เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย

บอร์ดกลุ่มชมรม => ชมรมนักกลอน => ข้อความที่เริ่มโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 10 มิถุนายน 2012, 19:42:30



หัวข้อ: ไม่อยากเป็น ส.ว. เล้ย
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 10 มิถุนายน 2012, 19:42:30
สุรา สงคราม สตรี สีละ

๐ ยกสุราดื่มย้อม        ใจตัว
หลายจอกถอกระรัว     ไป่เกลี้ยง
มึนเมาไล่ขลาดกลัว     รานศึก
โอมเพื่อพินาศเพี้ยง     แถกขึ้นบนแถน

๐ ศัครูแข็งแกร่งท้า      โรมรัน
โจมจู่ทะลวงฟัน          ขาดสิ้น
เสือสิงห์วิ่งประจัญ       เถิงดาบ
เพลงเดี่ยวชีพแดดิ้น     ฉะล้มลงดิน

๐ ชมเชยเกยก่ายเล้า     ประโลม
ยอดมิ่งขวัญเฉิดโฉม      เอิกกล้า
เพลงรุกรักหักโหม         เริงรื่น
สุขชื่นใดในหล้า           เทียบเทื้อบ่มี

๐ ใครชมชอบดื่มน้ำ       เมามาย
ใครฮึกเหิมกระหาย        เศิกสร้าง
ใครเพลินหื่นระบาย       เสพสุข
สามก่อหมายอวดอ้าง     หมดแล้วศีลธรรม

๐ กานต์...บ่าได๊ว่าหื้อไผเน่อ




หัวข้อ: Re: สุรา สงคราม สตรี สีละ
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 10 มิถุนายน 2012, 21:16:34

  เป็นชายชาญดื่มเหล้า      ยาดอง
คนหนุ่มหาญทำนอง         ก่นให้
เมามายห่อนหมามอง        มัวหม่น
คลานสี่ขาบ้าใบ้              ยิ่งช้ำอับอาย

  เพียรหมายมาดมุ่งปั้น     ประโลม
ปะแค่เสียงเพียงโฉม       กล่อมกล้า
รุกกระหน่ำจู่โจม            เร่งรีบ
อาจเพลี่ยงพล้ำเสียถ้า     ถูกปล้นหมดตัว ;D   
     
     


หัวข้อ: Re: สุรา สงคราม สตรี สีละ
เริ่มหัวข้อโดย: little girl ที่ วันที่ 11 มิถุนายน 2012, 10:04:53

ดื่มสุราเพื่อให้             ฉึกเหิม
หลายจอกยิ่งกรอกเติม  อวดโอ้
มิยั้งคิดก่อนเดิม           เคยเสงี่ยม
ยิ่งดื่มลืมสติโม้             มากล้วนเมามาย

สงครามฤๅไป่ร้าง          วีรชน
แต่กลับล้างชีพคน         มากแท้
อยู่หลังต่างทุกข์ทน       มิสร่าง โศกนา
ข้าวยากหมากแพงแล้    เดือนร้อนมิคลาย

สงครามใดมุ่งใช้           กำลัง
ชายชาติต่างสิ้นหวัง      กลับด้าว
ลูกเล็กเด็กประดัง         แพแตก ถ้วนแล
ครอบครัวต่างเจ็บร้าว     ทุกข์ร้อนทุรน

กลกามกรุ่นเสพย์ส้อง    หม่นหมอง
ใฝ่จิตคิดหมายปอง       เพลิดแล้
มัวเมาผิดครรลอง         หลงเสพย์
ล้วนอบายใฝ่แม้           ยากรั้งใจคืน



little gril

(http://upic.me/i/ek/0i258.png) (http://upic.me/show/36117162)


หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ (เทวดา/ซาตาน)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 13 มิถุนายน 2012, 20:30:39

จำได้ไหม...
ห้าสิบปี ที่กาล ผ่านพ้นไป
เราเคยได้ พบปะ เทวดา

เหินจากฟ้า มาทัน ตะวันตก
คนตระหนก แหงนรอ คอตั้งบ่า
ร่างสูง ผมทอง ผิวขาว ตาสีฟ้า
ท่านจะมา พัฒนา ข้าวกล้าไทย

บ้านข้ากิน ข้าวฟ่าง ข้าวบาเล่ย์
ดูซิเท่ ยืนย่าง ร่างสูงใหญ่
ข้าหัวดี ค้นวิธี ร่วมวิจัย
ข้าวพันธุ์ใหม่ ประโยขน์ โภชนา

ต่างไชโย โห่ร้อง ดังก้องกึก
ทุกคนนึก สบาย ภายวันหน้า
ลูกหลานเหลน ต่อไป ไร้โรคา
ทั้งเงินตรา นองเนือง บ้านเมืองเรา

วันเวลา คลาไคล ไม่นานนัก
เราถูกพัก ห้ามทำ การนำเข้า
ปลูกเป็นเบือ เหลือหลาย ขายแข่งเรา
ช่างแสนเศร้า ไม่ทันเล่ห์ เทวดา

ข้าว น้ำมัน แร่ธาตุ
คือ อาหารของเทวดาคนนี้
มันมาทางตะวันตก จงระวัง!



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ (คุณความดีสิบประการ)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 14 มิถุนายน 2012, 19:54:27
(ทาน)อุปการ ทานคน ที่จนยาก
(เนกขัม)ละพ้นจาก รักใคร่ ในตัณหา
(ศีล)ประพฤติไม่ เสียหาย กายวาจา
(วิริยะ)ขยันกล้า หมั่นเรียน เพียรมากมี

(ปัญญา)นึกคิดเฉียบ ฉลาด แลปราดเปรื่อง
(ขันติ)ทนทุกเรื่อง เป็นโทษ ยอมอดหนี
(สัจจะ)ยึดความจริง ยืนหยัด สัจวจี
(อุเบกขา)ไม่ใยดี ลำเอียง เที่ยงตรงกลาง

(อธิษฐาน)ปรารถนา มุ่งหวัง ตั้งในจิต
(เมตตา)มีชีวิต ไร้ทุกข์ สุขมิสร่าง
(บารมี)คุณความดี มีสิบ หยิบมาวาง
(มัคคะ)คือหนทาง สมหวัง รังเจริญ

                 กานต์


หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ (เศษอายุ)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 16 มิถุนายน 2012, 17:27:35
อายุหนึ่ง ถึงเก้า เยาชันษา
คนถือว่า บริสุทธิ์ ผุดผ่องใส
สุดสะอาด ปราศชั่ว หมองมัวใน
มีหัวใจ เริงรื่น สดชื่นงาม

อายุเอย เลยเก้า เข้าสองหลัก
เลขท้ายเศษ กิเลสมัก มาทักถาม
แทรกวิถี ชีวิต คอยติดตาม
เป็นนิยาม ความเศษ เลขเหตุการณ์

ท้ายเศษ 0 สลาย หาย ห่อเหี่ยว
ท้ายเศษ 1 โดดเดี่ยว เปลี่ยวสังขาร
ท้ายเศษ 2 สุขา ทิวาวาร
ท้ายเศษ 3 สฤงคาร จารจิรัง

ท้ายเศษ 4 วอดวาย ละลายล้ม
ท้ายเศษ 5 โศกซม ระทมขัง
ท้ายเศษ 6 โชคดี มีพลัง
ท้ายเศษ 7 สิ้นหวัง ยังหรือตาย

ท้ายเศษ 8 สรรเสริญ เจริญรื่น
ท้ายเศษ 9 ยั่งยืน ขมขื่นหาย
คนนิยม ชมเล่า เอามาทาย
ไม่มุ่งหมาย คิดคาด วาดหวังกัน

จะจนมี ดีชั่ว เพียงตัวเลข
ใช่ช่วยเสก สมใจ ได้ทั้งนั้น
หากเพียรยึด พฤติธรรม ประจำวัน
จะพ้นทุกข์ สุขสันต์ ถึงบั้นปลาย

                 กานต์


หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ
เริ่มหัวข้อโดย: ฟ้า ที่ วันที่ 16 มิถุนายน 2012, 18:27:54
เอาตั๋วเลขมาแจมอ้ายหนานทองโตยเน่อครับ
กำบะเก่า

สิบปี๋อาบน้ำบ่หนาว
ซาวปี๋แอ่วสาวบ่ก้าย
สามสิบปี๋บ่หน่ายสงสาร
สี่สิบปี๋ยะก๋านเหมือนฟ้าผ่า
ห้าสิบปี๋สาวหน้อยด่าบ่เจ็บใจ๋
หกสิบปี๋ไอเหมือนฟานโขก
เจ็ดสิบปี๋บ่าโหกเต๋มตั๋ว
แปดสิบปี๋ใค่หัวเหมือนไห้
เก้าสิบปี๋ไข้ก่ต๋ายบ่ไข้ก่ต๋าย

อันชีวิตติดมาครากำเนิด
ถือว่าเลิศเป็นคนบนสถาน
ยังโลกาสากลผจญกาล
แลผันผ่านวารเวียนเปลี่ยนหมุนไป

จากวันเดือนเคลื่อนปีที่อายุ
ได้ระบุลุแจ้งแถลงไข
ลักษณะนะท่านขานตามวัย
เป็นเยี่ยงไรใคร่แถแปลให้ฟัง

วัย10ปีนี่เล่นเป็นสนุก
ทั้งซนซุกลุกเล่นเป็นที่ตั้ง
เล่นกีฬาฮาเฮเทกำลัง
หนาวก็ยังอาบน้ำโอ๊ยซำบาย

วัย20จีบสาวเรื่องราวรัก
แม้อกหักสักเพียงใดไม่เคยหน่าย
ยังคงตามถามไถ่ไม่วางวาย
หลงงมงายกายล่วงในบ่วงมาน

30ปีมีกายาว่าแข็งแกร่ง
ทั้งเรี่ยวแรงแฝงเปี่ยมเยี่ยมสังขาร
จะเที่ยวท่องล่องเล่นเป็นสำราญ
ใจสนานงานสนุกสุขชีวี

วัย40รีบเร่งเกรงจักช้า
ทุ่มกายาพลาการงานเต็มที่
มิหยุดหย่อนผ่อนบ้างในบางที
ไฟมากมีเปี่ยมล้นชนแต่งาน

50ปีนี่นะอ๊ะเริ่มแก่
ชอบเหลือบแลแม่สาวคราวลูกหลาน
แม้ถูกด่าว่าหัวงูชูประจาน
ก็มิพาลโกรธขึ้งบึ้งจิตใจ

60วัยไอแคร่กๆแบกพยาธิ
ย่างเยื้องบาทยาตรช้าคราไปไหน
ปฐมโรคโพกเพาะเกาะข้างใน
เริ่มเจ็บไข้ได้ป่วยร่วงโรยรา

70วรรษจัดว่าชราแก่
กายาแย่มีแต่ทรุดมิหยุดหนา
หนึ่งสองสามตามรุมกลุ้มโรคา
ไม้เท้าขาร่อแร่ยักแย่ยัน

80ขวบยวบยาบหาบห่อเหี่ยว
ริ้วรอยเรียวหย่อนยานพาลน่าขัน
จะร้องไห้หรือหัวร่อดูพอกัน
ทั้งฟางฟันพลันหมดอดเคี้ยวกิน

90หนาวคราวนี้พอชีวิต
แม้นดวงจิตสถิตไว้ใจไม่สิ้น
ก็มิต่างร่างกายวายชีวิน
จะแดดิ้นหรืออยู่ต่อก็พอกัน

อันเกิดแก่เจ็บตายในสังสาร
เวียนวนผ่านกาลแท้ไม่แปรผัน
มิอาจฉุดยุดทึ้งดึงคืนวัน
ให้หวนหันสัญจรย้อนกลับมา

มิมีใครได้พ้นวังวนวัฏ
สิ่งเด่นชัดจัดเห็นเช่นคุณค่า
คือความดีที่ย้ำได้ทำมา
ดั่งจินดาเพชรพลอยสร้อยสังวาลย์

เมื่อดำรงคงชีพจงรีบสร้าง
แสงสว่างทางชอบกอปรสืบสาน
ประพฤติธรรมนำหน้าอุรามาน
จิตเบิกบานผ่านพ้นทุกข์พบสุขเอย

ฟ้า  เมืองฝาง


หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 16 มิถุนายน 2012, 20:44:06

อบายมุข ทุกเช้า ค่ำเหล้าหวย
ใครจะซวย ช่างมัน ฉันเฉยเฉย
ถูกรีดนา ทาเร้น กันเช่นเคย
เพื่อสังเวย เก้าอี้(ที่)รองก้นมัน

ใครจะรวย มั่งมี เห็นชี้ชัด
คนของรัฐ สุรา ยาขยัน
โฆษณา บ้าบอ ล่อทั้งวัน
การพนัน มอมเมา บ่อนเหล้าเบียร์

เอากีฬา มาเล่น เป็นกระสาย
ใครจะตาย ข้าได้ ไม่มีเสีย
เก็บภาษี เต็มพิกัด อัดจนเพลีย
ค่าดมเลีย ดื่มอ้วก บวกเสียอาน

เงินเหลือเก็บ มือกำ นำซื้อหวย
เช้ากินกล้วย พออิ่ม ยิ้มฝันหวาน
บ่ายเลขออก ช้ำอก ตกวิมาน
เดินเข้าบ้าน มื้อแลง แกงน้ำกิน

สุขภาพ เสียหาย กายและจิต
หลงทางผิด พลั้งพลาด อาจสูญสิ้น
อนาคต หมดหวัง ฝันพังภิน
ปล่อยชีวิน ถูกหั่น ชั่วบั่นทอน

จงขจัด ตัดราก กากกิเลส
ขับสาเหตุ ไล่ผี ที่หลอกหลอน
ฝากแม่ปู ดูด้วย ช่วยตัดตอน
เหล้าเบียร์บ่อน โรงหวย ม้วยจากไทย

กานต์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 19 มิถุนายน 2012, 14:12:21

พ่อแม่สร้าง ร่างเรา ให้เท่านั้น
เกิดธาตุธัญ ประดัง รวมทั้งสี่
กอปรน้ำ ลม ไฟ ดิน เป็นอินทรีย์
รูปกายที่ เดินได้ ใช่เรียกคน

องคาพยพ ครบตาม สามสิบสอง
เช่นเท้าท้อง หนังหน้า แขนขาขน
ร่วมแสดง แปลงร่าง ต่างบทตน
มีจิตดล บังคับ กำกับไป

หลากลีลา ท่าทาง ช่างอนาถ
ปรับตัวเข้า ธรรมชาติ อาจอยู่ได้
หากความทุกข์ รุกรับ จับนอกใน
ต้านพอไหว ใช้ปรับ มิอับจน

อดทนต่อ ติฉิน นินทาร้าย
อดทนต่อ แพร่งพราย หมายส่อสน
อดทนต่อ สรรเสริญ ยอเยินยล
อายุพ้น แปดสิบ ถึงนิพพาน

กานต์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ (แก้กรรม)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 20 มิถุนายน 2012, 15:03:51


หากใครทำ กรรมไว้ ในชีวิต
หยุดเลิกคิด กังวน เศร้าหม่นหมอง
เมื่อถลำ สำนึก เพียรตรึกตรอง
ไม่กระทำ ซ้ำสอง ครองจิตตรง

บำเพ็ญธรรม นำทาน รานรากเหตุ
ตัดกิเลส ละลด โลภโกรธหลง
ก่อเมตตา การุญ คุณจำนง
ยินดีปลง ปล่อยวาง ทางอบาย

น้อมสักการ์ ทานมื้อ ถือศีลสัตย์
ปฏิบัติ เป็นประจำ นำถวาย
พรพิทักษ์ รักษา วาจากาย
ให้ห่างหาย วิตก นรกแทง

ภาวนา ว่ามนตร์ ดลสติ
สมาธิ คงมั่น ปัญญาแจ้ง
พึ่งไตรลักษณ์ อสุภะ เพ่งแสดง
บ่อเกิดแห่ง สำเร็จ เสร็จสมจินต์

สมถะ สงบ ลบฟุ้งซ่าน
กรรมฐาน ฌานอุบาย หมายถวิล
วิปัสสนันตร์ ปัญโญ จะโภคิน
กรรมหมดสิ้น นำชีพ สู่นิพพาน

กานต์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ (ถามขีวิต)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 20 มิถุนายน 2012, 19:38:45


ใกล้สังขาร รานลับ ดับขันธ์แล้ว
ขอแน่วแน่ ตั้งจิต อุทิศผล
ก่อกอปรกรรม นำบุญ สุนทรดล
ส่งกุศล แด่ผู้ สู่สัมปราย

วารทั้งหก ปรกติ มิลดละ
สรณะ เพียรพร่ำ นำถวาย
เช้าตักบาตร หยาดริน ลงดินทราย
สาธยาย ทำนอง ท่องมนตรา

จวบถึงวัน ธรรมะ ปฏิบัติ
กิจเคร่งครัด ฝึกปรือ ถือศีลห้า
ไม่ถวิล กินเกลือ เนื้อปูปลา
จากชีวา สัตว์ไซร้ ไข่นมเนย

อานิสงส์ จงแผ่ ถึงแม่พ่อ
จุติรอ เวียนวน หนใดเอ่ย
เทวะ.ราช.ญาติ.มิตร.คู่ชิดเชย
เจ้าเวรเคย กระทำ ตำติดตัว

ณ วันนี้ มีสุข ผูกอักษร
อยู่กับกลอน เขียนกานท์ พิจารณ์ทั่ว
ถามชีวิต ผิดไหม ได้พันพัว
เพียงแค่ชั่ว บั้นปลาย ก่อนวายชนม์

๐ กานต์ ๐



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ (เบญจศีล เบญจธรรม)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 21 มิถุนายน 2012, 15:46:34
กล้าเบียดเบียน เสี้ยนตำ ย่ำชีวิต
ถึงปลงปลิด พิฆาต อาตม์อาสัญ
ฆ่าวันนี้ พรุ่งนี้ มีหยุดมัน
ควรที่หัน สบตา มาปรองดอง

คิดโลภโมห์ โทสะ ธนบัตร
ชากสะบัด ปล้นชิง ยิงสยอง
คอรัปชั่น กันเพลิน ซุกเงินทอง
ผีไม่ป้อง ถูกจับ ยึดทรัพย์คืน

เห็นผู้หญิง วิ่งเคลีย ลิ้นเลียแผล็บ
เอ่ยยิ้มแย้บ ยื่นย้วย ด้วยความหื่น
สำเร็จใคร่ ได้.ทิ้ง หญิงกล้ำกลืน
ต้องขมขื่น หากถูก ลูกสาวตน

สักจะพูด ปูดป่อง คะนองปาก
ส่อลำบาก เสียดแทง ทุกแห่งหน
ปั้นน้ำเล่น เป็นตัว มั่วซุกซน
ท้ายหมองหม่น หดหู่ อยู่เดียวดาย

ก๊งเหล้าขาว กาวดม ยาอม.ฉีด
ครองชีวิต ไร้มาน วิญญาณหาย
สิ้นสภาพ อาบไข้ ไม่สบาย
คนครอบครัว ชั่วสลาย ตายทั้งเป็น

จะมากสุข ทุกข์หนัก ยึดหลักมั่น
เพื่อประกัน กายใจ ให้งามเด่น
เบญจศีล เบญจธรรม นำร่มเย็น
ช่วยว่างเว้น ประตู สู่โลกันต์

กานต์


หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ
เริ่มหัวข้อโดย: Yim sri ที่ วันที่ 21 มิถุนายน 2012, 16:15:51
ขออนุญาต นำเผยแพร่ ไปแจก ในคราวจำเป็น นะคะครูกานต์


หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 21 มิถุนายน 2012, 17:20:46
ขออนุญาต นำเผยแพร่ ไปแจก ในคราวจำเป็น นะคะครูกานต์

เชิญตามสบายครับท่าน ผมไม่หวง และไม่เคยเก็บผลงานไว้ แม้แต่ชิ้นเดียวครับ
คิดว่ากลอนคือ อักษรของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช เป็นของสาธารณะครับผม


หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 25 มิถุนายน 2012, 21:44:22

" ผีซ้ำด้ำพลอย "

สารพัน ปัญหา คราอุบัติ
รีบขจัด ปัดหมด-จดจงได้
ดูที่เดิม เริ่มราก จากอะไร
ส่งผลให้ ไปเป็น เกิดเช่นนี้

สงบคำ ดำริ สติข่ม
กดอารมณ์ รั้งรับ อยู่กับที่
ค่อยคุ้ยแคะ แกะร้าย กลับกลายดี
พึ่งผู้มี รู้ครบ ประสบการณ์

ประมาทน้อย ปล่อยวาง ค้างคาไว้
ถาโถมให้ เรื้อรัง ท้ายสังหาร
เอาอบาย หมายกล่อม ย้อมดวงมาน
เสียดายกาล ผ่านไป ไร้ราคา

คิดไหมนะ จะแย่ เพียงแค่นั่น
มินานวัน มันตาม สามสี่ห้า
เก่าหมดไป ใหม่แล่น แทนบีฑา
สุดปัญญา ผีซ้ำ แถมด้ำเลาะ

เรื่องของโลก โชคลา ชะตาต่ำ
ควรเพียรพร่ำ ธัมมะ ละโศกเสาะ
ชดใช้กรรม ทำมา คิดว่าเคราะห์
โอกาสเหมาะ หวนคืน ยืนหยัดกาย

โอ้ชีวิต ขีดเคล้น ดุจเส้นกราฟ
แนวระนาบ ขึ้นลง ตรงเส้นสาย
สมหวังสุข ทุกข์เศร้า คละเคล้าคลาย
ถึงต้นร้าย ปลายดี มีมากเอย

ขอให้กำลังใจในการดำเนินชีวิตแด่ทุกท่าน

กานต์


หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 01 กรกฎาคม 2012, 12:43:05

สงคราม...เพื่อใคร?

ความไม่ดี มีมา สารทิศ
วิปริต แปรปรวน ขบวนท่า
เหล่าทุศีล ถิ่นถัง อหังการ์
สลอนหน้า ท้าทาย กล้ำกลายกิน

ระดมพล คนทั่ว ไม่กลัวบาป
หยิบยื่นลาภ คณานับ ซุกทรัพย์สิน
แล่นถลา ว่าโวย โบกโบยบิน
สู่แดนดิน ถิ่นถิร์ ศิวิไลซ์

ก่นชีวิต สิทธิ์ส่ำ ซ้องซ้ำซาก
ยับยุ่งยาก กรากกวน ชาวส่วนใหญ่
ทราบสาเหตุ เลศแล้ ท้อแท้ใจ
อยู่อย่างไร ได้เปลื้อง เรื่องร้อนแรง

เกิดปะทะชน ระส่ำระส่าย
เกิดวุ่นวายต้อง ระหองระแหง
เกิดเคียดขึ้งขัง ระวังระแวง
เกิดโรยแรงริษย์ ระอิดระอา

กานต์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 05 กรกฎาคม 2012, 15:56:39


สงคราม...เพื่ออะไร?

