว่อนร่อนถลา
กำจ่ายกินรินเหล้าเมาเฮฮา
สาวสคราญควานคว้าคล้องมาลัย

จะเดินดินบินบนคนเคียงข้าง
ก้มคำนับรับสตางค์บ้างยกไหว้
เกิดวิบัติวัฒนธรรมไทย
เห็นแก่ตัวชั่วไซร้ได้ดิบดี

ละยอเยินเมินเจ็บรื้อเก็บกวาด
ทำสะอาดขัดถูทุกหมู่สี
ทุบโรงเหล้าเผาโรงหวยช่วยชาติที
นำสุขีมาสู่ประตูเรือน

 รพีกาญจน์




หัวข้อ: Re: ...เหงา...อัศวิน 5
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 19 กรกฎาคม 2014, 13:43:01

ใช่ตีฆ้องมองเซิงเริงปอยวัด
ใช่ฝึกหัดร้องเพลงบรรเลงหวาน
ใช่ฟายฟ้อนต้อนรับขับครัวทาน
ใช่เบิกม่านประโคมโหมลิเก

ใช่ร่ายรำกำพลองตระกองดาบ
ใช่วาดภาพลวดลายสะพายเป้
ใช่เดินห้างกางขาฮิ้วฮาเฮ
ใช่พายเห่ล่องน้ำฮ่ำจ๊อยซอ

ใช่หาบหามดามเสียมเตรียมหว่านกล้า
ใช่ลงนาพักเที่ยงเลี่ยงตัดหน่อ
ใช่ควักรูปูดำตำมะกอ
ใช่นั่งจ๋อขายไข่ในกาดแลง

ใช่เก็บม่วงร่วงกองดองแช่อิ่ม
ใช่ไอติมตักตัดกรวยกัดแท่ง
ใช่ซื้อแว่นแถมหวีตี่ส่องแยง
ใช่คนแป้งปั้นกลมขนมฟู

ใช่ควบเก๋งเร่งรีบถีบเสือหมอบ
ใช่ง้างจอบขุดตอก่อโรงหมู
ใช่แบกเข่งขึ้นท่าเทปลาทู
ใช่เห็นชอบรอบรู้เช่นครูบา

ชมจากจอรองานท่านเรียบร้อย
เชียร์เฝ้าคอยส่งใจให้ดีกว่า
เรื่องลึกลับซับซ้อนทอนเวลา
พัฒนาบ้านเมืองเรืองจำเริญ

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เหงา...ครูจะสอนใคร?
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 31 สิงหาคม 2014, 17:39:51

ทุกคนเรียก"พ่อครู"เพราะดูแก่
เคยสอนพ่อและแม่หนูแต่เก่า
เคยสอนควบสองชั้นมิใช่เบา
แปดโมงเข้าสอนศิษย์ทุกวิชชา

ตั้งแต่เช้าจดเย็นเป็นหน้าที่
ให้เด็กดีรักชาติศาสนา
กตัญญูรู้คุณบุญเกิดมา
ใต้ร่มฉัตรกษัตรางามอ่าองค์

เน้นเพลิดเพลินเจริญวัยในสี่ด้าน
ตามพื้นฐานหลักสูตรจุดประสงค์
ทั้งร่างกายอารมณ์สังคมคง
สติตรงยงมั่นปัญญาดี

เวลากาลผ่านไปใกล้เกษียณ
ดูโรงเรียนหับห้องเก่าหมองศรี
ครูก็แก่โรยราลงทุกปี
นักเรียนหนีทยอยลดน้อยคน

เห็นก้าวขึ้นรถตู้สู่เวียงกว้าง
รถรับจ้างชะลอจ่อจอดขน
เข้าโรงเรียนสาธิตคริสต์เอกชน
แน่นถนนล้นเขตเทศบาล

แสนหดหู่ครูเฒ่านั่งเฝ้าตึก
หวนระลึก ก กา อาขยาน
หากโยกย้ายหายไปอีกไม่นาน
เหลือกระดานขาดหนูครูสอนใคร?

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เหงา...และแล้วปลายทางก็ว่างเปล่า
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 05 กันยายน 2014, 12:54:19

เมื่อเริ่มแรกแตกหน่อชูช่อต้น
พอโผล่พ้นเลยผ่านดินดานแกร่ง
ดึกน้ำค้างพร่างพรมคลื่นลมแรง
เช้ารับแสงแดดจ้าท้าโรคภัย

ต้องมื้อหนาวผ่าวร้อนกี่ตอนหน
ท่ามฝูงชนเกลียดรักรอบขวักไขว่
บ้างยกยอทอคำกำลังใจ
บ้างแทกใส่ถาโถมจมธุลี

ถึงล้มลุกคลุกคลานสะท้านสั่น
คงคืนวันหยัดกายมิหน่ายหนี
แค่ชะงักสักนิดปลิดฤดี
ลบเปรอะสีระทวยอวยอ่อนแอ

เฝ้าฝึกหัดตัดแต่งพลิกแพลงบท
มธุรสจดจารหอมหวานแผ่
เอาสัตย์ซื่อถือเตือนมิเชือนแช
เปิดดวงแดไร้โกรธแฝงโทษทัณฑ์

อยู่บนทางอย่างง่ายทักทายทั่ว
น้อมพันพัวลิขิตด้วยจิตมั่น
ช่วงสนุกรุกรับโดยฉับพลัน
ค่อยผ่อนผันเสร็จสมอารมณ์ปอง

โค้งสุดท้ายปลายทางมีว่างเปล่า
ชมเพื่อนเก่าใหม่หมาดปราศหม่นหมอง
ยังเรียงคำรำลึกผนึกกรอง
ร้อยทำนองเวียนวากย์ก่อนจากลา

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เหงา...แต่งกรรม
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 13 กันยายน 2014, 21:54:29

เกือบค่อนคืนตื่นหลับกระสับกระส่าย
ปวดทั่วกายภายในใจยุ่งเหยิง
ยืนนั่งนอนร้อนเหลวดั่งเปลงเพลิง
คิดเปิดเปิงเถิงเรื่องร้อยพันราว

คงต้องเซ่นเวรพาชะตาอับ
ดวงอาภัพรับกรรมกระทำฉาว
ถูกนินทาว่าร้ายบรรยายยาว
ไล่ระนาวขาวเลือนเปื้อนแปดดำ

ความซื่อตรงคงว่าศรัทธาชอบ
ยินดีตอบขอบคุณบุญชื่นฉ่ำ
พวกอิจฉาตาร้อนทอนระกำ
เราอาจล้ำค้ำหัวตัวบดบัง

แต่อย่างไรไม่รอหยุดท้อถอย
ถึงคนคอยสอยสับแทงลับหลัง
จะขออยู่สู้เสริมเติมพลัง
ของวาดหวังตั้งไว้ได้เป็นจริง

ยื่นซ้ายขวาฝ่าฟันมิหันเห
สารเพพัดเพ่งมิเกรงกริ่ง
ยากอาจรั้งยั้งยื้อมือประวิง
จนกว่าสิ่งสร้างสุขเสร็จทุกใด

วันนี้ข้าขอทูลทวยเทพสรวง
ช่วยเปิดดวงทวงดาวสกาวให้
เส้นชีวิต เส้นสมอง เส้นหัวใจ
ลากเส้นใหม่ไพล่แพลงตกแต่งกรรม

รพีกาญจน์




หัวข้อ: Re: ...เหงา...วอนอาจารย์แต่งเส้นลายมือให้ทีครับ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 14 กันยายน 2014, 17:12:10

เส้นขาส้อม สุดปลาย ท้ายชีวิต
ดลให้คิด สิ่งงาม ตามประสา
เขียนบรรยาย ร่ายริน จินตนา
ซึ้งคุณค่า ผลงาน กานท์กวี

เริ่มแรกสวย พวยพุ่ง จนรุ่งโรจน์
อาจต้องโทษ โททัณฑ์ ถึงขั้นหนี
เลยกึ่งกลาง ย่างชรา บรรดามี
ธาตุทั้งสี่ ลดน้อย เสื่อมถอยลง

เคยสนุก บุกงาน มานกล้าแกร่ง
ลองออกแรง ด้วยพลัง ดังประสงค์
กลับสลด หมดท่า พางวยงง
มิค้างคง คุณสมบัติ อัศวิน

สองเส้นส้อม แสกปลาย สยายพู่
ทุกประตู มืดมนธ์ อับจนสิ้น
เจ้านกเอี้ยง เสียงหวาน พาลโบยบิน
ละจากถิ่น เคยเคียง เตียงตั่่งนอน

ยังดีเส้น เด่นชัด ไร้ตัดขวาง
ร่องลึกกว้าง สุขุม นุ่มรู้ผ่อน
มีลูกฮึด ยึดมั่น ยากสั่นคลอน
พอคลายร้อน รุกคืบ สืบเยือกเย็น

ขออาจารย์ อ่านมนต์ ถึงบนแถน
วอนมวลแมน ช่วยกลบ หรือลบเห็น
หรือสำทับ ขับเวท เฉดกระเด็น
ขาดส้อมเส้น พู่หาย ปลายเรียวงาม

รพีกาญจน์


เส้นขาส้อม - เส้นชีวิตบนลายมือ
ส่วนปลายแตกออกเป็นสองเส้นเล็กๆ
อาจเพิ่มขึ้นอีกหลายเส้น เรียกว่าเส้นพู่



หัวข้อ: Re: ...เหงา...สิ้นหวัง
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 28 กันยายน 2014, 20:35:28

ทุกวันจ่อมออมสินกินอย่างเขียม
เก็บเงินเตรียมว่าจ้างสร้างเรือนหอ
เพียรปลูกผักตักน้ำตำมะกอ
ปลาย พ.ศ.พบกันคือสัญญา

จี่พริกแห้งแกงกล้วยในถ้วยเก่า
สอยสะเดาผักจิกฉีกใบส้า
ของชั้นดีมีผำยำไส้ปลา
หมกปูนาจิ้มเกลือกับข้าวแดง

ขอพ่อหลวงประกาศเสียงตามสาย
ว่ามีชายกายดำกำยำแกร่ง
หมดลำไยไร้งานขานขายแรง
เรียกไม่แพงวันร้อยสองร้อยเอา

ไม่กำหนดนับโมงโยงเย็นย่ำ
เลยมืดค่ำคืนกลับเหมือนรับเหมา
สักมื้อข้าวราวเที่ยงเลี้ยงบรรเทา
บุหรี่เหล้ายาดองไม่ต้องมี

วอนจ่ายสดงดเชื่อเบื่อทวงถาม
แบ๊งก์ใบงามพับเพียงเรียงเลขสี
ดึงยางรัดมัดฟ่อนซ่อนอย่างดี
เศษตังค์ที่เหลือใช้ใส่ป๋องนม

อุตส่าห์จ่อมออมสินกินนิดหน่อย
รอบัวลอยลิ้นสากจนปากขม
เรือนหม่นมอหอร้างครางระทม
ยืนเป็นลมหลายครั้งยังไม่มา

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เหงา...สิ้นหวัง
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 28 กันยายน 2014, 21:13:37

" สิ้นรัก "

เหนือบ้านเธอชิดใกล้ใต้บ้านฉัน
แค่รั้วกั้นกึ่งกลางถ่างลอดหา
เล่นแสดงหญิงชายหนังขายยา
เธอนางฟ้าฉันเป็นเช่นกุลี

พอแดดร่มลมตกนกกากลับ
เล่นตี่จับจัดแจงแบ่งพวกสี
หญิงตีโป่งลงน้ำดำว่ายตี
เล่นเป็นผีขี้แนดแปดเน่าตาย

สางหุงข้าวเป่าไฟให้คุณแม่
พอแดดแก่เอาปลาไปเร่ขาย
เห็นด้านหลังผ้าถุงมือจูงควาย
ปล่อยตามชายทุ่งนาเธอนั่นเอง

บ่ายนี้เล่นไอ้โม่งโยงโยงไหม
วิ่งไวไวเธอแว๊บแอบข้างเข่ง
ม้าก้านกล้วยเอวอวบควบปุเลง
ช่วยร้องเพลงเป็นมอญซ่อนผ้าแพร

เธอร้องกรี๊ดหวาดกลัวตัวหนอนไต่
กระโดดใส่อย่างจังหลังแทบแย่
จบมอปลายไปเรียนเธอเปลี่ยนแปร
ฉันคนแค่ขายแรงแลกข้าวกิน

มือเท้าเย็นใจเต้นตึกนึกภาพเก่า
นั่งพิงเสาตาลอยคอยถวิล
ฝากทะเลเทวาลมฟ้าดิน
ถามยุพินสิ้นรักแล้วหรือไร?

