เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย

บอร์ดกลุ่มชมรม => ชมรมนักกลอน => ข้อความที่เริ่มโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 09 มิถุนายน 2012, 22:07:11



หัวข้อ: เมื่อ 24 มีนาคม 2562
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 09 มิถุนายน 2012, 22:07:11

คำสารภาพ

ถูกแปลงร่าง สร้างซาก มาจากไหน
จากสุมทุม พุ่มไม้ ให้มาเกิด
จากเมืองแมน แถนไส ไล่ตะเพิด
คงเตลิด จากนรก ตกกองกุณฑ์

มีบาปนำ กรรมชั่ว แปะตัวติด
ใช้ชีวิต จำเจ เสพเมถุน
ไม่ถนอม ยอมพลี ความดีคุณ
ชอบหมกมุ่น อวัยวะ อิสตรี

ทำบ้าใบ้ ไม่สน เสียงก่นด่า
ทำหูตา หนวกบอด ไม่ถอดสี
เมินแม่บท กฏหมาย บ้านเมืองมี
เสี่ยงชีวี พิการ จากภารยา

ตะกรุม ตะกละ ตะกราม ทรามมิหาย
เสียมากมาย ไม่นับ ทรัพย์สินค่า
เพียงอย่างเดียว เกี่ยวข้อง ลองกามา
ถมตัณหา ความใคร่ ในตัวตน

จึงเขียนกลอน วอนหญิง ละทิ้งเถิด
อย่าเปื้อนเปรอะ หลีกไกล หนีให้พ้น
วาจาหวาน มานผี อินทรีย์คน
จะหมองหม่น สุขสลาย เมื่อปลายทาง

กานต์

*เชิญร่วมแสดงความคิดเห็นครับ เป็นข้อความหรือกลอนก็ได้
เขียนได้อย่างเต็มที่ ไม่มีโกรธ เขียนเองอ่านเอง เหงาพิกลครับ*



หัวข้อ: Re: หนี
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 10 มิถุนายน 2012, 17:27:50

แรงบันดาลใจให้เขียน ข่าวหญิงถูกทำร้ายทุกวัน

เป็นตราบาป สาปแช่ง แหล่งนรก
ทำท่าฉก เช่นงู ชูปลายหาง
ความสามารถ พิเศษ เล่ห์เลศวาง
ขุดหลุมพราง หลอกล่อ ต่อหญิงเยาว์

ล่าอักษร กลอนกานท์ ว่าหว่านล้อม
ตีตะล่อม ปลิ้นปล้อน กะล่อนเก่า
พอพลั้งพลอด ทอดร่าง ถ่างชำเรา
เพราะรู้เท่า นิดหนึ่ง ไม่ถึงการณ์

ทั้งใจกาย คล้ายดล มนตร์สะกด
โดยพ่อมด เวทขลัง ขมังขาน
แทกกระทอก จิ้งจอกเฒ่า เขาชำนาญ
วิชามาร โอนอ่อน ผ่อนแล้วแทง

พลังจิต วิทยา ซ่าหยกหยก
มือกอดอก เย็นเฉียบ เปรียบน้ำแข็ง
ประสานกาย สายตา ร่าร้อนแรง
ลิ้นแฉกแซง แลบแล่น เร็วแม่นยำ

ปล่อยอารมณ์ ซมร่าง จิตว่างเปล่า
เสียงกระเซ่า เบาบาง ร่างถลำ
ถึงสวรรค์ เรืองรอง สองมือกำ
แล้วชอกช้ำ เสียใจ ไปจนตาย

กานต์


หัวข้อ: Re: หนี
เริ่มหัวข้อโดย: Yim sri ที่ วันที่ 10 มิถุนายน 2012, 17:50:12
ข่าวที่หญิงถูกทำร้ายมีทุกเมื่อ
ไม่น่าเชื่อ ว่าจะเป็นเช่นนี้ได้
ไม่ี่กี่วัน  นัั้นมีเด็ก  เล็กเหลือใจ
อายุได้  เพียงสามปี  ถูกบี้แบน

ไอ้คนชั่ว  ตัวมัน   ก็ติดเอดส์
เกิดกิเลส  ตัณหา  บ้าเหลือแสน
พาเด็กน้อย  ถอยจาก ชุมชนแดน
ไปวางแผน  เลวระยำ ทำชำเรา

แม่ของหนู   ดูท่าที   น่าสงสัย
เด็กร้องไห้   ว่าเจ็บ   แล้วซึมเศร้า
พอเปิดดู     รู้เห็น     ใจเหน็บหนาว
โถ ลูกเรา    เขาทำได้  ไอ้คนเลว

 >:( >:( >:(

 >:( >:( >:(


หัวข้อ: Re: หนี
เริ่มหัวข้อโดย: Yim sri ที่ วันที่ 10 มิถุนายน 2012, 18:22:32
เรื่องพวกนี้     นั้นมีมาก    ไม่อยากเล่า
พูดแล้วเศร้า   ซึมสลด     และหดหู่
บ้างถูกชาย    ในบ้านระ-   รานโฉมตรู
ที่อดสู          ไอ้ผู้นั้น      มันบิดา

 >:( >:( >:(


หัวข้อ: Re: หนี
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 11 มิถุนายน 2012, 09:34:02

ยมบาล ประทานพร ก่อนมาเกิด
สมองเลิศ เหลือล้น คนทั้งหลาย
ยากจะจับ สับปลับ กลอกกลับกลาย
เป็นยอดชาย ตัวอย่าง ในทางเลว

ปลอมปนแปลง แฝงตัว ทั่วไป.ซ่อน
ทำเฟะฟอน ชั่วช้า เหมือนห่-เห-
เพาะเชื้อปลุก ลุกไป ดังไฟเปลว
เดินส่ายเอว สะโพก โยกตัวตาม

สร้างภาพลักษณ์ นักสังคมสงเคราะห์
พอปะเหมาะ เจาะจินต์ กินสดห่าม
หน้าตาดี มีปัจจัย ให้ทุกยาม
ท้ายสุดทราม เกี่ยวผล ต้น.กำไร

บำเพ็ญศีล บิณฑบาตร ศาสน์กิจ
สวดเป็นนิจ จิตเป็นทาน กราบกรานไหว้
ปลงสังเวช เอ่ยเมตตา สัตว์เวไนย
นอกงามล้ำ ดำใน คราบไคลคาว

บริสุทธิ์ ผุดภาพ ระนาบหลง
เร็วช้าคง ตะลึง อื้ออึงฉาว
เขี้ยว.หางงอก หนอก.นอ ลิ้นส่อยาว
ต้องถูกชาว พารา ประชาทัณฑ์

กานต์



หัวข้อ: Re: หนี
เริ่มหัวข้อโดย: นายตะเข้ ที่ วันที่ 11 มิถุนายน 2012, 09:57:59
เพราะรูปสวยกายงามโดนทรามหลอก
ทั้งหัวหงอกปอกหัวดำทำบัดสี
แกล้งทำเป็นป๋าอบอุ่นแสนใจดี
แฝงบัดสีขยี้ใจในกมล..

ก่นสันดานมารชั่วกลั้วกลิ้งกลอก
ทำช้ำชอกหลอกนารีมีทุกหน
ยื่นสินทรัพย์รับดูแลไม่ทุกข์ทน
สุดท้ายผลปล้นโดนกินสิ้นราคา..

ขอบาปกรรมที่ทำใว้ให้มาถึง
จับติดตรึงขึงพืดไว้ให้กาหมา
คาบจิกสับ ดับดิ้น สิ้นชีวา
ให้วิญญาลงนรกขุมโลกันต์..

อย่าผุดเกิดอีกเลยจนสิ้นกัปล์
ให้ลาลับดับดิ้นสิ้นสุขสันต์
ทนหิวโหยโอยร้อนฆ๊อนทุบพลัน
อย่าให้มันผุดโผล่มาโลกนี้เลย... :( >:(




หัวข้อ: Re: หนี
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 12 มิถุนายน 2012, 12:49:56


เอาเรื่องแน่ ขอแก้ตัว ว่ามั่วเด็ก
ชอบชมเซ็กส์ เอ็กซ์ อาร์ ฟาร์แฟชั่น
"เฒ่าหัวงู" ไม่รู้ซึ้ง ทะลึ่งดัน
ขนานกัน เล่าลือ หุยฮือฮา

เราไม่ชอบ ตอบรับ กับคำนี้
เรียก "ผู้มีอุปการคุณ" ดีกว่า
พลังไร้ วัยชแร แก่ชรา
ทุ่มเงินตรา ลงไป เพื่อได้คำ

ตอนเคลียคลอ ออเซาะ ฉอเลาะหวาน
คนที่บ้าน นานเนย มิเคยพร่ำ
นิดเอาอก น้อยเอาใจ ไม่เคยทำ
ขอชุ่มฉ่ำ ช่วงท้าย ก่อนวายวาง

ยามหย่อนยาน งานเดิน มีเงินเยอะ
จิตเลือนเลอะ เวลาน้อย แรงถอยห่าง
จะสู้หนุ่ม รุ่มหล่อ พอมีทาง
เอาปัจจัย ไว้สร้าง ย่างเดินไป

ยังเคารพ นบนอบ กรอบกำหนด
ถึงบาปบท มหันต์ สุดกันได้
เพราะต่างฝ่าย ชายหญิง นิ่งพอใจ
วุ่นอะไร ให้เคือง เรื่องของเรา

ขอมองต่างมุมกับนายกานต์
วันพระไปปฏิบัติที่วัดเสียไป๊

ทอง โบตัน




หัวข้อ: Re: หนี
เริ่มหัวข้อโดย: Yim sri ที่ วันที่ 12 มิถุนายน 2012, 14:09:53
กระทู้นี้     มีแต่ชาย  ถูกพร่ำบ่น
คนเขาก่น  ด่าว่า      บ้าจังเหวย
มีบางครั้ง  มิตั้งใจ      เพราะทรามเชย
เธอเปิดเผย  ลึกซึ้ง    ถึงข้างใน

เสื้อคอกว้าง   คว้างลึกลึก   ใจตึ๊กตั๊ก
อกโตนัก       หากจะก้ม    นมแทบไหล
กระโปรงสั้น   รั้นเต่อ       เผลอเห็นไกล
เหล่าผู้ชาย   น้ำลายย้อย   ห้อยโตงเตง ;D


หัวข้อ: Re: หนี
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 13 มิถุนายน 2012, 18:14:38
ขอค้าน นา่ยกานต์ อีกที

รู้ทั่วไป ใช่โง่งม ที่พรหมสร้าง
แยกสองร่าง หญิงชาย ร่ายเสกเป่า
เพื่อดำรง คงผุด มนุษย์เรา
สืบลูกเต้า มากมาย ขยายพันธุ์

ถึงย่ำแย่ แก่เกี่ยว เรี่ยวแรงถอย
เรายังคอย ทำหน้าที่ ขมีขมัน
มิย่อหย่อน ถอนหนี ตะบี้ตะบัน
องค์เอวลั่น แข็งคด มิลดลา

ยังมีชาย มากมาย ที่กลายเพศ
อีกสาเหตุ ซ้ำเติม เพิ่มคนช้า
เราผ่ายผอม ยอมพลี กามกรีฑา
เห็นไหมว่า เราคือ "คุณูปการ"

สมควรที่ ชาวโลก กล่าวยกย่อง
ใช่เมินมอง ด่าทอ คิดต่อต้าน
นิ้วชี้หน้า ว่าเสีย เฮียเลื้อยคลาน
หมายประจาน ป้ายสี สิ้นดีเอย

ล่องลอยลามตามคิด โปรดพิจารณา
อ่านเพื่อการศึกษา มิเจตนาว่าใคร

ทอง โบตัน


หัวข้อ: Re: หนี
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 16 มิถุนายน 2012, 12:04:40

ขึ้นกอกก ตกยาก ลำบากหนี
นานข้ามปี เรื่อยมา ถูกถาโถม
เสมือนเงา เฝ้าราวี รี่จู่โจม
ใจกายโทรม สุดขีด บิดบีฑา

ลุอำนาจ อาชญ์โอษฐ์ กดบังคับ
ทัณฑ์โขกสับ หนึ่งสอง ต้องเกศา
ถือกุมมีด กรีดเนื้อ ป่นเกลือทา
ดุจทาสา เรือนเบี้ย ไถ่เสียเงิน

อีกทรัพย์สิน ดินดาน ขุดรานยก
มรดก ตกทอด ดอดแกะเหิน
จตุบาท คลาดคลาย ทำลายเยิน
หางตาเมิน ทุบปัง ถังโอชาม

หันแลบเลีย เมียขาว ลูกสาวแซ่
จะอ่อนแก่ มิรอ ไร้ข้อห้าม
ยึดจับนำ จำจอง สนองกาม
ก่นคุกคาม ไสเฉท เปรตโลกันต์

เสียงโหยหวน ทวนทิศ ผิดมนุษย์
ร่างประดุจ เศษมาร ถักสานสรร
กระทืบพื้น ยืนกล้า ท้าประจัญ
แหกเย้ยหยัน ลำพอง สมองควาย

...มันมาอีกแล้ว...
คงต้องแจว ไกลลิบ กลัวฉิ-หาย
หยิ่งยโส โอหัง ดังผีพราย
อันตราย ด่วนจี๋ รีบหนีเร็ว

กานต์



หัวข้อ: Re: หนี
เริ่มหัวข้อโดย: >_อนัตตา_< ที่ วันที่ 16 มิถุนายน 2012, 12:20:27
 ??? ??? ??? ??? ??? หนีเร็วววววววววว  มันมาแล้ว  :D


หัวข้อ: Re: หนี
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 05 กรกฎาคม 2012, 18:54:29


สำคัญผิด คิดหรือ พ้นมือข้า
เมามายา เล่ห์กล วนกลางบ่วง
มีแวดล้อม ตรอมช้ำ ระกำทรวง
ก้าวเลยล่วง ยากนัก จักคลายคืน

บนปันปลง ส่งนำ มากำเนิด
สวยพริ้งเพริศ ไฉไล กว่าใครอื่น
ชันษาเยาว์ เท่าหลาน เมื่อวานซืน
คนพันหมื่น มือควาน ต้องการคลำ

ลื่นยอมรับ จับเปลี่ยน เวียนโกหก
แสร้งตลก ล่อใจ ให้ถลำ
สมองดี สีเทา เบามิจำ
ทอดตัวย่ำ ทำลาย คลุกทรายดิน

ร้องรัญจวน ครวญคราง ก็ช่างเถิด
จะหวังเหวิด แถทั่ง คลั่งบ้าบิ่น
จะตีฆ้อง มองมอง ฟ้ององค์อินทร์
ใช่ผันผิน ถลา หวนหาทาม

มากสับปลับ อัปลักษณ์ เกินอักโข
หลงไหลโง ไม่ขึ้น ชื่นเห่อห่าม
รู้แสนรู้ ดูเห็น เช่นเปรตทราม
ยังติดตาม จบที หนี..โกฏิไกล

กานต์



หัวข้อ: Re: หนี
เริ่มหัวข้อโดย: little girl ที่ วันที่ 07 กรกฎาคม 2012, 08:17:31

หนี

หนีหนีหนี อยากหนีใคร ให้ไกลพ้น
ล่นล่นล่น ดั้นด้นไป ไกลสุดฟ้า
เบื่อเบื่อเบื่อ เมื่อจิต คิดจากลา
ล้าล้าล้า กายา พาอ่อนแรง

เบื่ออะไร ไม่รู้ สู้เสาะหา
เอือมระอา เหลือใจ ใช่เสแสร้ง
อยากหลีกลี้ หนีรัก มักระแวง
มาเคลือบแคลง แกล้งเรา ยากเดาใจ

               รักหรือไม่ อย่างไร ใจเธอคิด               
            จงเผยจิต บอกหน่อย ค่อยโปร่งใส         
                ทำหน้าตาย ไม่รัก ไม่ห่วงใด               
   แต่ไฉน คุยกับใคร ใยโกรธเคือง   


  little girl

(http://upic.me/i/zm/47_64499_2ecb2a29ee8fda7.gif) (http://upic.me/show/3591635)


หัวข้อ: Re: หนี
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 02 พฤศจิกายน 2012, 09:41:22

" คำอำลา "

ว่าเจ้าเป็น เช่นลา หน้าโง่งั่ง
ทุกวันหลัง รับแดด ที่แผดจ้า
หน้าสู่พื้น ยืนร่าง นั่งบางครา
อยู่กับนา.ไร่.สวน พรวนดินดาน

แค่สนุก สุขใจ กับไอฝน
ต้องลมบน หวาดหวั่น สั่นสะท้าน
ขับไล่กา ด่าแมลง แทงดอกบาน
กินอาหาร ตามรั้ว ต้ม.คั่ว.แกง

มีจิ้งหรีด กรีดก้อง ร้องเพลงกล่อม
ดำมืดห้อม ฤดี ไร้สีแสง
นอนหน้าทับ พับฝัน ถึงจันทร์แดง
เงียบเหงาแฝง เข้ามา ในราตรี

เจ้ามีใจ ให้รัก สุนัขน้อย
เป็นเพื่อนคอย ตามไป ในทุกที่
ชอบล้อเล่น เห็นท่า อารมณ์ดี
ทำตาหรี่ ลงหมอบ เหมือนปลอบโยน

เจ้าเคยเล่น เป็นลิง ยิงสะบ้า
อยู่ในป่า ตัวลอย เกาะห้อยโหน
ว่ายผุดดำ คลำหา ปลาในโคลน
รีบกระโจน จูงวัว วิ่งทั่วลาน