เกิดจากดิน สิ้นดับ กลับที่เก่า
นอนบนเตา เผาไฟ ไหม้หมดร่าง
ขุดหลุมเหลี่ยม เตรียมกลบ หลังศพวาง
เหลือแต่ความ อ้างว้าง เอาอย่างไร

เกิดมาทั่ว ตัวเรา ก็เท่านี้
ร่ำรวยมี ยากจน บ่นไฉน
บ้างเสพสุข เสพทุกข์ คลุกเคล้าไป
อายุไข ถึงร้อย มีน้อยคน

ควรกำหนด กฎธรรม ประจำจิต
ถูกว่าผิด ผิดว่าถูก ผูกฉ้อฉล
กระดุมพีชี้นำ ครอบงำตน
ท้ายไม่พ้น บรรลัย ปราชัย.ทุด

เกิดจากดิน กลับสู่ดิน ทั้งสิ้นเอ๋ย
อย่าเข่นฆ่า กันเลย เหวยมนุษย์
ฆ่าวันนี้ มีหรือ จะสิ้นสุด
เจ้าจงหยุด ฟังข้า พญายม

กานต์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ
เริ่มหัวข้อโดย: >_อนัตตา_< ที่ วันที่ 05 กรกฎาคม 2012, 19:06:17

เกิด แก่ เจ็บ ตาย

เกิด...เป็นคน  นั้นยาก  ลำบากหนอ 
แก่...ก็รอ  ก่อร่าง  สร้างดอกผล
เจ็บ...ก็ตาม  ต่อติด  ริดวัยคน 
ตาย...ไม่พ้น  เป็นแน่  แค่รอวัน......

 :( :( :(


หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 16 กรกฎาคม 2012, 12:27:22

...เข้าวัด...

น้อมบูชา หลวงตาบุญ พระคุณเจ้า
อัฐิเถ้า ประดิษฐาน สถูป
ละสังขาร กรานกราบ เพียงภาพรูป
ไฟจุดธูป เก้าดอก บอกสักการ์

ยังจำได้ ใกล้ฮาม ตามบิณฑบาตร
โดยมุ่งมาด โปรดสัตว์ ถัดถ้วนหน้า
ด้วยข้าวปลา อาหาร ท่านเมตตา
เติบใหญ่มา เรียนร่ำ ได้ทำงาน

ท่านปลูกฝัง สั่งสอน แต่งกลอนกาพย์
ซึ้งซึมซาบ ธัมมะ พอฉะฉาน
ทำตนเป็น คนดี มีศีลทาน
หวังพบพาน สุขล้ำ เมื่อสัมปราย

วันพระปิด อาทิตย์เสาร์ เดินเข้าวัด
เพียรขจัด นิวรณ์ ให้ห่อนหาย
เพ่งสติ วิมุติติ์ สุดสบาย
ทั้งใจกาย สุขสันต์ นิรันดร

กานต์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ (ธรรมวัตร)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 03 สิงหาคม 2012, 21:49:15


จุดเทียนซ้าย ย้ายมา จุดขวาต่อ
นำธูปจ่อ จุดไฟ ยกไหว้สา
น้อมระลึก นึกนำ องค์สัมมา
กล่าวบูชา ไตรรัตน์ นมัสการ

สรรเสริญ เจริญคุณ เพิ่มพูนมั่น
ยอดพระกัณฑ์ ไตรปิฎก ดิลกขาน
ต้นฉบับ เก่ากรุ แต่บุราณ
เสียงกังวาน อึงก้อง ห้องสวดมนต์

ต่อพาหุง มหาการุณิโก
ชยันโต ศักดิ์สิทธิ์ สัมฤทธิ์ผล
สรรพสิ่ง มิ่งขวัญ ในบันดล
เกิดมงคล การุญ บุญบารมี

ตั้งนะโม ปุตตะ ประคุณท่าน
พุฒาจารย์ ( โต พรหมรังสี )
เชิญพุทธะ อรหันต์ อัญชุลี
ป้องกายี เก้าชั้น ชินบัญชร

ธรรมจักร ผลักตน พ้นกิเลส
ด้วยดวงเนตร ญาณขับ ระงับ ถอย
ทางสายกลาง รัดรึง พึงสังวร
สู่สัญจร แดนทิพย์ นิพพานแล

แผ่เมตตา หลังสวด เริ่มกรวดน้ำ
อโหสิกรรม น้อมจิต อุทิศแด่
ชั้นสรวงฟ้า หล้าโลก นรกแบ
พ่อและแม่ ปราศทุกข์ เป็นสุข เทอญ

กานต์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ
เริ่มหัวข้อโดย: >_อนัตตา_< ที่ วันที่ 03 สิงหาคม 2012, 22:12:18
สาธุ...สาธุ...สาธุ..._/\_... ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 12 สิงหาคม 2012, 22:38:52

แรกเกิดมา เจ้ามี อะไรเล่า
ร่างเปลือยเปล่า ที่เห็น เช่นนี้ไหม
เอาอาภรณ์ ผ่อนผ้า ปะปิดไป
สร้างอุ่นไอ กันร้อน ผ่อนหนาวคลาย

สวมกำไล สวมสร้อย ก้อยสวมแหวน
รอบปลายแขน นาฬิกา ผูกคาดสาย
ห้อยตุ้มหู สองข้าง เพชรพร่างพราย
รองเท้าลาย ส้นสูง เท่าคืบมือ

ขับรถเก๋ง คันงาม ยามขึ้นล่อง
นั่งในห้อง ทำงาน ควานมือถือ
มีเพื่อนล้อม เคียงข้าง ครางอออือ
สบายบรื๋อ มีอาหาร บ้านนอนกิน

ล้วนแล้วแต่ พี้เปลือก เลือกปรุงแต่ง
ยังยื้อแย่ง พันตู ไม่รู้สิ้น
เงินภาษี พี่น้อง ของแผ่นดิน
ทำปล้อนปลิ้น กระบวน ไว้ส่วนตัว

ภาพบนจอ เคลื่อนไหว ไร้เสื้อผ้า
คนเฮฮา ขบขัน เห็นกันทั่ว
เหมือนอุบาย เตือนใจ ไม่เมามัว
เลิกละชั่ว กลัวกรรม ทำแต่บุญ

ทรัพย์มากมาย ตายไป อะไรเหลือ
ผ้าติดเนื้อ เสื้อติดกาย มลายสูญ
เป็นเถ้าถัง อังคาร ดาลกองกูณฑ์
หยุดทารุณ หันหน้า มาปรองดอง

กานต์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ (คำสั่งโกง)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 26 สิงหาคม 2012, 22:05:27


ข้าไม่ฟัง หลักการ ประสานผล
ข้่าไม่สน นโยบาย ขายสัจจะ
ข้าไม่รู้ แต้มไต่ ใครชนะ
ข้าไม่ละ หลงรัก ศักดิ์ศรีตน

ข้ารู้ดี ที่ทำ ล้วนกรรมบาป
ข้าก็ทราบ เจตนา กล้าฉ้อฉล
ข้ารู้สึก นึกเห็น ยังเป็นคน
ข้าชอบปล้น ฉวยหยิบ อธิปไตย

ข้าขจัด ทุกอย่าง ที่ขวางหน้า
ใช่ผีบ้า ลำพอง ต้องการใหญ่
ให้ชื่นชม นิยมข้า มากกว่าใคร
เอาอะไร ถึงยาก กระชากเบา

ใครปัดมือ ดื้อแพ่ง ตีแข้งขา
ใครหาญกล้า กีดขวาง ล่างตีเข่า
ใครสะบัด ขัดขืน ปืนจ้ำเอา
ใครสั่นเทา ล้วงแดง แจกแบ่งปัน

วันใช้สิทธิ์ ขีดกา ครั้งคราไหน
ต้องเป็นไป ตามวาจา ที่ข้าลั่น
สูตรสำเร็จ เด็ดดวง ลวงชีวัน
ซื้อสะบั้น ใช้บาท ฟาดกระจาย

กานต์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ
เริ่มหัวข้อโดย: นายตะเข้ ที่ วันที่ 27 สิงหาคม 2012, 12:21:44
..วิบัติ..

โอบล้อมหลบเร้นเข็ญแสน   ข้นแค้นในแดนแผ่นเขา
รุกรบศพทบทับเนา  เร่งเร้าคืบเข้ารุกราน..

น้ำตาอาบแก้มแนมเหน็บ  จบเจ็บเก็บซากร้างผลาญ
ชนะแพ้ไม่แท้ยาวนาน  เพียงผ่านวานวันพลันมลาย..

โอบกอดลูกน้อยห้อยหิว  รอคิวรับแจกแปลกหลาย
ตะก่อนมีทุ่งวัวควาย  สุดท้ายสงครามพรากไป..

อำนาจประโยชน์พิโรธร้าย  ภูตพรายกรายชักผลักไส
ความโลภ อุ้มโอบโรคภัย  หวังได้ตัวกูผู้เดียว..

ลูกน้อยสะอื้นในอก  วิตกผกผันสั่นเขียว
หมดสิ้นดิ้นรนคนเดียว  ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันวันตรม..

อำนาจประโยชน์ธรรมมะ  ลดละสิ่งใดให้ขม
ธรรมมะโลภะนิยม  ไม่สมกลมกลืนฝืนกัน..

อำนาจ-ธรรมมะคละสู้  ตัวกูอยู่ยังฝั่งขันต์
อำนาจไม่อยู่นิรันตร์  หยุดยั้งฝังใจในธรรม..


หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 27 สิงหาคม 2012, 21:36:33


...วิบัติ...
ยอดเยี่ยมครับท่าน
ด้วยจิตคารวะ
...กานต์...



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ (วางอำนาจ)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 28 สิงหาคม 2012, 12:51:55

พื้นเพเดิม เริ่มคลาน จากบ้านนอก
หน้าบ่งบอก บักหุ่ง ผมยุ่งขิง
ลักมะม่วง พวงลำไย ไต่เช่นลิง
เคยเล่นวิ่ง แข่งกัน วันกีฬา

มีกล้วยใบ ใจรัก หักกินครึ่ง
ข้าทะลึ่ง ยอดแย่ แกทะล่า
เราผูกจิต ติดพัน คบกันมา
ต่างตรงว่า ข้านิ่ง แกยิงฟัน

เกิดบนโลก โชคชะตา ฟ้ากำหนด
ไร้แบบบท กฏแบ่ง ยากแข่งขัน
ถูกจับวาง ทางไป ไม่เหมือนกัน
เมื่อถึงวัน วนเวียน เริ่มเปลี่ยนแปลง

ข้าเป็นครู สู้ชีวา กลางป่าเขา
มีความเหงา เศร้าเสียบ เงียบฝังแฝง
แกค้ารวย ด้วยกำไร ใช้ของแพง
มีตำแหน่ง ใหญ่โต โชว์ทีวี

ซ้ำแนวคิด ผิดเลนส์ เส้นขนาน
แกสำราญ พวยพุ่ง ในกรุงศรี
ข้าทอดน่อง ท้องนา ชั่วตาปี
ใฝ่แต่ดี พิสุทธิ์ พุทธธรรม

แกโลภโกง โฉ่งฉ่าง วางอำนาจ
สั่งพิฆาต เข่นฆ่า บ้าระห่ำ
สักวันหนึ่ง ถึงภัย ชดใช้กรรม
งานขาวดำ ยิงสลุต จุดไฟฟอน

กานต์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ
เริ่มหัวข้อโดย: นายตะเข้ ที่ วันที่ 04 กันยายน 2012, 22:05:16
วิถีธรรม-วิถีไทย

ลมฝนผ่าน พานพัด สะบัดริ้ว
ระลอกลิ่ว ปลิวปราย กลายธารใส
หยาดร่วงหยด แสนสดชื่น รื่นวิไล
หลั่งรินไหล ในพนา พาชื่นทรวง..

เย็นชุ่มฉ่ำ นำใจ ให้สร้างสุข
ไม่เคยทุกข์ สิ่งใด คล้ายแดนสรวง
ไม้น้อยใหญ่ ยอดปริ ผลิดอกพวง
เหลืองแดงม่วง พวงผกา น่าชิดชม..

เหล่านกกา พาหากิน บินสลอน
มิ่งบังอร ดอนไพร แก้มใสสม
แต่งตัวสวย รวยรื่น ชื่นอารมณ์
จัดขนม รับพรมพร วอนนิมนต์..

เตรียมอาหาร คาวหวานพร้อม น้อมตั้งจิต
พนมชิด พินิจนัย ให้ฝึกฝน
เคียงใส่บาตร หยาดน้ำใส ใคร่ครวญตน
ใจหมองหม่น พ้นมลาย คลายระทม..

อานิสงส์ ปลงสิ่งใด ให้แคล้วคลาด
บุญญาบาตร มาตรหวัง ดั่งสุขสม
ประพฤติชอบ ทำชอบ มอบนิยม
จิตใจข่ม บ่มชั่ว ไม่มัวเมา..

วิถีไทย ในแดน พาแสนสุข
อบายมุข ทุกข์ไม่กราย มลายเผา
เพียงพออยู่ ดูแลสม พรมรักเรา
ขอเพียงเข้า เฝ้าวิถี ที่พอเพียง..

สดับแล้ว แววธรรมมะ พระขับร้อง
เป็นธรรมนอง คลองธรรม ย้ำยินเสียง
เร่งมือเถิด จะเกิดผล พ้นมารเคียง
ละหลบเลี่ยง เดินเคียงธรรม รับกรรมดี...

นายตะเข้


หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ (สายเกินแก้)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 09 กันยายน 2012, 18:10:01

มันเป็นสูตร ผุดผ่อง ครองอำนาจ
คนเก่งกาจ เช่นตู ต้องอยู่ได้
ปากโป้ปด คดโกง โฉงเฉงไป
ทำจัญไร สะดวก แก่พวกเรา

ปั้นใบหน้า ท่าทาง สร้างชนขั้น
ป้ายสีกั้น ชักธง ชูพงศ์เผ่า
ขีดเขียวสด ถดถอย คอยตีเอา
แต่งดำเทา เป่าเหตุ เด็ดโรมรัน

โอนปัจจัย ใช้แจก แยกมนุษย์
ป้องปากพูด ต้องการ สมานฉันท์
ลับหลังตอก ศอกเข่า เท้าถีบยัน
เอ็งรักกัน ลำบาก ยากปกครอง

ทรัพย์ในดิน สินในน้ำ ธรรมชาติ
อวกาศ สัญญาณ อย่าหาญต้อง
เขียนแผนการ สานงาม ตามครรลอง
ลงมือคล้อง กางเล็บ เก็บงานเงิน

แย่งสมบัติ ผลัดชม บนคมหอก
ปากปลิ้นปลอก เสรี ที่สรรเสริญ
เพียงฉาบทา พางง หลงเพลิดเพลิน
ออกดุ่มเดิน ชอบ.ค้าน หนุนฐานตน

จะอยู่.หนี ลี้พ้น กลอุบาทว์
ยมพิฆาต ตัวก่อ คิดฉ้อฉล
เกิดชาตินี้ ชาติไหน ใช่เป็นคน
ทุกข์ท่วมท้น หมกไหม้ ในโลกันต์

โชคดีที่มันไม่เกิดในบ้านเมืองเรา

กานต์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ (สาเหตุ..กิเลส)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 16 กันยายน 2012, 11:31:43

เมฆตั้งลำ ดำทะมึน ครั่นครืนฟ้า
ในมิช้า หยาดลง ตรงที่เห็น
น้ำไหลหลาก กรากพุ่ง ซุงกระเด็น
พัดโคลนเลน บ้าคลั่ง ถั่งโถมดาน

ถึงถนน หนทาง สิ่งขวางหน้า
ล้นท่วมบ่า เข้าสู่ ประตูบ้าน
นับสิบหลัง พังปะทะ อันตรธาน
วัดสะพาน โรงเรียน เจียนทะลาย

คร่าชีวิต ปลิดสัตว์ วิบัติซ้ำ
คนรับกรรม ไร่จวน สวนเสียหาย
สัตว์ที่เลี้ยง เพลี่ยงพล้ำ จมน้ำตาย
อ่างเหมืองฝาย ชำรุด ทรุดล้มพัง

เสียงระเบิด ภูเขา เอาถ่านหิน
ยังได้ยิน ดินสั่น สนั่นป่า
ตัดต้นไม้ ไพรดิบ หมดพริบตา
ถึงเมษา ร้อนแลบ แทบวายวาง

ทำแต่ผิด คิดชั่ว ไม่กลัวบาป
สองบ่าหาบ เท้าเดิน แจกเงินจ้าง
อำนาจใหญ่ ใช้สิทธิ์ ทุกทิศทาง
ไม่เหลือค้าง ย่อยยับ ทรัพย์อากร

ล้วนกิเลส เศรษฐี กี่หมู่เหล่า
โลภยังเข้า หลงผุด มิหยุดหย่อน
แสร้งหัวร่อ ต่อไป เริงไฟฟอน
ท้ายแน่นอน ลงนรก หมกโลกันต์

กานต์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ
เริ่มหัวข้อโดย: นายตะเข้ ที่ วันที่ 17 กันยายน 2012, 21:23:11
ฟ้าครืนลั่น สนั่น วันมัวหมน
สายฝนพรำ ร่ำหนาว ร้าวอกฉาน
กอดปืนแนบ แอบชิด ติดเคียงดาน
รอวันผ่าน เลยไป ได้อีกคืน..

ไฉน ใยเรา ต้องเข้าสู้
เพียงเพื่ออยู่ สู้เพื่อใคร ในแผ่นผืน
ลูกเมียอยู่ ข้างหลัง ยังกล้ำกลืน
จนแสนฝืน ยืนหยัดไป ใยต้องทน..

นายทุน ขุนศึก คึกคักแท้
คิดเพียงแค่ แปรประโยชน์ โปรดไพรสนฑ์
รุกล้ำคืบ สืบสาว เอาเข้าตน
หวังเพียงผล กำไร ในตัวเอง..

กอดปืนใว้ แนบกาย ไว้ลายชาติ
ใจองอาจ ผงาดสู้ ผู้ข่มเหง
ยอมสิ้นชีพ บีบสกัด พวกนักเลง
เป็นบทเพลง แห่งขุนเขา ที่เราปอง..



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 20 กันยายน 2012, 22:47:08

หยุดเถิด...ฆ่าทำไม?    

เราก็เป็น คนไทย มิใช่หรือ
ต่างยึดถือ คือชาติ ศาสนา
บนแผ่นดิน แสนสุข อยู่ทุกครา
กษัตรา พระองค์ เปี่ยมทรงธรรม์

เรามีข้าว ในนา ปลาในน้ำ
อุดมล้ำ สินทรัพย์ นับสิ่งสรรพ์
มีสัตตา ป่าไม้ เต็มไพรวัน
เพชรพลอยอัญ มณี มีทั่วไทย

ความสัมพันธ์ เกี่ยวดอง ฉันน้องพี่
สิทธิ์เสรี เท่าหมด เหนือจดใต้
อิสระ จะดู กินอยู่ไป
อธิปไตย ครรลอง ของปวงชน

กาลเวลา เปลี่ยนไป ใจมนุษย์
มันถึงจุด ฆ่าแกง ทุกแห่งหน
ระเบิดฝัง พังผลาญ บ้านตำบล
ยิงยานยนต์ ตลาด กราดโรงบาล

คร่าชีวิต ลูกเล็ก เด็กตัวน้อย
ร่างร่วงผล็อย ตำรวจ กวดทหาร
ชายหญิงรุ่น ชรา ข้าราชการ
แม้สมภาร เณรพระ มตะกรรม

เหตุไฉน ใจร้าย หมายเข่นฆ่า
ขาดเมตตา คัมภีร์ ที่เคยพร่ำ
อะไรหรือ เปลี่ยนฤดี เป็นสีดำ
ลงมือทำ ทำไม ไม่น่าเลย

กานต์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 21 กันยายน 2012, 19:55:43

โลกปรากฎ อาเพศ สังเวชสัตว์
โทมนัส พฤตินัย เพราะไร้ศีล
ผิดเมถุน เสพเหล้ายา เป็นอาจิณ
มุสาสิ้น ลักพา เข่นฆ่ากัน

วอนละบาป กราบกราน ทำทานเถิด
จะบังเกิด กุศล ผลบุญมั่น
เพียรสงบ สวดพร่ำ ประจำวัน
หมายอนันต์ สัมผัสทิพย์ สู่นิพพาน

อานิสงส์ ปัญญา รักษาศีล
น้อมดวงจินต์ เจริญรมย์ พรหมวิหาร
๐หลับเป็นสุข ฝันร้าย ย่อมพ่ายพาน
๐จวบถึงกาล รู้ตื่น สดชื่นใจ

๐เป็นที่รัก เอ็นดู หมู่มนุษย์
๐พรหมบุตร คุ้มครอง ปราศหมองไหม้
๐ร่างแคล้วคลาด ตกตื่น จากฟืนไฟ
๐ศัตราใด สาดส่อง มิต้องกาย

๐ชมผิวพรรณ วรรณะ สง่าศรี
๐เจ็บไข้มี แต่น้อย แล้วค่อยหาย
๐ปลอดสารพิษ บิดผัน อันตราย
๐สติคง ไม่หลงตาย ทำร้ายตน

๐ครั้นสิ้นบุญ กรรมหมด มิสรดโศก
เทวโลก นำผลิ ปฎิสนธิ์
ที่เรืองรอง ทองขลิบ ทิพย์พิมล
สุขเลิศล้น ดลสถิต นิจนิรันดร์

กานต์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ (อิฐเก่าเล่าเรื่อง)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 25 กันยายน 2012, 21:18:19

ยืนตระหง่าน ลานรอบ กรอบรั้วชิด
ปรากฎอิฐ เกลี้ยงเกลา สีเทาหม่น
ไร้ชีวิต จิตตะ...วีรชน
รับแดดทน ฝนพรม ลมระราน

อย่าเพียรถาม นามนี้ กี่สมัย
กล่าวทั่วไป เห็นสถิต ประดิษฐาน
นับแรกเยา เก่าแก่ แต่โบราณ
ถือตำนาน ประวัติ ขัตินัย

ก่อสมมุติ จุิติเด่น เช่นสุเทพ
ร่างสังเขป ปลิดปลง อสงไขย
ปราบริปู สู้รบ ประสบชัย
สร้างถิ่นใหม่ สมัญญา เทียมราชัน

หลานเหลนโหลน พ้นไกล ในวันหน้า
นครา ห่อนพัง กอปรรังสรรค์
ผูกสมัคร รักปรอง ดองสัมพันธ์
อภิธรรม์ เจือจุน รวมศูนย์กลาง

อุบัติภัย ใหญ่ย่ำ เวียนซ้ำติด
รวบรวมจิต กายด้วย ช่วยทุกข์สร่าง
ร่วมแสดง แบ่งปัน สรรพางค์
ปัจจัยวาง ภัยสิ้น สุดยินดี

ใดจีรัง ยั่งยืน จำฝืนข่ม
ยกถล่ม ฆ่าฟัน กันทุกที่
เลือดไหลพราก ซากศพ กลบธุลี
ลืมวจี อิฐกร่อน ซ่อนกำแพง

กานต์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ (คนแก่...ไม้กวาด)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 29 กันยายน 2012, 21:41:43

สองมือกำ ด้ามไม้ ใจคงมั่น
ย่างขวาพลัน ยกวาด ว่า.กวาดหนอ
ย่างซ้ายชิด ติดเรียง เพียงชลอ
ย่างก้าวต่อ ยกวาด กวาดเศษใบ

บางครั้งยก ว่า.พุท หยุดเล็กน้อย
พอกวาดค่อย ว่า.โธ โพ่เสียงใส
จังหวะช่วง ท่วงทำนอง ของหายใจ
กำหนดให้ จิตเพ่ง เล็งพยาน

เพียรเสมอ ทุกครา เพลาเช้า
ประหนึ่งเข้า วิปัสสนา กรรมฐาน
เดินจงกรม เคร่งครัด ปฎิบัติฌาน
ได้ทั้งงาน ญาณรู้ ควบคู่กัน

เหมาะกับผู้ มุทะลุ พายุร้อน
วิธีผ่อน ใจกาย คลายโศกศัลย์
หากสงบ พบทาง ห่างจาบัลย์
คนเกิดวัน อาทิตย์ ฤทธิโรม

แหละวันเสาร์ เจ้าอารมณ์ บ่มความคิด
มักหงุดหงิด พุธกลางคืน มิชื่นสม
วัยชรา มาทัก มักตรอมตรม
ยังนิยม ชมชั่ว ถือตัวดี

หันหยิบใช้ ไม้ฉลาด กวาดเรียบวุธ
คอยยั้งหยุด ฉุดใจ ให้ผ่องศรี
ละรัก โลภ โกรธ หลง คงไม่มี
ท้ายชีวี สุขอุรา สถาพร

กานต์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ
เริ่มหัวข้อโดย: นายตะเข้ ที่ วันที่ 30 กันยายน 2012, 07:11:25
สวัสดียามเช้าครับ.. ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ (กฏแห่งกรรม)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 03 ตุลาคม 2012, 21:22:51

อันชาตะ มนุษย์ สุดประเสริฐ
จะกำเนิด โสภา สง่าศรี
จะระทม ตรมเศร้า เร้าชีวี
ตัวบ่งชี้ กระทำ นำบันดาล

๐ประพฤติชอบ กอปรเมตตา อายุสั้น
ภพก่อนนั้น จับสัตว์ ตัดประหาร
๐ทุกขภัย ไข้เหน็บ เจ็บรุกราน
ทรมาน ชิงชัง กักขังคน

๐บ้างเกิดมา อาภัพ อัปลักษณ์
เช่นนี้มัก จู้จี้ โกรธขี้บ่น
๐ช่างต่ำต้อย ด้อยค่า วาสนาจน
จิตพิกล อิจฉา สุดยาเยียว

๐พบลำบาก ยากไร้ จวบวัยแก่
ร่ำรวยแต่ ตระหนี่ เก็บขี้เหนียว
๐ถูกทารุณ สกุลต่ำ ดำซีดเซียว
เพราะเด็ดเดี่ยว หายอม อ่อนน้อมใคร

๐รู้คิดช้า กว่าเขา เงอะเง่าโง่
เล็กจนโต มิพึ่งพา หาผู้ใหญ่
ยกเจ็ดยล ผลกรรม ทำเป็นไป
หามิใช่ เดชสรวง ปวงเทวา

ชีวิตทราม ตามเอื้อม เสื่อมจากเหตุ
ตัวกิเลส สารพัน สร้างปัญหา
เพียรทาน ศีล จินต์สัจ วิปัสสนา
จะนำพา พบสุข ทุกข์เบาบาง

กานต์


 


หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 06 ตุลาคม 2012, 17:10:01

วันสารท ตานก๋วยสลาก ไหว้พระจันทร์

เตรียมอาหาร หวานคาว ข้าวต้มมัด
วางจานจัด ลงกล่อง รองตะกร้า
ข้าวเหนียวแดง แกงส้ม ต้มยำปลา
กระดังงา ธูปเทียน เวียนใส่กรวย

ทุกอย่างเสร็จ เจ็ดโมง ตรงเข้าวัด
กราบนมัส เจ้ากู หลวงปู่ถ้วย
ถวายฉัน มื้อเช้า ปู่เจ้าอวย
ขอให้รวย ทานศีล รินรสธรรม
.................................