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เหงา...สิ้นหวัง
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 29 กันยายน 2014, 12:42:24

" สิ่นเยื่อใย "

จุดตะเกียงเรียงความถามไถ่ทุกข์
เธอพบสุขดังลือนั้นหรือไม่
สุดตาแหงนแสนเศร้าเราอยู่ไกล
เหนือถึงใต้ห่างกันพันกิโล

คิดจากคามตามเธอเจอไหมหนอ
มัวเฝ้ารอกับบ้านก็นานโข
บ่กินหลับจับไข้หัวใจโต
ตากลวงโบ๋ดังปอบลอบกัดพุง

อยู่บ้านนอกคอกนาชายป่าเขา
กินปลาเจ่าราดผักข้าวหักหุง
สี่แยกตัดพัทยาฟ้าเมืองกรุง
เรืองจรุงมุ่งไปทางไหนดี

เพื่อนบอกเพลินเดินเคียงคู่เพียงไหล่
ตัวสูงใหญ่ฝรั่งหนังดำปี๋
คนเหมือนคนปนปะแย่ละซี
กัดโรตีอีฉันมันแขกยาม

นั่นไข่ปอกลอกหน้าแถมตาตี่
เป็นเกาหลีญี่ปุ่นยุ่นสยาม
พางวยงงสงสัยใครเธอตาม
เข้าวัดถามชีเถรไม่เห็นเงา

น้ำตาร่วงม่วงแบ๊งก์ใบสุดท้าย
กลับไปตายฝังดินคืนถิ่นเก่า
หากใครรักภักดีมีต่อเรา
เอาก็เอาบ้านใกล้ไวแต่งงาน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เหงา...สิ้นหวัง
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 06 ตุลาคม 2014, 18:54:32

" สิ้นสูญ "

ลมวันตกพัดพาพร้อมห่าฝน
เสียงเบื้องบนครืนครั่นสั่นสะท้าน
น้ำจากดอยไหลรวมท่วมดินดาน
ห้วยละหานเชี่ยวกรากหลากเจิ่งนอง

หยิบเชือกเกี่ยวกระบุงมุ่งถอนกล้า
ไต่คันนาเคยเพลินเดินเรียงสอง
ก้มตัวเก็บเจ็บหลังนั่งยองยอง
เหลียวรอบมองมีเงาเราเดียวดาย

จับไม้คานกระดกยกขึ้นหาบ
เหงื่อไหลอาบลงหน้าตาเป็นสาย
กระบุงแกว่งยันพื้นยืนหยัดกาย
ตามืดลายควานหาหลอดยาดม

สองมือฟายซ้ายกำขวาดำเจาะ
รูพอเหมาะจ่อมกล้าเกลี่ยโคลนถม
ระบายน้ำออกนาเกรงกล้าจม
รับแดดลมใบเรียวเขียวขจี

เฝ้าดูแลลามเลียราเพลี้ยหนอน
แมงกัดกร่อนกอเว่อหอยเชอรี่
ประสมยาพ่นเทปุ๋ยเคมี
รอวันที่แทงดอกข้าวออกรวง

ลมเหนือเริ่มสะบัดพัดพาหนาว
คิดถึงสาวแดนไกลด้วยใจห่วง
ลอยกระทงคงกลุ้มขาดพุ่มพวง
หมอบอกดวงอาดูรสูญเธอแล้ว

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เหงา...สิ้นหวัง
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 07 ตุลาคม 2014, 15:40:06

" หวังยังไม่สิ้น "

อรุณรุ่งพรุ่งวันออกพรรษา
ลูกหลานมาหอบหิ้วเป็นทิวแถว
รถคืบคลานผ่านไปไร้วี่แวว
ร่างน้องแก้วเอวยาวก้าวขาลง

ตัดใบตองตากแดดบ่ายแผดร้อน
พอเปียกอ่อนฉีกแจงป่นแป้งผง
ปอกขูดคั้นเคี่ยวคละกะทิชง
ขนมกงขนมกล้วยใครช่วยทำ

ตกแต่งดาอาหารข้าวสารหุง
พริกเกลือปรุงซอสหอยซอยกะหล่ำ
ลาบเนื้อหมูหลู้ขมไก่ต้มยำ
หงายครกตำเครื่องเทศเม็ดผักชี

เย็นลงสวนขวนคัดตัดดอกไม้
ข้าวตอกใส่เทียนทบธูปครบสี่
เตรียมวางพานกรานพุทธไตรรุจจี
สงฆ์พระมีสุปฏิปันโน

เป็นส่วนสัดจัดวางไว้เสร็จสรรพ
หันหลังกลับเก็บกวาดถ้วยถาดโถ
เช็ดครัวไฟไหนึ่งลังซึ้งโต
แกะส้มโอจิ้มจ้ำน้ำพริกกิน

อรุณรุ่งพรุ่งวันออกพรรษา
น้อมสักการ์บูชิตจิตถวิล
ขอผลบุญหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงจินต์
ดลยุพินคืนบ้านสู่ล้านนา

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เหงา...สิ้นหวัง
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 08 ตุลาคม 2014, 22:28:49

" ยังไม่สิ้นหวัง "

หรือนายจ้างอ้างรักคุมกักขัง
ซ่อนตึกใหญ่ไว้หลังห้างบังหน้า
เกรงเลยลับกลับสวนมิหวนมา
เจรจาอ้อนอู้อยู่อย่างเดิม

หรือบางทีมีนัยให้กับเขา
พ่นลมเป่าเอาเธอเพลินเผลอเริ่ม
ตาพองโตโบนัสจัดแจกเติม
ท้ายปีเพิ่มค่าจ้างตบรางวัล

ช่วงวันหยุดตรุษจีนชวนบินนอก
น้ำลายฉอกหูอื้อมือเท้าสั่น
เลือกไอโฟนโทนสีพิเศษมัน
แถมกำนัลแหวนน้อยสร้อยสวมคอ

ใจยอบแยบแบบนี้ฤามีเหลือ
เธอคงเชื่อเบื่อฉันแล้วสิหนอ
ร้องอีกทีขี้มูกโป่งหลงเฝ้ารอ
ร้องให้พอสาสมความงมงาย

ถึงหัวค่ำคืนครามอร่ามฟ้า
มองจันทราดวงเพ็ญลอยเด่นฉาย
มินานนักสักครู่ราหูกราย
เกิดกระหายใคร่อยากอ้าปากอม

วอนเทวาราหูเอ็นดูเถิด
โปรดได้เปิดปากคายคืนจันทร์ขม
เพื่อเราสองครองคู่เคียงภิรมย์
ขอสุขสมวอนนายจ้างปล่อยร่างเธอ

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เหงา...สิ้นหวัง
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 10 ตุลาคม 2014, 21:24:16

" สิ้นชีวิต "

ฟ้าใกล้ค่ำดำเทาเคล้าเมฆฝน
กิ่งสักสนสะบัดกวัดแกว่งไหว
ดวงอาทิตย์ทอแสงแดงรำไร
ธารน้ำใสไหลรุดลับสุดตา

เด็กเด็กจูงฝูงควายต้อนเข้าคอก
ควันไฟบอกครัวปรุงข้าวหุงหา
ยินระฆังดังชัดจากวัดวา
เหล่านกกาโผผินบินกลับรัง

มองถนนหนทางยังว่างเปล่า
นั่งกอดเข่าเฝ้าคอยเหม่อลอยหวัง
พยายามห้ามจิตคิดชิงชัง
อนิจจังอ่อนแอพ่ายแพ้พลัน

เสียงหมาหอนโหยเย็นเป็นทอดทอด
เสียงแสกสอดถลาไก่ป่าขัน
เสียงโกรกกรากสากสางท่ามแสงจันทร์
พานึกหวั่นหดหู่อยู่เดียวดาย

แว่วบรรเลงเพลงไทยใครกันหนอ
สีสะล้อซอซึงดีดดึงสาย
ดึกน้ำค้างพร่างพรมลมโชยชาย
เหงาช่างร้ายหมายกระหน่ำซ้ำกมล

มือขยับจับแก้วแล้วกระดก
เหล้าไหลหกอกอาภัพที่ยับย่น
พิณสิ้นเสียงสั่งสาวหนาวเหลือทน
คงไม่พ้นคืนนี้...ชีวาวาย

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เหงา...สิ้นหวัง
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 11 ตุลาคม 2014, 21:42:18

" สิ้นชีวิต "

ฟ้าใกล้ค่ำดำเทาเคล้าเมฆฝน
กิ่งสักสนสะบัดกวัดแกว่งไหว
ดวงอาทิตย์ทอแสงแดงรำไร
ธารน้ำใสไหลรุดลับสุดตา

เด็กเด็กจูงฝูงควายต้อนเข้าคอก
ควันไฟบอกครัวปรุงข้าวหุงหา
ยินระฆังดังชัดจากวัดวา
เหล่านกกาโผผินบินกลับรัง

มองถนนหนทางยังว่างเปล่า
นั่งกอดเข่าเฝ้าคอยเหม่อลอยหวัง
พยายามห้ามจิตคิดชิงชัง
อนิจจังอ่อนแอพ่ายแพ้พลัน

เสียงหมาหอนโหยเย็นเป็นทอดทอด
เสียงแสกสอดถลาไก่ป่าขัน
เสียงโกรกกรากสากสางท่ามแสงจันทร์
พานึกหวั่นหดหู่อยู่เดียวดาย

แว่วบรรเลงเพลงไทยใครกันหนอ
สีสะล้อซอซึงดีดดึงสาย
ดึกน้ำค้างพร่างพรมลมโชยชาย
เหงาช่างร้ายหมายกระหน่ำซ้ำกมล

มือขยับจับแก้วแล้วกระดก
เหล้าไหลหกอกอาภัพที่ยับย่น
พิณสิ้นเสียงสั่งสาวหนาวเหลือทน
คงไม่พ้นคืนนี้...ชีวาวาย

รพีกาญจน์


          (http://image.free.in.th/v/2013/it/140910053841.gif)


หัวข้อ: Re: เรียงความ เรื่อง ฉัน
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 24 ตุลาคม 2014, 22:25:08

ฉันโชคดีมีนาห้าหกไร่
สวนลำไยใหญ่ร้อยร้อยกว่าต้น
มีรถถีบรถเครื่องและรถยนต์
บ้านล่างบนครึ่งไม้ใช้ปูนทราย

ฉันเลี้ยงวัวตัวใหญ่หมูไก่เป็ด
เช้าเก็บเห็ดเด็ดผักตักปลาขาย
นาให้เช่าข้าวแบ่งพอแลงงาย
ลำไยหมายพ่นดอกนอกฤดู

อากาศเช้าสุขสันต์ปั่นรถถีบ
ยามร้อนรีบควบมอไซด์เร่งไปสู่
กระบะเก่าเข้าสวนลุยควนคู
รถเก๋งหรูอยากได้ไม่มีตังค์

ลูกหญิงชายสามคนพ้นหัวอก
สอนปอหกโรงเรียนของฝรั่ง
ทำเทสโก้โลตัสสต็อกคลัง
ห้วยน้ำดังวนอุทยาน

หลานหญิงชายสี่คนซุกซนมาก
วิ่งกระชากลากกันดังลั่นบ้าน
เตะตะกร้อเดาะบอลนอนสำราญ
กินข้าวน้ำอาหารหวานเปรี้ยวมัน

ถึงวันหยุดตรุษสารทยาตรพร้อมหน้า
เสียงเฮฮาตลกยกขบขัน
วันนี้เล่าเขาไปอยู่ไหนกัน
ละให้ฉันสองเฒ่าเฝ้าคร่ำครวญ

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: เรียงความ เรื่อง ฉัน 2
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 27 ตุลาคม 2014, 15:05:42

ฉันชักนำทำเห็นเป็นตัวอย่าง
ก่อแนวทางวางไว้ไร่นาสวน
ตั้งแต่เล็กเด็กรุ่นกระชุ่นกวน
ฝึกคราดพรวนร่วนเรียบย่ำเหยียบโคลน

สอนเกี่ยวกะตระเตรียมจับเสียมจอบ
แบกกระสอบฟันไม้ปีนไต่โหน
โรยน้ำปุ๋ยลุยตมสมฮอร์โมน
ค้ำกิ่งโอนเอนไหวให้ตั้งตรง