เจ้าคงเป็น เช่นลา หน้าโง่งั่ง
เข้าสู่วัง วนเวียน หัดเขียนอ่าน
เฝ้าร้อยรัก ถักอักษร จิ้มกลอนกานท์
หนึ่งปีผ่าน เจ้าสุข.ทุกข์ อย่างไร
หนึ่งปีผ่าน อาจลาลับ กลับบ้านนา

กานต์



หัวข้อ: Re: หนี
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 02 พฤศจิกายน 2012, 20:56:07

" คำสารภาพ "   

๑ เจ้าคงเป็น เช่นลา กลางป่าเขา
วันจับเจ่า กล้าแกร่ว แถวดงใหญ่
กินมันกลอย ลอยน้ำ ลำห้วยไป
ถูกหนามไหน่ เกี่ยวกรีด ขีดทิ่มแทง

๑ เจ้าไม่สน บ่นบึ้ง ถึงทุกข์ยาก
ความลำบาก อย่างไร ไม่รู้แจ้ง
แต่เรื่องงาน นานหนัก มิพักแรง
หวาดระแวง แคลงใจ ภัยโรคา

๑ เจ้าก่อตน จน.ซื่อ ถือเคร่งครัด
ปฏิบัติ เคียมคาด ศาสนา
ยึดสัจศีล กินผัก รักเมตตา
มิมุสา เบี้ยวบูด พูดแต่จริง

๑ เจ้าซาบซึ้ง ถึงเพลง บรรเลงเพราะ
เดินแตะเตาะ เกาะนับ ตามฉับฉิ่ง
แค่ท้องถิ่น กลิ่นนา ปูปลาปลิง
เสียง ล ลิง ร้องอ้า ลา ลา ลา

๑ เจ้าเรียนร่ำ ต่ำสุด วุฒิน้อย
คิดประดอย ถ้อยหวาน ฤๅซานซ่า
ไร้เสน่ห์ เล่ห์กล มนต์มายา
อยู่ได้มา เรียงรส เพราะอดทน

๑ เจ้าจากไหน ไม่ต่าง อย่างเช่นนั้น
เดิมดำบรรพ์ เขาจัด สัตว์ไพรสณฑ์
ไม่เหมาะมอง ท่องไป ในสกล
รีบดั้นด้น คืนคอก บ้านนอกนา

กานต์



หัวข้อ: Re: หนี...คำสารภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 06 พฤษภาคม 2013, 12:59:52

ทุกคนก่นประณามเหยียดหยามข้า
มือชี้ด่าอัปรีย์เรียกอีไอ้
ข้ากับเจ้าเท่ากันเผ่าพันธุ์ไทย
มีส่วนไหนเพี้ยนนิดผิดจากคน

เพียรทำมาหากินทั่วถิ่นแคว้น
ข้ามเขตแดนมุดดินบินเวหน
เสียงแซ่ซ้องก้องไปในสกล
กำไรขนสินทรัพย์กลับคืนคลัง

ขอประกาศศักดาข้าคนแรก
ได้เปรียบแขกลาตินจีนฝรั่ง
ยิวญี่ปุ่นเกาหลีอารีดัง
รวมใต้เหนือเชื่อฟังคำสั่งการ

จากเด็กหนุ่มกรุ่มกริ่มยิ้มหน้าเหย
จากลิเกสู่โตรโหฐาน
จากบ้านนอกคอกนาอ่าโอฬาร
มากหมู่มารอิจฉาเบิกตาร้อน

สร้างทำนบกลบดานรานชีวิต
แสร้งเบือนบิดใส่ร้ายป้ายเน่าหนอน
แซะมั่นคงลงท้ายค่อยคลายคลอน
เร่งตัดตอนตะเพิดหนีเปิดเปิง

องค์พิสุทธิ์พุทธาอานุภาพ
น้อมประณมก้มกราบทูลทราบเถิง
โปรดเมตตาปราณีให้ที่เพิง
หยุดกระเซอะกระเซิงพักเบิ่งบาน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: หนี...คำสารภาพ (อ่อนใจ)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 14 มิถุนายน 2013, 22:28:15

มันเรื่องจริงยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ
ตรงไหนปุพอปะจะขาดวิ่น
บอกเดินหน้าล่าหลังนั่งลงดิน
ป้อนปากกินให้กลืนกลับขืนคาย

คนสัตว์คือสิ่งที่มีชีวิต
กอปรโลหิตยางไหลไยเส้นสาย
รู้ประจักษ์รักตัวเกรงกลัวตาย
แล้วทำลายฟาดฟันกันทำไม

อันเงินทองของกินรวยสินนับ
จุลทรัพย์พอควรสวนนาไร่
ลักคุ้ยค้นปล้นชิงวิ่งราวไป
ซื้อมิได้โลภโกงตรงบีฑา

เห็นลูกเมียเคลียข้างสาวร่างสวย
ผัวสำรวยเข้มคมสมสง่้า
อยากอื้มอ้ำน้ำลายสอมิรอรา
ปรารถนาคว้าไขว่ใช้เล่ห์กล

ปั้นน้ำเล่นเป็นตัวหัวส่ายร่อ
โป้ปดทอก่อคำทำเคร่งขึง
ชอบพูดพล่ามตามตื้อชิดดื้อดึง
เล้นทะลึ่งพึงหน้าเช่นลาลิง

เอิ้นเอะอะมะเทิ่งเบิ่งตาใส่
เป็นฟืนไฟโมโหยะโสหยิ่ง
มักหูเบาเข้าข้างคอยอ้างอิง
ทาสผีสิงเสพยาสุราเบียร์

อยากให้หมดลดบ้างดังสร้างเพิ่ม
บวกต่อเติมน้อยดีมีมากเสีย
โอกาสสิ้นชั่วทรามร้ายลามเลีย
จำปล่อยเฮียตัวทองครอบครองเมือง

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: หนี...คำสารภาพ (ท้อใจ)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2013, 21:38:19

เขาฟันธงลงไปปักใจว่า
ความคิดข้าเช่นนี้ที่ถูกต้อง
ประชาธิปไตยใช้เงินทอง
เพื่อสนองกลุ่มชนคนนิยม

แก้ต่อเชื่อมเหลื่อมล้ำสูงต่ำห่าง
หนุนเสริมสร้างชีวิตปลิดขื่นขม
กำจัดรากยากไร้ในสังคม
ได้ชื่นชมหรรษาถ้วนหน้ากัน

นำความจนต้นตอก่อปัญหา
ผุดนานาโครงการสานพิมพ์ฝัน
ทั้งลดแหลกแจกดะสารพัน
แถมไม่อั้นหยิบยื่นอย่างแยบยล

เขาดังเทพเทวาเหินฟ้าโปรด
ต่างลิงโลดค้อมหัวทั่วสถล
กล่าวอื้ออึงตรึงทรวงดวงกมล
เพียงบัดดลเทียบทันคือขวัญใจ

ก็ร่างคำทำเองบรรเลงรวด
อนุมัติตรวจเบิกจ่ายง่ายลื่นไหล
ผ่านกระบวนล้วนพวกพ้องกลไก
แพงขาดไร้คุณภาพหยาบหากิน

นานแก่หนุ่มลุ่มหลงวงอุบาทว์
ปล่อยผูกขาดจุนเจือเอื้อถึงถิ่น
คิดลบล้างสางซากจากธานิน
ฤาจบสิ้นกี่ครั้งยังเหมือนเดิม

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: หนี...คำสารภาพ (ยังไม่ลืมเธอ)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 07 ธันวาคม 2013, 20:38:18

สารภาพกับนางมีบางครั้ง
ไร้สติสตังค์พลาดพลั้งเผลอ
ยาระงับประสาทขาดบ้าเบลอ
ยืนอ๋อเอ๋อบันไดพ้นไปวัน

หรือร่วมวงก๊งเหล้าเขย่าขวด
คุยโอ้อวดม็อบมานสมานฉันท์
เฝ้าหน้าจอรอข่าวฉาวฟาดฟัน
ละครมันพรีเมียร์เชียร์ซีเกมส์

ตรงวันพระนะโมพุทโธไหว้
ละจิตใจร้อนรุมคงคุมเข้ม
สู่สงบจบทรวงตวงอิ่มเอม
มิมิดเม้มวอกแวกอาจแตกฌาน

เช้าเปิดบ้านร้านค้าท่าขายของ
รอรับรองแนะนำคำครับขาน
คอยส่งคืนยื่นต่อบริการ
ว่างเช็คบาญชีซื้อรื้อแต่งเติม

เช่นวันนี้มีประชุมกลุ่มเกษตร
กำหนดเขตนาไร่รายได้เสริม
พืชปลอดสารเคมีที่ประเดิม
แรกจะเริ่มมกราคมหน้าเยือน

สารภาพกับนางมีบางครั้ง
แม่ร้อยชั่งเมตตาอย่าเชือดเฉือน
ขอสัญญาจากใจไม่ลืมเลือน
ต่อหน้าเดือนคืนเพ็ญเป็นพยาน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: หนี...คำสารภาพ (ฝันกลางวัน)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 03 มกราคม 2014, 11:32:30

ออกหนึ่งค่ำ วันเสีย มะเมียม้า
พุธที่หนึ่ง มกรา ปีห้าเจ็ด
หนึ่งโดดเดี่ยว เปลี่ยวเปล่า หัวเข่าเช็ด
น้ำตาเล็ด เจ็ดเจ็บ เศร้าเหน็บทรวง

เพราะขาดแคลน พอดี มีแต่ร้าย
เกิดวุ่นวาย สับสน จนหนักหน่วง
ความอุบาทว์ ฆาตทิ้ง สิ่งทั้งปวง
หลุดลอยร่าง ลงล้ม จมดานดิน

เริ่มต้นปี มิคาด อากาศหนาว
หมอกมัวขาว ขาบแข็ง เกาะแก่งหิน
แม่คะนิ้ง พริ้งแพรว ดังแก้วนิล
ผู้คนสิ้น เฮือกสั่น สะท้านกาย

ก่อนครึ่งปี คลื่นพาด อากาศร้อน
ทั่วดงดอน เถื่อนถ้ำ ธารน้ำสาย
ท้องทุ่งหญ้า นาไร่ พืชไม้ตาย
คนวัวควาย ไตตับ แตกยับเยิน

เลยครึ่งปี ฝนมา ฟ้าขย่ม
พายุลม กระแทก แยกโขดเขิน
น้ำไหลหลาก กรากท่วม อาบอ่วมเนิน
ลุ่มเผชิญ เน่านาน บ้านบรรลัย

รู้ตั้งตน เตรียมท่า อย่าประมาท
ธรรมชาติ ย่ำแย่ พอแก้ไข
แต่มนุษย์ สุดยาก ลึกหยั่งใจ
ควรหนีไกล ไปพ้น คนเลวทราม

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: หนี...คำสารภาพ (เพื่อน 1)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 14 มกราคม 2014, 11:44:46

เรื่องสมมุติ ไม่มีนยะอันใด

เจดีย์สร้าง ปรางค์ก่อ รอชำรุด
แล้วมนุษย์ จะแน่ สักแค่ไหน
หนังหุ้มน้ำ เนื้อแดง ดูกแข็งใน
อายุได้ ครบร้อย มีน้อยราย

อวดทะนง หลงตน คนกล้าเก่ง
ทำนักเลง ให้ผิด มิตรสหาย
ประมาณเฟื่อง เรื่องจ้อย เริงลอยชาย
ผลกลับกลาย สาหัส เกินทัดทาน

มาจากจิต คิดเลว เปลวประมาท
พอพลั้งพลาด ก้าวหนึ่ง ถึงอวสานต์
ใครหนออยู่ รู้ยอด ตลอดกาล
เพราะสังขาร พ่ายแพ้ แท้ไม่มี

อันเทียนธูป รูบนาม นิยามเพาะ
วางกฎเหมาะ ลายเส้น เกณฑ์วิถี
เลิกละโมภ โลภมาก อยากทวี
เพียรขัดสี ตัณหา บ้าทุรน

อย่ายึดมั่น นั่นเรา ของเขานี่
ยกมือชี้ ยื้อแบ่ง แย่งทุกหน
ชมตัวเลข เสกเงิน เพลินมืดมน
จะยากจน ร่ำรวย ม้วยแน่นอน

เจดีย์สร้าง ปรางค์ก่อ หล่อปูนอิฐ
สูงสถิต ล้ำลึก ยังสึกกร่อน
แค่เนื้อหนัง มังสา ชราทอน
ฤาพ้นนอน โลงเปล่า เจ้าจงจำ

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: หนี...คำสารภาพ (เพื่อน 2)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 14 มกราคม 2014, 20:02:58

เพียงสมมุติ เหตุการณ์ ผ่านภพฝัน...

หยิบข้าวแห้ง แบ่งปัน อมกันอยาก
สองมือสาก เกร็งจับ กระชับมั่น
แลซ้ายขวา ตากวาด ก่อนฟาดฟัน
หลังชนกัน รบสาย ถึงบ่ายเย็น

เหลือกล้วยใบ บิครึ่ง หนึ่งแทนข้าว
สองเท้าก้าว รีบร่น กลัวคนเห็น
ท่ามแสงส่อง ของจันทร์ คืนวันเพ็ญ
เหงื่อไคลเหม็น ปนเลือด เหือดติดกาย

ชีวิตรอด ปลอดภัย ได้ซ่องสุม
รวบรวมหนุ่ม เพื่อนจิต มิตรสหาย
เหนือกลางใต้ วัยฉกรรจ์ หมื่นพันนาย
โจมตีค่าย ค่ำมืด เข้ายึดเมือง

งามสว่า อ่าองค์ จอมทรงทัพ
คนสนับ สนุน บุญฟูเฟื่อง
จากนายด่าน ผ่านเกล้า.เจ้าขุนเจือง
นามลือเลื่อง ปรากฎ จดแดนดอย

ถืออาชญา ปกาศิต ปลิดปลงโทษ
เอาแต่โกรธ ทับถม อารมณ์ถ่อย
หลงเชื่อง่าย นายว่า ขี้ข้าพลอย
เรื่องเล็กน้อย เพิ่มมาก พอกลากยาว

ไอ้เกลอเอ๋ย เคยคู่ สู้ข้าศึก
ไยแกนึก ปลุกปล้ำ ทำแฟนสาว
แล้วละทิ้ง หญิงมี ราคีคาว
เรานายบ่าว กูมรึง จึงจบกัน!

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: หนี...คำสารภาพ (เพื่อน 3)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 15 มกราคม 2014, 03:00:40

แดนพิไล ในฝัน ตะวันเดือน

อำมหิต คิดฆ่า ฝ่ามือพลิก
ซ้ายจับจิก ขวาวาด ฟาดสนั่น
ดาบร่วงไป ไม้ตาย ย้ายโลกันตร์
ชักมีดสั้น ราวฉก เสียบอกตุง

ท่าเยี่ยมยุทธ สุดท้าย ครูงายสอน
ออกใช้ตอน สุ่มเสี่ยง เพลี่ยงพล้ำพุ่ง
ใกล้ประชิด ติดพัน กันนังนุง
หนีลงทุ่ง หยุดปั๊บ ขวับสวนแทง

แล้วชนะ สะใจ ได้ไรเล่า
พอย่ำเช้า แดดฉาน รานระแหง
ชุลมุน วุ่นวาย ตายฆ่าแกง
เลือดไหลแดง เปื้อนเปอะ เลอะลงดิน

เคยหวานอม ขมกลืน ชื่นมื่นสุข
ยามตกทุกข์ แบ่งเบา ปัดเป่าสิ้น
เคยร่วมใจ ไล่ล่า เป็นอาจิณ
กู้ธานินทร์ คืนกลับ ขับไพรี      

เคยหนีตาย พ่ายแพ้ แก่การศึก
เข้าป่าลึก ถ้ำหิน กินกล้วยจี่
เกือบครึ่งขัย ไม่ยั้ง รบทั้งปี
ได้ดิบดี มีอัน จิตฟั่นเฟือน

ขอลาหลีก ปลีกตัว ชั่วชีวิต
นางตามติด เคียงคู่ อยู่เป็นเพื่อน
แดนพิไล ในฝัน ตะวันเดือน
มิลืมเลือน เราสอง ครองรักเอย

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: หนี...คำสารภาพ (เพื่อน 4)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 15 มกราคม 2014, 13:13:29

มิพ้นกรรม

ณ ดินแดนแผ่นกว้างหว่างขุนเขา
ยามรุ่งเช้ามือฟายสายหมอกหนา
สูดพะยอมหอมชื่นรื่นอุรา
ยินนกกากู่ร้องทอดก้องไกล

แนวยางยูงสูงต้านทานแรงฝน
คลุมบังบนกันร้อนกระท้อนใหญ่
บ้านอิงดอยซอยฟากมุงจากใบ
ธารน้ำใสไหลเย็นเห็นดินทราย

หยาดน้ำค้่างพร่างพรมชโลมหล้า
ลมพัดพากายสั่นมองจันทร์หงาย
ลอยเลื่อนลับพับหาวดาวแพรวพราย
หยุดประกายมัวหม่นพ้นราตรี

แสกสัญจรซอนถิ่นบินหวนกลับ
ไก่ป่าขับขานขันกระชั้นถี่
ตื่นจากฝันบรรทมสมประดี
ม่านรพีจางเจือระเรื่องาม

เริ่มเพลงพำดำเนินเพลินชีวิต
รอยลิขิตชะตาหลังฟ้าฮ่าม
หว่านพืชผักปักชำรดน้ำตาม
ทั่วเขตคามต่างปรองดองรักกัน

กาลหมุนเวียนเปลี่ยนไปได้ห้าหนาว
เกิดเรื่องราวข่าวศึกระทึกขวัญ
ทหารขับจับชายหมายฟาดฟัน
ขู่คาดคั้นถามหา...ไอ้ฟ้าก๊อม!