ก่อนเพล ประเคนสังฆ์ ถังพลาสติก
กล้วยอ้อยอีก งาคั่ว ถั่วข้าวกล่ำ
มีขนม ส้มเกลี้ยง ห่อเมี่ยงคำ
และของชำ ใส่ยอด สอดปัจจัย

อิมินา จารึก ถึกพ่อแม่
ท่านถึงแก่ ชีวิต อุทิศให้
บุญสลากภัต ปัดเป่าไป
เหตุเภทภัย ไข่โขก ทุกข์โศกตรม
......................................

ตกค่ำคืน ชื่นนัก วางพรักพร้อม
จุดว่านหอม ดอกงาม สามขนม
ผลไม้ มงคล เก้าบังคม
มือพนม น้อมใจ ไหว้พระจันทร์

บรรชน ก่นเก่า เจ้าโปรดรู้
ข้าเชิดชู ดวงมาน สมานฉันท์
องค์กวนอิม พริ้มเพริศ เทิดอนันต์
ไทยรักกัน ชั่วฟ้า ดินมลาย

กานต์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ (จิตอาสา)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 07 ตุลาคม 2012, 10:03:23

ขอเอ่ยอัน ฉันทะ ศาสนกิจ
โครงการ จิตอาสา ประชาศัย
ช่วยวัดวา อาราม งามวิไล
งานทั่วไป พี่น้อง ของชุมชน

หิ้วปิ่นโต บิณฑบาต ตลาดเช้า
ดูแลเฝ้า จัดแจง ทุกแห่งหน
ดำริ วิปัสสนา รักษาตน
เอิ้นป่าวรณรงค์ ร่วมโครงการ

เชิญผู้เฒ่า ฟังธรรม จำพรรษา
ถือศีลห้า เข้าวัด ปฏิบัติฐาน
ทุกวันพระ ค้างคืน จิตชื่นบาน
และพิจารณ์ การอยู่ คู่เพียงพอ

จัดนิมนต์ ประชุม ชุมนุมสงฆ์
วางตกลง กำหนด ตรากฎขอ
ถ้าเลิกหยุด ไม่ได้ ให้ชะลอ
สิ่งต้นตอ เสพติด พิษร้ายแรง

ปลุกนิยม ปฐมวัย เรียนใกล้บ้าน
เทศบาล พัฒนา ศึกษาแข่ง
เรียนในเวียง เสี่ยงภัย ใช้จ่ายแพง
คืนสู่แหล่ง คนดี ศรีบ้านนา

หากกุศล ผลบุญ จุนเจือให้
คิดสิ่งใด สมมาตร ปรารถนา
เมื่อล่วงลับ ดับขันธ์ พลันมตา
ขอชาติหน้า ไม่เกิด ประเสริฐแลฯ

กานต์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 11 ตุลาคม 2012, 16:28:32

มิใช่พ่อ หมอมด จรดคาถา
มิใช่ตู ครูบา กล้าเหาะเหิน
เพียงมนุษย์ ผุดผิน ย่ำดินเดิน
เพียงเพลิดเพลิน จิตจับ กับกานท์กลอน

เพียรถามหา ยาระงับ สรรพโศก
เหตุจากโรค กายผิด จิตหลอกหลอน
โรคทางกาย ภายนอก บอกไปนอน
หมอตัดตอน ไม่ตาย ก็หายเอง

โรคทางจินต์ วิญญาณ อาการหนัก
ว่าด้วยรัก เกลียดกลัว เป็นตัวเร่ง
มารจริต อิจฉากัน ไม่หวั่นเกรง
เที่ยวข่มเหง ปลิดปลง ได้ลงคอ

อภิรมย์ สมหวัง ชั่งแต่สุข
พลาดพลั้งทุกข์ โศกทรุด มนุษย์หนอ
ช่างไม่เลือก เปลือกแก่น แทนว่าพอ
ไม่มีขอ บนบาน กรานเทวา

สมมุติเป็น เช่นนี้ จะดีไหม
รักจากไป ช่างหัว ใช่ตัวข้า
ใครสรรเสริญ เยินยอ ส่อนินทา
ทำเซ่อซ่า หน้าหู่ ไม่รู้ไม่ชี้

ใครเกลียดโกรธ โทษทัณฑ์ เช่นนั้นนะ
ศิลปะ ชั้นยอด ถอดล่าหนี
เจริญธรรม นำร่าง สู่ทางดี
โศกไม่มี ศรีสุข ทุกวันคืน

กานต์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ
เริ่มหัวข้อโดย: Ck 401 ที่ วันที่ 15 ตุลาคม 2012, 21:25:00
ไปเจอที่วัดเลยจดมาแจมด้วยครับ :D

....ที่วัดนี้ มีแล้ว ทั้งแมวหมา           ขอโยมฯอย่า จัดหา มาถวาย
ที่ต้องการ คืออิฐหิน และปูนทราย    เหล็กก็ได้ ไม้ก็ดี สีก็เอา

                               

                                                                           ลงชื่อ เจ้าอาวาสฯ ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2012, 16:53:17

28 พฤศจิกายน " เป็งปุ๊ด "

คนทางเหนือ เชื่อกัน วันเพ็ญพุธ
อุปคุต เถระ บิณฑบาตร
ด้วยเดชะ พระองค์ ทรงอำนาจ
อริราช ปราศไป ไทยร่มเย็น

พุทธศาสนิกชน ผู้คนทั่ว
ต่างเตรียมตัว ชั่วคืน ด้วยตื่นเต้น
ทำอาหาร หวานคาว ราวหลังเพล
พร้อมประเคน น้อมกาย ถวายทาน

วันพระนี้ ผีกลัว หัวเรียงหมอน
จัดที่นอน หมอนมุ้ง ปรับปรุงบ้าน
เหมาะฤกษ์งาม ยามดี พิธีงาน
สุขสำราญ คงมั่น ถึงวันวาย

จะเย็บปัก ถักร้อย สอยเสื้อผ้า
งามสง่า น่าชม นิยมหลาย
โสดพบคู่ สู่ขวัญ สุดบรรยาย
จ่อประกาย ทายทัก รักพิไล

ค่ำชาวพุทธ จุดเทียน เวียนองค์พระฯ
ตั้งสัจจะ อธิษฐาน มานผ่องใส
ขอทำดี มีสุข ทุกวันไป
ละเว้นไม่ ชั่วหยาบ ตราบนิรันดร์

กานต์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ (ชะตาฟ้าลิขิต)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 07 มกราคม 2013, 20:28:10

คงเป็นกรรม อำพราง แต่ปางก่อน
ตามมาย้อน ภพใหม่ ยากไกลหนี
ใช่กุศล ผลบุญ คุณความดี
ย่อมเป็นที่ สรรเสริญ เจริญคน

หากมีบาป ฉาบตัว ติดชั่วช้า
ทรมาน์ เริ่มผลิ ปฎิสนธิ์
อัปลักษณ์ จักฉาย กายกมล
ต้องทุรน ทารุณ พบวุ่นวาย

ให้ทานมาก ฝากทุน กลับหนุนเนื่อง
พารุ่งเรือง พิลาศ มิขาดสาย
ตั้งแรกเกิด ประ้สริฐล้ำ นำสบาย
สู่สัมปราย ท้ายภพ สบนิรันดร์

ชอบเจ้าเล่ห์ เพทุบาย ร้ายโง่เขลา
บ้ามัวเมา ปัจจัย มือไม้สั่น
เพียรจดจ่อ ฉ้อทรัพย์ นับอนันต์
ชาตินี้พลัน ทุกข์ยาก ลำบากนาน

บุญผนวก บวกกรรม นำชีวิต
พรหมลิขิต ชะตา ดวงพาผ่าน
คำนวณฤกษ์ เบิกยาม ความโบราณ
ตรงตำนาน ลายมือ สื่อฟันธง

คงคลายโศก โชคดี คนชี้บอก
รีบผละออก จากบ่วง ลวงลุ่มหลง
จนอาจมี มีอาจมาก มากยืนยง
ครอบครัวคง สุขา สถาพร

รพีกาญจน์

 


หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ (ชะตาฟ้าลิขิต)
เริ่มหัวข้อโดย: ⒷⒼ* ที่ วันที่ 07 มกราคม 2013, 23:02:08
เป็นบทกลอนที่ที่ได้ข้อคิดที่ดีมากเลยนะครับ


หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ (ชะตาฟ้าลิขิต)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 08 มกราคม 2013, 18:03:53
เป็นบทกลอนที่ที่ได้ข้อคิดที่ดีมากเลยนะครับ

ขอบคุณท่านผู้ดูแลบอร์ดที่ติดตามอ่านงานของกระผม
ช่วงนี้กระผมมีภารกิจทั้งส่วนรวมและส่วนตัวมาก
งานอาจจะน้อยลง เพราะต้องวางสามเวบด้วยกัน
จะพยายามผลิตงานวางต่อเนื่องมิขาดครับ



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ (ชะตาฟ้าลิขิต)
เริ่มหัวข้อโดย: HARLEY DAVIDSON ที่ วันที่ 09 มกราคม 2013, 00:32:07
เป็นบทกลอนที่ที่ได้ข้อคิดที่ดีมากเลยนะครับ

ขอบคุณท่านผู้ดูแลบอร์ดที่ติดตามอ่านงานของกระผม
ช่วงนี้กระผมมีภารกิจทั้งส่วนรวมและส่วนตัวมาก
งานอาจจะน้อยลง เพราะต้องวางสามเวบด้วยกัน
จะพยายามผลิตงานวางต่อเนื่องมิขาดครับ

ติดตามผลงานประพันธ์บทกลอนเพราะ ๆ อยู่ตลอด เรื่อย ๆ ครับ  ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 24 มกราคม 2013, 21:25:37

ประเพณี ตานข้าวใหม่

ขึ้นสิบห้าค่ำเยือนปลายเดือนนี้
บ้านฉันมีงานบุญที่ยิ่งใหญ่
มีแต่เดิมเริ่มเห็นก่อนเช่นใด
ตานข้าวใหม่ ประเพณีเดือนสี่เป็ง
สิบสี่ค่ำนำของตกแต่งดา
นำข้าวปลาสารพัดจัดรีบเร่ง
นำข้าวใหม่ทำขนมประสมเอง
ความครื้นเครงสุดขีดติดตามมา

ทำเป็นแผ่นกลมแบนข้าวแตนทอด
สีแดงคล้ำน้ำอ้อยหยอดลอยหน้า
จับกระบอกกรอกข้าวใหม่ใส่ถั่วงา
พิงบนขาตั้งบนเตาเผาข้าวหลาม
ข้าวต้มมัดตัดใบตองรองข้าวใหม่
มีข้างในผ่าครึ่งลูกกล้วยสุกห่าม
มะพร้าวขูดฉูดน้ำตาลหว่านเกลือตาม
ไฟลามคั่วอั่วข้าวแป้งแต่งขนมเทียน
เพื่อขอบคุณข้าวใหม่ให้ชีวิต
เพื่อบูชิตแม่โพสพน้อมนบเศียร
เพื่อรำลึกคุณชาวนามาจำเนียร
เพื่อได้เรียนรู้จริงสิ่งดีดี

ขึ้นสิบห้าค่ำย่ำมาเพลาสาง
รีบเดินทางสักการะพุทธศรี
รับศีลพรก่อนขาน บ้านฉันมี
ประเพณี ตานข้าวใหม่ สุขใจเอย

(ปีนี้ตรงกับวันที่ 26 มกราคม 2556)



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ (ประเพณี ตานข้าวใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 25 มกราคม 2013, 06:34:01

                   ประเพณี ตานข้าวใหม่

๐การนำเอาข้าวใหม่ที่ได้จากการเก็บเกี่ยวเสร็จแล้วไปทำบุญที่วัด
จะจัดให้มีขึ้นในวันขึ้น 15 ค่ำ ราวกลางเดือนมกราคม หรือเดือนพื้นเมืองเรียกว่า
เดือนสี่เป็ง สำหรับข้าวที่จะตานข้าวใหม่ ประกอบด้วย ข้าวเหนียวนึ่งสุก 
อาหารตามความนิยมของท้องถิ่น มีแกงฮินเล ห่อนึ่งเนื้อหมูเนื้อปลา ปลาจี่ เนื้อปิ้ง
สำหรับขนมที่จะนำไปตาน ทำจากข้าวใหม่ มีข้าวแตน ข้าวต้มมัด ขนมเทียน เป็นต้น
รุ่งขึ้นเช้าวันขึ้น 15 ค่ำ ชาวบ้านพากันไปทำบุญตักบาตรที่วัด เพื่อบูชาพระรัตนตรัย
บูชาพระแม่โพสพ เทวีแห่งพืชพันธุ์ธัญญาหารทั้งปวง และรำลึกถึงบุญคุณของชาวนา



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ (ประเพณี ตานข้าวใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: ๛หนูแหม่ม_ฮ่าๆๆ—”๏” ที่ วันที่ 25 มกราคม 2013, 18:31:36

                   ประเพณี ตานข้าวใหม่

๐การนำเอาข้าวใหม่ที่ได้จากการเก็บเกี่ยวเสร็จแล้วไปทำบุญที่วัด
จะจัดให้มีขึ้นในวันขึ้น 15 ค่ำ ราวกลางเดือนมกราคม หรือเดือนพื้นเมืองเรียกว่า
เดือนสี่เป็ง สำหรับข้าวที่จะตานข้าวใหม่ ประกอบด้วย ข้าวเหนียวนึ่งสุก 
อาหารตามความนิยมของท้องถิ่น มีแกงฮินเล ห่อนึ่งเนื้อหมูเนื้อปลา ปลาจี่ เนื้อปิ้ง
สำหรับขนมที่จะนำไปตาน ทำจากข้าวใหม่ มีข้าวแตน ข้าวต้มมัด ขนมเทียน เป็นต้น
รุ่งขึ้นเช้าวันขึ้น 15 ค่ำ ชาวบ้านพากันไปทำบุญตักบาตรที่วัด เพื่อบูชาพระรัตนตรัย
บูชาพระแม่โพสพ เทวีแห่งพืชพันธุ์ธัญญาหารทั้งปวง และรำลึกถึงบุญคุณของชาวนา




ความรู้ใหม่ หนูไม่เคยทราบมาก่อนเลย ขอบคุณค่ะ :) :)


หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ (ประเพณี ตานข้าวใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 25 มกราคม 2013, 21:46:20

                      ใบตอง รองกระจาด          ขนมถาด ปาดใส่ห่อ
                  ข้าวต้มมัด จัดถักทอ            ข้าวเกรียบหม้อ กรอนวลเนียน

                      ข้าวแตน แผ่นเรียบลาน    ขนมตาล หวานจนเลี่ยน
                  ข้าวเหนียวแดง แจงใส่เบียน   ขนมเทียน เวียนรอบจาน   (เบียน-กระด้ง)

                      ข้าวจี่ ที่เสียบร่าง            ข้าวหลามย่าง วางเตาถ่าน
                  ข้าวก่ำ ดำน่าทาน               ข้าวกล้องราน งานครก(มอง)

                      นำนึ่ง คลึงเมื่อสุก           ปั้นเป็นลูก หยูกใส่กล่อง
                  น้ำอ้อยดี ก้อนสีทอง             รวมมากอง ผึ้งถั่วงา

                      กวนข้าวกระยาสารท         ข้าวปายาส ก็อาจว่า
                  เทชาม ดูงามตา                  เพื่อบูชา พุทธาคุณ

                      แกงอ่อม พร้อมฮินเล         หมู่เฮาเต(แกะ)ห่อนึ่งอุ่น
                  เลิศล้ำ การทำบุญ                ช่วยเจือจุน ข้าวใหม่เอย

                                          รพีกาญจน์

 


หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ (ประเพณี ตานข้าวใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: ♡♡<Fairy>♡♡ ที่ วันที่ 27 มกราคม 2013, 16:28:22
:D..แวะเข้ามา..อ่านบทกวี คุณภาพ...ค่ะ.. ;)


หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ (เจ้ากรรมนายเวร)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 09 กุมภาพันธ์ 2013, 22:04:05

โชคประเสริฐเกิดเห็นเป็นมนุษย์
แสนพิสุทธิ์มีธรรมกรรมแต่งเสริม
แต้มองคาพยพจากภพเดิม
เติบต่อเติมความดีทุกวี่วัน

มีอายุลุร้อยนั้นน้อยนัก
ส่วนมากมักกึ่งกลางบ้างดับขันธ์
กี่วัสสาคลาไคลไม่สำคัญ
เพียรยึดมั่นสิ่งชอบกอบกายมาน

ถึงพี่น้องท้องเดียวกันเกี่ยวใกล้
รูปนิสัยแตกต่างบ้างหยาบกร้าน
บ้างว่านอนสอนง่ายมิกรายพาล
บ้างเกียจคร้านด้านดื้อถือแต่ตน

กตัญญูรู้คุณเพิ่มพูนจิต
ร่ำเรียนวิทย์ดำเนินเจริญผล
ใช้ชีวิตผิดทางร่างทุรน
พ่อแม่บ่นเสียใจไห้เนืองเนือง

จะรวยมากยากจนมิพ้นทุกข์
ไหว้วอนคุกเข่ากราบทาบบาทเบื้อง
ช่วยอาทรผ่อนคลายหายขุ่นเคือง
ดลรุ่งเรืองโภคทรัพย์นับคณนา

ทราบหรือไม่ใครอยู่ผู้พิฆาต
ใช้อำนาจฟาดฟันสร้างปัญหา
เพียงหมั่นทานกรานศีลจินต์เมตตา
ขอขมา.เจ้ากรรมนายเวร.เป็นสุขเอย

รพีกาญจน์




หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ (เจ้ากรรมนายเวรคือใคร)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2013, 06:00:22

ใครหนอทำกำหนดบทชีวิต
จุติติดผลิตผลิปฏิสนธ์
เจริญครรภ์มรรดามาเป็นคน
ต้องดิ้นรนจนรอดให้ปลอดภัย

แรกเรียนรู้ดูเล่นเห็นตัวอย่าง
กอบกับร่างสร้างเสริมเริ่มเติบใหญ่
มีสนุกสุขเศร้าเคล้ากันไป
กว่าจะได้งานดีมีเงินทอง

พบสมรสจดแต่งแปลงรากฐาน
เกิดลูกหลานสืบสกุลพูนข้าวของ
ล่วงเลยวัยใจสึกคึกคะนอง
เคยลำพองแรงลดหมดทะนง

มีปวดเจ็บเหน็บเตือนไข้เยือนถึง
จำเป็นหนึ่งแสนปลื้มกลับลืมหลง
ยืนโดดเด่นเป็นสง่างามอ่าองค์
กลับค้อมก่งลงหงายจบวายปราณ

ก็หมุนเวียนเปลี่นเป็นดังเช่นนี้
เหมือนกันที่บริพัตรวัฏสงสาร
จะมีใครได้อยู่คู่กับกาล
เนื่องสังขารย่อมแปรมิแน่นอน

ตั้งสติดำริปรับกำกับมั่น
รู้เท่าทันกิเลสสาเหตุหลอน
หยุดยั่วยุอุบัติคอยตัดรอน
บ่วงโคจรกรรมเก่าเจ้านายเวร

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ (กรรมในอดีตชาติ)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2013, 08:26:12

" กรรมในอดีตชาติ "

ไม่ฆ่ามันมันบุกเราถูกฆ่า
ตามบัญชาประสงค์องค์เหนือเกล้า
การสู้รบตบตีมีหนักเบา
ร่างสั่นเทาถอยใครมิใช่ชาย

สร้างสีหน้าท่ารำอำมหิต
ไล่ตามติดฟันฟาดคอขาดหาย
ยุทธ์แยบยลกลเม็ดดุเด็ดพราย
เอาความตายตั้งเข่นเป็นเดิมพัน

แบ่งผู้คนปล้นเสบียงเลี้ยงกองทัพ
ได้ทีจับผู้หญิงอิงแอบขวัญ
ทุบไม้เบื่อเจือน้ำดื่มอำกัน
ซุ่มบนสันโจมค่ายท้ายขบวน

เลือดไหลรินวิญญาณเซ่นดานดิบ
ฝุ่นยิบยิบฟุ้งไกลเสียงไห้หวน
ร้องระงมผสมด้าวคาวอบอวล
จนจะจวนเสร็จศึกคลายคึกลง

ชักม้าวนเวียนวากย์นับซากศพ
ขุดฝังกลบหลุมใหญ่ใกล้ป่าโป่ง
เมียตกม่ายกลายทาสเรือนบาทบงสุ์
ลูกเต้าคงกำพร้าชะตามัว

...................................