รู้จูงวัววนเทียบเทียมคันไถ
ถือเชือกไล่ชักลากล้อเกวียนส่ง
มือกำเคียวเกี่ยวข้าวคาไพรพง
จับจิ๊กก่งรมรูอุดหนูนา

เหลาไม้คานสานบุงข้องปุ้งกี๋
ผ่าซีกซี่กลมกลัดขัดตะกร้า
ถักตาข่ายห่ายไหไซดักปลา
ยกยอท่าอยู่โยงปักโพงพาง

ล้วงล้างท่อบ่อสระบึงประโยชน์
ปล่อยน้ำหยดตามสายจ่ายลงล่าง
รักถนอมซ่อมแซมเสร็จแขวนวาง
ของทุกอย่างจัดพวกสะดวกใช้

ลูกช่วยงานหลานเคียงมิเลี่ยงหลบ
พอเรียนจบพากายหายไปไหน
เช้ารุ่งรางย่างยากลำบากใจ
เดินไหวไหวสองเฒ่าเฝ้าเลี้ยงควาย

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: เรียงความ เรื่อง ฉัน 3
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 28 ตุลาคม 2014, 22:05:14

ยามหนุ่มแน่นแขนขากล้ามกล้าแกร่ง
เดี๋ยวนี้แรงร่อยหรอห่อหดหาย
ยกของหนักหักนิดเบี้ยวบิดกาย
ยืดเส้นสายงอพับจับตะคริว

กะเกียมผุดจุดการเพื่อสานฝัน
ต้องมีอันล้มเหลวเปลวฉุนฉิว
ขาดทุนรอนอ่อนจิตหวังปลิดปลิว
ยืนหน้านิ่วตามองจ้องฝนพรำ

แก้วหูอื้อมือชาตาสวมแว่น
จมูกแบนหูกางคางย้อยต่ำ
วัวกระชากลากตัวหัวคะมำ
รั้งไถลก้นจ้ำตำคันนา

เนื้อหนังบางฟางทิ่มแดงยิ้มเลือด
ผิวแห้งเหือดโดนแดดร้อนแผดจ้า
มัวหม่นหมองต้องลมตมติดทา
เหงื่อเข้าตาปวดแปลบทั้งแสบคัน

สอยมะม่วงร่วงเกลื่อนเก็บใส่เข่ง
หิ้วกระเตงถอกเทเซถลัน
ปีนลำไยไต่กิ่งทิ้งตัวพลัน
มือไม้สั่นเท้าเมื่อยหอบเหนื่อยจัง

ลูกทำงานหลานเรียนไม่ใช่เกษตร
พอสำเร็จยากหวนทวนกลับหลัง
เลิกก้มหน้าอาดูรปูนผุพัง
ประกาศปัง ขายด่วน! สวนที่นา

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: เรียงความ เรื่อง ฉัน 4
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 01 พฤศจิกายน 2014, 19:52:54

ยืนจดจ้องมองป้ายไม่ขายแล้ว
ของพ่อแก้วแม่แก้วเดิมก่อนเก่า
มรดกตกเติงเถิงรุ่นเรา
กลัวปู่เฒ่าคำรามตามหักคอ

สู้กระสนทนเถิกแผ้วเบิกถาง
เสียค่าจ้างขวานมีดกี่ขีดขอ
หลังก้มเงยเคยตรงคดก่งงอ
ตำเสี้ยนตอกี่แผลแถฟาดฟัน

ติดคลองคูกูปราบจนราบโล่ง
ที่สูงโปร่งปรับแปลงแต่งตามขั้น
ที่ร่วนซุยปุ๋ยน้อยลงอ้อยมัน
ข้าวเหนียวพันธุ์พื้นเมืองเม็ดเขียวดำ

แกบนบานกรานว่าถมนาไร่
ปลูกลำไยพืชพวงมะม่วงต่ำ
โค่นก้ามปูพลูหมากเมี่ยงระกำ
บรรทุกข้าวจำนำกะร่ำรวย

ปลูกพอแรงแข่งใครให้ท้อแท้
คิดเห็นแก่แค่เงินจึงเมินขวย
ดีเริ่มแรกแตกกลางสุดทางซวย
อกหน้าขาวสาวหมวยชอบฉวยตังค์

เออแบบนี้ดีไหมแบ่งให้เช่า
ที่ดินเราเขาปลูกครัวลูกฝัง
อย่าทะลึ่งรีบขายตายนะฟัง
กูจะเกิดอีกครั้งหวังลุยงาน

รพีกาญจน์

ขออภัยใช้คำว่ากู ปู่เฒ่าพูดเช่นนี้เสมอ



หัวข้อ: Re: เรียงความ เรื่อง ปู่กับหลาน
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 10 พฤศจิกายน 2014, 21:12:02

ลูกหลานเอ๋ย...
ยินปู่เคยว่าต่อขอร้องไหม
เพราะรักหลานรักลูกผูกหัวใจ
แสนห่วงใยอย่างยิ่งจึงวิงวอน

ต้องจัดแจงแบ่งงานการขีดเขียน
ตั้งใจเรียนตาดูฟังครูสอน
หมั่นทบทวนท่องจำคำวรรคตอน
วิชาใดไหนอ่อนอย่าผ่อนตาม

รีบค้นคว้าหาเพิ่มเติมความรู้
เข้าชิดผู้ปราดเปรื่องเอ่ยเรื่องถาม
รวมกลุ่มคิดกิจกรรมทำดีงาม
รักษาความเป็นไทยไม่ลืมตน

อันเทคโนโลยี่ที่หมกมุ่น
บ่เกิดคุณชักให้ใจสับสน
ทำลายวันเวลาก้าวหน้าคน
แถมยังปล้นเงินทองของส่วนตัว

เสียสิ้นสุขบุคลิกอีกต่างหาก
ผลพวงจากรายรุมกลุ่มทุนชั่ว
สารพัดจัดเข้าเกมเมามัว
ภาพย้ำยั่วบาดตาเร้าอารมณ์

ปู่เจ้าขา...
รู้แล้วจ้าอะไรไม่เหมาะสม
แค่คลิกค้นคำศัพท์จับคำคม
ทีปู่นั่งจ่อมจมก้มแต่งกลอน

เฮ่อ ต้องวางมือเสียแล้วละกระมัง

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ๐ สิ้นรัก ๐
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 14 ธันวาคม 2014, 20:52:58

เคยเกี่ยวก้อยลอยลำน้ำท่าวัด
ร้องลำตัดจะจะป๊ะโท่นโท่น
ยกมือรำกลางเรือนั่งลุกโยน
ปากตะโกนฮ้าไฮ้ไม่เป็นเพลง

หัวเราะลิงสิงโตโชว์ถวาย
ตกตอนสายแลบลิ้นกินหนมเข่ง
เตี่ยวขาก๊วยตุตะแกว่งโตงเตง
ฮ้อเฮงเฮงเซ็งลี้รับอั่งเปา

ละลายแป้งอมราพอกหน้าขาว
สาดน้ำสาวสงกรานต์ทานพระเจ้า
ควงบัวเรียงเคียงใกล้มิใช่เบา
ยิ้มหยอกเย้ากำยำร่างล่ำโต

คล้องภูษาผ้าซิ่นเสียบปิ่นปัก
เสื้อทอถักเส้นฝ้ายลายยกโผล่
ไฟจุดเทียนเวียนธาตุท่องพุทโธ
สวดนะโมพรรษานานสามเดือน

รอเบื้องบนฝนพรำทำนาหว่าน
ดั่งดวงมานต้องมีดคมกรีดเฉือน
งานผ้าป่าดารามาเหย้าเยือน
เรียงละเพื่อนผู้เฒ่าตามเขาไป

เดินหน้านิ่วหิ้วเกิบกะเลิบพ่วง
น้ำตาร่วงสิมาหาตั๋วไผ
ลืมหมดแล้วรักเก่าโยนเผาไฟ
เชื่อได้ไงใจนางบ่แน่นอน

รพีกาญจน์


เกิบ - รองเท้า   กะเลิบ - กระเป๋า   ตั๋วไผ - ตัวใคร



หัวข้อ: Re: น้องจ๋า...เรียกพี่ได้ไหม?
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 08 กุมภาพันธ์ 2015, 15:33:48

งอก้นงอนหย่อนลงกะตรงเป้า
ก้นจ้ำเบ้ามือแผ่ร่างแบหงาย
มันพลาดข้างอย่างไรหรือตาลาย
เสียงวิ๊ดว้ายลั่นหู...ช่วยปู่ที

มือเท้าแข้งเท้าขาตั้งท่าลุก
ฉุกละหุกจับราวสาวเหล็กซี่
ดึงโหนตัวชั่ววูบจูบทีวี
เสียงอึงมี่ถลัน...รีบช่วยตา

เดินยักแย่ยักยันหัวสั่นไหว
โก่งจามไอโขกขากเงยปากอ้า
เท้าย่ำพื้นลื่นไหลไกลเกือบวา
เซชนฝาคว้าเอว...เร็วช่วยลุง

ไหว้พระจบเปิดจอจ้องปริบปริบ
แอบดูคลิปแสร้งจดบทพาหุง
น้ำลายสอสำลักหลอดลมตุง
อาเจียนพุ่งพยาบาล...ขานช่วยทวด

เดินนั่งลุกทุกทีมีแต่ช้ำ
ก้มรับกรรมไม่วายกายเจ็บปวด
กายอย่างเดียวเยียวยาทาถูนวด
กินยาขวดยาหม้อพอบรรเทา

เพียวคำพิษติดใจไม่รู้หาย
ทิ่มแทงชายจ๋องจ๋อคอตกเหงา
วอนเรียกพี่...ซีน้องรับรองเบา
สิ้นซบเซาเศร้าสึกคึกคักเฮ

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: น้องจ๋า...เรียกพี่ได้ไหม?
เริ่มหัวข้อโดย: ยินดีครับ ที่ วันที่ 08 กุมภาพันธ์ 2015, 16:41:33
โอ้โห. กวีชัดๆ


หัวข้อ: Re: ...วันนี้...ที่แสนเหงา
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 09 มีนาคม 2015, 14:49:18

ขาดกระตือรือร้นด้นเรียนรู้
ทอดตาดูวิวัฒน์อุบัติใหม่
รับเทคโนโลยีศรีวิไล
โลกกว้างไกลเราอยู่หลังลู่เดิม

หลงโง่งมชมชอบตอบโจทย์มั่น
เนื้อหานั้นต่ำตึกห่อนฮึกเหิม
วนเวียนคำซ้ำซากมากต่อเติม
แค่จับเริ่มเดาจบหยุดหลบลา

ไร้ดำรินิยมผสมผสาน
เก่าก่อนกาลหวานอมขมฝาดปร่า
ใหม่หอมชื่นรื่นเร้าเคล้าอุรา
รวมเรียงรสพจนาพาพอดี

หรือวัยฝันบรรลุอุปสรรค
เลยวัยรักอภิรมย์ผมสองสี
มิตรลืมเลือนเพื่อนจางร้างไมตรี
บิดหน้าหนีเหม็นเบื่อมิเหลือเลย

ละพากเพียรเขียนขื่นขึ้นป้ายแขวน
จุกเจ่าแดนอ่อนแสงแรงระเหย
กินบุญเก่าเอากลอนร่อนรำเพย
ใครชมเชยเย็นชืดค้างจืดคาย

หมดสมัยไต่กระดานอ่านเขียนสุม
รวบรวมกลุ่มจ้องจดกดไร้สาย
ปล่อยม้าแก่แลเหี่ยวนั่งเดียวดาย
ถึงสุดท้ายหายต๋อมพร้อมคลื่นลม

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...วันนี้...ฝากไว้ตรงนี้นะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 21 เมษายน 2015, 14:30:57

จ่อดินสอจ่อสมุดจุดขีดเขียน
ลากวนเวียนเว้นวรรคอักษรสรรค์
ประสมคำนำพยางค์วางชิดกัน
เอกโทผันกำหนดครบบทโคลง

ตรวจความหมายปลายแปลเปรียบประโยค
กระเดกกระโดกสลับตรับสูงโด่ง
หรือต่ำตราสามัญยันยานโยง
ปรับปลอดโล่งลื่นไหลไพเราะนวล

คลี่ปทานุกรมงมศัพท์เสียง
ผายเผดียงยกหยิบสิปป์กระสวน
บูรณะประยุกต์ทุกกระบวน
ร้อยกรองกลั่นรัญจวนยั่วยวนยล