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: หนี...คำสารภาพ (เพื่อน 5)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 15 มกราคม 2014, 19:09:54

กู...ฟ้าก๊อม

กูคิดดีหนีแกมาแต่แรก
จำต้องแบกทุกข์ทนจนผ่ายผอม
สิ้นยศฐาบรรดาศักดิ์ก็จักยอม
เพื่อถนอมมวลมิตรชีวิตคน

ละจากเวียงเลี่ยงวังอยู่ยังป่า
ใช้ชีวาระมัดอย่างขัดสน
คู่เคียงนางกลางถ้ำแสนลำบน
กว่าผ่านพ้นเข้าแคว้นแดนพิไล

ข้อหาชุมนุมจัดหัดทหาร
อาจตีฐานต่อเนื่องโจมเมืองได้
ออกดั้นด้นค้นเสาะลัดเลาะไป
จับคนไต่ตะคอกขู่บอกความ

ตอบอย่างไรไม่เว้นต้องเป็นโทษ
บางครั้งโหดเหี้ยมม้วยด้วยเหิมห่าม
ต้องการกูผู้คนป่นปี้ตาม
เที่ยวคุกคามเข่นฆ่าไร้ปราณี

คงเป็นกรรมทำเขาภพเก่าก่อน
คืนมาย้อนยื้อยุดสุดยากหนี
ขอคำนับรับชดใช้โดยดี
หากบุญมีคงรอดปลอดภัยมา

เอาเชือกรัดทะมัดทะแมงแต่งเตี่ยวเสื้อ
ยกมือเหนือหัวนึกระลึกหา
คุณพระพุทธพ่อแม่แลครูบา
ยืนจังก้า ดาบคู่ กู...ฟ้าก๊อม

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: หนี...คำสารภาพ (เพื่อน 6)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 16 มกราคม 2014, 06:03:38

หะแรก ตั้งใจเขียนเพียงกระทู้เดียวเท่านั้น
ไหนๆก็ไหนๆ ขอบรรยายจนจบนิมิตฝันนะครับ

 สู้ตาย

สิ้นว่ากู ผู้คน ต่างอลอึง
ปานประหนึ่ง เปรี้ยงเปรี้ยง เสียงฟ้าผ่า
ทหารหลาย ชายหญิง วิ่งออกมา
ยืนตั้งท่า รอคอย ฟังถ้อยเกิน

อดีตข้า เคียงบาท ราชภพ
เคยร่วมรบ เหนือลาก จดตากเถิน
เจอศึกกลาง ล่างใต้ ได้เผชิญ
ตียับเยิน ย่อยยับ ถอยกลับเวียง

หากหมายมั่น พันธนา เข้ามาใกล้
เอ้าต่อให้ ทั้งกอง จะลองเสี่ยง
ชักดาบไว ไยช้า ตามองเมียง
เดินหน้าเรียง ปะทะ ฉะกับกู

มิสะทก ตกใจ ในวงล้อม
สิบนายห้อม วาดเวียน เปลี่ยนต่อสู้
ท่ามหินใหญ่ ไม้หลาก ยากกรากกรู
เชิงเหลี่ยมคู เคลื่อนกาย ย้ายค่ายกล

จังหวะขาด ฟาดฟัน ด้วยสันดาบ
ซ้ายขนาบ ถอยนิ่ง พิงต้นสน
ปาดทแยง แทงลวง ขึ้นช่วงบน
ก้าวมิพ้น ต้องทวน พุ่งสวนทาง

ทะลุเสื้อ เถือถัน คันยิบยิบ
ยกเท้าถีบ ยอดอก ตกดังผาง
ที่ถลำ กำหมัด ซัดปลายคาง
เตะพับล่าง หัวโหม่ง ลงคลุกดิน...

- ยังมีต่อ -



หัวข้อ: Re: หนี...คำสารภาพ (เพื่อน 7)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 16 มกราคม 2014, 17:35:01

จบนิมิตฝัน

โอกาสเหมาะ เหาะเหิน ลงเนินผา
แกว่งศัตรา วูบวาบ ดังฉาบผิน
ยืนกระด้าง พร่างตา อ้าปากยิน
เพล้งเพล้งบิน อาวุธ หักหลุดมือ

ดาบเคาะดาบ ดาบชู กู่สำทับ
บ้างหันขวับ ผงะ จะร่นถอย
สรรพสิ่ง นิ่งเงียบเชียบดงดอย
ตะวันคล้อย จวนแลง แสงมืดมัว

มึงเช่นกู ก่อนนี้ เป็นขี้ข้า
รับบัญชา ลำบาก จากเหนือหัว
ยกมือชี้ อีไอ้ ใจระรัว
ด้วยเกรงกลัว อำนาจ คาดโทษทัณฑ์

กูบรรเลง เพลงยั้ง แค่สั่งสอน
มิรานรอน เข่นฆ่า ถึงอาสัญ
เราหน่อเนื้อ เชื้อไข ไทยเช่นกัน
ผูกสัมพันธ์ สมาน สานไมตรี

หัวหมู่ขัน พันชื่น หมื่นพหล
และไพร่พล ขุนเจือง ป้องเมืองศรี
ถนอมองค์ คงรัก จิตภักดี
หมั่นฝึกฝีมือห้าว จะก้าวไกล

ออกบ้านละ ลูกเมีย เสียนานนับ
จงคืนกลับ สู่เหย้า ทูลเจ้าใหญ่
รุมสังหาร ดานกลบ ศพนอนใน
นี่เอาไป ให้ดู ดาบคู่ของ...ฟ้าก๊อม

......................................

เจดีย์สร้าง ปรางค์พราย ด้วยทรายอ่อน
ประนมกร เงยหน้า สบตาจ้อง
พยักยิ้ม พริ้มเปรย เอ่ยทำนอง
ขอเราสอง สุขสันต์ นิรันดร์ เทอญ



หัวข้อ: Re: หนี...คำสารภาพ (เพื่อน 8)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 16 มกราคม 2014, 17:38:54

บันทึกท้าย

สังขารวน วัฎฎะ เทพประสิทธิ์
ก่อชีวิต เพียรกอบ ชอบเหยียบย่ำ
สบอารมณ์ ซมร่าง สร้างระกำ
ด้วยมืดดำ อำมหิต จิตสัตตา

มิเลือกเคลีย เมียขลุก ลูกสาวไผ
เอาแต่ได้ ดื้อดัน มากตัณหา
เกิดโกรธะ ปะทุ ร่ำสุรา
ผิดกามา ฆ่าคน ปล้นแย่งยิง

ขาดธัมมะ ปริยัติ วิบัติกิจ
ครองจริต บ้าคลั่ง ดั่งผีสิง
คำทัดทาน พาลใส่ ไม่ประวิง
โดดดำดิ่ง หุบเหว ลุยเปลวเพลิง

ความว้าวุ่น ขุนเขา ราบเร่าร้อน
ฝั่งสาคร กลางกรุง ยากยุ่งเหยิง
บ้างยังอยู่ บ้างเตลิด หนีเปิดเปิง
เหตุการณ์เถิง คลี่คลาย เมื่อวายวาง

กัมมุนา ปรากฏ ต้องชดใช้
สู่ภพใหม่ เทียบเจ้า หล่อเหลาร่าง
คณานับ ทรัพย์อนันต์ สรรพางค์
แวดล้อมนาง ไร้หน่อ ต่อตระกูล

พยายาม ตามใคร เช่นในฝัน
มีสักวัน พานพบ ก่อนจบสูญ
รอยแผลเป็น เซ่นดาบ กาบแก้มคูณ
เขาอาดูร เดียวดาย กายชรา

ด้วยความเคารพ

 รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: คำสารภาพ...เฮาบ่ฮู้
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 12 มิถุนายน 2014, 10:31:15

อวิชชา แปลว่า "ความไม่รู้"

สู สู สู ก่อไฟ ตั้งไหข้าว
สองมือซาว น้ำออก ถอกเทใส่
จะตักบาตร ก่อนรุ่ง รีบเร็วไว
นึ่งไม่เป็น บอกให้ เฮาบ่ฮู้...

สู สู สู ลงท่า เอาผ้าซัก
ซิ่นทีนจก อกปัก เสื้อถักไหม
เอาแปรงปัด ขยี้ ถูขี้ไคล
ซักไม่เป็น บอกให้ เฮาบ่ฮู้...

สู สู สู เก็บชาม ช้อนจานล้าง
รวมลงอ่าง แก้วเหยือก มันเยิ้มไข
น้ำยาฟอก เปิดฝา ตราซันไลท์
ล้างไม่เป็น บอกให้ เฮาบ่ฮู้...

สู สู สู ปั่นรถ ไปตลาด
เลือกผักกาด คั่วแกง กับเนื้อไก่
ซื้อเครื่องปรุง สำเร็จ เสร็จทันใจ
แกงไม่เป็น บอกให้ เฮาบ่ฮู้...

สู สู สู นวดแข้ง เข่าขึ้นขา
มันปวดชา พิกล สุดทนไหว
อย่าขยำ คลำค่อย ค่อยลูบไล้
นวดไม่เป็น บอกให้ เฮาบ่ฮู้...

เฮาบ่ฮู้ แปลว่า เราไม่รู้ บาปไหมครับท่าน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: คำสารภาพ...มารกวน
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 23 มิถุนายน 2014, 20:46:48

เลือดข้าข้นล้นเหลือเจือไวรัส
สีแดงจัดสดสดรสฝาดขม
มากสารพิษจิตฝ่อคอระบม
แถมเนื้อนมมะเร็งบวมเป่งบาน

เลิกเคอร์ฟิวลิ่วแล่นถึงแดนสุข
เริงสนุกกอดสาวตรอกข้าวสาร
แสนอิ่มเอมเปรมปรีด์ราตรีกาล
สัมผัสหวานคาวคลึงซ่านซึ้งใน

จิ๊กจ่ายเพลินเงินทองจากกองโกฏิ
ลูบรีโมทเบาเบาแบ๊งก์เทาไหล
มิปลอมปนคนละสิบเร็วหยิบไป
หากนับเกินกี่ใบไม่ต้องคืน

เอายัดถังฝังรกหกกระสอบ
คุ้ยเห็ดถอบพบแผกอย่าแตกตื่น
กลิ้งตกรถเรี่ยดานเมื่อวานซืน
มัดละหมื่นปลิวว่อนเกือบค่อนคัน

เทวดาพารวยช่วยไม่ได้
เรืองอำนาจบาตรใหญ่ในเขตขัณฑ์
แค่ยักคิ้วหลิ่วตาเงินมาพลัน
สั่งเดินหน้าขวาหันทำทันที

มารเลือดเย็นเช่นข้าชราพ่าย
ขอมอบกายดวงแดแก่ทองสี
จะจารสักกักขังหลังเฆี่ยนตี
อสุรีเชิญโลดลงโทษเลย

รพีกาญจน์


แบบม่วนๆ กลอนพาไปครับท่าน



หัวข้อ: Re: คำสารภาพ...หลงทาง
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 28 มิถุนายน 2014, 17:26:27

แม้สี่เท้าก้าวย่างยังรู้พลาด
แม้นักปราชญ์เผลอพลั้งยังรู้ผิด
ปถุชนชั้นใดในชีวิต
มากหรือนิดลื่นลอกออกลู่มี

มิอาจแจงแบ่งหารกาลจำกัด
เร็วช้าลัดสัดส่วนครบถ้วนถี่
สักแต่ทำนำส่งปลงวจี
หันผละหนีจากไปไร้ตรวจทาน

แค่สองวรรคสองบาทอาจสองบท
มักปรากฎปนแปลกเหลวแหลกฉาน
ต่อตอบกลับฉับพลันไวสัญญาณ
สนองมานหัวร่อชอบพอใจ

มิคำนึงถึงสกลคนหมู่มาก
ง่ายหรือยากปัญญาอัชฌาสัย
ดนูน้อยพลอยยึดพฤตินัย
เห็นตามใช้ซูฮกยกนิยม

ผู้ชแรแก่เรือนเตือนตำหนิ
รั้งสติปริเบากล่อมเกลาบ่ม
จอดเครื่องดับสับสวิตซ์หยุดติดลม
เกรงดิ่งจมรั่วลึกสึกเกินยา

กู้พลิกเรือเพื่อเปิดแล่นเฉิดฉัน
ขอบคุณครับกัปตันมิถือสา
ขอร่วมรายพายพัดด้วยศรัทธา
มินำพาลามกยกหยาบโลม

รพีกาญจน์


มิส่งนยอันใด เตือนตัวเองอ่ะครับ



หัวข้อ: Re: คำสารภาพ...ยังหดหู่ใจ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 27 กรกฎาคม 2014, 20:55:39

จ้องตาแป๋วแวววาวเกาะราวผ้า
ข้างล่างหมากรรโชกโฮกโฮกใส่
หยุดสงบกบนิ่งประวิงไว
เมื่อพ้นภัยโดดลงเข้าพงพี

ก็เห็นแต่ตัวเดียวปราดเปรียวนัก
กระแอมทักเบาเบาเอ้ารีบหนี
ไหนละพ่อหนอแม่แลมิมี
หรือแมวผีค้นหาอาหารกิน

แอบหน้าต่างข้างหอชูคอจ้อง
ยกเท้าย่องประหวั่นหันหน้าผิน
เรียกตามหลังอย่างไรไม่ยลยิน
คงชาชินลักลอบชอบผจญ

ให้ปลาทูหมูปิ้งเหมือนทิ้งขว้าง
เบี่ยงตัวห่างจากไปทำไม่สน
พอบ้านเงียบเงี่ยสดับลับตาคน
คุ้ยของบนโครมครามชามกระจาย

อยากกอดรัดฟัดเหวี่ยงเลี้ยงดูเฝ้า
อยู่กับ"เจ้าโชคดี"มีสหาย
เช้าวิ่งเล่นเย็นย่ำออกกำลังกาย
ช่วงสายบ่ายเข้าสวนหมู่ม่วนงัน

คงเพราะกรรมนำให้ได้พานพบ
และแล้วจบง่ายจังดังหลับฝัน
เจ้าหมอบหลังล้อรถเมื่อไรกัน
พอถอยพลันทับกลางร่างบี้แบน

รพีกาญจน์


วานวาถอยรถทับแมวตาย เสียใจมากไม่อยากแต่งกลอน
 
เจ้าโชคดี - หมาตัวโปรด  ม่วนงัน - สนุก



หัวข้อ: Re: คำสารภาพ...อย่ามารักฉันเลย
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 28 สิงหาคม 2014, 17:56:22

๐ อ้ายแค่คนแก่เฒ่า          มีลูกเต้าหลานเหลนโหลน
ไผสิว่าอ้ายโทน               บ่าคำโล้นคือน้องชาย

๐ นาปีมีหกไร่                 หมูเป็ดไก่เลี้ยงอยู่หลาย
เกวียนเก่าเอาเทียมควาย     อยากใคร่ขายแท้แท้นอ

๐ ลำไยห้าสิบต้น              ยังบ่พ้น ธกส.
ล้านเอ็ดเจ็ดหมื่นรอ           สินเชื่อจ่อขอคืนตังค์

๐ ลุกขึ้นตื่นแต่เช้า            เหลือถ้วยเปล่าบ่มีหยัง
เลียบรั้วเด็ดผักปลัง           ปลากดคังตัวเขื่องลาบ

๐ บุหรี่ขี้โยสูบ                ไฟลุกวูบแดงวาบวาบ
อ่อมเมี่ยงเสียงยาบยาบ       สองแก้มกาบเหงือกไร้ฟัน

๐ ฝนตกซาเหือดหาย         นี่ก็สายกายหนาวสั่น
เธอพีเอ็มทุกวัน                  เฮ้อ อย่ามารักฉันเลย

                    รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ๐ จะวัดกันอย่างไร?
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 06 ตุลาคม 2014, 22:06:17

ตั้งผู้เชี่ยว เกี่ยวงาน การสรรหา
กำหนดค่า เลขงาม ตามประสงค์
จบวิชชา สถาบัน สูงมั่นคง
เชื่อตกลง เงื่อนไข ไม่โวยวาย

นำผู้ใหญ่ ใช้หลัก ค้ำหนักแน่น
โสดไร้แฟน แต่งรัก มักมาสาย
ยานยนต์มี ขี่จับ ขับสบาย
พร้อมโยกย้าย ใกล้ถิ่น พักสิ้นเปลือง

เนื้อเนียนนุ่ม หนุ่มฟ้อ ร่างหล่อเฟี้ยว
บอบผอมเพรียว ระหง โปร่งขาวเขื่อง
ห้ามแปลกปลอม ทอมดี้ สีประเทือง
ล้านเมลือง อกยุบ บุบไม่เอา

สืบประวัติ ชัดความ งามหมู่บ้าน
พ้นทหาร สานธรรม นำเฉลา
กุลสตรี ศรีเรือน เหมือนครูเพรา
มิเคยเข้า ประกวด อวดเอวบาง

ข้อเขียนหลัก ทักษะ อักขระผ่าน
ประสบการณ์ นานปี ถ้ามีอ้าง
ใบรับรอง กรองกอปร ชอบอีกทาง
ยิ่งค่อนข้าง มั่นจิต ติดแน่นอน

บริษัท จัดหา งานว่านี้
รอไปสอง สามปี ที่ถึงก่อน
เตรียมต้อนรับ นับสู้ สู่บวร
เปิดนคร เบิกฟ้า สิบอาเซียน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ๐ ช่วยข้าน้อยด้วยเถิด...
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 16 ตุลาคม 2014, 21:58:21

ช่วงชีวิต บิดผัน มากปัญหา
ดวงชะตา ร้อนรุม สู่สุ่มเสี่ยง
กาลกิณี ราศีโศก แกนโลกเอียง
บุญบ่ายเบี่ยง เจ้ากรรม กระทำเวน