คือเวรกรรมนำผลดลชาตินี้
เป็นสตรีเข็ญใจไร้ลูกผัว
ถูกชิงรักหักสวาทอนาถกลัว
หากรู้ตัวอย่าท้อขอแก้กรรม

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ (กรรมในอดีตชาติ)
เริ่มหัวข้อโดย: little girl ที่ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2013, 10:30:52
(http://upic.me/i/5m/igk4a.gif) (http://upic.me/show/24015784)

มีอะไร นอกจากเรา เขลาซ้ำซาก
กินทางปาก ถ่ายทางทวาร ตามกาลไหล
ขาดศรัทธา เหนี่ยวนำวาง หนทางใจ
ต้องหันไป ตามเรียกกวัก ทักทิน (ทัก-กะ-ทิน)

โลภ โกรธ หลง คงทันพันชีวิต
บำเพ็ญกิจจิตสะอาดไม่พลาดศิล
หากหันเหเทบาปเข้าสาปจินต์
คงม้วยดิ้น..สิ้นชีวา..เป็นบ้าบอ

ลิตเติลเกิร์ล

(http://upic.me/i/43/439863vldufsl9vi.gif) (http://upic.me/show/2714438)


หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ (ก็เมื่อวาน)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 26 มีนาคม 2013, 22:42:34


ก็เมื่อวาน ดูบอล ถึงค่อนรุ่ง
พอวันพรุ่ง นอนหงาย ตายโศกศัลย์
ก็เมื่อวาน ดื่มเหล้า เว้าด้วยกัน
พอดึกพลัน ลมจับ ดับชีวา

ก็เมื่อวาน ควงสาว คราวรุ่นลูก
พอสายถูก รถยนต์ ชนทับขา
ก็เมื่อวาน พบหมอ รอรับยา
พอค่ำมา เป็นลม จมน้ำคลอง

ก็เมื่อวาน หน้าเปล่ง ร้องเพลงคู่
พอเช้าตรู่ ถูกยิง กลิ้งลงร่อง
ก็เมื่อวาน เชียร์พี่ แข่งตีกลอง
พอบ่ายม่อง บ้านญาติ ล้มฟาดจาน

มีอะไร ในหล้า ที่ว่าแน่
จะหนีแก่ เจ็บตาย วายสังขาร
จะตายสุข ทุกข์งอ ทรมาน
เย็นร้อนกาล รวยจน ไม่พ้นเลย

อายุน้อย หรือมาก ยากกำหนด
สวยหมดจด อัปลักษณ์ สูงศักดิ์เผย
หากแม้ครบ สัญญา คราใดเอย
องค์ยมเกย รอรับ หลังดับกาย

โชคดีผ่าน วานวา มาวันนี้
จงทำดี ที่ชอบ ตามกรอบหมาย
อยู่ในศีล รินธรรม จะซำบาย
จนสุดท้าย สู่ทิพย์ สิ้นนิพพาน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ (ตัวตน)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 30 มีนาคม 2013, 10:19:47

แรกประเสริฐ เกิดร่าง พบว่างเปล่า
กายแลเงา เนื้อดี ไร้สีแสง
สิ่งแวดล้อม ห้อมทำ จำเปลี่ยนแปลง
ฉาบทาแฝง แยงซุก ทั่วลุกลาม

นำเลวแย่ แก่เฒ่า ยกเอาครอบ
วางขีดขอบ ครรลอง ของสนาม
อ้างแบบบท บัญญัติ สัจนิยาม
ต้อนให้ตาม ทรามเห็น ว่าเป็นธรรม

ด้วยประชา ชอบชม นิยมชื่น
สบหยิบยื่น ฝูงชน จนระส่ำ
รีบจับจอง ของใหม่ ใคร่ลูบคลำ
ตรงเงื่อนงำ ลดแหลก แจกไร้ดาวน์

ผลิตเท่าไร ไม่ทัน เท่าคันสั่ง
คิวคับคั่ง นั่งรอ หวอปากหาว
ต้องชำระ สหกรณ์ ผ่อนงวดยาว
จนลูกสาว แต่งงาน มีหลานชาย

จอดในบ้าน ร้านค้า หน้าถนน
แล่นสับสน ขับโก้ โชว์เลขป้าย
กระชั้นชิด ติดหยุด สุดระบาย
ยานมากมาย เสนอสร้าง ทางสัญจร

ผุดแผนการ สานสัก มรรคปลดทุกข์
จำเริญยุค สุโข สโมสร
ท้ายถึงกลี หนี้ท่วม อ่วมนคร
เลียนอมร โฉดชั่ว สิงตัวตน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ (ธัมมะ)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 24 เมษายน 2013, 18:24:04

เปรียบน้ำฝน หล่นฟ้า ผ่านอากาศ
ขาวสะอาด ชะล้าง ทุกอย่างได้
สกปรก รกเปื้อน เลือนลางไป
สดชื่นให้ สิ่งที่ ต่อชีวัน

ช่วยบรรเทา เป่าร้อน ผ่อนกระหาย
หิวตาลาย เย็นหยด หมดหนาวสั่น
ดุจกำแพง แข็งคง วงป้องกัน
นาอนันต์ ปราศภัย ไร้เภททา

ผู้น้อมรับ นับศีล จินต์พิสุทธิ์
เกิดผ่องผุด เบิกบาน มานสุขา
ดับกิเลส เศษชั่ว สลัวคา
เหลือจิตตา อร่าม งามวิมล

หากมีใคร ให้เรา พิเทารัก
หรือเกลียดกัก ถักโทษ โกรธฉงน
นำลาภล่อ ก่อหวัง โลภกังวล
ยอมจำนน หลงราง ทางอบาย

เมื่อภาวะ สติ ดำริมั่น
รู้เท่าทัน สำแดง แห่งฉิบหาย
หลับมิเห็น เว้นหยุด ฉุดใจกาย
อันตราย ใดใด เปล่าไม่มี

ได้เชิดชู ผู้หนึ่ง ซาบซึ้งแล้ว
รับช่อแก้ว รัตนะ อริยศรี
ปล่อยปละตน พ้นพราก จากราคี
ปฏิบัติดี พอเพียง เคียงพระํธรรม

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ (อิฐธรรม)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 10 พฤษภาคม 2013, 16:38:29

ลงหลุมปลัก ตักดิน สิ้นวันหยุด
จอบเสียมขุด ลากกอง ต้องโทษฐาน
กินมะพร้าว ข้าวหลาม ยามวิกาล
ประคุณท่าน ลงทัณฑ์ ให้ปั้นดิน

พระเณรมี สี่รูป รูปพันก้อน
เผาสุกร้อน ไม่จับ นับหักบิ่น
ห้ามอุทธรณ์ ผ่อนผัน กรรณยลยิน
เด็กวัดรวม ทั้งสิ้น อีกหกคน

เป็นคำสั่ง เบ็ดเสร็จ ความเด็ดขาด
เจ้าอาวาส ผ่านไป แสร้งไม่สน
เวลานาน ผ่านปี ที่ทุกข์ทน
จึงจักพ้น หมื่นก้อน ซ้อนเรียงราย

เรื่องอาหาร การกิน ศีลบัญญัติ
ต้องเคร่งครัด ติดใจ อย่าให้หาย
กินพอดี มีคุณ เจือจุนกาย
กินมากมาย ร้ายโขก โรคลุกลาม

หยุดบ่นพร่ำ ทำโทษ แสนโหดร้าย
ปั้นอิฐขาย ใช่หรือ คือคำถาม
ใจลึกลึก ฝึกเจ้า เฝ้าพยายาม
ชนะความ ลำบาก ด้วยพากเพียร

กรานกฐิน สิ้นวัน ออกพรรษา
พร้อมศรัทธา ร่วมก่อ หล่อพระเศียร
สร้างศาลา อาคาร การเปรียญ
จะให้เขียน แผ่นติด อิฐของเธอ

ทุกครั้งที่เข้าวัด ปลาบปลื้มใจมิรู้ลืม

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ (เมื่ออายุไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวเลข)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 23 พฤษภาคม 2013, 22:01:40

นับกี่ฝนทนหนาวร่างผ่าวร้อน
ทุกข์กี่ตอนรอนช้ำน้ำตาร่วง
สุขกี่มื้อฮือฮาพาฉ่ำดวง
เลยกี่ช่วงพ้นผ่านกาลเวลา

ตัวเลขชงบ่งชี้ทางลี้ลับ
วิกฤตจับร้อยพันกี่ปัญหา
เสร็จกี่ครั้งหวังชื่นราบรื่นพา
สู่อาณาปภัสร์ปัจฉิมวัย

ประสบการณ์นานเนาหนักเบาสู้
มีศาตร์ปูคู่ศิลป์จินต์แจ้งไข
ยึดธัมมะสติข่มบ่มกลางใจ
ยืดหยุ่นให้ทุกอย่างวางสมดุล

เพียรสดับรับฟังปราชญ์หยั่งรู้
คิดตามผู้ปาฐกดิลกสุนทร์
คลายฉงนสนทนาใฝ่การุญ
จารจดคุณไว้ดีมิมีลืม

สร้างสุขะอนามัยให้ถูกต้อง
อารมณ์ผ่องท้องอิ่มยิ้มกินดื่ม
ของมากแบ่งแจงไปใช่หยิบยืม
คนรับปลื้มประเสริฐเกิดไมตรี

เมื่อภายนอกในงดงามสดใส
อายุขัยเปลี่ยนแปรแค่เลขที่
ฝนหนาวร้อนพรพิพัฒสวัสดี
กว่าร้อยปีดับจิตถึงนิพพาน

รพีกาญจน์

[/size][/color]


หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ (ห้องกาลเวลา)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 16 มิถุนายน 2013, 10:19:06

รวบรวมจิตปลิดใจไว้ที่ศูนย์
กำหนดมูลสาเหตุกิเลสหลาย
อายตนะทวารยานอุบาย
สงบกายสู่เนินเจริญธรรม

สูดอากาศเบาเบาเคลื่อนเข้าออก
กำกับบอกจังหวะโดยสม่ำ
ว่าพุทโธหรือท่องพองยุบนำ
เพียรประจำค่ำคืนหลังตื่นนอน

พบบางครั้งนั่งนานปวดรานร่าง
ดีใจพลางเศร้าสร้อยหงอยหลอกหลอน
ชีพถึงฆาตฟาดฟันคอยบั่นทอน
สติทอนว่าหนอทออารมณ์

สรรพสิ่งนิ่งเงียบเสียงเสียบสอด
ทะลุลอดแก้วหูดังขู่ข่ม
สลัดพรั่นมั่นคงลงจ่อมจม
คลื่นแหลมคมคลายเบาเข้าภวังค์

ปรากฎวิวทิวทัศน์ชัดกระจ่าง
เหนือนภางค์ล่างดินน้ำรินขัง
ภาพเถื่อนไพรไม้สูงยา่งยูงบัง
แลคับคั่งโลดลัดสัตว์นานา

สัมผัสซ้ำล้ำลึกนึกกลับหนอ
กรอบเพียงพอยั้งหยุดพิสุทธิ์ค่า
ออกจากช่วงสคราญกาลเวลา
คืนมรรคาสำแดงแห่งทิพย์ธรรม

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ (ไม่อยากให้โลกนี้มีสงคราม)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 31 สิงหาคม 2013, 20:11:23

หากมนุษย์หยุดรักโลภโกรธหลง
รู้ปลดปลงกิเลสด้วยเหตุผล
ใช้ปัญญามาคุ้มครองกมล
ประพฤติตนยลธรรมนำสิ่งดี

ใช่ เจรจาว่ารักมักลวงโลก
ขู่กรรโชกผู้น้อยด้อยศักดิ์ศรี
มิเชื่อฟังสั่งการรานทันที
อ้างเคมีชีวภาพต้องปราบปราม

เอาเสรีชี้ทางสร้างประโยชน์
ภาษีโหดนำเข้าแต่เราห้าม
ช่วยเหลืองดชดเชยเกษตรฟาร์ม
คุณภาพตามบ่งไว้ไร้สารพิษ

ปฏิบัติจัดฉากสองมาตรฐาน
บริวารเลวรอดบอดสนิท
ทีผู้อื่นลื่นไหลไสประชิด
นี่คือกิจประสงค์องค์เทวัญ

หยุดดินน้ำลมไฟ หยุดได้หรือ
หยุดคนหือโลภโมโหโทสัน
ถึงชะล้างอ้างกรรมจำโลกันต์
ไม่มีวันมนุษย์ หยุดสงคราม!

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ ( ไม่อยากให้โลกนี้มีสงคราม 2 )
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 01 กันยายน 2013, 10:12:28

พวกยกทัพ จับเรือ ลอยเหนือน้ำ
ปืนตั้งลำ ยิงไกล ใส่ทุกจุด
ป้อมกำแพง แกร่งหนา ถึงคราทรุด
ร่างมนุษย์ หลุดผล็อย ลอยลงดาน

เหล่าช้างม้า กล้าศึก ยังนึกหวั่น
ยืนประจัญ สั่นเทา เขย่าย่าน
หอกดาบขาว ยาวคม เกลื่อนจมลาน
ฤาจะทาน ทนถูก ลูกเหล็กไฟ

ปกาศิต ขีดชอบ ครอบครองเขต
เฉือนประเทศ เหนือออก ขยอกใต้
อำนาจเกิน เดินทั่ว ย่ำรั้วไทย
เรียกชดใช้ ค่าแพ้ ยอมแก่มัน

บังคับขู่ ค้ำเข็น เซ็นต์ค้าขาย
ขุดแร่หิน ดินทราย ทลายขัณฑ์
ข้าวไม้สัก ผักปลา ผ้าแพรพรรณ
ส่งเครื่องบรรณาการ อย่าหาญฮือ

ถึงกี่กาล ผ่านยุค ทุกสมัย
แดงดำเหลือง เมืองไพร สู้ได้หรือ
พวกประดา กาขาว เอาอยู่มือ
เพราะมันคือ เปรตดง แห่งสงคราม

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ ( ชีวิตควรคิดแบ่ง )
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 30 ตุลาคม 2013, 05:47:24

มีกล้วยใบ บิครึ่ง กึ่งยื่นน้อง
มีข้าวของ เกลี่ยดาน ตวงหารแบ่ง
มีกุ้งหอย ปูปลา ถ้าต้มแกง
มีฟักแฟง แตงไทย ปันให้กัน

ช่วยปลูกผัก ตักน้ำ ฝัดตำข้าว
สองมือสาว ขึงสาย ใยฝ้ายปั่น
ซ้ายหยิบกล้า ขวากำ ดำนาดัน
มิเกี่ยงมื้อ ถือวัน ช่วยกันไป

ร่วมจัดแจง แต่งดา ผ้ากฐิน
แต่งงานกิน แขกเหรื่อ บ้านเหนือใต้
ตายเน่าเหม็น เห็นหอบ รีบปลอบใจ
ขึ้นบ้านใหม่ ไชโย โห่กังวาน

บวชเณรพระ ละกรรม สู่ธรรมสูง
ตัดยางยูง ก่อล่าง สร้างวิหาร
เต้นเขย่า เป่าแน แห่ครัวทาน
ไม่กินแหนง แบ่งงาน สำราญเริง

มีความสุข ทุกยาม ตามประสา
ไร้มารยา ชี้ชัด บัดเถลิง
ไร้กำหนด กฏเกณฑ์ เช่นชั้นเชิง
จวบจนเถิง บัดนี้ ไม่มีแล้ว

จะบอกวาน การเชิญ ใช้เงินจ้าง
จะขุดถาง ถมถนน ยากทนแกร่ว
จะปรึกษา พาที ไร้วี่แวว
จอดไม่แจว รอเอา เขาแจกฟรี

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ ( เขียนเสือให้วัวกลัว )
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 06 พฤศจิกายน 2013, 19:34:44

เขียนร่างเสือเจือลายระบายสี
แขวนไว้ที่ทางสู่สนามหญ้า
หลอกฝูงวัวตัวโตโผล่ไปมา
เกรงมิกล้ารุกล้ำเดินกล้ำกราย

เป็นความคิดกระจิบหยิบจากกรุ
เพื่อบรรลุวาดหวังยังเป้าหมาย
ใช้จนชินช็อตเด็ดเสร็จซำบาย
วัวทำแหยงแสร้งผายมิชายแล

พอได้ใจใคร่จบกบประชิด
รูปปะปิดกันเข้าวัวเยาว์แก่
ซ้ายทางตรงโค้งขวาอย่าเชือนแช
จะแต่งแก้ไขข้องเรื่องของกู

เลิกคิดเลยเชยชิมลิ้มหญ้าอ่อน
แม้สักฟ่อนเมินซะฮะฮึ่มขู่
ไปเสาะหาหญ้าแห้งริมแหล่งคู
ฟางปลายทู่กอมิดติดดินดาน

จับตะคริวหิวโฮโซเซซัด
เสียงฟืดฟัดส่ายคององุ่นง่าน
ทั้งหนุ่มเหน้าเฒ่าเถิกเสิกทะยาน
ประจัญบานถาโถมโจมทันที

นึกอย่างไรไล่ชนถอยจนตรอก
วัวหันออกต้องจอดหน้าถอดสี
ควรยับยั้งชั่งใจคิดให้ดี
วัวดำปี๋เตรียมเถือแม่เสือดาว

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ ( วิโยค...ลมสลาตัน )
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 08 ธันวาคม 2013, 09:29:46

ทะเลเคยราบเรียบเงียบสงบ
คลื่นกระทบโขดเขินเนินไศล
สลาตันพลันจ่อก่อตัวไกล
เริ่มเคลื่อนไหวประชิดติดอีกครา

เมฆสีดำจำนวนขบวนก้อน
หมุนวนย้อนกราวกรูสู่แนวหน้า
เข้าขึ้นฝั่งทุกทิศปิดอาณา
มิรอท่าชำระปฏิกูล

สีหนาทฟาดเปรี้ยงเสียงสนั่น
กำหนดทัณฑ์พิพากษาจากสูรย์
แสงแปลบปลาบอสนีทวีคูณ
ส่องอาดูรหม่นหมองครองข่วงลาน

ฟ้าคะนองก้องดังครั้งแล้วเล่า
ฝนชะเกลาคราบเปื้อนเลือนสถาน
ลมแรงพัดปัดเป่าเศร้าหมดมาน
ทั่วแดนดานชื่นชมอุดมดี

พวงผกาพิสุทธิ์ผุดผ่องใส
ชูข่อใบแตกดอกออกทุกที่
พืชให้ผลต้นกอหน่อขจี
ไร้หนอนจีด้วงเจาะเกาะกัดกิน

เมื่อทะเลราบเรียบเงียบสงบ
สกลพบความสุขทุกข์โศกสิ้น
พิบัติภัยไคลคลาพ้นธานิน
ต่างยลยินแซ่ซ้องก้องถิ่นไทย

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ (ประเพณี ตานข้าวใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 15 มกราคม 2014, 10:25:07

                   ประเพณี ตานข้าวใหม่

๐การนำเอาข้าวใหม่ที่ได้จากการเก็บเกี่ยวเสร็จแล้วไปทำบุญที่วัด
จะจัดให้มีขึ้นในวันขึ้น 15 ค่ำ ราวกลางเดือนมกราคม หรือเดือนพื้นเมืองเรียกว่า
เดือนสี่เป็ง สำหรับข้าวที่จะตานข้าวใหม่ ประกอบด้วย ข้าวเหนียวนึ่งสุก 
อาหารตามความนิยมของท้องถิ่น มีแกงฮินเล ห่อนึ่งเนื้อหมูเนื้อปลา ปลาจี่ เนื้อปิ้ง
สำหรับขนมที่จะนำไปตาน ทำจากข้าวใหม่ มีข้าวแตน ข้าวต้มมัด ขนมเทียน เป็นต้น
รุ่งขึ้นเช้าวันขึ้น 15 ค่ำ ชาวบ้านพากันไปทำบุญตักบาตรที่วัด เพื่อบูชาพระรัตนตรัย
บูชาพระแม่โพสพ เทวีแห่งพืชพันธุ์ธัญญาหารทั้งปวง และรำลึกถึงบุญคุณของชาวนา



ปลาเจ่า ข้าวสาร อาหารแห้ง
จัดแจง จุใส่ ในถุงย่าม
สะพาย ออกบ้าน ก่อนฟ้าฮ่าม
เพื่อนสาม คนเดิน สู่เนินดอน

เข้าป่า หาไผ่ ใกล้ร่องห้วย
ลำสวย ตรงคัด ตัดเป็นท่อน
ผ่าซีก ปลีกย่อย ยาวแนวนอน
วางซ้อน กองมัด รัดรวมทับ

ค่ำคืน ขึ้นห้าง นอนหว่างไม้
สุมไฟ ตลอด มิมอดดับ
ผีสาง นางไพร ว่องไววับ
กลัวจับ เสือสาก ลากเรากิน

เช้าส่อง ล่องไม้ ไหลตามน้ำ
หัวค่ำ มืดจับ กลับถึงถิ่น
ลูกน้อย คอยท่า หน้ายลยิน
หายสิ้น เหน็ดเหนื่อย เมื่อยขบกาย

ผ่าแบน แผ่นบาง วางขัดสาน
กลมก้าน กั้นกรอบ ขอบด้วยหวาย
กระบุง สูงศอก ตอกลวดลาย
จบท้าย ก่อก้น กันเอียงล้ม

ลงรัก ตักตวง รวงเม็ดข้าว
หาบสาว ใส่ยุ้ง สีหุงต้ม
ประเพณี ดีงาม ตามนิยม
ชื่นชม ยอกราน ตานข้าวใหม่ เอย

คนในชุมชนที่ข้าพเจ้ากำเนิดก่อนปี 2525
ฐานะยากจนไม่มีที่ดินทำนาต้องเข้าป่าตัดไม้ไผ่
สานกระบุงเอากระบุงไปแลกข้าวเปลือกไว้กิน
1 กระบุงเปล่า แลกข้าวเปลือกได้ 1 กระบุง




หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 22 มกราคม 2014, 12:21:17


อำนาจ  ช่างท้าทายความกระหายของมวลมนุษย์

ผลประโยชน์  ช่างหอมหวานเย้ายวนความปรารถนาของผู้คนทั่วไป

อำนาจและผลประโยชน์  มักทำลายชีวิต สิ่งแวดล้อม สิ่งที่ดีงาม

อำนาจและผลประโยชน์  ไม่เคยสร้างความสุขได้นานและยาวนานตลอดไป

แต่บางครั้ง บางความรู้สึก ในใจลึกๆ บางคนยังพยายามไขว่คว้าต้องการมัน

สภาวะมืดบอด ธัมมะอันใดเล่าจะขัดเกลาดวงตาให้ใสสว่างได้

อนาถจริง




หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 08 มีนาคม 2014, 09:51:13

" เสบียงบุญ "

อายุล่วงเลยครึ่งหนึ่งชีวิต
ควบคุมจิตพิสุทธิ์ผุดผ่องใส
เจริญศีลรินรสสดชื่นใจ
ธรรมวินัยปฏิบัติเคร่งครัดตาม

สู่สงบจบนิ่งทิ้งฟุ้งซ่าน
ปรีชาฌานมิถอยคอยหักห้าม
อย่าลุ่มหลงรักโลภละโมบกาม
มั่นดีงามคงอยู่อย่างพอเพียง

เสวยสุขทุกครั้งประดังให้
ระลึกชอบมอบปัจจัยไม่เกียจเกี่ยง
คราเหินหกตกต่ำบุญลำเลียง
เป็นเสบียงเอออวยทวยบรรเทา

จำมิเบื่อเมื่อพบสบโอกาส
หมั่นตักบาตรกรวดน้ำพร่ำมนต์เช้า
อุทิศแด่แม่พ่อก่อเกิดเรา
เผื่อผีเก่าเน่าเหม็นเวรบางบรรพ์

กราบกรานทานถวายไว้ภายหน้า
ออมบุญญาเนืองนองกองสวรรค์
หนึ่งตัดทอนรอนกรรมอำตามทัน
เสพสุขสันต์เคียงธรรมก่อนสัมปราย

รพีกาญจน์




หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ (รอยด่างบนทางเดิน)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 17 พฤษภาคม 2014, 20:52:48

มือขวาซ้ายสลับจับประสาน
เรียงกระดานแขนกางขวางถนน
บ้างในมือถือสายป้ายมวลขชน
โบกสะบัดกวัดบนแกว่งทนธง

เสียงเครื่องสั่นบันเลงเร้ารู้สึก
เติมความคึกพุ่งพล่านเร่งมานส่ง
จิตเคลิบเคลิ้มเริ่มลอยคล้อยลามลง
แถวยืนตรงสืบเท้าเขย่าเยิน

กอปรมุ่งมั่นฟันฝ่ากล้าพิชิต
เป่าปิ๊ดปิ๊ดปับปับสลับเอิ้น
อู้อ้างอิงวิงวอนอ้อนชวนเชิญ
สู่ดำเนินรังสรรค์ฝันร่วมใจ...