พูดสบายง่ายฟังใช่ดั่งคิด
พลิกเปิดปิดบ่อยถี่มากกี่หน
ทบทวนถ่อมกล่อมเกลาเคล้าระคน
บรรทัดบนลงล่างจนพร่างลาย

ได้กลอนกรรมลำภากากณึก
ฝืนสู้ฝึกเช้าสางกลางวันบ่าย
กระทู้เดียวเดี่ยวโดดดูเดียวดาย
อาจกลืนหายเพียงวันเพื่อนปั่นจาร

จึงวอนวากย์ฝากไว้ใน...วันนี้...
เผื่อผู้ที่มาหลังนั่งย้อนอ่าน
ถึงเวลาล่วงลับล่องกับกาล
มีผลงานต่อเนื่องหลากเรื่องเอย

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...วันนี้...ไม่มีอะไรๆ เติมกลอนหน้าบอร์ดเท่านั้น จริงๆ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 13 พฤษภาคม 2015, 13:03:31

โลกนี้...มีอะไรใช่จะแน่
น้ำปลาแท้ซื้อมาติดตรากุ้ง
ตื่นเช้าชัวร์สายมั่วมันพันนัวนุง
อีกเช้ารุ่งลื่นล้มจมน้ำตาย

วันเวลาคลาไคลไม่หยุดนิ่ง
ใดคือเท็จคือจริงสิ่งเสียหาย
ใดคือโทษโกรธขุ่นวนวุ่นวาย
ใดคือดีสมหมายชายหญิงปอง

บ้างพบพานงานทำนำชื่อเสียง
บ้างด่าวเดี้ยงหัวตำตกท้องร่อง
บ้างรวยล้นคนรุมฟ้อนตุ้มมอง
บ้างจ๋อจ๋องอมเมี่ยงนั่งเลี้ยงวัว

บ้างเอาเมียเสียคนจนแต่หนุ่ม
บ้างเททุ่มแบ๊งก์มาลัยยังไร้ผัว
บ้างโดนนิดโดนหน่อยถอยหวาดกลัว
บ้างเร่งรัวติดติดจมมิดคัน

บ้างบ้ามวยหวยบอลบุหรี่เหล้า
บ้างนบเกล้ายิ้มพรายถวายฉัน
บ้างผูกผิดพิฆาตจ้องฟาดฟัน
บ้างสู่ขวัญวันท้อขออย่าละ...กลอน

โลกนี้...มีอะไรใช่จะแน่
เมฆแท้แท้ลอยเด่นเห็นจะจะ
กรุงมีแอร์แห่หกตกบ๊ะบ๊ะ
นอกร้อนผละเว้นไกลไม่ตกเลย

กลับบ้านกินข้าวกลางวัน ให้น้ำลำไยบ่นฝนไม่ตก

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...วันนี้...งานเข้า
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 13 มิถุนายน 2015, 08:26:22

งานเอ๋ยงานเข้า
หนักเบาด่วนช้าเริ่มฟ้าหลัว
งานหลวงงานราษฎร์งานส่วนตัว
จับต้นชนมั่วยาวทั่วปลาย
เข้าจอพอแลก็แค่อ่าน
แต่งกลอนก่อกานท์ขมหวานหาย
แต่ดีมีงานรานเหงาคาย
จวนสายปี๊บปี๊บรีบไปเอย

รพีกาญจน์





หัวข้อ: Re: ...วันนี้...เขียนตามที่เห็น
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 25 สิงหาคม 2015, 05:55:18

เดินคอเอียงเบี่ยงข้างขึ้นรถตู้
มือหิ้วหูถุงสีโกปี้ขม
หย่อนก้นนั่งหลังเอนอิงเบาะจม
เคี้ยวขนมกลมแผ่นแทนมื้องาย

เป็นประจำค่ำไปเช้าไกลบ้าน
รถทะยานเร่งรุดสู่จุดหมาย
นิคมอุตสาหกรรมโรงเรียงราย
ผลิตจำหน่ายสินค้านานาภัณฑ์

เปิดรองรับแรงงานชานจังหวัด
ที่ถนัดเฉพาะทางรู้สร้างสรรค์
ทุกชนิดวิชชาสายสามัญ
คิดรายวันขั้นต่ำตามอัตรา

แบ่งกฎกะสลับเดือนปรับเปลี่ยน
ครบหมุนเวียนต่อไปไม่เลือกหน้า
ศาสน์สำคัญวันหยุดสุดสัปดาห์
สุขอุราอยู่เหย้าเฝ้ากับเรือน

มืดเบื้องบนฝนลงฟ้าแลบร้อง
ยืนกางจ้องริมทางร่างเปียกเปื้อน
สวมเสื้อหนาผ้าห่มลมหนาวเยือน
ค่อยคลาเคลื่อนซับเหงื่อเมื่อร้อนราน

นี่ก็เช้าจวนสายไร้เงาสาว
งามชุดขาวเคยรอรถโดยสาร
เศรษกิจตกสะเก็ดเหตุโรงงาน
ปิดกิจการเลิกจ้างอ้างขาดทุน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: บรรยาย...ฝันแบบแกงโฮะ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 13 กันยายน 2015, 17:24:23

นอกในรั้วรอบข้างสร้างยุ่งเหยิง
สาดเปลวเพลิงสั่งสมบ่มปัญหา
ตีปี๊บกล่องร้องอีแซวไม่สร่างซา
รำมะนาตีระนาดพร้อมพาทย์เพลง

เว้นจังหวะประโคมถาโถมผลัก
แทงประตักเปิดโลงดังโฉงเฉง
พอผีเข้าเร้ารัวไม่กลัวเกรง
มือละเลงฟายนิ้วบิ๊วอารมณ์

เสียงโอดโอยโหยหวนร่วนประหลาด
ดังปีศาจเจ็บหนักเพราะรักขม
ก่อนเจียนตายซ้ายง่อยถอยเซซม
หัวซุกบ่มเข่งปลาทูอยู่สองนาน

แห้งสนิทติดคาค้างฝาท่อ
แน่นิ่งรอฝนเทเฮเอิ้นขาน
ส่อซ้ำซากกากกาสุราบาน
คอแดงฉานก้นตุงลูบพุงโร

ยิกยักคิ้วข้างเดียวหน้าเหี่ยวย่น
ตาถลนแก้มดูกจมูกโด่
คราบดำปี๋ขี้ไคลร้องไห้โฮ
ฟันซี่โตเหยินยื่นกลืนน้ำลาย

ส่งเทียบเดินเชิญจับปรับทัศนะ
ครบวาระเจ็ดวันค่อยผันผาย
สิ้นวิเศษเปรตปูนอสูรกาย
หยุดวุ่นวายดีละจะเข้านอน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: พักยก ให้น้ำ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 28 กันยายน 2015, 17:48:36


ทั้งทั้งที่ สุดรัก และสุดหวง
น้ำตาร่วง ทุกครั้ง เจ็บหลังจาก
อยู่ด้วยกัน แสนนาน พานพบพราก
ปากเอ๋ยปาก เหงือกงำ ฟันอำลา

ปวดฟันครับ พรุ่งนี้ไปถอนครับ

 :'( :'( :'(

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: พักยก ให้น้ำ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 30 กันยายน 2015, 18:11:57

บ่นตะบันฟันฟางเนื้อหนังปอก
เข่าถลอกชนวัวตัวถลา
ก็รีบซิ่งวิ่งจี๋นี่คุณตา
เข้าชราน่าเบื่อเหมือนเรือพัง

ละอองดิน


แสดงบทกฎเกณฑ์เวรบังคับ
กาลกำกับขั้นตอนใดก่อนหลัง
อยู่ต่อไปเมื่อไรหนอมรณัง
นี่ก็ยังสามเดือนเตือนครบปี

ยอมชดใช้ด้วยความยินดีครับ

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: น้อมเชิดชู...คุณชัช อุบลจินดา
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 20 ตุลาคม 2015, 20:09:32

พันแผ่นโชว์โฆษณาหาความชอบ
ใช่คำตอบตกลงฟันธงเชื่อ
ตัดแต่งภาพฉาบสีเข้มจางเจือ
บ้างก็เบื่อเพียงน้อยคล้อยอารมณ์

ศิลปะตระการโบราณหลัง
ขายของขลังวัดวาอารามศรม
น้อมพระธรรมนำจิตบูชิตชม
ป้ายคำคมผงาดดาษดา

ประเพณีดีงามคามโดดเด่น
การละเล่นละครเล่นซ่อนหา
ลอยกระทงสงกรานต์งานเฮฮา
เทียนพรรษาบ้องไฟไม้ค้ำโพธิ์

รับอรุณอุ่นกายฟายหมอกฝ้า
ยลดาราคราเดือนเลือนผุดโผล่
ส่องคืนเพ็งเก้งกวางช้างเชือกโต
สัตว์วิ่งโร่ชะง่อนผาเอื้องฟ้าบาน

คลื่นแรงจัดซัดสาดหาดทรายซ่า
เห็นฝูงปลาว่ายแหวกน้ำแตกซ่าน
เห็นฝูงนกผกผินบินเรี่ยลาน
ล้วนสถานชมวิวโชว์ทิวทัศน์

สร้างหมื่นคลิปสื่อสารการท่องเที่ยว
เทียบคลิปเดียวเยียวยาแสนสาหัส
ล้านน้ำใจไหนเล่าเท่าคุณชัช
ต่างชาติจัดเพิ่มโปรแกรมพักแรมไทย

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: น้อมเชิดชู...คุณชัช อุบลจินดา
เริ่มหัวข้อโดย: phanthakant ที่ วันที่ 21 ตุลาคม 2015, 01:42:39
          ขอให้โชคดีกับความรักครั้งใหม่                  หลังจากเคยเสียใจตอนที่อยู่กับฉัน
เธอเป็นคนเลือกเองไม่เคยถามความรู้สึกกัน             ตัดขาดความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเธอ
          ในตอนนี้เธอนั้นมีคนรักใหม่                        ส่วนฉันยังไม่มีใครเพราะใจมั่นคงเสมอ
ก็เพราะว่าฉันนั้นยังคงรักเธอ                                 แม้ไม่ได้เจอ เธออีกแล้วในวันนี้
           ขอให้เขารักเหมือนกับฉันที่รักเธอ               ขอให้พบเจอแต่สิ่งดีดี
อย่างที่ใจเธอหวังที่เธอไม่เคยได้จากผู้ชายคนนี้         ขออวยพรให้โชคดีตามเส้นทางที่เธอเลือกเดิน



พันธกานต์   วรเกียรติกำจร  21/10/58











                           


หัวข้อ: Re: เร็วๆช่วยจัดอันดับให้ข้าที
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 11 ธันวาคม 2015, 20:51:48

ข้ามีควายหนึ่งตัววัวหนึ่งคู่
มีแม่หมูลูกหมูมัดใต้ถุน
มีแม่ไก่ลูกไก่ไล่หลายรุ่น
เลี้ยงเอาบุญนกแก้วนกขุนทอง

หมาหอนเห่าเฝ้าอยู่ประตูบ้าน
แมวหมอบคลานเฝ้าอยู่ประตูห้อง
หนูมาเองมากมายเกิดก่ายกอง
ยินเสียงร้องเกาะขื่อคือตุ๊กแก

หมักปลาร้าปลาหนองตั้งสองไห
มีข้องไซส้อมสุ่มสวิงแห
สูงเพียงตาฝาฟากตากปลาแบ
บนควั่นแคร่ครัวไฟไว้กระเทียม

พลั่วบุ้งกี๋กะละมังถังกระจาด
คันไถคราดค้อนขวานผานจอบเสียม
มีไม้ส้าวไม้สอยช่อสะเลียม
ซื้อใหม่เอี่ยมเลื่อยลอเลื่อยลันดา

มีธุระปะปังปั่นสองล้อ
ด่วนวิ่งห้อเบลอาร์ยามาฮ่า
บ้านไม้ซางกว้างยาวราวหกวา
เงินพันห้าซ่อนใต้ไม้กระดาน

ผลสำรวจสำมะโนโชว์ข้าวของ
สิ่งครอบครองข้อมูลขั้นพื้นฐาน
คอยฟังข่าวประกาศเป็นทางการ
เทศบาลข้ารวยที่เท่าไร

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...จวนใกล้แล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 16 มกราคม 2016, 20:54:08