เรียกไม่มา ค้าควาย ขายไม่คล่อง
สูญเงินทอง ถูกปล้น คนยืมเผ่น
ริดสีดวง ทะลวงวาร อานโอนเอน
ลมท้องเต้น ค่ำมืด พะอืดพะอม

โดนคนรัก หักอก ชกใบหน้า
สองเบ้าตา เขียวคล้ำ จำฝืนข่ม
เรือนริมธาร จานทรุด เสามุดจม
ลอนล่องลม ปลิวหาย ตายละเพลีย

รถไปถึง ครึ่งทาง ยางระเบิด
เผลอลืมเปิด สวิตช์ไว้ หม้อไฟเสีย
ธ.ก.ส. รอหน้าบ้าน ขานเฮียเฮีย
ส่งดอกเบี้ย ต้นสตางค์ กู้ค้างปี

เมื่อพระศุกร์ รุกเร้า พระเสาร์แทรก
อยากจะแหก แผ่นดิน เหาะบินหนี
จะพึ่งพิง อิงใคร ในบุรี
ชุบชีวี ผลัดผ่อน ก่อนแหลกราน

เพราะต่ำต้อย ง่อยเปลี้ย เสียขาแข้ง
หมดเรี่ยวแรง รอท่า ปาฏิหาริย์
จึงยกยอ ขอบน ดลบันดาล
หากสมมาน ฟ้อนฟาย ถวายองค์

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ๐ วอนทูนหัว ผัวมักเหล้า ๐
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 19 พฤศจิกายน 2014, 20:09:35

ก็มันติดเสียแล้วน้องแก้วเอ๋ย
ดื่มจนเคยพาเพลินเดินสวรรค์
ดีกรีถึงบึ่งไหนไปด้วยกัน
ร้องสนั่นครื้นเครงเพลงรำวง

อากาศเย็นเอ็นขดกล้ามหดเหนื่อย
มันปวดเมื่อยหูหัวไอตัวก่ง
ใจเหี่ยวห่อท้อแท้แก้มึนงง
ตะวันลงคืบคลานกลับบ้านเพลีย

อมกลั้วคอพอเช้าเมาซาสร่าง
งานทุกอย่างไม่มั่วไม่มีเสีย
ตอกไข่ลวกกาแฟเรียกแต่เฮีย
เฝ้าคลอเคลียซาบซ่าสุดราตรี

หนุนโรงกลั่นวันนี้ดีกับรัฐ
กลายเป็นอัฐคืนมารูปภาษี
นำสร้างบ้านสานเมืองเรืองรุจี
ย้อนปรานีเจียดเพิ่มเติมเงินเดือน

เติมแก้วปริ่มคักคักเฮพรรคพวก
เอ้ากะซวกซวดซวดพรวดเลยเพื่อน
กระดกแก้วขึ้นฟ้าตาลางเลือน
ตะวันเยือนรุ่งรางค่อยร้างรา

ก็พบพานนานมากยากหยุดดื่ม
จะหลงลืมอย่างไรเล่าเธอจ๋า
เอาอย่างนี้ดีไหมให้สัญญา
เดือนกุมภา(มี)สามสิบวันเลิกทันที

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ๐ วอนทูนหัว ผัวเมาเหล้า ๐
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 02 มกราคม 2015, 06:02:41

มาเยี่ยมเยือนเพื่อนสนิทมิตรสมาน
หายไปนานหากินถิ่นกรุงศรี
ก็โอภาปราศรัยด้วยไมตรี
สวัสดีมะเมียรับมะแม

ซ้าย"บุญชู"อยู่โยงยามโรงปุ๋ย
ถัด"เงินผุย"ม่อฮ่อมย้อมผ้าแพร่
"สีทน"ทำน้ำชาชงกาแฟ
"ทองอิน"เป่าปี่แนแห่ครัวทาน

"มูลปี"ปลูกพืชผักหมักใบเมี่ยง
ส่วน"จันเที่ยง"เลี้ยงปลาขายอาหาร
"เมืองคำ"ขุดถมบ่อก่อสร้างงาน
"จันเป็ง"เผาเอาถ่านป่าดานดง

ฉลองยศครูบามาตามนัด
กลับจากวัดพบกันพลันประสงค์
พูดคำเก่าเล่าความเดิมเริ่มตั้งวง
กรึ๊บกรึ๊บก๊งกันลืมดื่มสุรา

มิมากหรอกถอกถองแค่สองไห
แกล้มต้มไก่สองหม้อหมดเมียจ๋า
ง่วงแสนง่วงล่วงเลยนาฬิกา
เกือบตีห้ามืดจางสางเรืองรอง

ไม่ได้หลับไม่ได้นอนถอนซักแก้ว
หัวใจแป้วเห็นท่าเมียหน้าหมอง
ไหว้สายอขอโทษโปรดประคอง
ผัวเข้าห้องปวดถ่ายคายทุกข์ที

รพีกาญจน์




หัวข้อ: Re: ๐ วอนทูนหัว ผัวยุบเหล้า ๐
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 03 มกราคม 2015, 08:30:16

วันที่สองตื่นเช้าเมาคงค้าง
ท้องไส้ว่างลมเหน็บอกเจ็บจุก
วิงเวียนหัวมัวตามิกล้าลุก
ชักกระตุกดูกลั่นมือสั่นเทา

เช่นผีแสร้งแกล้งอำทำจริต
เหตุจากฤทธิ์เลือดฝาดเข้มขาดเหล้า
ก้มตัวบิดนิดเดียวเกาะเกี่ยวเกา
กล้ามเอ็นหดขดเข้าตะคริวกิน

โอ้เมียจ๋าเห็นใจซื้อให้ขวด
บรรเทาปวดเจ็บจับแทบตับปลิ้น
ด่วนสักก๊งกลั้วคอต่อชีวิน
จะด่าวดิ้นปลดปลงด้วยลงแดง

ลองหยั่งดูแก้วแรกซึมแทรกซ่า
สุขอุราฟ้าฮ่ามงามสีแสง
อีกแก้วหายสะอึกคึกคักแรง
มือขาแข้งสะบัดกวัดแกว่งไกว

ผ่านแก้วสองพร่องขวดจ่อรวดหลาย
เห็นบั้นท้ายเมียข้านึกว่าใผ
ก็รักเธอจนหมดมิทดใจ
ลักแบ่งใครอีกแล้วในชาตินี้

ความรู้สึกก่อนสิ้นแผ่นดินหมุน
เดินเซซุนทรุดซมจมกับที่
ตื่นตีห้าคราฟ้าจางสางพอดี
ตายละซีนี่ห้องน้องสีลา

แฮ่แฮ่แฮ่ สีลาน้องเมียผมเองครับ

รพีกาญจน์





หัวข้อ: Re: ๐ วอนทูนหัว ผัวขอเล่า ๐
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 04 มกราคม 2015, 17:17:57

ก็มิชั่งตั้งใจนอนในหรอก
อยู่ข้างนอกขยาดอากาศเสีย
โรคตับไตไส้กิ่วนิวมอเมีย
อาจไล้เลียถาโถมโจมลุกลาม

อันตรายท้ายบ้านติดธารเหมือง
เห็นเนืองเนืองตื่นฉี่ราวตีสาม
จมูกมันมีไฟดวงใหญ่วาม
ส่องเขียดกบหลบตามคามคันนา

จับขารูดดูดเลือดจนเหือดแห้ง
เมือกคาวแดงติดปากซากทิ้งป่า
หญิงน่ารักมักอุดฉุดทำยา
กอดสีลาคุ้มครองป้องผีโพง

สมีสึกคึกแก่ชอบแส่สาว
ตาลุกวาวจ้องเนื้อเช่นเสือโคร่ง
แถมผีโป๋ยเปลือยกายส่ายโทงโทง
ผีกะโหล้งวิ่งหวีดดีดกระเด็น

พี่ถอดแขวนแสนร้อนเมื่อตอนสาย
เสื้อเตี่ยวหายปลิวไปหาไม่เห็น
พอแดดร่มลมตกหน้าอกเย็น
จึงจำเป็นคืบคลานเข้าประตู

น้องเมียคือนวลน้องของเมียพี่
ใครย่ำยีชีกอต้องต่อสู้
ถึงตัวตายดีกว่าพ่ายริปู
อายโลกรู้พี่เขยละเลยน้องเมีย

รพีกาญจน์



หัวข้อ: ...ค้ามนุษย์!
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 31 มกราคม 2015, 21:00:07

อาจแยกแยะแบะใบใช่เหมาเข่ง
แบบค้าเองเป็นพักสมัครเล่น
ถูกกระทำช้ำอกหกคะเมน
คลุกด่างเดนสถุลหมกมุ่นยา

เที่ยวเสเพลพลั้งเมาเอาสนุก
เสริมโสดสุขนิยมชมหวือหวา
ไม่เห็นแปลกแลกเพลินงับเงินตรา
นวดเน้นคลำแข้งขาร่าระทวย

หุ่นอวบอัดสัดส่วนงามชวนพิศ
ดัดจริตบิดเดินไร้เขินขวย
ทุ่มสตางค์วางฟ่อนอ่อนเอออวย
มงกุฎถ้วยแถบสายสะพายพราว

อ้างจนจีบบีบคั้นก่อนวันเกิด
ตามเตลิดละทุ่งมุ่งเมืองฉาว
ท่ามสีสันบันเทิงระเริงคาว
สู่เด่นดาวเลิศล้ำประจำคลับ

ลงทะเบียนใบปิดติดหอห้อง
ลอยฟูฟ่องบริการเรียกขานขับ
ประกอบขายปลายปีภาษีนับ
รัฐยอมรับถูกต้องครรลองธรรม์

พวกลับลับล่อล่อหลบเลี่ยงหนี
แส้โบยตีดั่งทาสประวาดหวั่น
ทำงานหนักพักนิดจิตจาบัล
เช่นนี้มันชั่วช้า...ค้ามนุษย์!

รพีกาญจน์




หัวข้อ: Re: ก็ใช่...บ้านฉันนี่นา...
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 11 มีนาคม 2015, 20:42:46

หลายร้อยปีที่ร้างรกว่างเปล่า
ติดขุนเขาแห้งโหดเขินโขดหิน
ตากำขอจ่อจับปรับหน้าดิน
ใช้เป็นที่ทำกินถิ่นกันดาร

ปลูกมะม่วงลำไยไต่ริมรั้ว
แปลงสวนครัวพืชผักฟักแตงหวาน
เลี้ยงหมูเห็ดเป็ดไก่ไล่ตามลาน
จูงงัวงานเทียมเกวียนเวียนไถนา

สับฟากปูรูปะกระท่อมไผ่
ตัดต้นไม้เลื่อยแผ่นกีบแป้นฝา
อดออมซื้อสะสมข่มหลังคา
ว่างเวลาต่อบ้านเนิ่นนานเนา

เป็นร่มรังบังบนฝนเปียกชื้น
เย็นร่มรื่นบังแดดไอแผดเผา
กันลมจัดพัดพาซาบางเบา
รวมลูกเต้าพักผ่อนนอนสบาย

พอถนนหนทางสร้างตัดผ่าน
แปรเป็นย่านเจริญเพลิดเพลินสาย
ความสุขีดีก่อนก็กลับกลาย
ความวุ่นวายรุมเร้าเข้ามาแทน

บ้านที่กินดินคนต้นไม้สัตว์
ล้วนสมบัติใยยวงเดิมหวงแหน
ถูกจำกัดอัฐอนาถงบขาดแคลน
เตรียมตราแผนขืนข้าคิดภาษี

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ปัญหาเกิดแล้วต้องแก้
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 31 มีนาคม 2015, 22:01:19

ปัญหาเปรียบเทียบเชื้อไม้เนื้ออ่อน
ติดไฟฟอนแสนง่ายดายลุกโหม
มิต้องใช้ใยหญ้าแผ่นผ้าโฟม
หรือชโลมพรมฉ่ำด้วยน้ำมัน

น่าหวาดกลัวชั่วพวยพุ่งแผดผ่าว
ประเดี๋ยวประด๋าวหยุดเร็วเปลวหดสั้น
วับวอดวับดับลงเหลือแต่ควัน
ยุบตรงนั้นขี้เถ้าถ่านไม่มี

ปัญหาเปรียบเทียบเชื้อไม้เนื้อแน่น
หนักแข็งแก่นติดไฟไขขัดสี
เลาะเปลือกกาบกรุ่นนานหลายนาที
จุดพอดีต้องลมโหมลุกแดง

เปลวไอร้อนลอยลำสม่ำเสมอ
ละเลยเผลอเพิ่มสายประกายแสง
ข้ามวันคืนตื่นเช้าเร่าถึงแลง
เหลือถ่านแท่งเถ้าน้อยค่อยคลุมไฟ

จะเนื้ออ่อนเนื้อแน่นแม้นปัญหา
ปล่อยค้างคาบานแบช้าแก้ไข
ผลตกผลึกลึกวางกลางหัวใจ
อาจย้อนปลุกลุกไหม้ไร้เยือกเย็น

ถือสาตราหน้าที่นี้โดยชอบ
ได้รับมอบสอดส่องเมื่อมองเห็น
จับเข่าคุยขานคะปิดประเด็น
ก่อนจะเป็นปัญหาคราคืบคลาน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ๐ เห็นแก่ตน ๐
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 06 พฤษภาคม 2015, 08:26:19

๐ ยังมีความเหลื่อมล้ำ        สังคม
สูงต่ำค่านิยม                  บ่มเกล้า
ผิดหวังนั่งตรอมตรม           ขมขื่น
แสนชื่นสุขรุกเร้า              เป่าเพี้ยงสมปอง

๐ ทุกคนมีสิทธิ์ได้             รับปัน
มิอาจแยกแผกพันธุ์            แบ่งบ้าง
รวยจนเท่าเทียมทัน           กันทั่ว
ไยแต่เอาเสกสร้าง            เพื่อพ้องพวกตน

๐ เรียกอามิสอัฐอ้าง           ตอบแทน
ผลจึ่งสมคะแนน               กรอบตั้ง
สามารถบ่คือแกน              จารจด
ข้านี่แหละตบปั้ง               สั่งได้รับเลย

๐ ดำเป็นขาวกล่าวชี้           สีปรับ
ผิดไม่ถูกคืนกลับ               ผ่อนห้าง
ถูกหาว่าผิดจับ                  สวมโซ่
ขาดหลักฐานลบล้าง           สู่ห้องขังลืม

๐ ทุกข์ใดลงไพร่ฟ้่า            ตาดำ
สองบ่าแบกมือกำ               หนักตื้อ
ใจรินย่อศีลนำ                   กำหนด
ปากปิดหมดคิดยื้อ              ปกป้องภัยพาล

                ๐ รพีกาญจน์



หัวข้อ: ผมดูหนังกำลังภายในมากเกินไปไหมหนอ?
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 10 พฤษภาคม 2015, 18:50:18

ออกจากเหย้าเข้าจุดยุทธจักร
หวังได้ฝักลายครามด้ามลายศรี
เที่ยวเสาะหาป่าถ้ำสำนักดี
จารย์มากมีรู้ลับสรรพวิชา

คุกเข่าหมอบยอบยอขอเป็นศิษย์
ถ่ายทอดวิทย์พลิกแพลงเพลงแกร่งกล้า
ฝึกภาคพื้นพลังสั่งบัญชา
เชี่ยวศัสตรารุกรับขับคะนอง

อยากหล่อล่ำกำลังดั่งช้างสาร
ตวาดปานปืนศึกดังกึกก้อง
ดาบฟาดหินดินแตกแหลกลงคลอง
ร่างเบาว่องกระโดดไกลโยชน์ยาว

เห็นแวบเดียวเหลียวตามวามกระบี่
แสงเจ็ดสีจี้จุดหยุดกลางหาว
คมตวัดตัดเหล็กร่วงพรูพราว
หวังสืบสาวก้าวสุดยุทธชน

ก่อกำแหงแย่งแดนยึดแคว้นจักร
เข้าหาญหักขยี้ย่ำปี้ป่น
เกิดทุกข์ทอนร้อนจ่อทรพล
กว่ารู้ตนเงียบเหงาเข้าบั้นปลาย

ละชีวิตผิดทางไว้ข้างหลัง
ละบัลลังก์สมสุติสู่จุดหมาย
ศัสตราโยนก้นเหวเหลวละลาย
เหลือแต่กายสงบจบนิรันดร์

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ๐ พักยกสักหกเจ็ดวัน ๐
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 17 พฤษภาคม 2015, 20:10:38

อยู่ที่ไหนใจรักมักที่นั่น
นานผูกพันมั่นมากยากสลาย
เคยร่วมกินชินอยู่คู่สบาย
ยิ่งร่วมตายร่วมเป็นเช้าเย็นยัง

อยากให้เหย้าเนานานบ้านคงที่
ร้อยพันปีสุดสวยด้วยความหวัง
ศูนย์สถิตย์วิชชานานาคลัง
รวมแผนผังกำหนดบทประพันธ์

ทุกชั่วลมหายใจไม่เคยห่าง
จับปากกาเคาะคางสร้างสานฝัน
จดสมุดจุดถ้อยเท่าที่ทัน
บนฝากั้นก้นกล่องห้องทำงาน

แล้วรวบรัดขัดเกลากรองกระทู้
จิ้มพิมพ์คำนำสู่ตาผู้อ่าน
หากวันใดดัชนีชี้กระดาน
ว่างกลอนกานท์จัดแจงรีบแต่งลง

อุปสรรคหนักใหญ่เข้าใจผิด
บางท่านว่าบ้าบิดพิศวง
ไม่โป้ปดโกรธใครใฝ่จำนง
ขอบ้านกลอนยืนยงจงเจริญ

น้ำลายหนืดยืดยาวแจ้งข่าวนิด
สักอาทิตย์พักยกระหกเหิน
เก็บลำไยใส่ตะกร้าบ่าแบกเดิน
เสาะหาเงินให้หลานเรียนเปิดเทอม