พริ้งเลื่อมพรายฝ่ายฝั่งตั้งกับที่
ต้องแสงสีธงทิวปลิวไสว
เกาะกลุ่มก้อนเบียดเสียดยาวเหยียดไกล
เสียงฮ้าไฮ้ปลอบปลุกสนุกอึง

เท้าติดพื้นยืนอ้าตามองหาว
จ้องตะวันจันทร์ดาวสาวไปถึง
เอื้อมเอาสิทธิ์เสรีที่พอพึง
อยู่ครวญคลึงอารักษ์อักษะจำ...

เทพฤทธิ์ฤทธิรอนร้อนอ่องอาสน์
กระวีกระวาดถ่อกายคลายระห่ำ
หาลู่ทางกางกั้นก่อนระกำ
ลบรอยดำย่ำย่างบนทางเดิน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ (อวิชชา)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 12 มิถุนายน 2014, 10:43:38

มิสามารถควบคุมความรุ่มร้อน
จิตตะรอนจรจากซากสังขาร
กายเป็นบ่าวรับใช้ไร้วิชาญ
เกิดอาการผุดผลิปราศตริตรอง

ยากควบคุมปสาทะมโนนึก
สิ่งตกผลึกเก่าใหม่ในทั้งผอง
มันหลั่งไหลเลอลามตามคะนอง
พ้นหับห้องพิกลดีปนเลว

อันค่าดีมีนิดผิดผกแผก
ดีสาแหรกแตกผงลงหุบเหว
ยังลุกโลดโชติช่วงดังบ่วงเปลว
รอบองค์เอวมากมายร้ายทุรน

ยิ่งกำหนดกดดันรั้นทะลึ่ง
ในหูหึ่งม้วนกลับส่อสับสน
มักล้อเล่นเช่นลิงโยกวิ่งวน
เอาผู้คนแสนเบื่อเหลือระอา

สนุกทั่วชั่วแวบหลังแลบลิ้น
รู้สึกสิ้นหายพลันเปล่าหรรษา
ความเสียใจโถมถั่งประดังประดา
กราบขมาขอโทษโปรดอภัย

สูดหายใจลงลึกผนึกปอด
ปล่อยลมลอดระบายคลายสั่นไหว
จับไม้กวาดกวาดเหตุกวาดเศษใย
ปลอดนอกในปลงปลิดอวิชชา

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ (ขี่หลังเสือ)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 22 สิงหาคม 2014, 21:59:33

มันมิง่ายดายดางอย่างที่คิด
เพียงพิชิตเกลี้ยกล่อมมิยอมพล่า
มัวยุดยื้อถือดาบแปลบปลาบตา
ข้างโจราค้อมหัวแสร้งกลัวเกรง

ต่างศิษย์รู้ครูดีมีสำนัก
หลบหลุมพักเยียบเย็นบำเพ็ญเพ่ง
พร้อมลอกคราบฉาบร่างเริ่มละเลง
สิ้นยำเยงกระจายกรายธนู

สลัดสีหรี่แสงแฝงทุกทิศ
เงียบสนิทปิดปากมิขากขู่
สะดุดก้าวเท้าข้องต้องตะปู
สัญญาณสู้กู่ก้องท้องบุรี

หากย่ำแย่แถถั่งดั่งสายคลื่น
ขนแสนหมื่นโถมเถียดเข้าเสียดสี
ไม่เว้นหญิงจริงชายวายชีวี
หันกลับหนีบี้ตามด้วยย่้ามใจ

ไร้กฎกัณฑ์ครรลองท่องธัมมะ
ปะฉะดะเข่นฆ่าหมดปราศรัย
กวาดสิ่งขวางทางตนแผ้วพ้นไป
กินตับไตเกรอะกรังกะหังปาน

ต้องเบ็ดเสร็จเด็ดขาดฟาดที่หัว
กระชากตัวขึ้นเครื่องทิ้งเมืองม่าน
ปล่อยท่องเที่ยวเคี้ยวถั่วเต้นครัวทาน
จะสะท้านถึงฝีริดสีดวง

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ (ไฟสงคราม)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 02 กันยายน 2014, 21:41:43

คงยังยึด พฤติกรรม เก่าซ้ำซาก
สวมหน้ากาก ชูคอ นักต่อสู้
ตีบทแตก แทรกแซง ทุกแหล่งรู
ประกาศตู พิทักษ์ รักเสรี

สรรพาวุธ ยุทธภัณฑ์ ตันหมื่นแสน
แค่ตั๊กแตน แมงเม่า เข้าบดบี้
อ้างกำหนด กฎบัตร ซัดทันที
โชว์ดีกรี จอมบู๊ ยอดผู้นำ

เที่ยวยุแยง แบ่งเหนือ เถือแยกใต้
ฮึ่มฮ่ำใส่ ให้กลัว ตัวถลำ
ถูกข่มขู่ อยู่ถ้อย ต้องพลอยทำ
ยื่นทองคำ น้ำมัน บรรณาการ

ใครทักทอ ต่อกร ริดรอนสิทธิ์
ลุจริต จิตโกรธ ลงโทษฐาน
อุดหูมิด ปิดตา ยิ้มหน้าบาน
ให้เทียมท่าน ยกอย่าง มอบรางวัล

ผิดบ่ายเบี่ยง เพียงถูก เดียวผูกขาด
คอยพิฆาต ฟาดแส้ เพื่อนแปรผัน
นึกว่าเยี่ยม เหลี่ยมเก่า เขารู้ทัน
ยิ่งดื้อรั้น ฮึกเหิม เติมกระมล

อวดโอ่อ่า ว่าเจ้า กระเป๋าแห้ง
เหตุุพลิกแพลง คลังล่ม จมอีกหน
ล้มละลาย หายวับ เจ้าอับจน
โลกยากพ้น บรรลัย ไฟสงคราม

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ...งานบุญเดือนสิบ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 08 กันยายน 2014, 22:13:40

ใช้กล่องลังถังถาดพลาสติก
จุเกลือพริกน้ำปลาปลาร้าหอม
แปรงสีฟันสบู่แชมพูพร้อม
ผงซักผ้ายาย้อมผมดอมดำ

หมากเมี่ยงพลูขนมนมเนยหวาน
อ้อยแตงตาลมะพร้าวข้าวเหนียวก่ำ
อาหารสุกคลุกแป้งแกงต้มยำ
ตกแต่งทำสวยสะสังฆทาน

เตรียมข้าวตอกดอกไม้ใบตองกล้วย
ฉีกแค่คืบขดกรวยแทงกลัดก้าน
จัดธูปเทียนแปะน้ำปรุงจรุงมาน
น้อมสักการพิสุทธิ์พุทธบูชา

สอดปัจจัยใส่ซองตรองตามจิต
เพื่ออุทิศอภิวาทปรารถนา
ถึงผู้ลับดับขันธ์มิทันลา
บุพการ์ใกล้ชิดมิตรทั้งปวง

สัมภเวสีภูตผีเปรต
นอกในเขตวัดวาอารามหลวง
อยู่นรกหมกไหม้ไฟพุ่งพวง
สถิตย์สรวงจักรวาลวิมานแมน

เพราพิลาสสารทเซ็นเพ็ญเดือนสิบ
อัมผ่องทองขลิบทาทิพย์แผ่น
ขอกุศลผลบุญสุนทรแทน
ลบโศกแสนแถนพิพัฒน์สวัสดี

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ...อวิชชา 2
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 15 กันยายน 2014, 17:09:34

อ้างดีเก่าเข้าสู้รู้กันทั่ว
เบื้องหลังชั่วกลั้วบาปคืบหยาบหนา
งามแต่นอกในเนื้อเต็มเชื้อรา
ปรารถนาพิศวาสอำนาจครอง

ด้วยทิฐิมิได้ดังใคร่คิด
ผุดความผิดแยบคายอุบายสยอง
สร้างสถานการณ์มานลำพอง
อาศัยช่องเปิดแง้มเรียกแต้มคืน

ภาพปรากฎสดสดส่อหน้าสื่อ
เสียงเล่าลือแสกแสกคนแตกตื่น
จากเบอร์รองเริ่มเด่นเป็นตัวยืน
เพิ่มพันหมื่นชนะถล่มทลาย

เป็นผู้แทนทุกครั้งมิพลั้งพลาด
ใช้ฉลาดเอาเปรียบเหยียบสหาย
ชอบคุยโวโอ้อวดอำบรรยาย
ใครขวางร้ายหากตามเยินความดี

อวิชชาว่ารู้คู่ปฏิบัติ
สารพัดออกร่องหลบช่องหนี
จบเบ็ดเสร็จเผด็จการชาญเวที
แด่ผู้มีพระคุณคอยจุนเจือ

เมื่อถึงดวงล่วงลับชื่อดับสูญ
ปฏิกูลมืดมนแบบนเสื่อ
โยนบอมบ์ใส่ราวรั้วของตัวเพื่อ
คนหลงเชื่อเพื่อนแกล้ง...แย่งคะแนน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ...อวิชชา 3
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 15 กันยายน 2014, 22:03:12

ขอฟันธงตรงตรงแบบเบิร์ดเบิร์ด
เขาคงเกิดเดือนดับจับปีขาล
คืนวันเสาร์เก้าค่ำดำทั่วดาน
เสียงสะท้านกึกก้องฟ้าร้องดัง

ร่างลีบเรียวเคี้ยวอ้อยมือห้อยโหน
ปากตะโกนวู้วู้กู่เกาหลัง
สวมหมวกถองรองเท้าสึกตราสตังค์
ยิงปังปังแล้วเก็บเหน็บปืนปลอม

มีสองตาสองหูดูใช่แปลก
สวมเสื้อแสกแหวกหน้าเตี่ยวขาส้อม
เข้าวัดรวดบวชเณรเถรพะยอม
สอนตัวขอมนักธรรมร่ำบาลี

ฝึกมือไม้ไวว่องสมองช้า
สองบวกสองเป็นห้าว่าเป็นสี่
ชอบเพลงยุทธรุดรบตบต่อยตี
พบข้อดีปากเช่นตูดมิพูดคุย

เรียนวิชาคาถาอาคมขึ้น
ต้องลูกปืนอย่างมากแค่ถากผุย
มีนายหน้าว่าจ้างอ้างเอาลุย
รับชุ่ยชุ่ยแสนล้านบานตะเกียง

จับกดกดไกไกไม่กี่ครั้ง
แอบระวังบังเสาเป่าเปรี้ยงเปรี้ยง
ชุลมุนวุ่นวายหายลำเลียง
โอมเพี้ยงเพี้ยงไม่เหลือเสื้อเตี่ยวเงา

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ...อวิชชา 4
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 16 กันยายน 2014, 09:55:25

หัวขี้ทื่อมือไม้ไม่อยู่สุข
ชอบสนุกตามเพื่อนเปื้อนตามเขา
ถ้าขำขันปันรักกวนหนักเบา
คิดถึงเช้าจดเย็นเห็นจะดี

หรือออดอ้อนนอนฝันบรรยายโศก
ถูกสับโขกสูญเสียผัวเมียหนี
หมดความหวังพลั้งพลาดขาดไมตรี
รีบเร็วรี่ทอคำกำลังใจ

หรือทักทายฉันเธอเสมอเพื่อน
ยลเยี่ยมเยือนไกลถิ่นดินอาศัย
ท่องบ่นพร่ำธัมมะพระวินัย
ผู้สูงวัยภาษิตขิตคำคม

ธรรมชาติวาดวิวงามทิวทัศน์
พืชผักสัตว์ไถพรวนสวนผสม
ลึกซาบซึ้งคลึงเพลงเพลินภิรมย์
นั่งดอมดมรินรสซดกาแฟ

ส่วนทั่วไปไม่ถนัดประวัติศาสตร์
ใช่นักปราชญ์คางเคราก่องเก่าแก่
ถ้าการเมืองเคืองคักม่วนนักแล
ชอบเย้าแหย่เทแกลบพอแสบคัน

หัวขี้ทื่อมือไม้ไม่อยู่สุข
มักเอาทุกข์มาใส่ภัยมหันต์
น่าสงบจบท้ายปลายชีวัน
ดีกว่าสั้นสิ้นคิด...อวิชชา

รพีกาญจน์

อย่าเข้าใจผิด ว่าสั่งสอนตัวเองครับท่าน



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ...ก่อนพบ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 20 กันยายน 2014, 21:41:41

เริ่มต้นจากยากยุ่งมุ่งสำเร็จ
แสนจะเหน็ดเหนื่อยหนักสักแค่ไหน
เอาคงมั่นขวัญนำกำลังใจ
ถึงใกล้ไกลเสาะสืบค่อยคืบคลาน

เมื่อปะเหมาะเคราะห์ดีมีได้รับ
ที่ดินทรัพย์ชื่อเสียงเรียงประสาน
ชนนิยมชมชอบน้อมนอบกราน
แต่ดวงมานขาดหนึ่งคือพึงพอ

ความเหงาเงียบเสียบสุมรุมแน่นอก
หวาดวิตกกังวลผลการก่อ
อยากเติมเต็มตามฝันอันลออ
เสร็จมิส่อว่าจบพบสุขจริง

ท่ามวัตถุกุกองของสูงค่า
อีกเงินตราชี้ใช้ได้ทุกสิ่ง
คู่เคียงหมอนนอนแขนแทนเอนอิง
ลูกชายหญิงเนื้อหน่อต่อตระกูล

บริวารพล่านพร้อมล้อมหน้าหลัง
ผู้โด่งดังพิเนา เผ่าอสูร-
พลอดพิลาสญาติโยมพรหมประยูร
หลงเพิ่มพูนพลั้งผิดจิตงมงาย

เพียรละจากยากยุ่งมุ่งค้นหา
เส้นมรรคาพิสุทธิ์สู่จุดหมาย
สาวสาเหตุแห่งทุกข์ซุกซ่อนกาย
สะพานสายสงบจบโลกีย์

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ...ค้นพบ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 21 กันยายน 2014, 22:07:47

มองข้างซ้ายคลายตนพ้นประโยชน์
ให้คุณโทษวนเวียนเปลี่ยนวิถี
โภคทรัพย์สิ่งของเคยมากมี
ละเก้าอี้รองอาสน์ปราศการ

มองข้างขวาคลาคล่ำด้วยส่ำฉาว
ส่งกลิ่นคาวคละคลุ้งฟุ้งสถาน
เจือมลพิษติดไฟไอสามานย์
ร่ำสราญเบียร์แคนแอลกอฮอล์

เหลียวแลหลังพังภินสิ้นสลัก
ซากปรักหักร้างมิเหลือหลอ
ป่าซีเมนต์เร้นใบไร้ต้นตอ
ค้างอิฐก่อสถูปรูปติดพิง

มีอะไรให้ดูอยู่ข้างหน้า
ไกลสุดตาฟ้าครามผีพราหมณ์สิง
ลึกล่างล่องคลองคูปูปลาปลิง
ความเหงายิ่งย้อนฤดีทวีคูณ

มีอะไรใช้ปิดมิดสงบ
มือประกบเบญจางค์ช่องว่างศูนย์
สมาธิจิรัฐิหัตอากูล
พบรากมูลแก้วก่องส่องประกาย

ปิติสานต์ญาณะภาวะจิต
เป้าชีวิตเด่นชัดจรัสฉาย
จุดเริ่มต้นเช่นกันจุดบั้นปลาย
คือราบเรียบเงียบง่ายสบายเบา

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ...หลังพบ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 22 กันยายน 2014, 20:15:25

ไร้กังวลพ้นบ่วงปวงกิเลส
หยุดสาเหตุตัณหาพาโง่เขลา
มันติดตามความคิดชิดเช่นเงา
สู่ว่างเปล่าแทนแท้แน่นอนนาน

วิถีธรรมสำเร็จเกิดเม็ดผล
ปัญญาดลหยิบแยกรู้แตกฉาน
สอดคล้องปรับกับบูรณาการ
พรหมวิหารอุบัติด้วยศรัทธา

ยิ่งสุขใดไกลลี้โลกียะ
เพียรตบะวิมุตติสุดหรรษา
ปรมัตถ์ขัดสิ้นจินตนา
ยอดวิชชาสว่างกระจ่างมน

ทิ้งอดีตขีดเส้นเร้นสลัด
ชื่นชมปัจจุบันมั่นฝึกฝน
ท่ามพฤกษาป่าแดดวนแวดตน
ฟ้าเบื้องบนลุ่มลานธารไหลริน

เจริญรสสดฉ่ำธรรมชาติ
บรรยากาศละมุนปลอดฝุ่นกลิ่น
กองเหม็นเฉ่าเน่าบูดสูดไอดิน
ไร้ยลยินอืึกทึกเสียงครึกโครม

แม้ว่าตามความเชื่อชะตาชีวิต
ถูกลิขิตด้วยกรรมชักนำโหม
อานุภาพพุทธะช่วยชโลม
ลบทุกข์โทมนัส สวัสดีฯ

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ...ปลงสังขาร
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 12 ตุลาคม 2014, 20:02:03

เมื่อสำรวจตรวจงามตามใบหน้า
พบไฝฝ้ารอยริ้วคิ้วเหี่ยวย่น
ผมดอกเลาเคราแคมแซมขาวปน
ตามัวหม่นจมูกทู่หูยานยาว

หัวเถิกถากผากแห้มสองแก้มตอบ
ริมปากขอบจดมุมตุ่มขางขาว
ฟันร่วงหลอคอทรุดบ่าหลุดราว
หน้าวามวาวเขียวคล้ำคนดำแดง

ยันลุกยืนขึ้นส่องจ้องกระจก
ไหล่แขนตกมือย้อยห้อยต่องแต่ง
ศอกนิ้วมือถือของอซองแซง
อกร่องแร่งฟุบแฟบแถบซี่โครง

พุงยื่นยวบรวบรื้อสะดือโบ๋
ก้นกบโก๋แบนแบดแต๊ดแต๋โต่ง
ขาแบะข้างเข่าคู้ข้อแข้งโกง
เดินโทงโทงเปลือยเปล่าปลายเท้าแป

แสยะอยากปากอ้าแดงก๋าเหงือก
สะดุ้งเฮือกสุดขีดซีดหน้าแหย
บางไม่เอาเบาเป็นหนักมักอ่อนแอ
เบื่อท้อแท้ฟูมฟายน้ำลายฟู

เมื่อสำรวจตรวจครั้งหลังเกษียณ
คงวนเวียนเก่ากลับเปลี่ยนปรับสู่
เฝ้าทบทวนหวนจิตคิดพรั่งพรู
พลิกกอบกู้กลอนกานท์..สังขารโรย

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ...แค่เป็นคนรับใช้
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 16 ตุลาคม 2014, 21:47:18

อาจจำเพาะ เหมาะเป็น เช่นม้าใช้
ลู่นอกใน การศึก ห้าวฮึกเหิม
แลรับซิก พลิกแพลง พลิ้วแต่งเติม
วิ่งประเดิม สุดขา ล่าเดิมพัน

จากโนเนม เล็มหญ้า แห้งคาคอก
จากบ้านนอก หมายมุ่ง กรุงเฉิดฉัน
จากร่างเล็ก เฉกไม้ ไผ่ปล้องตัน
กล้าดุดัน รับงาน บานกิโล

มากเรี่ยวแรง แกร่งไกร ไร้เบาหยุด
เร่งรีบรุด ลากเทิน พะเนินโข
กล้ามเอ็นอ่อน หย่อนยาน พานเซโซ
หัวแทบโง ไม่ขึ้น มึนหมุนวน

เปรียบไม้งิ้ว ลิ่วลึ่ง เปาตึงสูง
เหียงยางยูง แคยักษ์ แดงสักสน
ป่าทึบโปร่ง โด่งดู่ แย่งสู่บน
รากยึดต้น ติดดาน กิ่งก้านเรียว

ใบร่วงหล่น ผลดก นกกาเจาะ
เปลือกกระเทาะ ทิ้งดอก เม็ดงอกเขียว
แค่ไม้โทน โคนมั่น หวั่นนักเชียว
เพียงหนึ่งเดียว ฤาทาน ต้านแดดลม

จำต้องลิด ปลิดลง ปลงเสียบ้าง
งานคั่งค้าง ปล่อยคา อย่าทับถม
แปลงชีวิต สดใส ใช่จ่อมจม
ใดพาตรม แยกคัด กำจัดมัน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ...ล้วนรากเง้ามนุษย์จุดกลียุค
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 30 ตุลาคม 2014, 05:53:00

มัวมืดคลุมลุ่มหล้าล่างเวหน
มีเมฆฝนชะลอรวมก่อตั้ง
มองถนนโคลนคูดูนิ่งจัง
ความเงียบเหงาเฝ้าฝังทุกหลังคา

ไร้จิกกุ๊กจุ๊กกรูของหนูนก
นั่งคอตกนอนแซ่วแมวหมูหมา
ไร้ดีดสีตีเกราะเคาะกะลา
เห็นไฟฟ้าพริบพริบริบหรี่แดง

ไร้จิ้งหรีดเรไรไต่ร่ำร้อง
วัวนอนกองตาหลับอยู่กับแหล่ง
ร่มสุมทุมพุ่มไม้ไร้มดแมง
ลมหยุดพักหยุดพัดกวัดแกว่งใบ

ไร้แสงพราวดาวเดือนลอยเลื่อนห้วง
เหลือบางดวงขมุกมิสุกใส
สายน้ำปิงหลิ่งเลาะเลียบฝั่งไป
ยั้งหยุดไหลลอยทุ่นหมุนงงงัน

ไร้น้ำค้างพร่างพรมโลมยอดหญ้า
แม้ไก่ป่าไก่บ้านบ่ขานขัน
ไร้วิหคนกกาท้าตะวัน
คงสีสันรอบแลดำแก่เทา