แลชำเลืองเบื้องบนกลาดกล่นฟ้า
เมฆทาบทาดำขลับสลับขาว
รอบหน้าหลังบังมิดปิดดวงดาว
ไร้แสงพราวราตรีที่คืบคลาน

เร่งระบายร่ายมนต์ปากพ่นเป่า
ผสมเทาป้ายปนเป็นหม่นด้าน
หรืออสูรเสพย์จัณฑ์อันตพาล
ขึงเมฆม่านหลายชั้นกั้นดวงเดือน

แลชำเลืองเบื้องล่างที่ราบลุ่ม
มืดปกคลุมแมกไม้ภูไพรเถื่อน
ไร้แสงสิ่งหิ่งห้อยลอยเยี่ยมเยือน
ตะวันเคลื่อนลงลับภาพจับจาง

เทียนสิ้นไขไส้หดมอดหมดแสง
เปลวไต้แดงชันหดมอดหมดสาง
ทั่วกระต๊อบรอบเถียงเบิ่งเบี่ยงบาง
เงาเลือนลางฉายทอดตลอดแนว

จะจีรังสังขารนานฟันฝ่า
ล่วงชราบั้นปลายหายใจแผ่ว
รั้งสุขสันต์พลันหนีไร้วี่แวว
หนาวนอนแซ่วร้อนซมจมจามไอ

แลชำเลืองเบื้องบนหวังค้นหา
ช่องมรรคาประตูอยู่หนไหน
คราละกายหมายสวรรค์สู่ครรไล
ตระเตรียมไว้ใกล้แล้ว...จวนใกล้แล้ว

รพีกาญจน์





หัวข้อ: Re: แบบนี้จะอยู่ได้นานไหมหนอ?
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2016, 23:29:07

ฤาพะวงหลงใหลในลาภยศ
แจงจรดสร้างภาพทาอาบสี
รื่นสรรเสริญเยินยอทอวาที
สวัสดีแรกพบนบกราบกราน

ฤาวาดหวังดังโด่งอวดทรงฤทธิ์
แสร้งใกล้ชิดคิดเข่นเซ่นประหาร
จริงก็เพ็ดเท็จปูดพูดตามพาน
อย่าสงสารลักลอบปลอบกระมล

ฤาตลบตะแลงขบแข่งขัน
ของกำนัลกำในไม่เสาะสน
การกระทำชำรุดสุดวิกล
เป็นผู้คนก้ำกึ่งครึ่งบ้าดี

ฤาท้อตำติเตียนแล้วเวียนหลบ
ยอมสยบว่างเว้นเร้นกายหนี
จะติดใจให้โทษโกรธไม่มี
ชอบด้วยซีเงื่อนไขให้ต่อกลอน

ฤามากคนวนชมนิยมอ่าน
พอวางงานลงปั๊บโผรับต้อน
เพียรจับซ้ายป่ายขวามาเรียงรอน
วันละท่อนสองท่อนนอนสบาย

ฤาเกิดกรรมดำรงยงยึดติด
ชูชีวิตเชิดหน้าสูงค่าหมาย
พบกันอยู่ร่วมกันสู่บั้นปลาย
หลังล้มตายนานเนาเขาก็ลืม

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: คนบ้ากลอน
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 05 มีนาคม 2016, 18:54:50

เข้าหลับนอนค่อนคืนตื่นตีห้า
รีบถลาทันทีดังผีสิง
เปิดไฟแจ้งจิ้มคอมพ์นั่งจ่อมพิง
ขึ้นจอปิ๊งวาววามความ บ้านกลอน

คลิกสำรวจตรวจกานท์อ่านคร่าวคร่าว
เรียงเรื่องราวลำดับนับหลังก่อน
ค่อยล้างหน้าตาแฉะแคะฟันคลอน
กาแฟร้อนจิบซด กดเยี่ยมชม

เปิดขายของดองดิบเบ็ดเตล็ด
คลุกเคล้าเสร็จแป้งมันปั้นขนม
ปิ้งนึ่งห่อพอสุดจุดเทียนรม
หอมชวนดมส่งท่าขาประจำ

จบทุกอย่างกลางวันพลันตอนบ่าย
ยืดยักย้ายไปสวนกลับจวนค่ำ
หรือสลับกับงานบุญบานทำ
พิธีกรรมบนบวงสรวงเทวา

จตุจัดปัจจัยใช้ก่อสร้าง
ประตูปรางค์กำแพง แจรงผ้า
พิธีการงานศพ นบครูบา
สัมมนา เกษตร เทศบาล

ว่างน้อยนิดคิดบทจดกระดาษ
กระวีกระวาดเสนอทั่นเธออ่าน
เหนื่อยไม่สนบ่นไม่ฟังชังไม่พาล
สั่งหยุดจารได้แน่เพียงแค่ยม...

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: คนบ้ากลอน
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 22 มีนาคม 2016, 17:08:35
(http://www.mx7.com/i/b2a/7hHhlX.jpg)


หัวข้อ: Re: โน่นๆ มันแหละ ใช่เลย
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 09 พฤษภาคม 2016, 18:17:36

เพื่ออยู่รอดปลอดภัยไปมาคล่อง
เพื่อปากท้องจับจ่ายขายพืชผล
เพื่อสร้างงานเงินเบิกเลิกยากจน
เพื่อผู้คนพ้นทุกข์สุขภาพดี

เพื่อขับเคี่ยวเชี่ยวชาญการศึกษา
เพื่อวัดวารุ่งเรืองประเทืองศรี
เพื่อแพร่สิทธิ์อิสระปะเสรี
เพื่อสตรียอดเยี่ยมทัดเทียมชาย

เพื่อน้ำไหลไฟแรงแสงส่องถึง
เพื่อเกาะกึ่งยอดโดมมีโคมฉาย
เพื่อขุดร่องสองข้างรางระบาย
เพื่อขึงสายโทรศัพท์รับเน็ตคอมพ์

เพื่อภิรมย์ชมโชว์โทรทัศน์
เพื่อเก็บคัดเข้าสู้ตู้เย็นถนอม
เพื่อตั้งแบงก์แข่งกดฝากอดออม
เพื่อเตรียมพร้อมเนิ่นนู้นศูนย์ราชการ

แบคโฮร่อนช้อนตักทรัคบรรทุก
แทรกเตอร์บุกถากถางดันลากผาล
รถเกรดเกลี่ยกลบกดบดอัดดาน
มาตรฐานเททางยางมะตอย

กี่เลื่อยยนต์คนไกใบคมตัด
เครนยกมัดลำเลียงเพี้ยงหายจ้อย
เหลือดินร้างว่างตาป่าหมดดอย
ฝนตกน้อยชี้โทษละโกรธใคร?

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: คิดจะทำอาหารขายอีกครั้ง
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 27 พฤษภาคม 2016, 05:41:13

ของโอชะจะดีมีหลายรส
ดองแห้งสดแฉะฉ่ำข้นน้ำใส
เปรี้ยวหวานเค็มขมขื่นหอมชื่นใจ
อ่อนนอกในแข็งขบประกบกราม

ยกตัวอย่างอ้างเห็นเช่นก๋วยเตี๋ยว
บะหม่ีเกี๊ยวเกาเหลาเผาข้าวหลาม
ต้มเลือดหมูปูผัดจัดจานชาม
เหลืองอร่ามหน่อไผ่แกงไตปลา

พะโล้ชิ้นฮินเลเทห่อหมก
ลาบน้ำตกซกเลือดซดหลู้ส้า
จี้พริกดำยำไก่ใส่กัญชา
พริกปลาร้าเนื้อแหนมนึ่งหนอกวัว

ตำขนุนตุ๋นเป็ดต้มเห็ดถอบ
แคบหมูกรอบยำใหญ่ยัดไส้อั่ว
ผัดกะหล่ำตำส้มต้มฝักบัว
ฟักแฟงถั่วนึ่งนิ่มจิ้มพริกแดง

คั่วแมงมันแมงจอนจี่แมงเม่า
เจียวผักผำยำเตาเผาเผือกแห้ง
คั่วอึ่งอ่างย่างกบอบเขียดแกง
ปรุงพลิกแพลงแปลงบ้างสร้างนิยม

ของโอชะจะดีมีหลากรส
ใช่จ่อจดกดลิ้นฝืนกลิ่นฉม
เสพซ้ำซ้ำซากซากกากอารมณ์
ใครดอมดมละเก่าเข้าซีพี

แค่คิดก็ได้หนึ่งกลอนแล้วล่ะ อิอิ

รพีกาญจน์


หัวข้อ: Re: วันนี้...ความกล้าหายไปไหนหมด
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 14 มิถุนายน 2016, 12:30:19

แค่เขยื้อนเคลื่อนออกนอกแนวรั้ว
เต้นระรัวหัวใจไม่เป็นส่ำ
เห็นแซงซ้ายป่ายขวาหน้าคะมำ
ลดเกียร์ต่ำปุบปับเบรคฉับพลัน

เพื่อนทะยานหาญกล้าฝ่าก่อนเขียว
แล้วหักเลี้ยวรีเทิร์นกะทันหัน
ตาแตกตื่นแตะไวหยุดได้ทัน
หลังเอ็ดลั่นเกือบชนก้นรถเรา

สูดลมลงลึกวนพ่นดังพรืด
น้ำลายหนืดเอนเอียงเสียงกระเส่า
คงฤกษ์เสียเมียบ่นคนด่าเดา
อีกหมาเห่าแมวเมินก่อนเดินทาง

ข่าววัยรุ่นวุ่นวายตายสาหัส
ยกพวกซัดดุเดือดเลือดเปรอะร่าง
ระเบิดบูมสนั่นพอควันจาง
บ้างครวญครางด่าวดิ้นนิ่งสิ้นลม

แย่แล้ววาหน้าต่างประตูบ้าน
ลืมลั่นดาลแส้นอนกลอนกดข่ม
ข่าวขโมยขโจรปล้นสดมภ์
ภูตผีบ่มทาสพิษเสพติดยา

ตัดสินใจใคร่ถอยแอ่วปอยหลวง
ยลบานบวงมโหรีกลับดีกว่า
ความปลอดภัยไม่มีห่วงชีวา
กรุงกลางป่าล้วนร้ายตายทัดเทียม

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: หมวดครับ เงินเงินของกระผมหายครับ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 16 กรกฎาคม 2016, 21:09:07

เพื่อนเก่าเกย เคยคบ จบมอหก
ชีวิตตก ระกำ บ่นลำบาก
ก่อนมั่งมี ศรีสุข กลับทุกข์ยาก
สาเหตุจาก เล่นแผง แทงปูปลา

พาร่างตรม ซมซาน เอ่ยวานขอ
หยิบยืมพอ ลงทุน หมุนเลี้ยงหมู
ทำทองหยอด ทอดกล้วย หนมถ้วยฟู
ขายปลาทู ปลาหลด ปลากดคัง

เราคนไทย ใจดี มีหรือขัด
แบงก์เป็นมัด เป็นฟ่อน ซ่อนผนัง
เหรียญบาทจุก ซุกไห ซ่อนในลัง
เหรียญสตังค์ จ่อมป๋อง อีกสองใบ

ยิ่งเห็นขอบ บอบช้ำ น้ำตาหยด
เศร้าสลด อดกลั้น ยืนสั่นไหว
ยัดกระเป๋า เอาเถิด เอาเพื่อนไป
ค่อยชดใช้ เลยหลัง เมื่อยั่งยืน

ลับเร้นร่าง ห่างหาย หลานเดือนโผล่
ยกก้อนโต เต็มปี๊บ รวมสิบหมื่น
วันหวยออก บอกไง ไม่รับคืน
กองกับพื้น กระสอบ บุงครอบพอ

เกรงห้ามลาภ เลขฝัน รางวัลใหญ่
เย็นตกใจ ต๊ายตาย หายหมดหม้อ
กินตับหมี ดีหมา กล้าล้วงคอ
อักษรย่อ ว. ล. ส. ขอแจ้งความ

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: แปะ แปะ กัดหลานข้าทำไม?
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 15 สิงหาคม 2016, 20:58:38

รู้ชาติเช่นเห็นมาใช่ว่าแส่
แกเอ๋ยแกเลือกเกิดเปิดเปิงง่าย
หลุดจากก้นพ้นช่องล่องลอยกาย
ลงเรียงรายน้ำนิดชิดชุมนุม