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ๐ พักยกสักหกเจ็ดวัน ๐
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 21 พฤษภาคม 2015, 11:54:06

เป๋นต๋าดีเอ็นดูแต้เน้อออออ... ;D



หัวข้อ: Re: ๐ พักยกสักหกเจ็ดวัน ๐
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 23 พฤษภาคม 2015, 08:29:43

ชาร์จเอ๋ยชาร์แบต
หกเจ็ดแปดวันเต็มคงเค็มข้น
ครั้นรถเก่าเมาขับสัปดน
แฉลบเลี้ยวเฉี่ยวชนคนร่ำไป
ครั้งสุดท้ายหงายพลั่กชักกระตุก
อ้วนปุ๊กลุ๊กยางแบนแล่นไม่ไหว
จึงจำเป็นเข็นเข้าอู่หน่วยกู้ภัย
หยอดน้ำมันพันสายไฟยิ้มได้เอย

 ;D

รพีกาญจน์

ช่างบอกว่า รถเก่าแล้วอย่าแล่นเร็ว อิอิ




หัวข้อ: Re: ๐ พักยกสักหกเจ็ดวัน ๐
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 23 พฤษภาคม 2015, 08:54:37

สักวาหน้าฝนถนนแห้ง
ล้าอ่อนแรงเป็นลมเหงื่อโซมไหล
เมืองกรุงกกตกท่วมอ่วมทั่วไป
แต่บ้านอกคอกไกลฝนไม่มี
หนีนอนเถียงเคียงทุ่งยุงตามกัด
เอามือปัดแปะหน่อยไม่ถอยหนี
แคะขี้ดังชั่งจิตคิดอีกที
แมงพวกนี้ไม่กี่วันมันก็ตาย

ครบเก้าพยางค์พอดี ไม่มีเอย

  ;D

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ๐ พักยกสักหกเจ็ดวัน ๐
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 23 พฤษภาคม 2015, 09:20:22

มาแล้าครับ มาแล้ว มาแล้วครับ
ขอคำนับ อภิวาท ญาติผู้ใหญ่
แหละพี่น้อง ผองมิตร สนิทใน
บ้านกลอนไทย เราอยู่ ทุกผู้คน

จำห่างหาย กายลา หนึ่งอาทิตย์
ธุรกิจ (รับจ้าง ร่างแบกขน) อิอิ
หาเงินซื้อ ข้าวของ ใส่ท้องตน
เพื่อผ่านพ้น วิบัติ ซัดเซโซ

หกสิบสาม นามเลข เมกกะเฮิร์ต
เชิญท่านเปิด ชมได้ ตั้งไก่โห่
กระจายเสียง เที่ยงวัน ยันเพล้โพล้
หลังนะโม เสร็จสวด รวดทั้งคืน

มาแล้วครับ มาแล้ว มาแล้วครับ
เมตตารับ กระผม คลายขมขื่น
จะตอบต่อ กลอนกานท์ หวานกลมกลืน
สุข สดชื่น รพี เรดีโอ (ซ้ำ)

 ;D

ขออนุญาตเปิดสี่ช่องเลยนะครับ

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ๐ พักยกสักหกเจ็ดวัน ๐
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 23 พฤษภาคม 2015, 15:37:57

อยากทดสอบชั่งรักเพียงสักนิด
ยังครุ่นคิดถึงเขาเบาบางไหม
หรือลืมแล้วมิเหลือสิ้นเยื่อใย
ด้วยการใช้เช็คผ่านกาลเวลา

ตื่นเช้าดื่มกาแฟแก่ขมหวาน
อยู่นอกชานสูดลมชมแดดจ้า
เหลือบแลดูวัวควายที่ปลายนา
ยินนกการ่ำร้องก้องดงดาน

แคร่วงลิ่วปลิวหล่นบนพื้นแห้ง
เฟื่องฟ้าแดงชูชื่นยืนตระหง่าน
พุ่มโพลนขาวมะลิผลิดอกบาน
เรียงริมลานซอมพอชูช่องาม

จับตะกร้อตาคอยสอยมะม่วง
มีดตัดพวงมะไฟใสสุกห่าม
เก็บลำไยใส่ตะกร้าบ่าแบกตาม
เหลืองอร่ามกระท้อนน่าค้อนคลึง

ผ่านละเมาะเลาะคันคลองส่งน้ำ
เขียวเตาผำเขียดกบกระโดดผลึง
นกกระยางย่างเดินเพลินบัวบึง
หลงซาบซึ้งธรรมชาตินิราศแรม

อยากทดสอบเรื่องรักอีกสักครั้ง
ว่าใจฝังยังฝันถึงจันทร์แจ่ม
หากตัดกลอนรอนกานท์ขาดหวานแกม
หมดยิ้มแย้มบ้าใส่ใบ้กัดกิน

รพีกาญจน์




หัวข้อ: Re: ๐ พักยกสักหกเจ็ดวัน ๐
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 23 พฤษภาคม 2015, 15:39:47

วัยละมุนกรุ่นสาวราวยี่สิบ
เอ่ยกระซิบเบาเบาลุงเจ้าขา
ลุงเดินทางข้ามฟากจากไหนมา
มอเตอร์คาร์หรือล้อมอเตอร์ไซค์

ฟ้ามืดดำกรำฝนทนเย็นนะ
ดูซิจ๊ะเปียกปอนผ้าผ่อนใส่
หน้าซีดจางคางสั่นขากรรไกร
คงจับไข้ฟันกบกระทบดัง

กระเป๋าหนูในมียาซีมอล
ลุงกินก่อนดื่มน้ำกลืนตามหลัง
เอนอิงพักสักครู่อยู่ลำพัง
สองหูฟังดนตรีที่กังวาน

ดีขึ้นบ้างอย่างไรเบาไข้ปวด
หรือลุงรวดไหว้สารำหน้าฐาน
เป็นร่างทรงองค์ราชอวตาร
เทพยักษ์มารกุมภัณฑ์บรรพชน

ไม่รบกวนจวนถึงเที่ยงวันแล้ว
เสียงปี่แก้วสะล้อซอซึงด้น
จังหวะเร่งเร้าใจใดฤาทน
องค์เบื้องบนเบื้องล่างเยื้องย่างกราย

ขอบคุณลุงลุงอยู่เป็นคู่หนู
หนูเฝ้าดูโทรศัพท์ชาร์จแบตสาย
ผู้คนผ่านร้อยพันอันตราย
นั่งเคียงชายสักคนช่วยพ้นภัย

ราว 11.00 น. ควบมอเตอร์ไซค์พาแฟนไปร่วมงานร่างองค์ทรงเจ้า
ฝนตกตลอดทาง เข้าไปถึงร่มอาคาร มีหญิงชวนคุยด้วย ทีแท้เอาเป็นเพื่อน
เธอชาร์จแบตโทรศัพท์ เออ...อย่างนี้ก็มีด้วย...เนาะ


รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ๐ พักยกสักหกเจ็ดวัน ๐
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 23 พฤษภาคม 2015, 22:11:45

น้ำลายหนืดยืดยาวแจ้งข่าวนิด
สักอาทิตย์พักยกระหกเหิน
เก็บลำไยใส่ตะกร้าบ่าแบกเดิน
เสาะหาเงินให้หลานเรียนเปิดเทอม

เชือกผูกหูทั้งสองของตะกร้า
ตวัดพาดไหล่บ่าท่าฮึกเหิม
หายใจเข้าเอาลมเพิ่มปอดเติม
ปาดเหงื่อเยิ้มกาบแก้มแย้มยิงฟัน

ไหว้สาจบนบเกล้าเป่าขึ้นหาว
สองมือสาวขยับจับซี่มั่น
ยกเท้าซ้ายป่ายปีนบันไดพลัน
เห็นแกว่งไกวบนนั้นมัน ลำไย

ถึงที่หมายถนัดขวาคว้าก้านหัก
พอสักพักจุเต็มตะกร้าใส่
หยุดหย่อนเชือกค่อยค่อยปล่อยลงไป
ล่างรับไว้ปลดออกเทถอกกอง

ผู้หญิงลิดปลิดใบไซ้ขนาด
ตามตลาดต้องการขายยกกล่อง
เบอร์จัมโบ้เบอร์หนึ่งถึงเบอร์รอง
เล็กกว่าสองสามรูดร่วงอบเตา

เทินกระบะบรรทุกส่งล้งรับซื้อ
ฤากล้าหืองอแงแล้วแต่เขา
ยากขัดคอต่อคำจำเป็นเรา
แพงย่อมเยาราคาสุดปรานี

แกะเชือกผูกหูทั้งสองของตะกร้า
ให้ระโหยโรยราแสงริบหรี่
เหลืออีกวันจะจบงบบัญชี
ชดใช้หนี้เก่าใหม่คงไม่พอ

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ๐ พักยกสักหกเจ็ดวัน ๐
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 24 พฤษภาคม 2015, 15:00:14

ไล่เลือดลมตรมเศร้าขับเหงาออก
ยกขวดถอกจอกจิบ ส.ร.ถ.
มันพะอืดพะอมขมในคอ
กัดมะขามฝักงองอล่อน้ำลาย

ลูกจ้างตื่นแต่เช้าเมาเบียร์ช้าง
ส่วนนายจ้างเมาเหล้าป่าจึงมาสาย
ลูกจ้างรับนับเงินเพลินสบาย
ผู้เป็นนายคอพับนับขาดทุน

นายจ้างกินข้าวหักตักน้ำเมี่ยง
ลูกจ้างเลี้ยงข้าวใหม่กับไก่ตุ๋น
กาแฟขมดมดอมหอมละมุน
นายดื่มน้ำขุ่นหมุนประปา

ลูกจ้างสูบก้นกรองซองห้าสิบ
นายจ้างหยิบบุหรี่ขี้โยฝา
อิ่มข้าวอมเมี่ยงฝาดขาดใบชา
ลูกจ้างซ่าฆ่าขมอมแฮ็คฮอล

ลูกจ้างหลับยาวรวดไม่ปวดหมอง
นายจ้างจ๋องหลับตื่นเลยคืนค่อน
ลูกจ้างฮ่ำค่าวโคลงกะโลงกลอน
นายจ้างเรียกไทลินอลวอนเร็วซี

โลกวิวัฒน์สัจธรรมนำเกษตร
บ้างล้มเหลวสำเร็จเป็นเศรษฐี
ล้วนมากมายนายจ้างจนทุกที
ลูกจ้างมีแต่ได้ไม่ขาดทุน

รพีกาญจน์

ส.ร.ถ. - สุราเถื่อน



หัวข้อ: Re: ใช่แล้ว...เขาคนนั่นแหละ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 09 มิถุนายน 2015, 21:43:50

สะพายย่ามตามหาชายอาภัพ
เจอช่วยจับรายรุมกักกุมขัง
เขาเป็นคนขาดสติสตังค์
ชอบปึงปังโอดโอยร้องโวยวาย

ร่ำไห้ทีตีอกบวมฟกช้ำ
ถูกข่มเหงสกรัมทำเสียหาย
แถมขุ๋เข็ญบังคับสับแทบตาย
เพื่อนหญิงชายพร้อมพรักมักหลอกลวง

เขามาดแมนแสนฉลาดขาดเฉลียว
เป็นเหยื่อเหยี่ยวเฉี่ยวโฉบโลภของหวง
แฟนหน่ายหนีฤดีเศร้ากระเป๋ากลวง
นายเตะถ่วงเนืองเนืองเรื่องเงินงาน

ประสาทไวใจอ่อนรับร้อนหนาว
แรกเห็นสาวงงงันสั่นสะท้าน
เกิดลุ่มหลงละเมอเพ้อซมซาน
ตามถึงบ้านลัดเลาะเกาะประตู

มองแง่ดีที่ประจักษ์รักคนง่าย
ไม่ชอบขมถ่มน้ำลายระคายหู
ยอมรับใช้ไปโลดโดดลงรู
ไม่นิ่งดูเพื่อนแพงถูกแทงฟัน

สะพายย่ามตามหาถ้าพบเขา
พูดแผ่วเบาคล้องจองทำนองฝัน
มือฟ้อนฟายร่ายรำเจื้อยจำนรรจ์
ใช่แล้วนักประพันธ์ฉันท์กาพย์กลอน

รพีกาญจน์

เรียบเรียงจากหนังสือ ปาฐกถาและคำบรรยาย
เรื่อง ชีวิตของนักประพันธ์ เล่ม 1 หน้า 63
พลตรีหลวงวิจิตรวาทการ




หัวข้อ: ไดอารี ปี 56 ยกมาปลง
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 07 สิงหาคม 2015, 21:59:04

" เพื่อนเรา "

ปี๊บบุบบู้รู้รับขยับข่าว
กรองเรื่องราวแค่คอค้างตื้นเขิน
รีบฟันธงลงติ้วตอบประเมิน
ภาพผิวเผินภายนอกบอกเลวทราม

เชื่อจ๊ะจ๋าลาลิงวิ่งแวดล้อม
เล็งเรือนรูปจูบหอมดอมวาบหวาม
ขาดตริตรองมองซึ้งถึงดีงาม
หยิบนิยามภาษิตเขียนบิดเบือน

กำหนดเกรดเศษค่าต่ำกว่าผี
ค้นวิธีปรุงปากถากเชือดเฉือน
เคาะเข้าบ้านผ่านกรายหมายเยี่ยมเยือน
โถมถั่งเปื้อนถอกโถสาดโสมม

ได้แต่ดูหูฟังขาดชั่งคิด
หว่างชีวิตถดถอยคอยถล่ม
อุดรูถ่ายหายใจให้จ่อมจม
หวัวคิกคิกอภิรมย์สมคะเน

วาดหวังสุขชื่นเชยเสบยลาภ
ยิ้มเอิบอาบฟ้อนฟายร่ายเสน่ห์
กระพี้ไพใช่แก่นกาบทั้งเพ
ขลุกฮาเฮไล้ลูบจับจูบมัน

ท่องเหนือใต้ไหว้สาห้าร้อยวัด
ปฏิบัติเช้าค่ำธรรมขันธ์
หุ้มห่อร่างพรางอวดสวดชยันต์
ยากเปลี่ยนแปลงแมลงวันเช่นนั้นเอง

รพีกาญจน์




หัวข้อ: Re: สะเปะสะปะ...รักษาใจ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 08 กันยายน 2015, 13:58:46

คิดขึ้นมาคราใดให้ว้าวุ่น
คงคุกรุ่นร้อนเดือดหาเหือดหาย
ถึงพักผ่อนนนอนหลับขยับกาย
ผลสุดท้ายยังยากลำบากคุม

เมื่อดูหนังฟังเพลงบรรเลงร้อง
คึกคะนองลองเล่นเช่นเด็กหนุ่ม
เพียงชั่วครู่สู่เหงาเศร้ารายรุม
ความกลัดกลุ้มคอยกร่อนทอนทุรน

จับขนไก่ไม้กวาดปัดก็แล้ว
มันแกว่งแกร่วกวัดไกวไปทุกหน
จมฝังลึกผนึกในไม่จำนน
รั้นเหลือทนอดอื้อด้านดื้อชา

รวมขมขื่นหมื่นแค้นแสนปวดร้าว
เคยถูกสาวทรมานลวงผลาญพล่า
ปากเม้มมิดปิดคำจำนรรจา
เอื้อนเอ่ยว่าขาคะจ๊ะไม่มี

จะเก็บวางอย่างไรไม่บอบช้ำ
ซุกเถื่อนถ้ำมืดมัวกลัวภูตผี
ชายทุ่งหญ้าป่าหินเจออินทรี
ดอยหมาหมีตะปบเสือขบเอา

จะอยู่รอดปลอดภัย ณ ใดหนอ
แขวนสมอหวั่นจริงลิงเขย่า
บ่มกลางแฝกแสกงูหนูตะเภา
ฝากกับเจ้าดีกว่า...รักษาใจ

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ๐ ไฟปรารถนา ๐
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 18 กันยายน 2015, 22:10:53

อย่ามองแค่แต่เสื้อชุดสวมใส่
ว่าข้างในงดงามอร่ามศรี
หนาบางทอห่อหุ้มนุ่มนวลดี
เส้นไหมหมี่แลบเรียวเหนียวแน่นมัน

แท้เคมีสีฉาบอาบภายนอก
เครื่องบ่งบอกส่วนลึกรู้สึกฝัน
ส่อจริงใจจริงจังยังยืนยัน
เอื้ออวยกันเยี่ยมเยียนไม่เปลี่ยนแปลง

แสร้งสัตย์ซื่อสื่อสารกอปรการกิจ
ยึดถือสิทธิ์เท่าทันไร้ปั้นแต่ง
ยิ้มระรื่นชื่นตากล้าแสดง
มือกวัดแกว่งอกผายกายเหยียดเดิน

อ้างเทือกเถาเหล่ากอหน่อเชื้อชาติ
เพราพิลาสเทียมศักดิ์ปักษาเหิน
คิดคาดหวังว่าจ้างสร้างด้วยเงิน
ชอบยอเยินเพรงพรากจากตรัยตรึงศ์

ยกมือชี้นี่นั่นมันของข้า
น้ำดินฟ้าบาดาลจักรวาลถึง
อากาศเหนือเชื้อเพลิงพลังพึง
ค่าสูงหนึ่งนพเก้าห้ามเอาไป

อย่ามองแต่แค่เนื้อเสื้อสวยสวม
จะหลงหลวมคนคดมาดสดใส
ยอมวันนี้พลีเพื่อมันเราบรรลัย
สนองไฟปรารถนาของซาตาน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ๐ กลอนของเรา ๐
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 11 ตุลาคม 2015, 21:05:12