ธรรมชาติปราศไปให้วิปโยค
ทุกตรอกโตรกหม่นหมองครองความเศร้า
เหมือนลางลุอุบัติส่ำสัตว์เรา
ล้วนรากเหง้ามนุษย์จุดกลียุค

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: อำนาจ ผลประโยชน์ ธัมมะ...มนุษย์
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 03 พฤศจิกายน 2014, 05:48:53

ยื่นมือโบกโยกมายิ้มหน้าหวาน
เสียงไชโยโห่ปานลานถล่ม
ติดธงทิวริ้วขบวนน่าชวนชม
ปูแพรพรมสีแสดเมตรแวดยาว

มีเด็กน้อยคอยยอบมอบดอกไม้
มีผู้ใหญ่จับมืออื้ออึงฉาว
มีผู้เฒ่าเกลากลอนอวยพรพราว
มีรั้วราวเชือกชิดป้องปิดกัน

ซุ้มศาลาร่มรีที่ต้อนรับ
เด่นประดับหอมฟุ้งรุ้งสีสัน
หลังขวาซ้ายรายล้อมน้อมกำนัล
หัวเราะลั่นพูดจบหมั่นปรบมือ

ลิ่วล้อลิงวิ่งลุกรอบพลุกพล่าน
ชี้ต้องการสิ่งใดใครหาญหือ
คำสั่งข้าอย่าเลี่ยงเพียงอออือ
หากพานซื่อเบี้ยวนิดบิดกระเด็น

ก็เดินดินกินอยากลงปากท้อง
พอผุดผ่องใหญ่โตโก้เห็นเห็น
พองคับโอ่งโย่งเกล้าเหิมเช้าเย็น
คราลำเค็ญเล่นโกรธละโทษใคร

ยื่นมือโบกโยกลาน้ำตาร่วง
เปรียบผีป่วงแห่ห้อมล้อมขับไล่
กรูเกรี้ยวกราดฟาดฟันยันว่าไป
ตัวตนใช่ใจทรามนามมนุษย์

เฮ้อ ว่ากันไปว่ากันมา มนุษย์ก็เช่นนี้แล

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ๐ จริง ดี มีประโยชน์ หรือไม่?
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 02 ธันวาคม 2014, 14:43:52

ก่อนปริปากถากถางอ้างดุด่า
แถมนินทาว่าร้ายหมายเสียดสี
หาเหตุเรื่องเคืองโกรธก่นโคตรตี
ยกมือชี้เลวทรามลามวานวงค์

ควรสืบเสาะเลาะเลียบเทียบเทียมก่อน
เช่นอักษรจริงแท้แค่ประสงค์
หวังยุแยงแต่งตำทำลายองค์
เพื่อปลิดปลงเขาอยู่ยิ้มมีชัย

นิ่งเยือกเย็นหยิบพิศพินิจพิเคราะห์
ว่ามันเหมาะถูกต้องครรลองไหม
วาจาหยาบสาบเหม็นเป็นอย่างไร
คนส่วนใหญ่ยอมยอบชอบอารมณ์

อาจพรั่งพรูกรูกรากจากกลางจิต
วิปริตอิจฉาจรรยาขม
หรือมุ่งมาดปรารถนาฝนคารม
ยังแฝงบ่มชมเลิศประเสริฐการ

หากตามรอยคอยใช้ให้ประโยชน์
นิรโทษซ่อนซุกทุกสถาน
แจ่มจำแลงแปลงทิพย์พริบพิมาน
เคียงสคราญคู่เมืองคัลเรืองรอง

สรุปได้ใช่สิ่งจริงเต็มเปี่ยม
ดียอดเยี่ยมเพียงหนึ่งละพึงสอง
จะบาปบุญคุณอนันต์ทัณฑ์โกฎิกอง
ชั่งไตร่ตรองทุกเมื่อ(ก่อน)เชื่อข่าวลือ

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...มนุษย์!
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 07 ธันวาคม 2014, 06:26:31

ดั่งภูเขาเถ้าถ่านดานระเบิด
ประทุเปิดปล่องเปลวเหลวพุ่งพ่น
ฝุ่นควันฟุ้งครอบคุมลุ่มสกนธ์
ธารไหลล้นเอิบอาบร้อนฉาบดิน

ดั่งสายน้ำฉ่ำเย็นเป็นระลอก
คลื่นกระฉอกเริ่มแรงแทกแก่งหิน
ทะเลบ้าพายุโหมโจมธานิน
ท่วมพังภินท์บ้านแตกแหลกกระจาย

ดั่งสายลมพรมพัดสะบัดโบก
กระหน่ำโยกโคกคลอนฉุดถอนส่าย
สาดถั่งโถมโจมจู่มิรู้คลาย
กระจัดกระจายโคลงโค่นโอนเอนองค์

ดั่งถิ่นเถื่อนเลื่อนลั่นสนั่นไหว
ภูผาใหญ่กระเด็นเป็นผุยผง
แผ่นดินล่มจมหายสลายลง
สูญวานวงศ์สินทรัพย์นับบรรลัย

ดั่งกงกรรมธรรมชาติอาจวิบัติ
สุดส่ำสัตว์ยืนต้านหยัดทานได้
ขาดสี่สมดุลย์ดินน้ำลมไฟ
แปรเปลี่ยนไปสับสนปนฤดู

สิ่งแวดล้อมห้อมหัวล้วนชั่วร้าย
ยากหยุดหมายคืนได้ยิ่งไกลกู่
เตรียมตัวพร้อมน้อมรับโลกดับดู
เพราะมวลหมู่ต้นเหตุ เศษมนุษย์!

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ๐ ขึ้นปีใหม่ ๐
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 17 มกราคม 2015, 17:02:12

ขึ้นปีใหม่ไตร่ตรองมองชีวิต
สร้างรู้สึกนึกคิดล่วงเข้าถึง
การดำรงคงอยู่คู่พอพึง
สรรพสิ่งจริงซึ่งคลึงเวลา

ถอดใจร่างวางเสื่อเพื่อปรับแผน
กำหนดแกนปฏิบัติจัดเนื้อหา
เปิดนิยมสมดุลจุนจินตนา
ส่งคุณค่าบริหารทุกด้านดี

สู่สังคมกลมเกลียวเดียวหนึ่งฉันท์
ให้เกียรติกันรู้จักรักษ์หน้าที่
เคารพสิทธิ์ผิดอภัยใช่ย่ำยี
เชื่อมไมตรีเชื่อมั่นธรรมครรไล

นำปัญหาคาอกเก่าตกค้าง
แก้สะสางอุกฤษฏ์วินิจฉัย
ปราศกิเลสเหตุผลนำกลไก
ยั้งหยุดใช้ภาษาดุด่าชัง

ควรแจกแจงแบ่งงานสานประโยชน์
เกื้อกูลโกฏิประสงค์องค์กรขลัง
ภาพลักษณ์ขาวก้าวล้ำนำโด่งดัง
เพิ่มสตังค์ขบวนเพื่อนส่วนตัว

ขึ้นปีใหม่ไตร่ตรองครองชีวิต
ควบคุมจิตอย่าจมสิ่งซมชั่ว
ลดเลิกละอบายมิกรายกลัว
เพื่อครอบครัวพิลาสชาติเจริญฯ

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: อย่าหลงทาง...อย่าหลงทำลาย
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 02 กุมภาพันธ์ 2015, 11:00:56

ฝ่าเท้าหยาบทาบทานดินดานอ่อน
อาทิตย์ร้อนเที่ยงกายมิบ่ายหลบ
จวบจนแสงแดงเรื่อเมื่อจวนพลบ
มืดมัวกลบพอพึงจึงผ่อนพัก

ย่างย่ำเดินดอนดงลงลุ่มกว้าง
สองฟากทางหนามเหนี่ยวเกี่ยวกรีดปัก
หินลูกรังลื่นล้ำน้ำทะลัก
เท้าสุ่มสักกันล้มจมเลนโคลน

เลียบห้วยหนองคลองธารผ่านนาสวน
มิรบกวนใหญ่น้อยสัตว์ห้อยโหน
ต้นเต้าแตงแฟงฟักหักเอนโอน
เลี่ยงเอะอะตะโกนโพนทะนา

เลือกสถลพ้นคามเขตรกชัฎ
เงียบสงัดร้างร่มสมเสาะหา
หยุดยั้งปลดกลดมุ้งถุงสัมภาร์
ปูเสื่อสานั่งลงบริกรรม

นิ่งสงบจบขจัดปัดกิเลส
แจงสาเหตุยกจิตจากคิดต่ำ
รักละโมบโลภหลงกงเกวียนกำ
โกรธชนักชักนำตัดสัมปราย

มิยึดติดชิดบาปลาภรานริ
ใช้พุทธิวิทูสู่เป้าหมาย
กำหนดกินชินคู่อยู่สบาย
แบบเรียบง่ายกายว่างใจบางเบา

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: โกรธกันทำไม? โกรธแล้วได้อะไร?
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 26 มีนาคม 2015, 19:27:51

เปรียบถนนหนทางว่างราบรื่น
ไร้คันคลื่นประปรุขรุขระ
ไร้ร้อนลนฝนลมโถมปะทะ
ไร้พาหะยวดยานผ่านสวนแซง

ปล่อยอารมณ์ชมเสิบเคลิบเคลิ้มฝัน
ประดอยร้อยกลอนกลั่นรำพันแผลง
ประเลือดอาบฉาบพิษฤทธิแรง
ประโลมแทงสวาทคาดมารยา

เพลินดื่มด่ำทำนองครองประโยชน์
มากกองโกฏิสุขสันต์ซ่านหรรษา
พันราตรีคลี่มันพันทิวา
เสน่หาฤาห่อนคลอนคลายจาง

เร้าบรรเลงเพลงโหมโสมนัส
กอปรกำหนัดคาวคลุ้งสืบรุ่งสาง
ประทับใคร่ให้หวนคร่ำครวญคราง
เว้นวรรคห่างเพียงครู่รี่จู่โจน

ลืมโศกศัลย์รันทดอดน้ำข้าว
สมสู่สาวพราวสาตร์พลิกผาดโผน
แสร้งสมมุติจุดจุกเปลวลุกโชน
ประหนึ่งโยนขลาดเขลาเร่งเป่าไฟ

เกิดมืดบอดบังแสงแห่งปัญหา
สิ้นผญาตรากฎบดแก้ไข
ลองสงบลบโกรธเลิกโทษภัย
สติมั่นกลั้นไว้ได้ร่มเย็น

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: หยิบเพื่อนมาวาง
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 06 มิถุนายน 2015, 13:34:43

เวลาทดหมดลับกับเตร็ดเตร่
สนุกฮาเล่นเฮเถลไถล
แบ่งส่วนหารการเรียนพากเพียรไป
สำเร็จได้หน้าที่มีงานทำ

สิ่งแวดล้อมปนเปื้อนคบเพื่อนฝูง
ชวนชักจูงสู่อบายกายถลำ
เจ้านายดีเจือจุนคุณธรรม
ช่วยโน้มนำเลี้ยงดูเป็นผู้คน

เขากลับตัวกลับใจใฝ่ก้าวหน้า
ยอมทุ่มเทปัญญาไม่ว่าบ่น
ให้กับงานกับเรียนปรับเปลี่ยนตน
ขึ้นทำเนียบเทียบชนชั้นปกครอง

ครอบครัวอยู่คู่ค้อมเคียงพร้อมพรัก
เกิดลูกรักดั่งหมายหญิงชายสอง
พบสดชื่นรื่นรมย์สุขสมปอง
ลาภยศเกียรติกึกก้องรองกำจาย

วันนี้ขออนุญาตหยิบเอาเพื่อน
มาเยี่ยมเยือนพักผ่อนเมื่อตอนสาย
พูดคำเก่าเล่าความหลังยังมากมาย
เปรียบ"ต้นร้ายปลายดีย่อมมีคุณ"

หยุดเขียนชั่วมัวเมาเคล้ากิเลส
หยุดสาเหตุคับแค้นแสนขมขุ่น
หยุดการเมืองการมุ้งยุ่งชุลมุน
ขอแอบอุ่นไอรักสักคนเนอฯ

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ๐ จ้างเท่าไรก็ไม่สำเร็จ ๐
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 26 สิงหาคม 2015, 05:37:19

รับสีแดงแบงก์ใบใส่กระเป๋า
เสื้อหม่นเทาแนบชิดพับปิดฝา
ท่องพึมพำคำมั่นทวนสัญญา
ปริวาจาเมื่อไรต้องใช้คืน

นึกกระหยิ่มยิ้มย่องของกล้วยกล้วย
ปากพารวยเหมือนฝันโชคพันหมื่น
หาบสาแหรกแบกเกลือเมื่อวานซืน
บ่าลู่ลื่นบ่ายคล้อยรับร้อยเดียว

แบงก์ใหม่ใหม่ได้กินลูกชิ้นเสียบ
จับตะเกียบนิ้วบีบคีบก๋วยเตี๋ยว
จิ้มปลาร้าปลาเผาเหล้าเพียวเพียว
ม่วนเดินเที่ยวงานฉลองมองเมียงู

ชั่วโมงผ่านนานไปให้อึดอัด
ลมขึ้นยัดคอคางเสียดหว่างหู
จุกอกขำลำไส้ไหลออกรู
อั้นไม่อยู่เหลืออดตดบรรลัย

เห็นอ้ายต๋องย่องตอดกอดอีผัน...
เห็นอีจั๋นเงยก้มนมใหญ้ใหญ่...
เห็นอียังนั่งเยี่ยวถอดเตี่ยวใน...
เห็นอ้ายใบไล้ลูบจูบอีนาง...ฯลฯ

มันคับอกคับใจไม่ไหวแล้ว
จึงรีบแจวพายถ่อขอสะสาง
ห้ามนินทานาทีไม่มีทาง
นี่สตางค์จ้างปิดปากเอาคืนไป

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: เราจะได้เกิดเป็นอะไรละนี่?
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 13 กันยายน 2015, 20:05:24

ยังชีวิตจิตใจชอบไขว่คว้า
เพื่อนำมาเสนอบำเรอขวัญ
จตุจัดปัจจัยไว้ครบครัน
มากไม่อั้นรู้จักพักพอเพียง

จึงหมกมุ่นถุนต่ำกำกิเลส
ตายเป็นเศษผีไพร่ไร้ร่างเสียง
สำนึกก่อนซ่อนเร้นสื่อเอนเอียง
ยึดตั่งเตียงหน้าต่างว่างประตู

สวนนาไร่ไหหับหวงทรัพย์สิน
ที่ทำกินดินทรายวัวควายหมู
รสอาหารหวานจางก้างปลาทู
ญาติยอสู่ใคร่ลิ้มลองอิ่มเอม

หวังดูดมชมดอมดังหาไม่
ปากซูดไซ้เคี้ยวบดอดเกษม
รับรู้แต่แค่จิดคิดปรีด์เปรม
ถูกคุมเข้มด้วยบาปหยาบวิญญาณ

หากกรมดีชี้นำกระทำให้
เกิดครั้งใหม่ไร้ทุกข์พบสุขศานติ์
หากกรมชั่วชี้ตกนรกมาร
อยู่บาดาลดงดอยหลายร้อยปี

ตายเป็นเปรตเขตวัดสัตว์อสูร
กอบกินมูลเยี่ยวหยดหมดศักดิ์ศรี
หากรีบสร้างเสริมบุญคุณความดี
เกิดอีกทีเลิศล้นคนแน่นอน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: เอาใจช่วย แก้วมณี สู้สู้
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 03 ตุลาคม 2015, 20:34:56

นับประการเกิดได้ในชาติหนึ่ง
รู้พอพึงสมมาตรวาสนา
เป็นเจ้าจองครองเมืองเลื่องลือชา
เพราะบุญญาเก่าก่อนย้อนก่ายเกย

รูปชั่วตัวดำดับอัปลักษณ์
ผมหยิกหยักสางสากปากห้อยเผย
เขี้ยวแตกหน่องอโง้งดังโด่งเงย
คิ้วลากเลยดกหนาตาปูดโปน

สูงเทียมตึกยึกยักยืนปักหลั่น
อวดก๋ากั่นเดินดอยลอยเหาะโหน
กำกระบองกวัดเก่งเบ่งตะโกน
ประกาศโค่นฆ่าผลาญเผาบ้านเมือง

โตลำตัวแต่ใจกะจิดริด
มันสมองมูกมิดคิดไม่เฟื่อง
เขาสมัครรักใคร่ไงขุ่นเคือง
ก่นร้ายเรื่องโทษทัณฑ์เกินหวั่นเกรง

ผิดนางเจ้าจุติปฏิสนธิ์
เกิดเป็นคนคุณนำเคราะห์กรรมเฉ่ง
ซ่อนพิไลใบหน้าม้าตุเลง
ถูกข่มเหงบ่นเบื่อสิ้นเยื่อใย

เมื่อพิบัติพัดพาคราคับขัน
เข้าโรมรันกับยักษ์ยอมตักษัย
ป้องเวียงวังยังคู่ภูวนัย
ด้วยน้ำใจล้ำเลิศประเสริฐงาม

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ยินเด็กข้างบ้านบ่นกัน...
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 22 ตุลาคม 2015, 06:10:45

ความยากจนบนเส้นเกณฑ์บังคับ
อยากขยับกู่ก้องเรียกร้องสิทธิ์
เศร้าเกาะกุมสุมกมลคอยพ่นพิษ
โอกาสปิดหมดว่างทางสังคม

อ้างเรียนร่ำต่ำจุดจบวุฒิน้อย
ขาดเด่นด้อยชำนาญชาญสะสม
ไม่ตรงต่างสาขาเขานิยม
เลือกชื่นชมแนวหน้าสถาบัน

ใช่ญาติยอยอต่อเนื่องฟูเฟื่องยศ
ชื่อปรากฎแสดงตำแหน่งขั้น
ไม่รู้จักมักจี่มีสัมพันธ์
ลงคำมั่นสัญญากล้ารับรอง

ใช่หล่อล่ำอำนวนสาวสวยผึ่ง
กะเต็งหนึ่งถึงพลาดก็อาจสอง
อยู่หลังแรงแซงนำล้ำหน้าจอง
เราเลยต้องไหม้หมกเดินตกงาน

เด็กบ้านนอกขอกแดนแสนทุกข์เข็ญ
ถูกเอาเป็นตัวประกอบเพื่อนสอบผ่าน
ว่าถูกต้องตามแบบระเบียบการ
ติดลูกหลานท่านเธอเสนอมา

ความยากจนบนเส้นเกณฑ์วิถี
สิบแปดปีที่ฝึกเพียรศึกษา
สิ้นทุนรอนอ่อนเพลียเสียเวลา
ท้ายกลับนานอนเถียงไล่เลี้ยงควาย

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: สิ่งที่ได้เห็น
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 14 ธันวาคม 2015, 17:19:16

เป็นของเก่าเขาเบื่อคนข้างบ้าน
ผ้าลูกหลานเคยหลวมก่อนสวมใส่
เดี๋ยวนี้สั้นพอจับหรือคับไป
เก็บพับไว้ไม่เอาเผาโยนกอง

เห็นเสื้อเราเก่ากลั้วสีมัวหม่น
แถมยับย่นคอปกอกไหล่ถอง
รอยตะเข็บเย็บมือไม่น่ามอง
กระดุมสองเม็ดบนหล่นลงดิน

คราบติดแขนขวาซ้ายป้ายขี้มูก
ยามโชยถูกต้องดังยังได้กลิ่น
ร้อนพาดราวหนาวทนฝนหลั่งริน
จวบปีสิ้นนานเกินเขินสะดือ

รูทะลุปุปนด้นเข็มซ่อม
ใส่ถนอมพากเพียรเรียนหนังสือ
ซักสบู่ถูคลี่ขยี้มือ
ลมกระพือแห้งผากตากผึ่งราว

ผ้าติดเนื้อเสื้อตัวใช่ชั่วช้า
วัดคุณค่านอกในกายใจขาว
เลื่อมแพรพรรณมันพร่าใบหน้าพราว
เหม็นโฉ่ฉาวคาวสดคดโกงกิน

เสื้อมือสองของเก่าเขายื่นให้
มีสวมใส่ไม่ซ้ำลบคำหมิ่น
วนหมุนเวียนเปลี่ยนกันวันละชิ้น
แค่นี้จนติดดินก็ยินดี

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ปลง...หยุดหลายวันคิดอะไรไม่ออก
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 02 กุมภาพันธ์ 2016, 06:27:13

เคยคะเนนับหนึ่งเรื่อยถึงร้อย
ร่นถดถอยกึ่งกลางหว่างหน้าหลัง
แล้วฟันธงลงหมุดจุดภินท์พัง
เผาหรือฝังพอดิบห้าสิบปี

รีบขุดคุ้ยลุยงานไม่ยานหย่อน
หาบแบกคอนหนักเบาเอาทุกที่
รายได้เสริมเพิ่มแบ๊งก์เมื่อแรงดี
ครอบครัวมีแม่ลูกผูกพันใจ

จวบคืนวันมั่นคงวงชีวิต
ครบลิขิตมรณาอายุขัย
ยังขบเคี้ยวเรี่ยวแรงแกร่งนอกใน
คือกำไรได้อยู่ดูโลกนาน

ทำดีเด่นเห็นทั่วลืมตัวบ้าง
สิ่งชั่วสร้างวุ่นวายหลายสถาน
ถ้าชั่วหมดอดภิรมย์ชมพิมาน
ยมบาลเว้ยว้ากกระชากคอ

จึงไหว้สวดกรวดน้ำมื้อค่ำเช้า
ชดใช้เจ้าเวรกรรมก่อนทำถ่อ
กิจกุศลหนใดไม่รีรอ
หวังเติมต่อก่อบุญหนุนอนันต์

เรื่องอายุยากเดาถึงเท่าไหร่
หยุดหายใจล่วงลับธาตุดับขันธ์
เทียนสิ้นไขไส้วอดมอดช่างมัน
ขอสุขสันต์กับการอ่านเขียนกลอน

รพีกาญจน์




หัวข้อ: Re: ***หวานหวาน ทานไหมครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2016, 21:16:13

ครั้งเป็นบ่าวยาวยืดกึ๊ดเติงหา
วันเวลารำวงโค้งสาวสวย
นุ่งกระโปรงองค์เอวอ่อนระทวย
แก้มแดงขวยเฉเฉียงยิ้มเอียงอาย

รอบแรกฟรีรอบสองบัตรจองเหมา
โบว์เบอร์เก้าโสภาช้าอาจสาย
ร่างสูงต่ำดำแดงแทงใจชาย
สะโพกผายอกโตโอดี๊ดี

ซื้อรวดใบไปเลยรำสิบรอบ
ของมันชอบนี่ครับครับคุณพี่
ยกมือเท้าเข้ากลองพ้องดนตรี
ขย่มทียักคิ้วแลหลิ่วตา

เสียงเพลงร้องก้องกึกดังครึกครื้น
หยิบบัตรยื่นนางรำยืนรอท่า
จังหวะเร่งเร็วร้อนค่อยผ่อนรา
เป่าปากอ้าหายใจแทบไม่ทัน

จวบจนดึกดาวคล้อยเดือนลอยต่ำ
เห็นนางรำขยี้ตาหาวหน้าหัน
บัตรค้างเหลือรำลาสาละวัน
สุดท้ายนั้นเลเล้มาซีลอน

ยังกึ๊ดเติงเถิงเธอสาวเบอร์เก้า
ตังค์หมดเป๋าเหลือหัวตัวล่อนจ้อน
สวมสาแหรกแสกคานขึ้นหาบคอน
น้ำอ้อยก้อนห่อตองร้องขายไป
น้ำอ้อยก้อนจากไร่ซื้อไหมท่าน
น้ำอ้อยก้อนหวานหวานทานไหมครับ

รพีกาญจน์


เมื่อเด็กชอบเต้นรำ เป็นครูสอนร้องรำ ออกครูรับใช้เจ้าปู่ก็ฟ้อนรำ
เมื่อเด็กชอบกินน้ำอ้อย โตขึ้นขายน้ำอ้อย แก่ซื้อน้ำอ้อยทำขนมขาย
แปลกจริงหนอ...