หรือที่ราบสภาพพื้นชื้นเฉอะแฉะ
มักข้องแวะแน่นหนาพามั่วสุม
ฝนกระเซ็นเย็นยิ่งซิ่งหลบมุม
อบอุ่นรุ่มลัดเลาะเสาะเลือดคาว

บินขึ้นบนวนเวียนกระเหี้ยนไต่
สาบกลิ่นไอกัดดูดตูดชี้หาว
ขยับปัดแปะหน่อยถอยร่นราว
อายุยาวนิ้วนับเพียงสัปดาห์

ร่างอ่อนเพลียเสียเลือดผิวเหือดแห้ง
เลือดฝาดแดงเข้มขุ่นสูงคุณค่า
เป็นไข่มัวตัวอ่อนยุงจรลา
ปีกแกร่งกล้ากระหายตายไม่กลัว

ธรรมชาติวาดวางไว้อย่างนั้น
ระคนคันสิ่งดีมีสิ่งชั่ว
ไม่เกลียดโกรธโฉดเฉาหลงเมามัว
แต่รักตัวแตะต้องอิ่มท้องตน

รู้ชาติเช่นเห็นมาใช่ว่าแส่
แกเอ๋ยแกผุดผลิปฏิสนธิ์
จากสัตตาชาตะรูปะคน
ยังไม่พ้นก่อกรรมกระทำเวร

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ยุบ แห้ง หาย
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 03 กันยายน 2016, 21:24:41

ออกตุ่มโตโผล่ทั่วเท่าหัวหมุด
ผลัดกันผุดแตะนิ่มน้ำปริ่มใส
ตามผิวกายภายนอกซอกพับใน
เก่าแห้งใหม่พุ่งพื้นขึ้นมาแทน

เพื่อนแนะเปลี่ยนน้ำยาซักผ้าอ้อม
เปลี่ยนแป้งหอมแรกเกิดแพมเพิร์สแผ่น
ฝุ่นละอองห้องหับชื้นอับแน่น
มือไม้แขนลืมล้างเปื้อนด่างดำ

สืบเพาะพันธุ์อันก่อจากพ่อแม่
โรคภูมิแพ้แห้งเหือดเกล็ดเลือดต่ำ
ไข้นอนซมลมมักชักประจำ
งานตรากตรำกรำฝนไอปนจาม

เข้าคลินิกหมอเด็กตรวจเช็คร่าง
บอกทุกอย่างไม่เป็นไรเมื่อไต่ถาม
หากอักเสบแสบร้อนจรลุกลาม
คงแน่ตามวินิจฉัยไวรัสเริม

ปล่อยอย่างงี้ไม่กี่วันมันก็หาย
นี่สิบสายนับวันแรกมันเริ่ม
สังเกตเก่าแฟบฝ่อใหม่ต่อเติม
ยิ่งพูนเพิ่มทุกข์ใจให้กังวล

จ้าวปู่หมดอดรนทนไม่ไหว
นี่"ขางไฟ"รุกรุมทุกขุมขน
ต้องเป่าเสกสามลาทาน้ำมนตร์
วันละหนหายสนิทดังปลิดทิ้ง

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: เพียง...รำพึง
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 05 ตุลาคม 2016, 21:29:28

ฉันก็แค่คนแก่แค่คนหนึ่ง
คงคึดถึงสหายอยู่เสมอ
แม้ว่าเรายังไม่ได้เจอะเจอ
ติดตามเธอทางสื่อทุกมื้อวัน

เห็นรอยริ้วคิ้วย่นบนหน้าหมอง
สิ้นลำพองพลิกพับปับหุนหัน
หรือโรคใหม่ไข้เก่าเร้าโรมรัน
คิดตีบตันอ่อนเพลียเสียอารมณ์

เคยแชล่มแก้มบุ๋มยิ้มมุมปาก
ซีดตายซาดฮึดฮัดกัดฟันข่ม
ใครกระแทกแดกดันยันจ่อมจม
หรือกินต้มปลาก้างกลืนขวางลำ

เสน่ห์พึงดึงดูดพูดไพเราะ
เสียงเสนาะเหยาะหวานโลมมานฉ่ำ
ไงคอฟูขู่ฟอดฉอดฉอดคำ
ย้ำขย้ำห้วนหับฉับฉุบฉับ

ปณิธานหาญผูกถูกกัดกร่อน
ใดโยกคลอนรั้งรุดหยุดขยับ
ลองพลิกแพลงแรงรอนอ่อนรองรับ
ฉวยโต้กลับทะลวงทันท่วงที

ฉันก็แค่คนแก่แค่คนหนึ่ง
เพียงรำพึงเพื่อเตือนอย่าเบือนหนี
ค่อยค่อยคลำย่ำแย่ทางแก้มี
ขอโชคดีคลี่คลาย...สหายเอย

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: พูดอีกสักนิดเถิดนะ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 02 มกราคม 2017, 21:09:29

เสียงเครื่องยนต์หยุดลงตรงหน้าบ้าน
อีกคันคลานจอดข้างครางกระหึ่ม
คันที่สามตามหลังดังบึมบึม
ฮากันตึมชี้ชักเอิ้นทักทาย

กระทบไหล่ไต่ถามความทุกข์สุข
เดินทางขลุกขลักจอดตลอดสาย
ใช้ทางเลี่ยงเที่ยงร้อนแล่นสบาย
พอเลยบ่ายเมฆหม่นฝนเริ่มมา

หอบหิ้วถุงพะรุงพะรังนำลูกหลาน
ขึ้นบนบ้านยกมือฮือไหว้สา
กรูล้อมรอบยอบกายเรียกยายตา
เรียกปู่ย่าหมอบราบก้มกราบกราน

บ้างแฉฉีกปลีกตัวเข้าครัวหุง
ร่วมปั้นปรุงข้าวปลาทำอาหาร
จัดสำรับกับข้าวคดใส่จาน
แกงคาวหวานจืดจอบริบูรณ์

สุขหัวใจได้ดูอยู่พร้อมหน้า
สืบวงศาคณาญาติไม่ขาดสูญ
เชื่อมสัมพันธ์มั่นคงยงประยูร
ช่วยเกื้อกูลยามพบประสบภัย

จากเนานานผ่านเดือนเยือนสักครั้ง
เงยหน้านั่งต่อถ้อยคุยหน่อยไหม
มัวจดจับพับเพียบปากเงียบไป
เล่นอะไรไม่เสร็จหนอเน็ตเกม

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: คิด เชื่อ หลง งมงาย
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 26 มกราคม 2017, 22:06:11

ก่อกำแพงแกร่งปั้นกั้นความคิด
ตรงเบี้ยวบิดทัดทานต้านกระสือ
กินตับไตไส้เน่าเกาสะดือ
ละลุกฮือส่อเสียดเกลียดชิงชัง

จับจูงใกล้ไล้ลูบจูบจ๊วบจ๊วบ
ร่างอ่อนยวบอย่างไขไฟลนครั่ง
ลงลายสือคือหญิงชายจริงจัง
คงคาดหวังพ้นตาหยุดฆ่าฟัน

ใจเอ๊ยใจใคร่เชื่อเหลืออยากเห็น
นำร่มเย็นสุขสงบลบร้ายฝัน
อวยประโยชน์โกฎิคุณบุญอนันต์
ยอดของขวัญยิ่งใหญ่ไทยต้องการ

ต่างคนต่างล้างมือเลิกถือถัง
หันกลับหลังอมเมี่ยงอุ้มเลี้ยงหลาน
คาบเช้าแลงแกงกล้วยช่วยเก็บจาน
นอนนอกชานกินเหล้านั่งเป่าแน

เกรงไปศัลย์ยันฮีขัดสีใหม่
ชาร์ตฟืนไฟไชโยโห่แหนแห่
ตบเท้ากรี๊ดหวีดก้องพ้องบีบแตร
ยากเปลี่ยนแปรหดคืนยืนจุดเดิม

ก่อกำแพงแกร่งกล้าห้าเจ็ดชั้น
สูงกางกั้นคิดเคื้อเชื่อฮึกเหิม
ออดอ้อนหวานปานอ้อยชะรอยเติม
ก็ยิ่งเพิ่มหลงลมสุดงมงาย

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: โอย โอย ขึ้นอีกแล้วหรือ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 01 มีนาคม 2017, 20:14:57

ก็เคยชิมลิ้มลองยาดองเหล้า
พอมึนเมาเป็นเด็กเกกมะเหรก
ยินหมาหอนนอนห้างรับจ้างเจ๊ก
สองสามเป๊กเสือหมีผีไม่กลัว

ก๊งติดพันวันนิดจิตแจ่มใส
ร้อนแดดไอว่าเมฆมืดขมัว
เคยเงียบขรึมซึมบูดพูดลั่นรัว
เรียกกันทั่วไอ้ตี๋จอมขี้โว

เขาหนาวลมห่มผ้าเสื้อหนาสวม
เราล่อนวมวิ่งไวก่อนไก่โห่
ค่ำยุบนอนถอนเช้าเกาพุงโร
ร้านอาโกซื้อสดหมดเชื่อเซ็น

ถึงวันหยุดตรุษสารทขาดไม่ได้
หนักทีไรลืมอาบร่างสาบเหม็น
งานปอยหลวงบวงรำบุญบำเพ็ญ
ช่วยกางเต็นท์สางเบิกเซเลิกลา

ติดเหล้าเบียร์เสียแล้วน้องแก้วเอ๋ย
วัยล่วงเลยยักยันมีปัญหา
รับจ้างได้ไม่คงเส้นไม่คงวา
เบี้ยชราเจ็ดร้อยทะยอยกิน

หุงข้าวหักตักคำไข่น้ำพริก
เหงื่อซิกซิกคอตีบชีพแทบสิ้น
ท้องไส้กิ่วหิวโหยเงินโบยบิน
ถอกทาลิ้นบรรเทาเพราะเหล้าแพง

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: เสือน้อยผู้โอหัง
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 29 เมษายน 2017, 21:29:27

ธรรมชาติวาดลายชายชาติเสือ
ปรากฏเหนือหน้าคิ้วแผ่ผิวหนัง
เปล่งประกายฉายเลื่อมเพื่อมพลัง
จากขุมขลังแผ่นผลึกลึกซ่อนทรวง

ใช่ฉาบเปลือกเกลือกคนพ่นทาทับ
พู่กันจับปาดป้ายระบายท่วง
ท่าทีแแกร่งแปลงกร้าวโน้มน้าวลวง
ปิดกล่องกลวงอ่อนยวบบวบบุบใน

กระตุกเต้นเส้นฟูชูก้อนกล้าม
เลื่อนแล่นลามหลุกหลิกเลยหลังไหล่
เกาะกระโจนโผนเผินข้ามเนินไพร
กู่ก้องไกลพันหมื่นคลื่นคำรน

ตะกุยหินดินเหนียวลับเขี้ยวเล็บ
ร้อนหนาวเหน็บจังก้ากลางห่าฝน
อมิตรหมายรายล้อมห้อมล่างบน
ไม่เสือกสนพวกเบ่งขลาดเกรงกลัว

รอยแถกแถแผลเป็นเซ่นอาวุธ
เลือดไหลปุดต้องคมชโลมทั่ว
คราบด่างแดงแห้งกรังเกรอะทั้งตัว
สันดานชั่วแหวกน้ำสกัมกรู

ธรรมชาติวาดวงบ่งคนกล้า
จะเข่นฆ่าว่าง่ายเช่นควายหมู
ยกเงื้อง้างค้างไว้ไงลองดู
เก่งแค่ขู่ซัดเลยเฉยทำไม?