กลอนของเราบ้าโบกกระโดกกระเดก
ไม่วิเวกชวนฟังวังเวงหวาน
เรียบเรียงถ้อยร้อยคำน่ารำคาญ
เหน่อหย่อนยานพรวดพุ่งอีรุงตุงนัง

กลอนของเราบ้าเบลอเจอแต่น้ำ
พร่าพึมพำพื้นเก่าเล่าความหลัง
จมกับจนข้นแค้นแสนชิงชัง
บ้านผุพังเกากลากพิงฟากรู

กลอนของเราบ้าใบ้วนในวัด
อวดถนัดจัดธรรมคำหลวงปู่
รู้เพียงนิดคิดเขียนเลียนพระครู
สิ้นอดสูหลงเพลินเขาเมินอาย

กลอนของเราบ้าบั่นฟันฉับฉับ
ถอยตั้งรับสั่นเทากลัวเงาฉาย
เต้นยิกยิกพลิกร่างกร่างท้าทาย
เจอจริงหายสงบหลบดำดิน

กลอนของเราบ้าแบแย่เจ็บป่วย
จวนใกล้ม้วยตับไตไส้พุงปลิ้น
ด้วยความดันฟันโยกมะโหกกิน
หันหน้าผินพบหมอขอพักยก

กลอนของเราบ้าบิดติดติ๊งต๊อง
ไร้ทำนองต่องแต่งแสร้งตลก
ลืมเผลอไผลไล่เลียดเฉียดลามก
กลอนจึงรกตกเรือนเพื่อนไม่มอง

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: เอากันตายเลยหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2015, 06:06:23

ใครชักชวนขวนขวายหมายก้าวหน้า
เชี่ยววิชาชีวิตลิขิตฝัน
ลืมความหลังฝังใจจบจาบัล
แล้วเลือกสรรครรลองส่องเสรี

เปลื้องบ่วงบาศก์พาดคอก่อกฎกัด
พ้นพิบัติพบพระพิสุทธิ์ศรี
เก็จประกายฉายหล้าทั่วธานี
รัศมีเรืองรองอ่องอำไพ

จงจับมือถือแขนแทนสายโซ่
เงยหน้าโงย่ำย่างทางไสว
จังหวะพ้องร้องเพลงเปล่งเสียงไช
น้อมเทิดไทใจภักดิ์รักดินแดน

สูญเสียเลือดเชือดเนื้อแถกเถือหนัง
รวมพลังปกป้องของหวงแหน
ล้มลงหนึ่งพึงสองสามทดแทน
คิดค้นแผนโต้ตอบลอบจู่โจม

คอยแตะตอดวอดวายทำลายขวัญ
พุ่งฉับพลันกระหน่ำห้ำหั่นโหม
ถึงละร่างกลางเด่นเพ็ญโพยม
คีตประโคมแห่ห้อมย้อมวิญญาณ

ใครอุดหนุนจุนเจือเพื่อก้าวหน้า
พอภัยมาเยียนเหย้าเศร้าสถาน
มิตรภาพพังภินสิ้นซมซาน
หันประหารทรยศยิงปลดบอมบ์

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: เอาความทุกข์ของเธอคืนไป...
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 26 ธันวาคม 2015, 21:30:02

ทุกข์นั่งเอนเล่นบอลนอนดึกดื่น
สายลุกตื่นงัวเงียโดนเมียด่า
ทุกข์เมาแอ๋แก้ง่วงตวงสุรา
บ่ายเรียกหาเพื่อนเพื่อนเยือนตั้งวง

ทุกข์เก้าออกป๊อกเด้งเจ๊งหลายรอบ
เสียเป็นหอบหมดปลื้มยืมค่าต๋ง
ทุกข์หวังรวยหวยหมุนลุ้นโต๊ดตรง
หมอฟันธงฝันค้างห่างกิโล

ทุกข์เลี้ยงไก่ให้น้ำค่ำกางมุ้ง
เที่ยวคุยฟุ้งชนแพ้ถูกแถโห่
ทุกข์อยู่ดายชายหญิงนัดบิงโก
มัวก้มโงใส่เม็ดเสร็จทุกที

ทุกข์เป็นลมจมหมอนนอนโรงหมอ
น้ำลายสอหน้านิ่วหิวบุหรี่
ทุกข์กาแฟแก่ขมนมไม่มี
ซื้อซองทรีอินวันชงกันตาย

ทุกข์ไร้น้ำดำดานหว่านปลูกข้าว
แดดร้อนผ่าวฝนพรำน้ำเหือดหาย
ทุกข์ลำไยใกล้เก็บเปลือกแตกลาย
รูดร่วงขายล้งปิดเจ็ดแปดวัน

ทุกข์หนอเราเป๋าแบนแฟนทอดทิ้ง
สู่ความจริงขาดสมอารมณ์ขัน
ทุกข์จับแกะแพะลาบูชายัญ
เอาโศกศัลย์ไปซะปีมะแม

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ดอกสร้อย...งานเข้า...
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2016, 05:55:50

งานเอ๋ยงานเข้า
เรื่องหนักเบาเกินคาดมิอาจหนี
ละปล่อยวางค้างไว้สิ้นใยดี
ยิ่งทวีถมทับเพิ่มกับกอง
จึงหันกายหมายทอเข้าต่อสู้
ให้โลกรู้คนจริงสิงห์ผยอง
เก่าหมดไปใหม่มาเรียงหน้าจอง
มึนสมองเคว้งคว้างกลอนจางเอย

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ดอกสร้อย...หนาวสั่น...
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2016, 20:18:21

หนาวเอ๋ยหนาวสั่น
วันทั้งวันกระชับมือจับจ่อ
ลากสายยางวางจี้มิรีรอ
ท่อเสียบท่อต่อน้ำรดลำไย
น้ำดันแรงแกว่งสายปลายสะบัด
น้ำฉีดอัดขึ้นสูงพุ่งเข้าใส่
อ้วนอย่างกบหลบลี้ฤาว่องไว
ผ้านอกในเกิบแตะเปียกแฉะเอย

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ประเดี๋ยวหนาว ประเดี๋ยวร้อน
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2016, 15:10:24

เมื่อยังเล็กเด็กน้อยพ่อคอยว่า
ต้องรักษาสุขภาพอาบน้ำก่อน
แสงลาลับฉับพลันตะวันรอน
เกียมผ้าผ่อนผืนใหม่ใช้เช็ดตัว

เสื้อชั้นในแนบเนื้อนอกเสื้อนุ่ม
กลัดกระดุมเสื้อยืดยาวสวมหัว
เมื่อหมอกพรมลมพร่างช่างน่ากลัว
สั่นระรัวเหลือทนฝนโปรยมา

อากาศแย่แปรปรวนจวบจวนเที่ยง
แดดเปรี้ยงเปรี้ยงไคลเค็มติดเต็มหน้า
ใต้ร่มลอดถอดงอบหอบโรยรา
ดื่มน้ำท่าเท่าไรก็ไม่พอ

ยามร้อนนักพักนิดจิตชื่นชุ่ม
คราเหน้าหนุ่มครู่หายสบายหนอ
หากหนาวเย็นเป็นหืดเจ็บฝืดคอ
เข้าโรงหมอหยูกยาเสียค่าเยียว

เสียเวลาหากินใส่ลิ้นปาก
โศกกำสรดอดอยากปากลิ้นเขียว
ปะเชื้อแปลกแทรกซ้อนนอนลูกเดียว
สมองเหี่ยวฟายเฟ้นเต้นติงนอย

เมื่อยังเล็กเด็กน้อยพ่อคอยว่า
ลุชราแชเชือนถูกเตือนบ่อย
หลังสูญสิ้นวิญญาณท่านล่องลอย
ลูกยังคอยประเดียงเรียบเรียงคุุณ

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: เกิดวันที่อาถรรพ์
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 24 มีนาคม 2016, 06:04:22

หนึ่งตัวเดี่ยวเปลี่ยวกายคล้ายเสาหลัก
ลึกลงปักดินดานลานโดดเด่น
อาจโยกโย้โลเลเด่โคลนเลน
ส่ายโอนเอนล้มร่องคราต้องโลม

สามรูปลำคว่ำลงทรงตัวมั่น
หงายขึ้นชันยันรับรองทับโถม
หากตะแคงแทงทิ่มลิ่มจู่โจม
ถูกน้าวโน้มห่างหดเอียงคดงอ

ถ้านับหนึ่งพึงสามตามเคียงคู่
เศิกกราวกรูลุกไหม้ทันใดถ่อ
เลือดหยดหยาดราดร่างรักแตกคอ
ทุกพอศอยากหยุดทรุดวุ่นวาย

หนึ่งรวมสามความเห็นผลเป็นสี่
เทียบบดีหาพ้นตนฉิบหาย
นิดเป็นหน่อยน้อยเป็นนักจักมากมาย
จวบบั้นปลายไม่รอดจอดจาบัลย์

ดวงเหหกตกฟากลำบากแท้
แนะเพียรแก้ชะตาล้างอาถรรพ์
เสาะแฟนที่มีเลขเฉกเดียวกัน
เพื่อลบทัณฑ์รันทดหมดอาดูร

ให้เลวร้ายกลายดีมีประโยชน์
มหันต์โทษถึงตายมลายสูญ
ศัตรูค้องล้อมวงพงศ์ประยูร
แลเพิ่มพูนทรัพย์สิ่งสฤงคาร

ผมและแฟนเกิดวันที่ 13 ปีมะโรงครับ อิอิ

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ได้ที...กี่สังเวย?
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 08 พฤษภาคม 2016, 15:46:48

คับแคบลดคดเคี้ยวเลี้ยววนวก
สองฟากรกรุงรังซังหนามไหน่
เลียบดอยดงลงต่ำลุยน้ำไป
สูงชันไต่ไม้ดุ้นคอยหนุนยาง

ใจหยุดดื้อมือเย็นเห็นหุบเหว
ไฟแปลบเปลววูบวาบขนาบข้าง
วอนเจ้าอวยช่วยรอดตลอดทาง
แล้วลูกช้างฟ้อนฟายถวายบน

ลมระโรยโชยฉิวต้องผิวเนื้อ
แต่เม็ดเหงื่อโชกชุ่มทุกขุมขน
สมองบีบตีบตันพรั่นพิกล
กลุ่มเมฆฝนวืดวืดมืดลอยมา

น้ำหลั่งรินดินหล่มเป็นตมปลัก
น้ำทะลักเชี่ยวเซาะเลาะร่องผา
น้ำไหลแรงแดงดานเอ่อผ่านพา
ลื่นถลาล้อลั่นพันโซ่ตรวน

คืบข้ามแดนแล่นลู่เยี่ยงงูเลื้อย
เมื่อยแสนเมื่อยตาจ้องท้องปั่นป่วน
ใกล้เหมือนไกลไวไม่กล้าช้าเซซวน
เจ็บไข้ด่วนขายค้ายากอย่าคิด

ริมทะเลราบลุ่มคุ้มของท่าน
ดิบกันดารพงไพรข้าใช้สิทธิ์
หวังไออุ่นคุณภาพอาบชีวิต
เลิกป่าปิดเปิดกว้างสร้างถนน!

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ถึงฟ้ามาร ผ่านวันนี้
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 26 พฤษภาคม 2016, 12:37:09

สูงสู่ฟ้ากล้าแกร่งแข็งกรวดหิน
เทียมเมฆินเลื่อนลอยคล้อยพาดผ่าน
ต้องแรงลมโหมพัดซัดเสียดทาน
นับวันวารซ้ำถี่เดาปีเดือน

ถูกรากโคนต้นไม้เจาะไชแยก
รอยร้าวแตกร่องรายกระจายเกลื่อน
แสงแผดเผาเช้าอุ่นไอเย็นเยือน
สั่นสะทือนน้ำสาดลาดลุ่มลง

มิบ่อยครางกลางแกนแผ่นดินไหว
ระเบิดไฟพุ่งเหลวเปลวพ่นผง
ละลายกร่อนตามกาลนานยืนยง
ถึงขั้นคงอสงไขยฤาได้ยล

เขาเปรยเปรียบเทียบเป็นเช่นมนุษย์
บริสุทธิ์ผุดผลิปฏิสนธ์
สิ่งดีมั่วชั่วห้อมล้อมกมล
หลากเล่ห์กลเลิศล้ำอำอุบาย

หน้ามะพลับลับหลังซากซังโผล่
ตอตะโกหนามเหนี่ยวเหยี่ยวสยาย
กางกรงเล็บเจ็บโจมเลือดโลมกาย
ท่วงสุดท้ายหมายคิดปลิดชีวัน

อรุณเบิกเลิกรบสงบนิ่ง
จงจมดิ่งดื่มด่ำธรรมขันธ์
พฤติแต่ชอบมอบอภัยให้แก่กัน
เจ้าจะมั่นใดห่อนคลอนสุเมรุ

รพีกาญจน์
26 พฤษภาคม 2559


หัวข้อ: Re: เรามีสิทธิ์แค่นี้หรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 12 มิถุนายน 2016, 10:50:20

ผักเนื้อข้าวซาวหุงปรุงอาหาร
เกลือน้ำตาลหมดมื้อควักซื้อจ่าย
น้อยหรือมากอยากกินกลืนน้ำลาย
คุ้มแลงงายค่อยว่าหาอีกที

ไร้เหรียญแดงแบงก์ใบในกระเป๋า
แสร้งหน้าเศร้าปาดเหงื่อเชื่อโกตี๋
มีงานบุญบ้างไหมได้อิ่มฟรี
ช่วยทำทีฮาเฮเทเหล้าเบียร์

ซี่ประตูรูฟากพื้นกากเก่า
ขื่อคาเสากำจอดมอดแทะเสีย
ตั้งติดด้านศาลร้างว่างเปล่าเปีย
ปลวกยั้วเยี้ยใต้ถุนก่อดุนดัน

พอซุกหัวต้วนอนตอนเย็นยุบ
ดิ้นกระดุบครวญคร่ำยุงห้ำหั่น
รอรับจ้างร่างแลกแบกฝ่าฟัน
สืบคืนวันคั่นผอมอกตรอมตรม

หมดสิทธิ์พล่ามถามทวงดวงราศี
บ่ไข้โขกโรคบ่มีก็ดีถม
เล่นเบอร์หวยรวยลัดฟัดเจ็บจม
ตื่นสร่างเซาเมาก้มซมน้ำตา

โลกลำเอียงเรียงโซนแบ่งโทนสี
วาดวิถีโค้งคดกำหนดค่า
วนฟรี ซื้อ เชื่อ เช่า เขาระอา
เกิดอีกคราขอจองท้องคนรวย

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: สำรวจอีกแล้วหรือ 3
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 15 กรกฎาคม 2016, 05:48:02

ไม่รู้เถาเหล่ากอสั่งพ่อค้า
กว้านซื้อมาส่งขายจากหลายสวน
ตามตกลงปลงคำครบจำนวน
แบบหยวนหยวนทันปลูกถูกราคา

แรกดีใจได้ยลพวงผลดก
กะแสนหกตกหน่อยปล่อยแสนห้า
ปุ๋ยฮอร์โมนพ่นจัดเต็มอัตรา
ทุกสัปดาห์น้ำให้หลั่งไหลริน

เห็นหนอนไต่ไรตอมเพลี้ยล้อมยึด
สวมชุดฮึดปฏิบัติการสังหารสิ้น
ฉีดพ่นส่ายปลายสุดมุดลงดิน
มดแมงบินแถกแถแหงแก๋ตาย

ยิ้มแช่มชื่นคืนวันเดือนผันผ่าน
ใส่อาหารสารเนื้อเพื่อขยาย
บวกซัลเฟอร์ซิวซิวขัดผิวลาย
ก่อนเก็บขายสีทองต้องตาครัน

บินผับผับจับยูงฝูงนกเอี้ยง
เรียกพ่อเลี้ยงพ่อเลี้ยงเสียงสนั่น
สรรพสัตว์รู้สิ่งจริงของมัน
มื้อวันจันทร์เจ็ดค่ำขายลำไย

เคี้ยวข้าวนิดเนื้อหน่อยอร่อยหวาน
เห็นวิมานวาววับนอนหลับใหล
หลังฝนหยุดทรุดลงตรงบันได
นั่งร้องไห้ลำไยแตกแยกขาวโพลน

รพีกาญจน์


หัวข้อ: Re: อย่ายุ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 11 สิงหาคม 2016, 12:42:16

คนละถิ่นดินแดนแหงนก้มต่ำ
ภูผาถ้ำน้ำรอบเป็นกรอบเกาะ
ที่ราบหล่มถมเทเลจำเพาะ
สูงแซะเซาะลงหลุบหุบเหววน

เช้าจดแลงแสงแดดเผาแผดร้อน
ค่ำเข้านอนเยือกเย็นกระเซ็นฝน
หิมะตกปกคลุมทั่วลุ่มบน
นองเอ่อล้นท่วมถากเชี่ยวกรากไกล

ต่างสิ้นเชิงเวิ้งฟ้าพายุหมุน
ละอองฝุ่นหล้าโลกโยกสั่นไหว
เสียงครางครืนเขาแยกแตกพ่นไฟ
มหาภัยพ้องเภทมวลเหตุการณ์

เอาสิ่งห้อมล้อมหัวตัวกำหนด
ปรับยืดหดมั่นคงดำรงฐาน
สัมผัสสุขทุกข์รอนใช่ห่อนนาน
ผสมสานครุ่นคิดปลิดค่อยคลาย

ศูนย์รวมแหล่งแสงสีเสียงศิลป์ศาตร์
รู้เปรื่องปราดก่อเกื้อสืบเชื้อสาย
ชูวัฒนธรรมร้องรำบาย
การแต่งกายภาษาสื่อสังคม

พบร้อยพันปัญหาคราแก้ไข
เรื่องภายในเล็กน้อยปล่อยสะสม
กำจัดทิ้งอิงมติน้อมนิยม
นอกเซ่อซมยอดแย่อย่าแส่เลย