หัวข้อ: Re: ด่าก็ได้ขอให้ด่าเป็นกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 07 มีนาคม 2016, 12:48:03

หากผอมแห้งแรงน้อยเป็นง่อยเปลี้ย
หากอ่อนเพลียเสียธาตุขาดอาหาร
หากกินดิบหยิบสุกโรคลุกลาม
หากน้ำตาลมานเหน็บเจ็บตับโต

หากอ้วนองค์ลงพุงท้องตุงเตี่ยว
หากยืนเยี่ยวเดี๋ยวขัดเดี๋ยวผลัดโผล่
หากหัวเกรียนเตียนบางอย่างแตงโม
หากอกโย้ยื่นหนักทะลักทรวง

หากแฟนพรากจากนาไม่ลาบอก
หากวัวออกคอกค่ายหายจากข่วง
หากไร่แห้งแล้งโคกฟ้าโลกลวง
หากช่อม่วงร่วงเสียเพลี้ยเกาะกิน

หากขาดเงินเทินต้นฮอร์โมนสาร
หากจอบผานก้านไถใบหักบิ่น
หากน้ำท่อบ่อทรุดหยุดหลั่งริน
หากที่ดินดานดูกถูกยึดครอง

หากอะไรไม่สมอารมณ์หมาย
หากวุ่นวายคายสุขทุกข์เศร้าหมอง
หากรักหวานพานขมระทมจอง
หากเก็บดองขมองฝืดอึดอัดใจ

ลองวาดภาพอาบสีคลี่อักษร
แต่งกาพย์กลอนฟ้อนฟายระบายได้
หากโงงมจมแท่นละแฟนไกล
เชิญแก้วตาด่าไว(ขอ)ให้เป็นกลอน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: วิกฤต ครับ วิกฤต
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 23 เมษายน 2016, 21:57:31

คงรับสิทธิ์พิเศษแบบเด็ดขาด
แถมอำนาจบาทใหญ่ในเขตขัณฑ์
ยกมือชี้ตีเส้นเวนไพรวัลย์
ล้อมกรอบกั้นห้ามเข้าเนินเนาตู

จะเปลี่ยนแปลงแต่งตับปรับผิวพื้น
เสียงโครมครืนเครื่องยนต์โค่นแดงดู่
ขอเหล็กขุดฉุดดึงกรึงสกรู
ชักลากถูแล่นตรงเข้าโรงงาน

ดอยทั้งม่อนกร้อนเกลี่ยเรี่ยลงต่ำ
ดันถมถ้ำเถื่อนถ้วยห้วยละหาน
แจงขนัดสัดส่วนพรวนดินดาน
ข้าวโพดหวานมันถั่วเลี้ยงวัวควาย

ปลูกถี่ห่างยางยูงพืชสูงค่า
ล่วงเวลาแก่จัดก็ตัดขาย
ฝนตกเซาะเลาะหินซึมดินทราย
ลับเหือดหายร้อนเผาลมเป่าแรง

ขาดร่มไม้ใบบังปกอังอุ่น
น้ำข้นขุ่นขอดขาดห้วงหาดแห่ง
พอดื่มกินรินหุงปรุงข้าวแกง
ล้นบ่ายแบ่งนาไร่หยดไม่มี

เลื่อยยนต์สีส้มแสดแผดสะท้าน
สะท้อนมานเร่งลดบดขยี้
ลำไยอื่นยืนต้นตายป่นปี้
เหลือธุลีซากตอคลอน้ำตา

รพีกาญจน์

ข่าวไทยนิวส์ ชาวบ้านสองฟากฝั่งปิงเชียงใหม่ลำพูน แย่งน้ำหวิดปะทะ


หัวข้อ: Re: แค่นี้ก็ได้บุญแล่วล่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 21 พฤษภาคม 2016, 12:24:35

เขายากจนข้นแค้นแสนสาหัส
ไร้เบี้ยหวัดย่ำแย่แบมือขอ
เราอยู่ดีมีกินสินเพียงพอ
เจียดยกยอจากใจให้เป็นทาน

ด้วยชราหลังก่งลงงองุ้ม
ย่างแซะซุ่มเงยเงิบสอดเกิบสาน
ขยับยั้งรั้งรอก่ออาการ
รีบทะยานเข้าหาพาประคอง

หากผ้าดีที่จับคับหลวมเบื่อ
กางเกงเสื้อโสร่งกระโปรงถอง
หรือมีใหม่ใส่พริ้งทิ้งเก่ากอง
รวบรวมของแจกใครไร้ดูแล

งานห้องหอช่อฟ้าผ้ากฐิน
ได้ยลยินระนาดปี่พาทย์แห่
ถือต้นตุงถุงธงพานพับแพร
เป็นเถ้าแก่พยานงานวิวาห์

กินข้าวปลาอาหารติดจานเศษ
โปรยไก่เป็ดนกหนูแมวหมูหมา
หมั่นตักบาตรหยาดน้ำพร่ำพุทธา
ก้มไหว้สาสุปฏิปันโน

ใช่สิ้นเปลืองเรื่องยากลำบากยุ่ง
เพียงจิตพุ่งดำริอิติปิ โส
มิหาบหอบมอบทองของก้อนโต
ก็สุโขเช่นฝันนิรันดร

รพีกาญจน์


หัวข้อ: Re: เก่าแล้วเป็นไง ฮึ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 02 มิถุนายน 2016, 14:52:35

รถกระบะที่ซื้อบ้านมือสอง
โอนครอบครองปลายปี2543
เป็นรถเก่าของครูดูดีงาม
ใช้วิ่งตามหนทางยางมะตอย

ล่างคัสซีตัวถังลูบยังเรียบ
เครื่องยนต์เงียบเกียร์ห้าเดินหน้าถอย
ลุยโรงเรียนใช่อื่นขึ้นลงดอย
ก็ไม่บ่อยสัปดาห์สี่ห้าวัน

รู้ว่าผมลำบากยากจะได้
สภาพดีถูกใจค่าไม่หวั่น
อีกอย่างเขาเก่าใหม่มีหลายคัน
ขายแบ่งปันสักหนึ่งเคยพึ่งพา

เช้าถึงสวนจอดนิ่งเย็นวิ่งกลับ
บางคราวขับกินลมชมพฤกษา
ร่วมประชุมราษฎร์รัฐพัฒนา
เข้าวัดวาเจริญธรรมนำครรลอง

สิบเก้าปีสี่เดือนยังเหมือนใหม่
สีลูไซท์พรีเมียมวาวเอี่ยมอ่อง
เครื่องยนต์ฟิตติ๊ดซึ่งบึ่งคะนอง
แค่แสนสองหมื่นห้าหน้าปัดไมล์

บอกรถเก่าเจ็ดปีภาษีเพิ่ม
บ้าซ้ำเติมคนจนทนถึงไหน
อ้างมลพิษเศรษฐกิจจะก้าวไกล
แท้เอาใจกลุ่มทุนสมุนนาย

ข่าวบี้รัฐขึ้นภาษีรถเก่าเกิน 7 ปี

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...วันนี้...เศร้าครับเศร้า
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 07 กรกฎาคม 2016, 18:04:59

แรกเกิดมาฝ่าเท้าเจ้าเทียบหอย
มีแม่คอยป้อนนมน้ำตำข้าวบด
คอยปัดเหลือบริ้นไรไต่ตอมมด
คอยจ้องจดอดหลับขับกล่อมนอน

คว่ำ คลาน นั่ง ตั้งไข่ ไต่ตุตะ
มา แม่ มะ มำ มำ คอยพร่ำสอน
ยกมือไม้ไขว่คว้าท่วงท่าตอน
ยามออดอ้อนผ่อนปรนโอนตามไป

สะดุ้งนิดจิตหวั่นสั่นสะท้าน
ร้องลั่นบ้านดังจ้าน้ำตาไหล
รีบโอบอุ้มหุ้มหอบลูบปลอบใจ
หยิบเส้นไหมผูกมั่นเรียกขวัญยืน

กี่เนานานผ่านปีกี่ร้อนหนาว
กี่ครั้งคราวฝนชุกทุกข์สุดฝืน
กี่ป่วยเจ็บเหน็บตรมขมกล้ำกลืน
คอยวันคืนกลับถิ่นพร้อมปริญญา

คือความฝันบั้นปลายท้ายอายุ
เจ้าบรรลุหวังวาดปรารถนา
เป็นคนดีมีงานทำช่วยนำพา
ชื่นชีวาอนาคตโรจน์รุจี

เอ็งมนุษย์ผุดลุ่มเขตขุมไหน
สัตว์วิสัยอำมหิตผิดภูตผี
เคียดคลุ้มคลั่งฆ่าแค้นแม้นสตรี
โทษเยี่ยงนี้ชำระให้ ประหาร!

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: แบบเบาเบา เสาร์อาทิตย์
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 30 กรกฎาคม 2016, 12:56:53

เด็กอยู่เถียงเลี้ยงควายดายหญ้าเขียว
มือกำเกี่ยวผักกุ่มขึ้นลุ่มหนอง
ปีนกระโดดโลดเต้นเล่นน้ำคลอง
กอดเข่ามองกองฟางไฟย่างปลา

โตอยากเป็นเห็นสงฆ์ลงโบสถ์สวด
เป็นตำรวจกวดโจรร้ายปล้นฆ่า
นายอำเภอเพ่งเคร่งครัดพัฒนา
เป็นโยธาเทถมงานกรมทาง

เป็นนายแบงก์แต่งสูทพูดเพราะหวาน
เป็นทหารยินยอมพร้อมพลีร่าง
พ่อค้าหวยรวยรับนับสตางค์
หัวหน้าช่างชำนาญซ่อมยานยนต์

รักษาไข้ใจบุญเป็นคุณหมอ
ขับรถหวอหาญห้าวจ้าวถนน
เป็นนักสู้ผู้แทนแกนมวลชน
ขับดั้นด้นม่วนคักนักดนตรี

มือกำมีดกรีดแทงแสดงหนัง
เป็นจับกังกินเหล้าเฝ้าโรงสี
ส่งจดหมายหมาไล่ไปรษณีย์
หลายเดือนปีจะครบจบเล่าเรียน

เพราะจนจัดวัดวาอยู่อาศัย
เศษปัจจัยก้นบาตรขอวาดเขียน
ข้าวเย็นปลาซาร์ดีนกินวนเวียน
สุดท้ายเปลี่ยนชีวิตคิดเป็นครู

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ดู๊ ดู ดูสิมันทำได้
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 21 สิงหาคม 2016, 21:48:01

สุมหัวสิบจิบเบียร์เชียร์ออกหน้า
เหล่าประดาเต้นผางสร้างกระแส
ปลอกคอโตโซ่ใหญ่ใครตอแย
ชอบยุแหย่ยียวนกวนอารมณ์

เดินหลอกล่อต่อตำตั้งคำถาม
หากหลวมลามตามบ่วงจ้วงจับห่ม
ถูกเป็นผิดบิดเบนกะเข่นจม
ครั้นมิสมดังผลด้นด้านไป

มิถือญาติฟาดพี่ตีพวกพ้อง
กดรุ่นน้องคาฟากยากเติบใหญ่
เอาด้วยตูชูชื่อลือวิไล
ขัดเมื่อใดแจกแข็งตบแรงปัง

ถูกจับได้ไล่ทันหันหือหา
เออืออาว่าปูมภูมิพื้นหลัง
เป็นคนดีมีเซ้นส์เด่นโด่งดัง
รวยสตังค์น้อมนำอยากทำบุญ

ใช่รู้จักมักเคยเลยน้อยนิด
หน้าบูดบิดงอมือสะดือจุ่น
เห็นงานยุ่งพุงใหญ่ให้เป็นทุน
ค่าหมูตุ๋นน้ำยาห้าหกปอนด์

สุมหัวสิบจิบเบียร์เลียแข้งขา
โห่ฮิ้วฮาไชโยสโมสร
คงสะใจได้บึ้มบ้านเมืองนอน
เที่ยวหลอกหลอนชูคอทาสพ่อมด

รพีกาญจน์





หัวข้อ: Re: เหตุผลไม่แต่งกลอนรัก
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 19 กันยายน 2016, 13:12:34

ลุกก็โอยนั่งโอยโอยโอ๊ยเจ็บ
ปวดในเหน็บชายโครงกระโดงก้น
ยอบลงนั่งหลังแอ่นโลดแล่นบน
ตึงรอบต้นคอคล้ายจดท้ายทอย

มือขยับจับราวสาวโหนลุก
เอ็นกระตุกติดติดบิดบ่อยบ่อย
บ่าไหล่ลามกล้ามเป่งเกรงซ้ำรอย
ตะคริวคอยคลุกเคล้าเข้าโจมตี

แสนสุดฝืนยืนยั้งตั้งหลักมั่น
แข้งขาสั่นหวั่นไหวใจเต้นถี่
ทุกก้าวย่างทางลื่นคันคลื่นมี
ระวังดีหลุมดินหินทรายเรียง

มัวก้มเงยเลยจอดถอดแว่นเช็ด
น้ำตาเล็ดต้องแดดร้อนแผดเปรี้ยง
เห็นรถแห่แตรดังบังหูเอียง
ได้ยินเสียงเพี้ยนคำคนขำฮา

เฉาวันเฉาอาซิดย์พูดติดอ่าง
กรรไกรค้างกรามคลอนถอนฟันหน้า
สองแก้มดูกจมูกหดหมดราคา
โรยชราเลอะเลือนตามเตือนตน

หยิบปากกากดถือยกมือจ้อง
คิดหาคำคล้องจองลองหลายหน
กลับกร่อยหวานพานชืดซึ้งมืดมน
คือเหตุผลไม่อยากแต่งฝากรัก

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: เธอเบียดเบียนสัตว์ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 07 ธันวาคม 2016, 20:58:00

ฝนตกพรำน้ำหลั่งขังอ่างแอ่ง
ตะวันแลงชิงพลบกบแหวกว่าย
เขียดแล่นโลดโดดผึงอึ่งตะกาย
ต่างมุ่งหมายชุ่มฉ่ำผุดดำใน

แสนสนุกสุขพาประสาสัตว์
ดึกสงัดส่งเสียงสำเนียงใส
จับชู้เชิงเริงรมย์เสร็จสมใจ
อุบัติใหม่ไข่น้อยลอยเป็นแพ

หญิงชราหน้าเนือยนาม"เอื้อยแสง"
รีบจัดแจงจุดไต้คบไม้แคร่
เยื้องย่างกายกำข้องจ้องตาแล
รอบเซ็งแซ่พลันดับจับตะครุบ

เขียดผ่าท้องล่องไส้เสียบไม้ตาก
กบขาลากรัดเอวกิ่วกระดุบ
ขายกาดมั่วคั่วแกงถูกแทงทุบ
อึ่งอบอุบไฟอ่อนล่อนเนื้อมัน

จับปูปลานาหนองจองเถื่อนถ้ำ
เป็นประจำดิ้นรนจนลับขันธ์
บาปรายเรียงเสบียงบุญหนุนชีวัน
อีกชาตินั้นสบโศกโลกมนุษย์

ตั้งแต่เล็กเด็กโตซูบโซผอม
กลางแก่หง่อมผ่าตัดอุตลุด
ทั้งตับไตไส้พุงยุ่งยกชุด
รอถึงจุดกำหนดหมดใช้กรรม

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: อวดรวย
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 10 มกราคม 2017, 20:58:15

ก็อยากเช่าเหมาเหมาะเหาะเหินฟ้า
ชมตะวันจันทราดาราสวย
ยากฉิบหายจ่ายสะบั้นเพราะฉันรวย
ขาวสาวหมวยโอบอ้อมล้อมเคลียคลอ

สั่งอาหารทานมื้อซื้อเต็มโต๊ะ
อิ่มแล้วโละลงถังทิ้งลงท่อ
พักห้องหรูผู้เดียวเหลียวรอบจอ
น.ป.ภ.เดินดุ่มคอยคุ้มกัน

ร่วมพิธีมีเกียรติเบียดชิดไหล่
ผู้ยิ่งใหญ่ปรากฎเรียงลดหลั่น
ยื่นจับมือถือแถมแย้มยิงฟัน
ค้อมครับทั่นถามถูกผูกไมตรี

เชิญตกลงร่วมทุนเอี่ยวหุ้นค้า
พิเศษพาเพิ่มยอดปลดปลอดหนี้
วัตถุหลักหนักเบานำเข้าฟรี
บวกภาษีเพิ่งเจอศูนย์เปอร์เซ็นต์

ย่างขยับปั๊บสื่อกระพือข่าว
บอกเรื่องราววูบวาบภาพพ้องเห็น
เทิดเทียมฟ้าห้าภพจบประเด็น
จัดท็อปเท็นเลื่อนไหลในคือข้า

หลงมืดมัวตัวเลขโลภเสกเป่า
กูลโกฎิเท่าเขาขัวหวัวฮ่าฮ่า
ลืมอายุลุล่วงช่วงชรา
กู่เอกาหน้าหมองบนกองเงิน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: เรื่องอาหารการกิน
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 03 กุมภาพันธ์ 2017, 20:54:22

สั่งใส่น้ำยำแห้งแต่งปรุงข้น
ตักราดบนมันหวานจานข้าวสวย
วางก้อนกรีดมีดปาดถาดเสิร์ฟอวย
นอนในถ้วยปั้นบิจิจุ่มคา

บ่นหิวมากอยากกินรินใช้ช้อน
เร่งใจร้อนพักน้อยงานคอยท่า
บ้างละเอียดออมอดรสโอชา
โน้ตล่วงหน้าพร้อมเพลินเพื่อนเนิ่นนาน

วัสดุจุวางอย่างเต็มสูตร
นามเบสท์ฟู้ดส์ครบเครื่องเรื่องอาหาร
ยกหยิบง่ายซ้ายขวาคราต้องการ
ผู้เชี่ยวชาญจับจั่วคั่วต้มแกง

ยอดฮือฮาลาตินจีนฝรั่ง
เมนูดังยิวแขกแปลกปนแผลง
เรี่ยมเกาหลีญี่ปุ่นวัยรุ่นแรง
แต่ยากแซงนิยมชมชอบไทย

พริกกะปิปลาทูเต้าหู้ทอด
ลวกหอยหลอดผักเสี้ยวหอมเจียวไข่
ลาบหลู้ขมนมหนอกยอกตับไต
เขียวหวานไก่ไส้อั่วจอบัวลอย

อิ่มดีดซึงตึงตังฟังเสียงคลื่น
ยามดึกดื่นวังเวงร้องเพลงฉ่อย
นอนเกาพุงยุงจับหลับตาม่อย
วอนอย่าถอยรถถังพังร้านรวง

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: กลอนน้ำเน่า
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 15 มีนาคม 2017, 21:36:29

มีดปาดเถือเกลือหมักเกรงจักเน่า
ทั้งปลาร้าปลาเจ่าเก่าแล้วหอม
เปิดปากโอ่งโล่งดังได้ดมดอม
แมงวันตอมว่อนวับเครื่องรับรอง

กรรมวิธีมีปลาสักว่าง่าย
ปลาแบนบางก้างหลายหงายพุงป่อง
ล้วนแต่ไส้ในขมอาจมพอง
แหวกแคะดองพริกจี่อรีดอย

ต้องตะเพียนเนียนแน่นหลังแผ่นหนา
ทิพย์รสโอชาปลาน้ำกร่อย
บีบมะนาวหอมใหญ่ตะไคร้ซอย
ขี้หนูลอยสุดแซบแอบกินกลืน

พึงสังเกตเกลือเค็มผลเต็มสูตร
ไม่เน่าบูดฟอนเฟะเละเหม็นหืน
ใช้เกลือด่างล่างตกตะกอนพื้น
ปี๊บถังอื่นอ่างไหล้างไฟรม

เดือนดาวมุดจุดเทียนเวียนปากโอ่ง
เดินโทงโทงหลับตารอบอาศรม
เสกสามคราคาถามหานิยม
โอม ชมชมดมดอมหอมเฮงเฮง

นิ้วจิ้มกดบทกลอนแต่งตอนดึก
ปิดผนึกรวมเก่าเน่าในเข่ง
ล้วนร้อยคำซ้ำซากกากบรรเลง
ใช่ฉันเองเขาเบื่อหน่ายเหลือแล้ว

รพีกาญจน์




หัวข้อ: Re: พบนางฟ้าก็เขียนถึงนางฟ้า
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 18 พฤษภาคม 2017, 21:24:16

ครั้นนอนซมล้มป่วยด้วยโรคร้าย
แล่นสู่สายโลหิตจิตหวั่นไหว
กินยาลมต้มอุ่นสมุนไพร
นานวันไข้ระอุมิทุเลา

ไปร้านค้าหารือซื้อยาชุด
เหงื่อปุดปุดแปบเดียวเหนียวเหมือนเก่า
กล้ามกระตุกดูกเอ็นเต้นสั่นเทา
หายใจเข้าออกแผ่วแววโรยรา

วอนบ้านใกล้ได้โปรดเรียกรถหวอ
ส่งโรงหมอรอซักตรวจรักษา
ความดันต่ำน้ำเกลือเจือสารยา
สลบคาเตียงนอนเพลียอ่อนแรง

เช้ายังซึมลืมหลับยินขับขาน
พยาบาลก้มเงยเอ่ยยิ้มแฉ่ง
หยุดเยี่ยมแวะแนะนำคำชี้แจง
สอนแสดงบำบัดหมั่นดัดตน

เลือกอาหารการกินใช่ลิ้นอยาก
พืชผักกากมากเนื้อมักปวดก้น
ทำงานเบาเช้าเยียนเดินเวียนวน
ค่ำสวดมนต์ประณมจมภวังค์

ยากสิบสอยร้อยพันหมื่นสรรหา
เทียบนางฟ้าชุดขาวพราวสะพรั่ง
ขอตะโกนก้องไกลให้ดังดัง
แสนล้านครั้งยังมั่น ฉันรักเธอ

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ชอบชมท่านนายกฯแต่งกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 29 มิถุนายน 2017, 21:52:34

จะยืนย่างง้างถังเขียนหนังสือ
ยื่นหยิบถือมือชี้ที่ถนัด
ป้องกันภัยใครมาขวาก็ซัด
ยอดสมบัติพ่อแม่มอบแก่เรา

ว่องไวพลันฟันฉับจับมีดขวาน
ยามลงงานจอบขุดจุดฟืนเผา
ติดเครื่องพ่นต้นผักยกหนักเบา
สูบน้ำเข้านาสวนพรวนแต่งใบ

ลืมตะวันจันทร์ดาวพร่างพราวฟ้า
กรำแดดกล้าลวกลวกหมวกสวมใส่
มิอาทรร้อนเย็นเป็นอย่างใด
ฝนห่าใหญ่ชุ่มโชกโยกทวนลม