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: รักทหารครับ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 21 มิถุนายน 2017, 21:28:33

ชีวิตรู้อยู่ย่างข้างขอบเหว
ลอยบนเปลวระอุประทุแสง
กลางหลาวแหลมเหล็กลิ่มจ้องทิ่มแทง
ห้อยต่องแต่งด้วยด้ายทักทายลม

ย่องย่ำดานผ่านผาศิลาร้อน
แล่นดงดอนขอนเขาเหงาห่อห่ม
ลุยน้ำลึกคึกโหนดำโคลนตม
หลบร่องถมหญ้าคลุมซุ่มซ่อนยาม

หมอบเหมยขาบทาบเทือกเฮือกสะท้าน
ไต่สะพานจับราวสาวเชือกข้าม
ท่องถนนหนทางห่างเขตคาม
อย่าถกถามหนักเรื่อยเมื่อยเช่นไร

ของหดแห้งแกงคั่วจั่วจากถุง
ปราศเครื่องปรุงจางจืดชืดไฉน
กินข้าวคำน้ำหล่อลงคอไป
ระวังไวรอบกายซ้ายจับปืน

ยินเสียงแปลกแก๊กแก๊กแทรกสงัด
รีบสลัดอ่อนล้าลืมตาตื่น
ใช่นกหนูกรูกวดยั้งพรวดยืน
อาจเป็นอื่นท่วงทันอันตราย

เรื่องล่วงหน้าภารกิจชีวิตรู้
ว่าศัตรูสบช่องลำกล้องส่าย
ระเบิดหินดินดำกดทำลาย
ถึงเจ็บตายทุกเมื่อเพื่อชาติพลี

รพีกาญจน์




หัวข้อ: Re: คุยกับเงา
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 16 กรกฎาคม 2017, 22:38:54

ก่อนว่าไงไม่สนคนแก่เก่า
แอบย่องเบาเงาทามตามหลังฉัน
แสร้งสะดุดหยุดลงตรงเช่นกัน
เร่งถลันขาถีบแกรีบโกย

ไม่พลาดพิศนิดเดียวเลยเชียวนะ
เข้าออกกะละคิวไร้หิวโหย
ยัดเนืองแน่นแล่นโลดลืมโอดโอย
หรือรับโพยสมองส่องบัญชา

จากรูปพรรณสัณฐานประมาณเตี้ย
สูงเท่าเบียร์สี่กล่องตั้งสองขา
ผมหยิกงอคอหยักดั้งหักคา
เสียงพูดจาผ่าซากพ่นหมากพลู

ขาดตรองตริวิรัตน์วัฒนธรรม
ผ่านท่องจำ เด็กชายใหม่ รักหมู่
สองปีชั้นหมั่นตกหัวอกครู
มอบหลวงปู่่ยินยอมเลี้ยงกล่อมเกลา

ข้าวหลายแคงแกงหลายถ้วยช่วยชีวิต
รู้ถุกผิดกล้าขลาดฉลาดเขลา
รู้รุกร่นทนรับนับหนักเบา
ยึดมุกเศร้าแส่ยุ่งอีรุงตุงนัง

แน่ะเนื้อเย็นเหม็นเบื่อเหงื่อคนแก่
พ้นตาแลสะกดผดไล่หลัง
ประสาลิงวิ่งลุกสนุกจัง
ล้อเล่นมั่งเจี๊ยกเจี๊ยกเสียกแลบลิ้น

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: เอาเยี่ยงคนทำไม?
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 07 สิงหาคม 2017, 13:51:39

ตีนเกาะกำลำไยถอนใจเศร้า
ดูลูกเขาเข้านอนเรียงก่อนหลัง
ตัวเมียรอคอเอียงส่งเสียงดัง
ตัวผู้ฟังส่ายขนถลนตา

ปากจาบจิกหยิกหยอกบ่งบอกสุข
กะปุกหลุกรังไหวแกว่งไกวฝา
ปูพื้นลุ่มนุ่มภายในฝ้ายคา
กันฝนฟ้าสานไผ่ร่มใบบัง

ภัยค่ำคืนตื่นตกจากนกฮูก
โอบกอดลูกงอขดหัวหดสั่น
พ้นงูเงี้ยวเขี้ยวขอเลื้อยล่อพัน
หายหวาดหวั่นจู่โจนทโมนแมว

บินผับผับสัปดาห์อุตส่าห์สร้าง
ออกแบบร่างสถานวิมานแก้ว
เพียรถักทอก่อเกิดสิ่งเพริศแพรว
เสร็จสรรพแล้วยิ้มปริอภิรมย์

ขยับหวีดกรีดกรายปีกฟายฟ้อน
พ้องกานท์กลอนร่อนทับสับสยม
เพื่อนบินผ่านย่านยืนหยุดชื่นชม
เอ็ดอึงขรมสนุกจู้ฮุกกรู

ตีนเกาะกำลำไยถอนใจเศร้า
นั่นรังเราเขาแกล้งยื้อแย่งอยู่
สะอื้นแสบแปลบปร่าน้ำตาพรู
วิมานหรูแค่ใกล้ถูกไล่ตี

รพีกาญจน์

กระจิบรุ่นคู่หนึ่งสร้างรังง่ามกิ่งกระดังงา
เสร็จเข้าอยู่ได้สองสามวัน มีกระจิบครอบครัวหนึ่ง
ไล่จิกเข้าครอบครองรัง มันเหงาเฝ้าใกล้ๆท่าทางน่าสงสาร



หัวข้อ: Re: ได้ใหม่ลืมเก่า
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 10 กันยายน 2017, 21:59:23

เป็นความจริงสิ่งไหนได้มาง่าย
มักดูดายกรายฉิวมองผิวเผิน
ปล่อยเกะกะกีดขวางทางก้าวเดิน
ถือส่วนเกินเก็บกองห้องครัวไฟ

ก็ใช่เก่าเบาบางเชือกยางรัด
เพียงถูขัดสกปรกกระจกใส
กาวโปะปะถลอกเย็บนอกใน
การเข้าไม้ไร้นอตปลอดตะปู

ก็ใช่เก่าเนานานติดบานพับ
เปิดเผยงับจับแน่นแกนกลางอยู่
แผ่นกระดานร้านช่องไร้ร่องรู
ชั้นชิ่งตู้ม้านั่งโต๊ะตั่งเตียง

ก็ใช่เก่าเงางามยามส่องสาด
ส่วนสะอาดสะท้อนแสงแฉกเสี่ยง
มีตาไม้ไล่ลายเลื่อมรายเรียง
พลิกพบเพียงผุพองต้องฝนพรำ

ก็ใช่เก่าเขาเบื่อเชื่อตกยุค
ยอบนั่งลุกรองเขียนเวียนจนหนำ
ทรงกระด้างค้างคราบเคลือบฉาบดำ
มือลูบคลำตำเสี้ยนสิ้นเนียนนวล

เป็นความจริงสิ่งไหนได้มายาก
เงินซื้อจากเหงื่อไคลไร่นาสวน
มักดูแลแช่ใช้ไว้ที่ควร
ถือเป็นส่วนหนึ่งในใจของเรา

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: อยู่ที่ไหนก็ได้ขอได้เขียนกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 18 ตุลาคม 2017, 21:10:36

เธอบอกใช่ไร้เหงื่อกล้ามเนื้อแกร่ง
ทะมัดทะแมงแรงงานการจับถือ
ไม่รอเรือรอลิงประวิงมือ
ตัวแข็งทื่อซื่อตรงขึ้นลงทาง

เธอบอกใช่ใหญ่ล่ำหล่อชะมัด
คมเข้มจัดชัดตอบชอบโผงผาง
รู้ขมเค็มข้นขุ่นละมุนจาง
เงียบยากง้างคางงับศัพท์สำนวน

เธอบอกใช่วัยว่องครองสฤงค์
คือยอดยิ่งมิ่งขวัญวันสุขสรวล
ซบไหล่ซึ้งคลึงบ่าคราเรรวน
นั่งคร่ำครวญชวนลุกปลุกปลอบใจ

เธอบอกใช่ให้เป็นปิตาบุตร
สกุลสุดผุดผ่องละอองใส
จากแบบแปลนแท่นพิมพ์เพาะพิไล
ประสบชัยนัยยะระเบียบแนว

เธอบอกใช่ชายนี้ที่เถิบเฒ่า
เชี่ยวหนักเบาเข้าช่องเนียนคล่องแคล่ว
ช่างฝีมือสื่อสารหวานเพริศแพรว
ยังแจ่มแจ๋วแจ้งจัดไปวัดวา

เธอบอกใช่ชั่วโมงนี้คงใช่
ฉันซมไข้ความดันพลันขึ้นหน้า
ลมออกรูหูอื้อเท้ามือชา
ปล่อยเอกาก้มโก่งกลางโรงบาล

รอหมอเรียกตรวจได้หนึ่งกลอน

รพีกาญจน์


หัวข้อ: Re: เขาว่า คุยได้ทุกเรื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2017, 21:41:11

บ้างปากพูดปูดเรื่องเปลืองใดเล่า
ดีกว่าเปล่าบ่ดายบรรยายเขียน
นับพยางค์รางคำเรียงนำเรียน
จึงวนเวียนจำอวดจดหมวดคุย

เริ่มแรกสู่รู้หย่อนผ่อนปรนบ้าง
ลื่นแนวทางอนาคตคงสดฉุย
เคร่งเข้มงวดกวดขันตะบันบุย
มองหน้ามุ่ยหม่นหมางเลิกวางกลอน

ใครใคร่เขียนเขียนใดเขียนไปเถิด
หวังประเสริฐแข่งขันประชันบ่อน
ต้องกำหนดกฎเกณฑ์เน้นแน่นอน
เสียงวรรคตอนสูงต่ำสัมผัสตรง

หากเคาะแท่นแล่นร่อนเพื่อผ่อนพัก
พร่ำพลอดรักอารมณ์สมประสงค์
บันทึกเศร้าเหงาจิตพิษพะวง
หายืนยงทอดถากแล้วจากไป

หากคิดคู่อยู่คืบสืบประสาน
ก่อตำนานบรรลุอายุขัย
ควรอุทิศชิดชอบมอบอภัย
สร้างเข้าใจบาทบทอิงอดทน

บ้างปากพูดปูดเปลื้องฟุ้งเฟื่องเขียน
แสร้งผิดเพี้ยนเอียนอำภาพนำผล
ทำลายทุนขุ่นข้องหมองตัวตน
อย่าเตียนคนยกร่างตัวอย่างงาน

รพีกาญจน์





หัวข้อ: Re: รวยกระจุก ล้มกระจาย
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2017, 13:41:22

เห็นกะปิน้ำปลาอาหารกล่อง
ขวดกระป๋องซองเซ็ทสำเร็จดื่ม
ตั้งอยู่ดีที่เก่าเขาหลงลืม
ไปปลาบปลื้มธงฟ้าประชานิยม

จับด้านบนขนไก่ไม้ปัดฝุ่น
อารมณ์ขุ่นเดือดปุดสุดเหลือข่ม
ซอสสีซีดชูรสฉลากนม
ต้องแดดลมค้างคาหมดอายุ

จนด้วงหนอนชอนไชไต่ข้าวสาร
แกลบรำนานอับชื้นเหม็นหืนตุ
แป้งป่นมันมอดแทะถุงทะลุ
บะหมี่จุซองเสื่อมเลื่อมละลาย

ผงซักฟอกผ้านุ่มชุ่มรีดเรียบ
เรียงระเบียบถี่ห่างโชว์วางขาย
ยาพ่นมดแมงสาบปราบยุงตาย
หยุดซื้อขายเคลื่อนไหวไม่เหมือนเคย

ทุกหมู่บ้านร้านรวงท้วงเงียบเหงา
นั่งยกเข่าเท้าคางมือว่างเฉย
ถ้าหากเป็นเข่นนี้ปีล่วงเลย
สิ้นแล้วเอยเจ๊งปิดเลิกกิจการ

มิผูกขาดค้าขายซื้อง่ายคิด
ไยมอบสิทธิ์พอพึงเดียวหนึ่งย่าน
หรือทำลายขายปลีกฉีกโบราณ
เหลือตำนานจุดจบซบกลุ่มทุน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: เชื่อเถอะ จะกี่ครั้งมันยังเช่นนี้
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 09 มกราคม 2018, 21:06:26

เมื่อหิวอยากปากงับรับรู้รส
ดิบสุกสดหดแห้งน้ำแกงหวาน
อบปิ้งฉ่าทาเกลือเจือในจาน
มะนาวฝานซิ้ดซ้าดราดพริกแกง

บ่อยจำเจเฮวันมันก็เลี่ยน
ครุ่นปรับเปลี่ยนคิดผุดสูตรสิ่งของ
บ้างติดบ้าท้าทายร่ายทดลอง
หวังว่าต้องใจถูกลูกค้าชม

สลับหมุนอุ่นเย็นร้อนเช่นนี้
ไร้วิธีจำเพาะคงเหมาะสม
วนเก่าใหม่ใช่ตลอดยอดนิยม
หมกเดิมบ่มโหมโชว์โฆษณา

ค้นจุดร่วมน่วมอ่อนซ่อนมนุษย์
ยากที่สุดเกินไกลจะใฝ่หา
บัดเดี๋ยวชอบชื่นชมสมอุรา
ปรารถนาเคียงคู่อยู่สืบยาว