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: บุญหรือบาปบำเพ็ญพาเป็นไป
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 03 กันยายน 2016, 11:02:00

คราชแรแก่เฒ่าเข้าโรงหมอ
เรียกรถหวอรอรับปับเดียวถึง
ถนนดีมีส่วนด่วนตะบึง
พอไได้พึ่งหยูกยารักษาทัน

ช่างน้อยโชคโรคมากยากกำจัด
ต้องผ่าตัดฉับพลันกะทันหัน
ไข้ฉุกเฉินเงินแม้นแสนหมื่นพัน
มิอาจกั้นเพลงพรหมยมบาล

หนังหุ้มเนื้อเหลือกากซากสนิท
สิ้นชีวิตนิจจังละสังขาร
สิ้นประสาทสัมผัสจัดอาการ
ท้ายวิญญาณล่องลอยไร้รูปมวล

เจริญธรรมนำผลกุศลศพ
สงฆ์สวดจบกรวดน้ำโศกกำสรวล
ปลงจำพรากจากไปวัยอันควร
กล่าวเชิญชวนส่งเถิงเชิงตะกอน

ไร้ปวดเจ็บเก็บเก่านานเน่าเหม็น
ฉีดยาแผ่แช่เย็นแข็งเช่นขอน
ลูกทำงานหลานเรียนเวียนอาวรณ์
จุดไฟฟอนเผาฝังหนังดูกเอ็น

คงคุณงามความดีที่สรรค์สร้าง
แจ้งกระจ่างสากลคนรู้เห็น
สวรรค์สุขทุกข์นรกหมกลำเค็ญ
บุญหรือบาปบำเพ็ญพาเป็นไป

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ๐ คนแก่ ๐
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 03 ตุลาคม 2016, 14:28:23

ทำคึกคักนักเลงเก่งทุกอย่าง
เคยปราบช้างกระทิงเสือสิงห์หมี
ทั้งหมาหมูงูพิษมากฤทธี
ภูตพรายผีก๋ากั่นไม่พรั่นพรึง

เป็นเด็กวัดถนัดตอบชอบกระทู้
แม้พระครูใบฎีกาว่ากล่าวถึง
สูงแค่คอก็จริงวิ่งตะบึง
ได้ที่หนึ่งทุกครั้งเข้าเส้นชัย

ความรู้ด้อยดีกรี ป.กศ.
อวดหัวหมอเชี่ยวชาญอาจารย์ใหญ่
คำตักเตือนเชือนแชเอาแต่ใจ
หลบหลีกไวสับหลอกอย่างวอกลิง

ไม่ชอบมาพากลรีบร่นหนี
ละหน้าที่ผละผลุงเลิกสุงสิง
สิ่งที่ชอบสืบเสาะเกาะเช่นปลิง
แสร้งเฉยนิ่งลิเกร้องเฮฮา

อ้างระเบียบเฉียบขาดมาดเจ้าวัด
ถือบรรทัดถูกต้องซ้องไหว้สา
หากโดดออกนอกเขตเฉดกะลา
เข้มงวดกว่าราวยักษ์พิทักษ์พงศ์

ใช่เลือกสรรบรรจุอายุย่ำ
พฤติกรรมไร้ซึ่งพึงประสงค์
กั้นม่านเกล็ดเจ็ดชั้นขอฟันธง
ในนั้นคง"คนแก่"แผ่ชูคอ

ใครคิดว่ายังไม่แก่ ยกมือขึ้น...

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ๐ ปีใหม่ ไม่อยากแก่ ๐
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 01 มกราคม 2017, 13:02:59

เยือนยินดีตีขาอ้าแขนรับ
เต้นกุบกับครื้นเครงร้องเพลงโห่
เข็มนาทีชี้เผงเปล่งไชโย
หยิบแก้วโตยกขวดดวดพร้อมกัน

ยื่นขยับจับมือยื้อคล้องเกี่ยว
ย้ำคำเดียวหมดทุกข์พบสุขสันต์
ย่างยักย้ายส่ายโซกโยกเมามัน
สิ้นหนาวสั่นเปลื้องเสื้อเหงื่อชุ่มกาย

แขวนไฟสีนีออนสะท้อนแสง
เสียงเร่งแรงจับไมค์รุ่นไร้สาย
สำแดงสิงห์ลิงเขย่าเต่าตะกาย
รอบพู่พรายลายพลิ้วปลิวยรรยอง

เปลวประทุพลุแตกพุ่งแหวกหวีด
โก่งตัวกรี๊ดตลึงถึงตาจ้อง
จุดกระบอกดอกไม้ไฟเรืองรอง
โคมลอยฟ่องส่องหล้าฟ้าสกาว

หายใจเฮือกเยือกเย็นเป็นระยะ
ร่างปะทะลมตกกอดอกหนาว
สุมไออุ่นดุ้นฟืนคืนยังยาว
หมอกพร่างพราวเบิ่งเบิกยอมเลิกลา

หยุดยินดีตีขาอ้าแขนรับ
หยุดจูบจับโก่งคอคอยรอท่า
หยุดตะวันจันทร์ดาว ณ ราวฟ้า
หยุดเคลื่อนคลาพาให้วัยล่วงเลย

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ไก่ตรุษจีน
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 25 มกราคม 2017, 21:29:09

ช่างพร้อมพรักดักหน้าตั้งท่ารับ
โค้งคำนับลุกฮือยกมือไหว้
ส่งเสียงหวานขานตอบยิ้มชอบใจ
กระเถิบใกล้ถ่ายรูปวูบสอพลอ

ดังละครตอนแปลงจำแลงบท
มรรยาผดหวังเอื้อมเชื่อมกิจส่อ
เสนอตัวคั่วแดงตะแคงรอ
เคยกอดคอทิ้งเพื่อนร่วมเรือนชาน

เพื่อชื่อเสียงสกุลป้อปูนยศ
เกียรติปรากฎสูงสุดถึงบุตรหลาน
สู่สำนักสักครั้งหลังเอื้องาน
รับใช้ท่านช่วยนายตายยินดี

ปกาสิตผิดผูกถูกสนอง
เหินลำพองทิ้งงามข้ามวิถี
สิ้นสัจจะตะแบงแข่งนาที
แม้ภูตหนีผีฝังเผายังอาย

เขาจ้องจับสับโขกโยกเว้นวรรค
ไม่นานนักทบทวนขบวนถ่าย
กลับคืนแรงแซงโค้งโยงอยู่ปลาย
ฤทธิ์ยิ่งร้ายรวบล่างกินกลางบน

สิ้นอำนาจวาสนาชะตาตก
สร้างบุญหกเจ็ดวัดไร้จัดผล
เวรตามซ้ำกรรมเก่าเข้ามาดล
ถูกถอนขนนึ่งไหไก่ตรุษจีน

รพีกาญจน์




หัวข้อ: Re: ลูกของใครก็ใจของเขา
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2017, 21:31:59

พ้นจากครรภ์มรรดาหน้าล่อนจ้อน
ดูดนมนอนงอแงหงายแบเบาะ
เล่นหยอกล้อพอใจไห้หัวเราะ
สะดุ้งเคาะโครมครามตูมตามกลัว

ป้อนข้าวคำน้ำตามวันสามมื้อ
ไกวเปลอือจาจ้าผ้าป้องหัว
อุ้มโอบไหล่ไป่เบื่อเช็ดเนื้อตัว
ตากวาดทั่วสกัดปัดมดแมง

ฝึกใช้มือถือของลองจับลื่น
ตั้งไข่ยืนเกาะราวสาวยังแกว่ง
สอนมำมำมามาว่าพลิกแพลง
เสียงรุนแรงดุด่าเว้นอย่ามี

ก้มหลังไหล่ไหว้สาเปล่งสาธุ
ล่วงบรรลุชั่งคิดถูกผิดที่
รู้ยิ้มรื่นชื่นชอบตอบไมตรี
กล่าวยินดีขอโทษโปรดอภัย

กะใดเติมเพิ่มเพลาถอนเบาหนัก
สื่อรสรักทักทอต่อปราศรัย
ดำรงตนยลยึดพฤตินัย
มอบหทัยแด่ชาติศาสน์ราชัน

ยอมทุ่มเทเวลาดูแลลูก
เฝ้าแปลงปลูกงดงามตามใฝ่ฝัน
หรือจ้างเลี้ยงเร้นกายหายทุกวัน
ถ้าเช่นนั้นน้อยดีมีมากร้าย

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: เตือนลูกหลาน
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 21 เมษายน 2017, 21:50:45

จะกินใช้ใคร่ครวญอย่าด่วนซื้อ
ควรปรึกษาหารือถือเหตุผล
ใช่คอขาดบาดตายภายบัดดล
หรืออาภัพอับจนสิ้นหนทาง

ตั้งคำถามความเห็นจำเป็นไหม
เดือนทีใช้ออกวิ่งจอดนิ่งว่าง
หลับช่วงคืนตื่นนอนจรรุ่งราง
ท้องฝากห้างสั่งง่ายจ่ายดื่มกิน

เสื้อคับหลวมสวมใส่ให้คุ้มค่า
ลงทุ่งนาผ้าเทาเก่าแหว่งวิ่น
พอโทรออกบอกข่าวกล่าวยลยิน
เพียงพลอยนิลสร้อยแหวนแทนเพชรทอง

เศรษฐกิจติดอ่างทุกอย่างแย่
ฝืดเคืองแท้เบี้ยหอยหายลอยล่อง
สื่อดาวน์สดลดแหลกแจกก่ายกอง
ประโคมฆ้องจองจ้อล่อผ่อนนาน

ภาษีโขกโชคไร้เปลวไฟสุม
เปรตผุดขุมบุกน้ำบนย่ำย่าน
ขาดไข่เกลือเนื้ออดข้าวหมดจาน
ตรากตรำงานบ่ยั้งหลังก่งโกง

จะกินใช้ใคร่ครวญคิดถ้วนถี่
ถึงมากมีเต็มถังฝังจุโอ่ง
ขาดชั่งใจใช้มั่วแค่ชั่วโมง
เดินโทงโทงซึมเศร้าเปลือยเปล่าตน

รพีกาญจน์




หัวข้อ: Re: ทนอีกนิด...จวนถึงแล้ว...
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 20 มิถุนายน 2017, 21:27:32

คงยืนเงียบเสียบเหงาเคียงเขาเปลี่ยว
ซบซีดเซียวคอยท่าเมฆห่าฝน
ถูกครอบคลุมลุ่มเครือใบเหนือบน
วอนอดทนจนกว่าข้ากลับเยือน

ดูหน้านิ่วหิวสิยั้งผลิผุด
คราบไคลจุดขาวขอบรอบกำเกลื่อน
รอยปริแปลกแยกกลางสีลางเลือน
โรครุมเรือนมดแมงแย่งไต่ตอม

พระพายโชยโบยโบกโศกสะท้าน
ต้องกิ่งก้านผ่านผือแท่งทื่อผอม
ร้อนตะวันจันทร์พราวหนาวปนปลอม
ดาราล้อมพร้อมพร่างน้ำค้างพรม

คิดหรือใครใจดำทำกับเจ้า
จำจากเหย้าเช้าเย็นเข็ญฝืนข่ม
เริงระบัดฝัดฟายร่ายรื่นรมย์
ปู่เยี่ยมยมพรหมันชี้บัญชา

สิงสู่ปางนางน้อมห่อห้อมแวด
เสียงแนแผดเสียดหูลุกซู่ซ่า
สานคีย์บอร์ดสอดเบสเฉดกีตาร์
เหลืออุราระงับขับฟ้อนเฟย

สิ้นทรงเสียบเงียบงันเข้าพรรษา
แปดกรกฎามาละเหวย
จะเคียงคู่อยู่ห้างเช่นอย่างเคย
สวนเจ้าเอยมะม่วงพวงลำไย

แฟนเป็นร่างทรง ไปส่งทุกวัน อิอิ

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: มีข่าวดีมาบอก
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 15 กรกฎาคม 2017, 22:19:35

นกขมิ้น เจ้าเอย...
เดิมเคย โผผิน บินว่อน
ชูคอ พอใจ ไหนนอน
เร่ร่อน ฮาเฮ เสรี

ยื่นหยิบ จิบจำ คำหวาน
ขับขาน สานคีต ดีดสี
ล่วงเลย ทิวา ราตรี
ม่านคลี่ แสงส่อง ล่องลา

ย้ายแยก แตกกอ หน่อแก้ว
เพริศแพร้ว กรุงไกล เก่งกล้า
บ้างย่ำ ตำคู สู่นา
ตากฟ้า หลังงอ ผ่อตม

อยู่ดี มีกิน สินทรัพย์
นากนับ เงินกอง ทองถม
อยู่ตูบ ใต้ขัว จั่วลม
ดังดม เหม็นฉี่ ขี้ควาย

เจ็บไข้ ได้ป่วย ม้วยม่อง
เดินคล่อง อกตึง ผึ่งผาย
หลานเรียก ปู่ย่า ตายาย
เดียวดาย ไร้คู่ ดูเงา

กะจองงอง เจ้าข้าเอ๊ย...
ข่าวเผย รวมใจ ใหม่เก่า
แกหงัก นักกลอน อ่อนเยาว์
ฟังเสาร์ อาทิตย์ ติดตาม

ข่าวว่า...จะมีงานชุมนุมนักกลอนของ
ชมรมนักกลอนเชียงใหม่-ลำพูน เร็วๆนี้

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: โรคที่รักษาได้แต่หายยาก
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 06 สิงหาคม 2017, 05:54:21

ชรอยดูกกดกันน้ำมันข้อ
หว่างเชื่อมต่อเหือดแห้งแรงเสียดสี
สะดุ้งโหยงโครงลั่นเหลียวทันที
ปวดทวีก่งก้มตรมน้ำตา

ยินเสียงซู้ดบูดเบี้ยวย้ำบ่งบอก
แขนข้อศอกอักเสบเจ็บไหล่บ่า
กล้ามพลิกกลับทับเส้นเอ็นสั่นชา
ฉีดหยูกยากินแก้แค่ชั่วคราว

พอหิ้วหนักตักน้ำสากตำครก
แข็งปกหลกต้นแขนแล่นร้อนผ่าว
เท้าตะคริวนิ้วเกร็งเขย่งราว
หน้าซีดขาวหำหดหมดเรี่ยวแรง

กายบำบัดงัดท่าคราเคยคุ้น
ถุงน้ำอุ่นประคบค่อยทุกแห่ง
ธรรมบำบัดจัดใจใฝ่แสดง
สู่ทางแพ่งสะกดเรียนปลดปลง

ควบคุมอยากปากลิ้นกินเสริมสร้าง
กบปลาก้างย่างสดแห้งบดผง
พืชใบเขียวเรียวลู่เต้าหู้ชง
เลิกพะวงกาแฟแลเหล้างด

บ้างมีกรรมลำเค็ญเป็นแต่เล็ก
ดูสิเด็กเดินทื่อซื่อกันหมด
ไม่รู้ผ่อนอ่อนน้อมยอมประณต
อนาคตย่ำแย่ไม่แก่ตาย

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ท้อนะ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 07 กันยายน 2017, 21:42:47

ใช่อยากเด่นเน้นดังเรื่องทั้งสิ้น
วางยลยินวาดโฉมประโคมไหน
เพียงแผ่นภาพฉาบชื่อคืออะไร
แล้วทำไมย่ำยีรุมบีฑา

ใช่รับจ้างอ้างเอิ้นเขาเชิญช่วย
เพรงพ้องด้วยครุ่นคิดจิตอาสา
แค่แสงสะกะพริบพิลิปดา
ม่านขอบฟ้าบดบังมิรังรอง

ใช่สะบัดภู่กันสรรค์อักษร
เป่ากระฉ่อนเป็นหนึ่งไร้พึงสอง
จุดลากเส้นเฟ้นงามตามทำนอง
แจ้งเจ้าของไหว้สาศรัทธาทาน

ใช่ช่องชอบกอปรกลเสียบผลแต่ง
สู่ตำแหน่งหัวกลุ่มคุมสถาน
หวังโกยแต้มแย้มยศปรากฎการ
กำชัยผ่านลานล่าประดาวุธ

ใช่มากดีมีชั่วเกลือกกลั้วบ้าง
เพียรเสริมสร้างรางรินจินต์พิสุทธิ์
ปฏิบัติจัดจองคล่องนิรุตติ
หวังวิมุตติหลุดล่วงพ้นบ่วงกรรม

เหตุไฉนไยเอ็งข่มเหงข้า
โพทะนาปวงชนจนระส่ำ
เว้นเรื่องถูกผูกร้ายกระจายคำ
ช่างปั้นน้ำเป็นตัวชั่วเหลือเกิน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: สงสารนวล
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 18 ตุลาคม 2017, 06:06:06

ยังยึดคำทำนองของปะเก่า
ทั้งดีดสีตีเป่าเขย่าขวัญ
ปากอู้เอิ้นเชิญชอบตอบจำนรรจ์
ป่าวประโคมโน้มนั้นร่วมบรรเลง

ชูกล้าแกนแผ่นผกล้าตกร่อง
ผุดโผล่ช่องร้องเล่นเต้นโฉงเฉง
ภาพยิ้มพรายรายเรียงพร้อมเสียงเพลง
เขียนฝาเข่งไขหน้าข้อยปลาแบ

สำแดงกึ๋นขึ้นซีนปีนกระบะ
จ้องจังหวะจะโคนโหนกระแส
พ้องฉิ่งฉับกรับกลองฆ้องปี่แน
ยาวแหนแห่ห้อมข้างหางขบวน

แอบเอาฤกษ์เบิกงามตามฉบับ
เมฆพยับจับฟ้าหล้ากำสรวล
เปรียบตัวเปล่าเผ่าผู้มิรู้ควร
ส่อจิตป่วนด่วนจองครองอาณา