เข่งตะกร้าบ่าแบกสาแหรกขอด
ไม้คานสอดยักย้ายขายขนม
ยางตอกรัดมัดลิวหิ้วนิยม
คนผสมแป้งปั้นวันกี่ครั้ง

หลายสิบปีที่ทำนำเมื่อยล้า
ฉีดกินยาแก้ปวดนวดไหล่หลัง
โละงานเลิกละทิ้งอย่างจริงจัง
เห็นสตังค์ลอยไปให้เสียดาย

ยกนิ้วจิ้มพิมพ์กลอนสะท้อนจิต
กล้ามเอ็นบิดคิดผุดหยุดร่างร่าย
หากอยู่เหงาเฝ้ารังซังกะตาย
คงอับอายพ่ายแพ้แก่นายกฯ

รพีกาญจน์




หัวข้อ: Re: ช่วงเวลาเดินทาง
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 24 กรกฎาคม 2017, 21:27:07

ไถที่ลาดปาดดอนทอนลงกลบ
ถมหลุมหลบปกต่ำสม่ำเสมอ
วัดยาวกว้างข้างเบี่ยงเลี่ยงกะเฌอ
สูงสั้นเต่อโดดเด่นดอยเวียนวน

ติดฟันเฟืองเครื่องจักรหนักบดทับ
เดินหน้ากลับถอยหลังครั้งหลายหน
ลงทรายหินดินดันอัดชั้นบน
ราดถนนหนทางยางมะตอย

คิดคำนวณควรคาดมาตรฐาน
กะใช้การใช้งานนานใช้สอย
ใช่บางกร่อนอ่อนทรุดแซะหลุดลอย
เดินหน้าถอยคดเคี้ยวเลี้ยวมั่นใจ

สองขอบข้างกลางแบ่งแล่งทึบขาว
โค้งลากยาวเว้นช่องเท่าปล้องไผ่
ฝังหลักสีตีคร่าวราวต้องไฟ
สะท้อนใส่อย่าออกนอกแวงวาง

ช่วงสำคัญอันตรายปักป้ายหรา
เตือนล่วงหน้ารับรู้แม้อยู่ห่าง
ขึ้นลงเขาควากแขวะแวะริมทาง
จุดยืนร่างโต้ลมชมทิวทัศน์

ตูบเรียงรายขายผักผลแพ็กถุง
อาหารปรุงสั่งสดรสจืดจัด
ชีวิตรอดปลอดภัยให้ระมัด
ปฏิบัติตามบทกฎสัญจร

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: บ้องไฟบาป
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 15 สิงหาคม 2017, 09:48:32

ปากไม่สิ้นกลิ่นนมอมทอฟฟี
แน่ะราวีข้ามรุ่นชกคุณปู่
เจอแส้หยาบดาบจ่อเดี๋ยวก็รู้
กำเดาฟู่เช็ดดังว่ารังแก

ยังหละอ่อนด่อนแด่นไร้เดียงสา
สูงร้อยห้าสิบเซนก้นต่ำแต้
คนล้อมหน้าล้อมหลังระวังแจ
เดินขาแปส่งยิ้มแย้มยิงฟัน

เล่นข้าวของต้องใจให้หัวเราะ
ปากชมเปาะปรบมือฮือสนั่น
แค่บ้องไฟขึ้นฟ้าฟ่อพ่นควัน
สูงสิบชั้นร้อยเมตรเศษข้อมือ

ประกาศปักศักดาท้าเหยงเหยง
ประลองเพลงสักทีดีไหมหือ
ให้โด่งดังทั้งโลกเขาร่ำลือ
ว่าใครคือเทียมแท้แพ้ชนะ

ข้าชักจะอดรนทนไม่ไหว
เด็กอะไรไม่เคยพบไม่เคยปะ
ไร้ศีลธรรมสัมมาคารวะ
ชะชิชะปากพล่อยท้าต่อยตี

ข้าเตือนแล้วเตือนเล่าถ้าเจ้ารั้น
เตือนครบพันจะส่งลงเมืองผี
จุดบ้องไฟใหญ่น้อยปล่อยทันที
ทั่วธานีงดงามอร่ามตา

รพีกาญจน์




หัวข้อ: Re: สุดเหงา
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 24 กันยายน 2017, 21:14:34

ก็เกิดอยู่อย่างนั้นวันแรกเล็ก
เมื่อยังเด็กไม่ยุ่งเล่นสุงสิง
ร่วมเพื่อนชายซุกซนรนเช่นลิง
แอบเฉยนิ่งจ้องดินจนชินชา

ปลีกออกไปไกลโพ้นกระโจนข้าม
รั้วเขตคามคูคลองท่องธารป่า
เลยเตียนโล่งเลียบรกเลาะกกคา
ไต่แผ่นนผาพื้นพงขึ้นลงดอน

ค่ำคืนเห็นเย็นสบายตูบท้ายทุ่ง
เดือนลับคุ้งไร้เงาหมาเห่าหอน
ฝนตกพรำน้ำใสกลิ้งใบบอน
นกบินว่อนเช้าแจ้งรับแสงเงิน

ดนตรีดังรังควานงานป่าวร้อง
เข้าหับห้องเทิดธรรมพร่ำสรรเสริญ
สุมนินทาด่าทอพอเผชิญ
รีบดุ่มเดินเมินหน้าระอาอาย

ละพวกพ้องมองแปลกแยกก้อนกลุ่ม
สู่สุมทุมซุ่มเงียบกินเรียบง่าย
น้ำพริกไข่ข้าวเหนียวน้ำบ่อทราย
บ่าสะพายยามดำพรวนลำไย

ก็ชอบอยู่อย่างนั้นกันแต่เล็ก
ชีวิตเด็กเหงาเงิบถึงเติบใหญ่
เกรงลำบากยากจริงหญิงคู่ใจ
หล่อนเบื่อเราเมื่อไรขับไปตาย

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: มิตรเทียม
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 31 ตุลาคม 2017, 06:02:49

คงคิดรื่นชื่นชมดมตัวเลข
ขึ้นแป้นเสกสำเร็จผุดเม็ดผล
ปัจจุบันทันด่วนดีบัดดล
หวังวาดยลอนาคตปรากฎตาม

ประเมินศาสตร์คาดศิลป์ทอดจินต์ฉาบ
เพียงสร้างภาพหยาบเหยียดละเอียดหยาม
ย่ำหัวใจไทยเทศทั่วเขตคาม
ถ่มถ่อยพล่ามงามเทียบเปรียบด้อยดำ

จากร้อยพ่อพันแม่แซ่ด้านดื้อ
ต้องโทษถือทัณฑ์ถ่อขังเถื่อนถ้ำ
ริ้วรอยแส้แผลเป็นเข็ญจองจำ
งอหน้าง้ำย่องแย่งแห้งหิวโซ

หลายเชื้อชาติบาทมูลศูนย์ผสม
สู่สังคมจมดิ่งหยิ่งยโส
แบบตัวใครตัวมันกันเติบโต
ดังเกิดโผล่พ้นกอหน่อไผ่กลวง

จับศัตราท่าถอดสอดแทงทิ่ม
โปรยแย้มยิ้มหลังหันถลันจ้วง
แรงอิจฉาทาปากขากทะลวง
กี่ชาติช่วงอัศจรรย์มันห่อนพบ

เมื่อคิดชื่นรื่นรมย์ชมตัวเลข
หาเรื่องเสกเภทภัยไม่รู้จบ
ผีกระสือลือปอบใครชอบคบ
คอยเลี่ยงหลบชีวิตไกลมิตรเทียม

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: เพื่อนเอย
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 17 พฤศจิกายน 2017, 06:04:41

ใช่จับแน่นแค่นหมายทำลายดอก
เพียงโบกบอกติเตือนอย่าเลือนหลง
หากดื้อดึงขึงคำเจตจำนง
เรื่องใหญ่คงลงลากยากบางเบา

อย่าสลับสับหลีกปลีกวิเวก
ธรรมสรรค์เสกพิลาสลบขลาดเขลา
ธุดงค์ด่ำจำวัดศีลขัดเกลา
ละลำเนาเช้าเย็นเพ่งเพ็ญบุญ

ปฏิเสธเสพสรวงหวงอำนาจ
ครองผูกขาดตะแบงสำแดงหุ่น
สืบใยรักถักทอต่อสกุล
แถมวิ่งวุ่นฝุ่นตรลบกลบด่างดำ

กาลโอกาสชาติชายไว้ลายเส้น
หลบบังเร้นเรียบวิ่งรู้ดิ่งต่ำ
เซสะดุดฉุดตัวหัวคะมำ
รอบยอกยำแหลมหลาวสาวทิ่มแทง

รวมทั้งโกฎิกองทองสวมถือ
มิพอหรือลับซ่อนร่อนแสวง
ขืนอยู่ยุ่ยคุ้นค้นสนฉาวแดง
หลังงกำแพงพ้นปลอดฤารอดตา

ปลดแนบแน่นแค้นเคืองจำเปลื้องออก
แผลถลอกถึงหนักง่ายรักษา
วาดชีวิตคิดเอื้อมรอยเชื่อมคา
ต่อภายหน้าสำเร็จพิเศษงาม

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: เบื่อแท้น้อมันบ่เหนียว
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 15 ธันวาคม 2017, 21:32:51

วันนี้ยังลำบากด้วยเส้นเอ็นที่หัวไหล่ข้างขวา
ขาดสามเส้น เลื่อนกับหมอว่า เสร็จลำไยจะ
ขอหมอต่อให้ ราวๆสิ้นเมษายน 2561 ครับ

ปวดจมฝังทั้งปีจนที่สุด
จำเร่งรุดพึ่งพาปรึกษาหมอ
ไหล่ต้นแขนแน่นตึงถึงก้านคอ
อะไรหนอพอแย่แถคุกคาม

จับท่่อบิดติดวาล์วยกข้าวสาร
มันก็งานใช่แปลกหาบแบกหาม
เดินรอบต้นพ่นยารุ่งฟ้าฮาม
มือจับด้ามมีดกำไม้ค้ำยัน

ขุดลอกร่องช่องปลายระบายขัง
สับลูกรังเจอก้อนสะท้อนสั่น
เกรงไหลเลอเอ่อพื้นรีบขึ้นคัน
พนังกั้นน้ำเหนือผูกเรือแพ

ตัดไม้ลื่นฟืนดิบหยิบปอกง้าง
กะลาลางขูดขาวมะพร้าวแก่
ปั้นขนมต้มหมากสุกตากแบ
ลับมีดแล่หนังเนื้อเถือขายทาน

ลงความเห็นเป็นไปได้ทั้งนั้น
สิ่งสำคัญเรื้อรังเพราะสังขาร
มักเขื่องคุยลุยล่ำทำทุกงาน
ไม่เลือกกาลต้านตินาฬิกา

ขาดสองตามสามเส้นเอ็นหัวไหล่
ถึงอย่างไรไม่เถียงขึ้นเตียงผ่า
จะตายเกิดเถิดหมอขอเวลา
สิ้นเมษาเดือนเจ็ดเสร็จลำไย

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: แปลกแฮะ โอ่ตัวเองก็มีด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 25 มกราคม 2018, 22:10:31

หาบหามหิ้วนิ้วมือไม่อยู่สุข
ทำงานทุกชนิดติดนาไร่
เสร็จเข้าสวนพรวนดินปีนลำไย
ตัดตะไคร้ใบบอนถอนผักชี

เขากล่าวหาว่าอ้ายชายขยัน
กลางคืนทันกลางวันได้ไปด่วนจี๋
ตุ๋นต้มหุงปรุงหยิบสุกดิบดี
ซักขยี้คราบไคลใสโสภา

จับไมค์ปูดพูดพล่ามความถนัด
ดูแลวัดจารึกที่ปรึกษา
เทศบาลงานแผนพัฒนา
สัมมนารวมกลุ่มทุ่มพลัง

โฆษกหมั้นขันหมากฉากฉลอง
แบกข้าวของกางเต๊นท์ขนโต๊ะตั่ง
ตักบาตรชื่นขึ้นบ้านร้านโกดัง
ศพเผาฝังลงหลุมประชุมเพลิง

เดือนเจ็ดไทยไหว้เจ้าเข้าทรงผี
พ้องดนตรีฟ้อนฟายร่ายเถลิง
เพื่อนเป่าปี่ตีฆ้องรำมองเซิง
สองตาเบิ่งสาวงามตามคลอเคลีย

เคยเพอะพะปะทะฉะเจ้าถิ่น
ซัดมีดบินยิงใส่แบบได้เสีย
กลับจากงานจานอ่างล้างจนเพลีย
คือว่าเฮียเกียมัวกลัวเหลือเกิน

คร้าบ...เดี๋ยวหิ้วน้ำให้อาบจ้า...

รพีกาญจน์




หัวข้อ: Re: นกขมิ้น
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 06 มีนาคม 2018, 21:13:38

นกเอ๋ยนกขมิ้น
หนาวจวนสิ้นดิ้นไหวใบร่วงหล่น
ขาดที่เหมาะเกาะหวังกำบังตน
คืนนานพ้นกรนฝันอันตราย
ยืนต้นเฉาเก่าแก่แผ่ร่มกว้าง
เคยโดดพลางครางเพลงเครงสหาย
ที่ปลอดภัยใดหนอพอซุกกาย
ปัดเป่าร้ายหายสิ้นยินดีเอย

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: สุขสมรัก
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 10 พฤษภาคม 2018, 21:42:50

ยืนเคียงไหล่ใต้จันทร์ตะวันแจ้ง
สนธิแรงร่วมผนึกหาญฮึกเหิม
งานแรกวางร่างก่อเชื่อมต่อเติม
เสร็จสมเพิ่มพลิกแพลงตกแต่งควร

ท่ามกลางแล้งร้อนแดดเปลวแผดเผา
ไร้ร่มเทาเงาเมฆบังเสกหวน
ต้องลมจัดพัดหมุนซุนเซซวน
เศษปลิวป่วนด่วนดำคล้ำฝนลง

คางขบสั่นพันหน้าฝ่าปุยหมอก
เช้าตรู่ออกอุ่นรมขนมส่ง
ลืมไข้เหน็บเจ็บปวดคลึงนวดองค์
เม็ดกลืนผงชงเย็นจิบเป็นยา

มิยอมเฉื่อยเมื่อยข้อท้อสลัก
มิยอมพักหนักเครียดเหยียดแข้งขา
มิยอมเว้นวันเดือนเลื่อนสัปดาห์
มิยอมท่าปาเปรี้ยงเสี่ยงโชครวย

ก้มเงยงุดรุดร่างสร้างมานะ
จิปาถะจะเจอสิ้นเก้อขวย
รับจ้างเขาเช้าค่ำเอื้ออำนวย
สองเราช่วยด้วยกันสร้างสรรค์งาน

นั่งพับเพียบเรียบพื้นแผ่นยื่นกว้าง
หนุนตักนางพลางเคลิ้มเพลงเริ่มหวาน
ว่าความรักจักหอมย้อมชื่นบาน
ตลอดกาลสานจิตคิดซื่อตรง

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: หยุดเถิดครับท่าน
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 11 มิถุนายน 2018, 21:38:41

บ่นตามเคยเงยมองท้องฟ้ามืด
เมฆดำอืดอ้อมดอยช้าอ้อยอิ่ง
ไร้ลมพัดปัดเป่าเฝ้าประวิง
แน่ะหยุดนิ่งเฉยชาดื้อท้าทาย

ตกสี่วันแล้วหนอไม่พอหรือ
เดี๋ยวลงมือด่ากราดสาดเสียหาย
เขาทำมาหากินดิ้นรนกาย
นี่ก็สายท้องป่าวข้าวไม่มี

งานมะม่วงมังคุดหยุดทุกอย่าง
หยุดว่าจ้างป่ายปีนเก็บลิ้นจี่
ผลเปียกน้ำลำไยรมไม่ดี
กระไดซี่พาดลื่นครืนล้มดิน

แรงงานเศร้าเจ้าสวนคร่ำครวญทุกข์
ผลแก่สุกเหลืองห่ามหอมโชยกลิ่น
เปลือกปริแยกแตกลั่นแมงวันบิน
ตอมเน่าสิ้นร่วงหล่นจนหมดตัว

ขายขนมต้มตุ๋นอุ่นผัดพล่า
คอยลูกค้าอ้างับจับปวดหัว
เคยพลุกพล่านยานยนต์คนซื้อครัว
เจี๊ยวจ๊าวจั่วเจี๊ยะจิ๊วฮิ้วหายไป

ปล่อยตามเลยเงยแหงนชุ่มแผ่นฟ้า
มื้อเย็นท่าลวกจิกตำพริกไข่
บิข้าวจี่จ้ำจิ้มยิ้มปลอบใจ
อายุไขครบร้อยขวบค่อยตาย

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: จับแมวสี่ขาขึ้นมาตี นี่แน่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 18 กรกฎาคม 2018, 14:46:50

เหลือตัวเดียวเดินวนบนลานกว้าง
หยุดดูพลางแลหลังระวังท่า
โศกสังเวชเหตุการณ์เมื่อวานวา
ตายต่อหน้าล้มพับแมวจับโกย

สองลูกน้อยคอยแม่แย่สั่นหนาว
ไร้เม็ดข้าวท้องกิ่วคงหิวโหย
เช้ารุ่งแจ้งแสงส่องร้องโอดโอย
ดิ้นแดโดยล้มนอนร่างอ่อนเพลีย

ผู้เป็นพ่อไม่รอช้าทำหน้าที่
รีบเร็วรี่ลงลุ่มดุ่มคุ้ยเขี่ย
จิกมดแมงแยงพื้นบินขึ้นเคลีย
ลูกอ้าเงี่ยปากงับขยับกลืน

ลูกยิ่งโตโผหาเสาะอาหาร
ยาวเนิ่นนานเหนื่อยซมยิ่งขมขื่น
หาได้พักวรรคหยุดสุดค่ำคืน
ทนสะอื้นคอตกอกแทบพัง

คิดครวญคร่ำกรรมสร้างปางเก่าก่อ
ถึงทดท้อต้องใช้ตามใบสั่ง
ธรรมชาติวาดดีหลงจีรัง
เกิดเพียงครั้งหวังสุขกลับทุกข์ตรม

อยู่ตัวเดียวเปลี่ยวปวดเจ็บรวดร้าว
เปียกฝนคราวหนาวทอนร้อนทับถม
ซ่อนฟูมฟายผ่ายผอมชีพจ่อมจม
สิ้นภิรมย์อนาถแท้ชาตินี้

เย็นวานวา
ตะครุบนกเขาที่หนีเข้าไปในหอพ่อปู่
เห็นทีต้องตัดหางปล่อยวัดเสียแล้ว

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: โอละพ่อ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 28 สิงหาคม 2018, 21:52:42

คิดจะสร้างสถานวิมานแก้ว
กอปรเพริศแพร้วรองรังดังสวรรค์
สูงเทียมเมฆเฉกฟ้าเหนือสามัญ
ประหนึ่งฝันครันคุณเป็นบุญตา

ยกระดับปรับตนดลวิเศษ
ดีกรีเกรดเขตหิ้งสิงสง่า
เค้าสังเขปเสพทิพย์ขลิบทองทา
กรอบอาณาข้าเจ้าห้ามเข้าครอง

คงวิพากษ์รากคำนำบรรทัด
อิงซื่อสัตย์จัดแถวแจงแนวส่อง
หลักฐานครบนบธรรม์สู่ครรลอง
ขึ้นหอห้องถ่องถัดตัดสินความ

จ่องเศวตเจ็ดบันพู่กันหมาย
จุ่มสีป้ายประสมไตรคมน์สาม
แก่นแห่งกรรมจำรัสสะบัดวาม
ไป่เกรงขามกามกดลาภยศยอ

เริ่มใช่พี่ชี้ผ่องน้องประสิทธิ์
แบ่งหน่วยกิจฟิตเฟื่องเร่งเครื่องก่อ
ไม้ผลัดมือยื้อยุดสะดุดตอ
โอละพ่อฟ่อทุบด่วนปุ๊บปั๊บ

ช่วงเริ่มสร้างสถานบ้านวิมานแก้ว
จอดต้องแจวแผล็วหนีเจ้าที่ขับ
ก่อสงครามตามติดประชิดทัพ
พ่ายยุบยับนาสิกแสบพริกเกลือ

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ละเราจะทำได้ไหมหนอ?
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 17 ตุลาคม 2018, 21:39:22

ตราบใดที่มีปากเคี้ยวขากถุย
ท้องย่อยยุ่ยเหลวอ่อนก้อนอาหาร
เก็บกักตุนหมุนจ่ายเวียนสายธาร
ขับดากดานนุ่มนุ่มลงหลุมกอง

มีรถแล่นแทนดุ่ยเดินฉุยฉาย
แบบสบายออโตโก้เอี่ยมอ่อง
อวดสาวแก่แม่ม่ายชายตามอง
เที่ยวห้างท่องเริงรมย์ชมราตรี

อยากอยู่ตึกปึกแผ่นปลูกแน่นหนา
ท่อน้ำท่าสะอาดสาดแสงสี
เปิดแอร์ไล่ไอร้อนก่อนพัดวี
หนาวเย็นมีอุ่นอบประคบกาย

สัมปทานงานใหญ่ได้เนืองนิจ
เสริมผลิตสั่งตรงส่งจำหน่าย
สินค้าวางห้างหารร้านกระจาย
สร้างเครือข่ายกลุ่มเกาะเคาะประตู

เอียงคางคอรอรับนั่งนับแบงก์
เทาม่วงแดงมัดฟ่อนซ่อนปล่อยกู้
มอบเพื่อการกุศลคนเชิดชู
ซุกหลุมรูผนังใต้หลังคา

เสียงทำนองท่องดังฟังสวดศัพท์
นิ่งพริ้มหลับพนมคมสง่า
เย็นแต่นอกในร้อนทอนอุรา
ละโมบพาเพลิงลนมิพ้นโกง

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ไม่อยากเป็น ส.ว. เล้ย
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2019, 15:19:04

เยื่อใยบางฟางเฟ้นเส้นสุดท้าย
ถูกทำลายย่อยยับลงกับขวัญ
หนังหุ้มเห็นเอ็นดูกรัดผูกพัน
กล้ามแน่นหนันเนื้อแนบฝ่อแฟบบาง

เท้ายันพื้นยืนส่ายมือป่ายเกาะ
ข้อลั่นเป๊าะเจ็บแปลบแถบสีข้าง
จับตะคริวนิ้วชิดบิดล็อคคราง
ตึงทั่วร่างบีบนวดคลายปวดเบา

ลืมเปลือกตาอ้าหับขยับแว่น
ยืดอกแอ่นเซถลารีบคว้าเสา
ต้องลมบนฝนพราวหนาวสั่นเทา
ฝ่าแดดเผาเหงื่อไคลซึมไหลซม

ฟื้นข้าวปลาอาหารคางยานเคี้ยว
กัดขอดเหนียวหนาหยาบหลู้ลาบขม
สับเครื่องในไตตูดหั่นปูดปม
ลงหม้อต้มเติมถ่านนานตั้งไฟ

คอยเปื่อยยุ่ยผุยผงลงครกบด
ปั้นข้าวจดจิจิ้มชิมกินได้
ครั้นลมแล่นแน่นอกตื่นตกใจ
เรียกคนไวรถหวอส่งหมอยา

เยื่อใยแยกแตกขาดอนาถแท้
ยากเปลี่ยนแปรจีรังรูปสังขาร์
กอปรกุศลผลบุญนำหนุนพา
สถิตคราลับล่วงสรวง/นรก

รพีกาญจน์