ครั้นพลาดพลั้งเผลอผิดนิดเพียงหน
ทนงตนด้านดื้อจนอื้อฉาว
แค่ฉากแวบแอบดอยคอยเรื่องราว
สงบก้าวกลับคืนฟื้นจากตาย

เปรียบรู้สึกลึกเร้นเช่นอาหาร
หิวอิ่มทานหลังดื่มลืมกระหาย
เลยคาบคำซ้ำซากขากก้อนคาย
เถอะอย่าหมายยอมเลือกพวกเกลือกโกง

รพีกาญจน์





หัวข้อ: Re: เสือใกล้สูญพันธุ์
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2018, 15:13:15

ธรรมชาติวาดวางเป็นสางเสือ
กอปรเลือดเนื้อเอ็นผูกกระดูกหนัง
หลักฉลาดอาจองทรงพลัง
กางเล็บหยั่งขอนโคนโจนทะยาน

สี่เท้าคู้ข้อแข้งก้อนแกร่งกล้าม
ตาวาววามระวังดังเพลิงฉาน
กระดิกหูรู้ไกลไพรสัญญาณ
ออกสังหารหาเหยื่อเมื่อหิวโซ

อ้าแยกเขี้ยวเปรียวโลดโดดตะครุบ
งับกัดกรุบกระชากดึงลากโร่
ใช่หักห่มข่มเหงนักเลงโต
แค่ชีโวประทังอยู่ยั่งยืน

คนกล่าวกุดุร้ายป้ายสีเสือ
ไล่ล่าเพื่อเชื่อมือถือระรื่น
อำมหิตปลิดม้วยด้วยลูกปืน
แล่แผ่นผืนหนังเลาะทำเบาะคลุม

ผ่าหัวใจไตตับสับต้มซุป
หางกระดุบยาดีเพิ่มถี่หนุ่ม
กระดูกบดลดไข้ไล่โรครุม
เขี้ยวงองุ้มเสกกล้าลงอาคม

ธรรมชาติวาดวางเป็นสางเสือ
คือเป้าเหยื่อลูกปืนแสนขื่นขม
ทั่วเรือนร่างข้างในคนนิยม
จึงสิ้นลมอาดูรใกล้สูญพันธุ์

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: บ้านร้าง
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 07 เมษายน 2018, 22:11:53

ปิดประตูรูรอบรั้วขอบชิด
กุญแจติดดอกใหญ่นอกในแน่น
กระดาษลื่นขึ้นป้ายไปชายแดน
หมาดุแขวนเคยกัดคนสัตว์ตาย

พบสภาพราบเรียบเงียบเหงานัก
ขาดผู้พักลมผ่านเพดานส่าย
ไร้จิ้งจกนกหนูดูเดียวดาย
ทางเดินลายหนาเตอะเขรอะฝุ่นแดง

บานหน้าต่างล่างบนบวมฝนสาด
กะแลขาดหลุดลอยห้อยต่องแต่ง
เหวี่ยงวนรอบครอบจั่วเคลื่อนตะแคง
ลอนโหว่แหว่งกระเทาะปลายเปราะเบา

กองกอบกำลำไยใบร่วงหล่น
กิ่งก้านหม่นแลบเรียวแห้งเหี่ยวเฉา
มะลิลีบกลีบขาวกลับขุ่นเทา
ราวกระเช้าไม้ดอกตอกเปื่อยพอง

เสมือนว่างร้างไร้ใครรักษา
ล่วงเวลาละเฝ้าทิ้งเจ้าของ
ขาดไปมาหาสู่ดูเมียงมอง
มืดแสงส่องห้องหับดับไม่มี

คงโง้มงุดอุดอู้อยู่อย่างถ้ำ
หลบต่อคำผลัดก่อนผ่อนทวงหนี้
ควบรถแล่นแว่นดำล่ำหล่อดี
เบี้ยวจ่ายซีโดนตบเลือดกลบฟัน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: เติมใจให้สาวคราวอ่อนแอ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 01 มิถุนายน 2018, 22:13:57

มือเหี่ยวหอบยอบคอสิผ่อหยัง
เคยหวัวดังฟังเพลงไยเคร่งขรึม
หรือลมเข้าเบ้าตาน้ำตาซึม
ยินเสียงพึมพร่ำบ่นระคนคราง

นั่งจับจุกทุกข์ใจอันใดเล่า
คงกรรมเก่าเย้ายีเซ่นผีสาง
เกณฑ์ชะตาอาภัพพลิกอับปาง
ดิ่งลงล่างล่วงสู่ประตูยม

หย่อนเชือกบุญทุ่นทอยดึงลอยน้ำ
ผ่านปากถ้ำดำดูดถอยกรูดหล่ม
ปีนขึ้นพ้นก้นเหวควันเปลวรม
หลบเขี้ยวคมเขาสิงห์กระทิงแทง

อย่ายึดติดผิดไพล่ถูกได้เสีย
ละอ่อนเพลียพาทีพบสีแสง
เพลิดเพลินชมลมอุ้ฟื้นฟูแรง
ยืนยิ้มแฉ่งแป้งประสวยสะงาม

กินพักผ่อนนอนพอชะลอโรค
รุมสับโขกโยกเยงรู้เกรงขาม
แค่ชั่วครั้งยังรุกเตรียมคุกคาม
หากซุ่มซ่ามพล่ามเพ้อเฉยเหม่อมอง

มีสิ่งใดใช้กันแก้ปัญหา
โละค้างคาเคลียร์หึ่งกลบหนึ่งสอง
เก่าสิ้นไปใหม่ผดท่าทดลอง
เชื่อสิน้องต้องรับสู้กับมัน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ขอคารวะ "วีรบุรุษจ่าแซม"
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 11 กรกฎาคม 2018, 13:36:52

ขอบฟ้าแดงแสงงามเริ่มยามเช้า
ไร้เมฆเทาลอยตัวบังมัวหม่น
เมื่อก่อนหน้าคราคร่ำคืนผู้คน
สวนสับสนอลหม่านผ่านพึมพำ

บ้างแบกถือมือหอบประกอบกิจ
ร่วมค้นคิดวางจุดมุดเข้าถ้ำ
เร่งวิเคราะห์เสาะโพรงโถงรีบทำ
เพื่อเตรียมนำเด็กน้อยลอยลอดมา

ยกโอบเอื้อมเชื่อมต่อสายท่อสูบ
จุดเทียนธูปบนบานกรานไหว้สา
ปากอู้เอิ้นออกตรวจอวดศักดา
โหมกล่าวหาว่าต่อก่อระคาง

ย่ำซอกซอนนอนดอยค้นรอยแยก
แคบพอแทรกเอวองค์ดิ่งลงล่าง
สรรวิธีคลี่คลายหลากหลายทาง
ระดมช่างเจนจัดถนัดภัย

สู่แดนด้าวข่าวขุมทุกมุมโลก
รายงานโศกส่งความตามชิดใกล้
มอบข้าวของกล่องน้ำกำลังใจ
สุดท้ายได้เด็กพบครบชีวิต

ขอบฟ้าแดงแสงงามลามเขตเขา
ม่านทาเทาเข้าคลุมลุ่มสนิท
เดือนดาวส่องรองรังดังนิมิต
ที่สถิต"ขุนถ้ำ"น้ำนางนอน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: คู่โทรม
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 22 สิงหาคม 2018, 21:47:22

ใช่ผู้ปลูกผูกพันเท่านั้นหรือ
หวังพ้นมือเร็วเฉิบเมื่อเติบกล้า
มากความรู้คู่ทำนำวิชา
เลี้ยงชีวาหางานเสริมฐานตน

ใช่สะบัดตัดหางปล่อยกลางเปลี่ยว
คิดว่าเชี่ยวชาญลึกหลังฝึกฝน
เปรียบสมองสองแขนแม่นกมล
มิผ่านพ้นวนบ่วงห่วงอาลัย

ตาเฝ้าดูหูถ่างอย่างใกล้ชิด
เห็นพลั้งผิดย่ำแย่เตือนแก้ไข
ถูกครรลองท่องธรรมทางนำชัย
ชมเชยให้เดินหน้าสู้ท้าทาย

ช่วงระกำลำบากขวากหนามกั้น
ลุยฝ่าฟันเซทรุดสิ้นจุดหมาย
ต้องคดีชี้จับทรัพย์ละลาย
ก่อนจะสายชิงเช้าเข้าประคอง

ทุกข์แต่ต้นทนกลางย่างปัจฉิม
สบตายิ้มปลอบขวัญแก่กันสอง
พ้นจากลูกหลานแล่นแทนจำจอง
สู่หอห้องเยือนท่าคอยปรานี

ใช่วิสุทธิ์หยุดพฤติยังยึดชั่ว
รักครอบครัวแทงบอดลอตเตอรี่
ฝืนลงงานดานดินสวนอินทรีย์
สภาพมีที่เห็นเป็น"คู่โทรม"

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ใช่เหินห่างใจร่างอยู่
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 23 กันยายน 2018, 22:02:31

ก้มหยิบตกยกหิ้วนิ้วงับอ้า
ยังเสียวชาโลดแล่นถึงแขนไหล่
เพียรฟื้นฟูถูขัดบำบัดไป
คาดหวังไว้สิ้นปีดีกว่าเดิม

จะตวงตักถักถือหัดมือซ้าย
พลาดเสียหายหลายครั้งพลั้งซ่อมเสริม
ซื้อขายงานบ้านครัวสวนมั่วเติม
อีกอย่างเพิ่มภาระดูแลแฟน

ปวดสี่เส้นเอ็นขาดคอยคิวหมอ
ช่วงชะลออุ่นอบประคบแขน
ไหล่ยืดเอ็นอ่อนดึงขึงติดแกน
ดูกตามแผนต่อง่ายปลายตุลา

พักผ่อนให้ใจร่างว่างซักซ้อม
ถึงนัดพร้อมน้อยเสี่ยงขึ้นเขียงผ่า
เคยโดนมีดกรีดหนังสามครั้งครา
ครั้นชราเริ่มขลาดหวาดระแวง

งานมากมายก่ายกองน้องร่วมด้วย
เคียงข้างช่วยหนักวานเบาหารแบ่ง
น้องย่ำแย่แต่นี้พี่แสดง
กว่าเกินแรงขอสู้เพียงผู้เดียว

ค่ำเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าอารมณ์ร้อน
จะแต่งกลอนอ้อนจอใจห่อเหี่ยว
จะเปลี่ยนโปรโชว์ท่าหน้าซีดเซียว
จำฟ้อนเงี้ยวเลี้ยวมุดพุ่มพุทรา

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ตายเกิด 500 ชาติ ขอเป็นยุง
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 04 ธันวาคม 2018, 20:42:15

เคยยิงนกตกปลาไล่ล่าแย้
คุ้ยเขี่ยแผ่กินูนค้นมูลเหม็น
เสียบอึ่งอ่างย่างกบอบเขียดเป็น
จับอีเห็นแกงป่าแกล้มยาดอง

เคยตัดฟักหักแฟงปลิดแตงเต้า
สอยสะเดาทับทิมสวนริมหนอง
ลักละมุดพุทราน้อยหน่ากอง
กล้วยหอมทองมะม่วงพวงลำไย

เคยตีรันฟันแทงแย่งหญิงหวง
ชอบหลอกลวงเอออ่อยสาวน้อยใหญ่
เบื่อเคลียคลอบ่จริงทอดทิ้งไกล
ตามวิสัยเชิงชู้ผู้ยอดชาย

เคยเมาซ่าด่าทอล้อพี่เพื่อน
ใครตักเตือนแลบสิ้นปลิ้นตาส่าย
ดึกคืนค่อนหอนโหยเอ็ดโวยวาย
รู้สึกท้ายหัวแถแบบ่าทาง

สารภาพบาปบานท่านขอรับ
ตายปุบปับฝังในไฟเผาร่าง
เกิดอีกหนบนพื้นภพนภางค์
บอกสว่างเบิกตาช่วยข้าที

เล็กถึงเฒ่าเจ้าทำกรรมอุบาทว์
ห้าร้อยชาติตายเกิดยากเปิดหนี
สัตว์ชั้นต่ำติดตมจมธุลี
รอหมื่นปีโน้นเถิดเกิดเป็นคน

" ก็ได้ ข้าให้เกิดเป็นยุง500ชาติ "
" 555 อีก10ปีได้เกิดเป็นคนละโว้ย"
แอบดีใจไร้ซุ่มเสียง อิอิ

รพีกาญจน์