ด้วยตั้งใจใคร่แรกแหกประถม
ตรวจนิยมชมสีค้างกี่ขา
สะบัดเก๋าเท่าทันกลั่นน้ำตา
พ่วงดรามาหาแต้มแย้มพวกภักดิ์

ยังยึดคำทำนองของถนัด
รอบทะลุ่มชุมซัดดาจัดหนัก
เดินตุปัดตุเป๋โซเซชัก
นวลน่ารักพักหนึ่งถึงถูกนับ

รพีกาญจน์




หัวข้อ: Re: คิดแบบนี้ ดีไหมจ๊ะ?
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 10 พฤศจิกายน 2017, 05:53:04

ธนบัตรมัดฟ่อนซ่อนไหหับ
เป็นความลับรู้เองเกรงกระหึ่ม
จุ๊จุ๊เบาบอกเมียเอี่ยหูพึม
กันรั่วซึมปูนฉาบอาบน้ำยา

ดึกสงัดจัดแจงออกแรงขน
ปลอดผู้คนฝังไว้ใต้ฉำฉา
สัตว์ดมคุ้ยเขี่ยพ้นโผล่ขึ้นมา
หนามพุทราแหลมคมตัดถมพราง

ปลูกฟักแฟงแตงคลุมรอบลุ่มพื้น
กระบอกปืนสินาดพาดหน้าต่าง
หมาเห่าหอนค่อนคืนแมวครวญคราง
ยิงโป้งป้างขึ้นฟ้าไม่ปรานี

เขาแต่งงานบ้านใหม่ห่างใต้เหนือ
ชวนลงเรือขึ้นรถผดกรุงศรี
กินข้าวสวยก๋วยเตี๋ยวพักเที่ยวฟรี
ชมดนตรีตลกไม่ตกลง

นั่งผ่าตอกลอกปอทอถักแห
ตำข้าวแลมือคัดฝัดกระด้ง
ค่ำเป่าไฟให้วัวลามแวดวง
ลุกก้นก่งลับตาเหลียวอาลัย

ธนบัตรมัดฟ่อนนอนในแบงก์
ข่าวแจกแจงงุนงงยังสงสัย
แน่กลัดกลุ้มคลุ้มคลั่งคลังยึดไป
จับยัดไหฝังดินดีกว่าเอย

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: นอนตาหลับตั้งแต่นั้นมา
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 23 พฤศจิกายน 2017, 21:24:51

ลูกหัวเห็ดเพศชายคิดหมายมั่น
สืบเชื้อพันธุ์มิสูญเพิ่มพูนส่ง
พิทักษ์ศาสน์กษัตริย์รัฐยืนยง
รู้ธำรงศักดิ์ศรีมีวินัย

พรเทวัญชั้นฟ้าแลหล้าโลก
กาลเกณฑ์โยคอุดมสมสมัย
ประสิทธิ์ผลดลหวังดังหทัย
เป็นปัจจัยพิเศษสำเร็จงาม

ปฏิวนสนธิเริ่มผลิผุด
ฤทธิรุจเพลาสางฟ้าฮ่าม
สุดสง่าอ่าองค์มงคลคราม
ขนานนามความค่า"ฟ้า"พยางค์

หลายท่านเตือนเพื่อนสู่หมอดูทัก
ว่าลูกรักสักบ่าวกร้าวกระด้าง
มิยอมงอคอแข็งแรงหักกลาง
ล้วนแต่สร้างพิษภัยให้แก่ตน

เกิดเลขฉาวดาวฉ่าวารอาทิตย์
มาสสถิตพฤษภสยบหน
ชาติพยัคฆ์นักษัตรพัทธ์พยนต์
สามสกลดุดันอันตราย

เจริญวัยนัยพาลนานยิ่งชัด
จำต้องตัดพล่านเพลิงก่อนเปิงสาย
เรียนตำรวจลูกขอจบมอปลาย
พ่อใจร้ายบังคับจับเรียนครู

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: วาทีปีใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 01 มกราคม 2018, 10:37:25


สวัสดีปีใหม่ครับ  ขอให้ประสบแต่ความ
สุข สดชื่น สมหวัง สฤงคาร สถาวร  ทุกท่านครับ

จิตตพรจากใจ  รพีกาญจน์ ครับ



หัวข้อ: Re: ฝันเช้าวันอาทิตย์
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 04 กุมภาพันธ์ 2018, 21:08:44

รีบลุกไวไก่ขันกระชั้นเสียง
เตรียมเสบียงลงถุงมุ่งไปสวน
ครบให้น้ำกำหนดรดราดพรวน
พืชผักจวนเก็บเกี่ยวใบเขียวงาม

เสื้อผ้าทอม่อฮ่อมแขนก้อมหม่น
เตี่ยวปะก้นดึงสวมหลวมรุ่มร่าม
ผ้าต่องชาดคาดพุงใกล้รุ่งฮาม
สะพายย่ามคว้างอบแบกจอบเดิน

ดุ่มเลาะลัดตัดทางเลียบข้างเขา
เหลือบเห็นเงาแล่นโลดกระโดดเหิน
จะสัตว์ใดใช่เสือกลัวเหลือเกิน
โกยข้ามเนินลงคลองล่องลอยคอ

เท้าแตะพื้นขึ้นขัวกลัวเสือซุ่ม
ดำตะคุ่มแต่ไกลอะไรหนอ
หางยาวส่ายว่ายแหวกแขมแตกกอ
วิ่งไม่รอจระเข้เซสิ้นแรง

เหนื่อยสุดแสนแหงนบนดูต้นเสียง
บินเอนเอียงพั่บพั่บบังลับแสง
ปากงองุ้มหุ้มลายตาฉายแดง
เฮ้ยอีแร้งเวียนวนรอคนตาย

มาแร้งหมู่สู้ดะเสือจะเข้
เตะถังเปพัดลมตั่งล้มหงาย
"ขอโทษแม่แค่ฝันฉันตาลาย"
"เตรียมเครื่องสายหยูกยาฆ่าแมลง"

จ้า...ไปเดี๋ยวนี้แหละ แม่...



หัวข้อ: Re: คนขายแรง
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 23 มีนาคม 2018, 21:11:18

ควบตะรอนฮอนด้าไร้ขาตั้ง
จอดทุกครั้งหลังวิ่งเอียงอิงเสา
แค่โครงล้อท่อแฮนด์จึงแสนเบา
ร้อนแผดเผาเก่าจางเดิมร่างดำ

เติมน้ำมันวันลิตรบิดขึ้นล่อง
วนคันหนองคลองเช้าช้อนเตาผำ
เด็ดผักบุ้งบอนตัดมัดเป็นกำ
ขาประจำนำส่งตรงกาดแลง

พอซื้อเมี่ยงเลี้ยงเหล้าเมาหัวหมุน
มวนยาฉุนถุนอมดมยิ้มแฉ่ง
สีสะล้อซอซึงถึงรอมแพง
คืนเดือนแจ้งแสงพรายนั่งปลายนา

หิวอิ่มอดหมดว่างเว้นบางมื้อ
จนยังตื้อติดตามทุกข์ถามหา
ง่วนขุดง้างร่างแบกแลกเงินตรา
ปอยไหว้สาอาหารโรงทานฟรี

ย่างเดือนห้าหน้าแล้งน้ำแห้งขอด
ลำตลอดเหลือทรายน้ำหายหนี
ตลิ่งรูปูปลาหาไม่มี
ดงยังดียอดใยใบสะเดา

ควบตะรอนฮอนด้าเหน็บพร้าขวาน
เอิ้นของานง่ายยากมากน้อยเหมา
จ้างเสร็จจ่ายรายวันยันย่อมเยา
รักไหมเจ้าเราชายคนขายแรง

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ภาคผนวกรัก
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 15 พฤษภาคม 2018, 21:44:23

เกิดกระสับกระส่ายมิวายเศร้า
ทุกข์ก่อนเก่าเคยผ่าสี่ห้าหน
มะเร็งปีกมดลูก ดูกคอบน-
หลายซี่ซ้น ก้บกบดูกขบคา

ถุงน้ำดีตัดเช้านิ่วเน่าอืด
ผืนพังผืดยึดกล้ามง่ามมือขวา
ซ้ายแบงับจับถือหลุดมือชา
รวมซ้ำผ่าห้าครั้งยังเช่นเดิม

หันเห็นลูกเต็มบ้านหลานนอนอู่
จำต้องสู้ซื้อขายหาได้เสริม
คนขนมต้มห่อสูตรต่อเติม
กู้เงินเริ่มเพิ่มทำสวนลำไย

ทุนน้อยแรงแข้งขาแทนว่าจ้าง
จอบสับง้างดินดานโปรยหว่านไถ
ขุดร่องก่อกั้นแปลงตกแต่งใบ
มีดตัดไม้มือกำเสยค้ำพวง

ไร้คะเนเวลาวัยอายุ
ร่างเปื่อยปุโอดโอยล้าโรยร่วง
เหนื่อยไม่พักหนักวางเบาขว้างควง
จนถึงช่วงงวยหง่อมหามซ่อมแซม

เกิดกังวลหม่นไหม้อะไรเล่า
ของผุเก่าโปะปะฤาจะแจ่ม
เคยเคล้าคลึงตึงตีบแฟบลีบแรม
เอียงสองแก้มมาซีพี่จูบรัก

ผลMRIเอ็นหัวไหล่เธอขาดสี่เส้นรอคิวผ่า

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ผูกขวัญให้น้อง
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 17 มิถุนายน 2018, 21:26:12

ขวัญเอ๋ยสามสิบสองจำห้องหอ
รวมอัดออถ้วนถี่ห่างหนีไหน
นั่งจ๋องจ๋อบริกรรมสำรวมใจ
อบอวลไฟเทียนธูปวูบวาบแดง

ขวัญอยู่เย็นเป็นสุขทุกพรรษา
ท่องธัมมาเขียนขีดมิผิดแผลง
ห่วงใยเหย้าเฝ้าเรือนคู่เพื่อนแพง
ใดสำแดงขยับเลื่อนลับตา

ขวัญแล่นรถลงเรือขึ้นเหนือล่อง
ลอดรูช่องปล่องหลุมขุมขอบหนา
แหวกว่ายโผล่โงโง้มจมชลา
ท่องเที่ยวป่าตกเขาติดเถาวัลย์

ขาดข้าวน้ำลำบากอดอยากหิว
จับตะคริวมือไกวหัวใจสั่น
ท้องอืดแน่นแผ่นหลังลมถั่งดัน
ระคายคันหูหัวเกาทั่วลาม

โดนบี้เบียดเสียดแทงแรงสะท้อน
รำคาญหอนหมาโหยโกยตีสาม
สะดุ้งขอมปลอมแขกแทรกเขตคาม
เจ๊กไอจามสะดุดข้าวอุดคอ

ขวัญเอ๋ยสามสิบสองล่องลอยไหน
นำกล้วยไข่ปลาแดกแลกคืนขอ
กลับสู่ทรงองค์เอวอกลออ
พักห้องหอพ้นทุกข์พบสุขเอย

กลับจากอำเภอพร้าว รีบผูกขวัญให้น้อง

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: กลัวคนไม่ชอบ กลัวไม่มีพวก
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 28 กรกฎาคม 2018, 22:13:56

ทำสดชื่นยื่นหน้ายิ้มตาหยี
สวัสดีเงยก้มประณมไหว้
อู้เอิ้นปากลากยานหวานแว่วไกล
พรประไพส่ายโยกโบกอำลา

เบาสอดนิ้วหิ้วถือมากมือหอบ
ถุงกระสอบยกขนแบกบนบ่า
ช่วยสืบสานงานวัดจัดแต่งดา
เข้าพรรษาแห่เทียนเวียนปะรำ

กล่าวต้อนรับนับญาติประกาศมิตร
อวยอุทิศกุศลผลบุญพร่ำ
ผู้ล่วงลับดับขันธ์เทวัญนำ
แผ่ถึงถ้ำสรวงค้างหว่างอบาย

ขึ้นสรวลเสเวทีมีสังสรรค์
งานแต่งหมั้นขันหมากแขกหลากหลาย
ฉลองร้านบ้านใหม่ใจสบาย
ครบรอบคล้ายวันเกิดม่วนเถิดเทิง

รวมกลุ่มทำสัมมาประชารัฐ
หมายขจัดร้อนรนจนยุ่งเหยิง
สะล้อสีตีกลองฉาบมองเซิง
ฟ้ายกเบิ่งตะวันยันพระเพล

แบบออกมั่วกลัวใครไม่ชอบรัก
ขาดพวกพรรคเพื่อนพี่นายสีเส้น
หลบแอบหลังบังกายร้ายเบี่ยงเบน
อยู่กินเล่นสนุกสุขพอแล้ว

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ผิดบ่อยเกินอภัย
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 11 กันยายน 2018, 22:21:11

เถิดรู้ร่างอย่างไรเชื่อไม่สน
ยกเหตุผลผิดชอบประกอบกับ
พ่นกระจายร่ายเวทวิเศษทับ
ปิดซองพับซับใจส่งให้เธอ

มีทางเดียวเท่านั้นทวนเดิมหลัง
ลองสักครั้งหวังพร่ำนำเสนอ
ปราศสีสันบรรเจิดป้ายเลิศเลอ
ขาดภาพเปรอปนปิดพิสดาร

เวียนซ้ำซากลากถ้อยร้อยละช่วง
ไร้บาศบ่วงห้วงหวามแห่งความหวาน
มิเฉลาเก่ากรุคำบุราณ
ตกตรวจทานผ่านทวนผิดผวนชิง

หากลมกลืนลื่นไหลใช้เสียงสั้น
เสียงยาวคั่นขึ้นคบหลบลงดิ่ง
สัมผัสเห็นเป็นตายน่าอายจริง
ลบฆ่าทิ้งทุกวรรคประจักษ์รอย

ถูกตำหนิติต้องเข้าห้องลับ
เต้นตุบตับขับใจสั่นไหวบ่อย
วิงวอนพระนะโมโผล่คุ้มคอย
รับโทษน้อยหลังแหวนแทนเอ็นดู

เชื่อเถิดร่างอย่างไรเธอไม่สน
ก็ฉันคนก้นดูกจมูกบู้
จากบ้านนอกขอกนามักปลาทู
เจริญสู่สูงวัยใช่ชรา

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ลองแล้วยังทำไม่เป็น
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 24 ตุลาคม 2018, 21:44:42

จะหนักเบาเท่าไรไม่รอท่า
ก่ายเกยบ่าแบกยกกระดกหาม
ลื่นถอยหลังยั้งยุดสะดุดตาม
ก้าวเกินข้ามพล่ามผ่อนยอมอ่อนแอ

คิดเอ่ยคำรำคาญหวังวานช่วย
ปราศโรคป่วยเปล่าเสือกเหงือกแถกแถ
นิ่งทะนงคงศักดิ์ประจักษ์แล
ยากพ่ายแพ้แชเชือนบิดเบือนงาน

นั่งยืนนอนค่อนคืนลุกตื่นหลับ
ห่วงหาทรัพย์นับบไว้ให้ลูกหลาน
ลืมไคลคราบอาบเหงื่อหนังเนื้อยาน
ซี่โครงบานขาแบะเสาะแสะทาง

ดังละครวอนไหว้โน้มใจง่าย
รับทุกรายจ่ายจองขอร้องจ้าง
งานปลดปลงมงคลขนเต็นท์กาง
พิธีพลางวางผ้าว่าจับไมค์

แท้ขี้เท่อทำเป็นเห็นบอดบ้าง
หูสองข้างเคร่งตึงขึงปิดไข
เท็จแจ้งจริงนิ่งอยู่เดาดูไป
ฤาทนไหวได้ยอดตลอดยาว

อุปโลกน์โยคย้ายปิดป้ายแท่น
หยุดโลดแล่นแอ่นอำขบขำฉาว
รู้นิดน้อยด้อยดิบสักสิบซาว
แต่งเรื่องราวรูปไร้ลงไม่เป็น

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: เมื่อ 24 มีนาคม 2562
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 27 มีนาคม 2019, 21:07:16

ขยับยืนตื่นไวยินไก่ขัน
เริ่มแปรงฟันบนล่างแล้วล้างหน้า
คลำดูเลอะเหนอะเหนียวเอี้ยวไปมา
อาบดีกว่าสบู่กำถูตัว

บีบแชมพูครีมนวดรวดผสม
สระเส้นผมเกาหนังรังแคทั่ว
พุงกระเพื่อมเอื้อมตักไร้ฝักบัว
สะบัดหัวน้ำเล็ดผ้าเช็ดตาม

หน้าผากเถิกเลิกคิ้วนิ้วจับหวี
สางสามทีผมย้อยค่อยปกง่าม
แตะเกรงเคลื่อนครีมเหลวลูบเยลวาม
เครารุ่มร่ามตัดสั้นหนวดกันโกน

ประแป้งร่ำอมราทาสองแก้ม
ครางฮะแฮ่มแยงแว่นแอ่นโผโผน
นุ่งเตี่ยวหลวมสวมคล่องลองกระโจน
เลือกเสื้อโทนสีเดียวเว้นเขียวแดง

เสร็จยังแนแม่ศรีมีข้าวหุง
หอมกลิ่นปรุงซาบซ่าปลาแขยง
คู่ถ้วยพริกผักนึ่งตำลึงแฟง
ยกจัดแจงอาหารทานเรียบวุธ

แสงแดดอุ่นฝุ่นมัวสลัวเช้า
ลมมิเป่าร้อนในเหงื่อไหลปุด
ล็อคประตูหน้าต่างพลางรีบรุด
นั่งลงทรุดสวมเกือกไปเลือกเบอร์

รพีกาญจน์