เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย

บอร์ดกลุ่มชมรม => ชมรมนักกลอน => ข้อความที่เริ่มโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 08 มิถุนายน 2012, 22:37:05



หัวข้อ: รู้อภัย ใจกว้าง แบบอย่างดี
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 08 มิถุนายน 2012, 22:37:05


หาบน้ำอ้อย ลอยไพร ไกลจากบ้าน
วางขายงาน ตานตุง ถิ่นกรุงศรี
เดินเลียบเลาะ ละเมาะป่า พนาลี
ผ่านบางที่ รกชัฏ ลัดเลาะไป

แข้งขาเคล็ด เหน็ดเหนื่อย อ่อนเมื่อยล้า
แรกหาบมา ดั้นด้น พอทนไหว
เหงื่อไหลพลั่ก หนักทั้ง หน้าหลังไกว
หย่อนหาบลง ตรงไม้ ใกล้ลำธาร

ต้องลมเย็น เห็นตะวัน พลันมืดบด
ตายืดหด หลับเพลิน เกินเหลือต้าน
ปรากฏหญิง ทิ้งร่าง ลงกลางลาน
สวยสคราญ นวยนาด เยื้องยาตรา

มือแตะเนื้อ เครือลั่น สั่นสะทก
ถอยหลังหก ล้มหงาย กายร้อนเร่า
เธอก่นว่า ด่าแช่ง แรงไม่เบา
ร่างขาดเงา เลือนลับ ไปกับตา

ทะลึ่งลุก จุกยืน คืนสติ
ใช่แล้วสิ นี่นาง เป็นสางป่า
กินเนื้อแดง แห้งเหือด เลือดกายา
เหรียญครูบา มิถอด รอดวายวาง

นี่แหละหนอ พ่อค้า ราร่อนเร่
ออกจากเคหสถาน หาญเหินห่าง
ขายของกิน ของใช้ ได้สตางค์
เกือบถูกสาง นางไม้ จับไปกิน

กานต์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: Yim sri ที่ วันที่ 08 มิถุนายน 2012, 22:41:41
หาบน้ำอ้อย ลอยไพร ไกลจากบ้าน
วางขายงาน ตานตุง ถิ่นกรุงศรี
เดินเลียบเลาะ ละเมาะป่า พนาลี
ผ่านบางที่ รกชัฏ ลัดเลาะไป

แข้งขาเคล็ด เหน็ดเหนื่อย อ่อนเมื่อยล้า
แรกหาบมา ดั้นด้น พอทนไหว
เหงื่อไหลพลั่ก หนักทั้ง หน้าหลังไกว
หย่อนหาบลง ตรงไม้ ใกล้ลำธาร

ต้องลมเย็น เห็นตะวัน พลันมืดบด
ตายืดหด หลับเพลิน เกินเหลือต้าน
ปรากฏหญิง ทิ้งร่าง ลงกลางลาน
สวยสคราญ นวยนาด เยื้องยาตรา

มือแตะเนื้อ เครือลั่น สั่นสะทก
ถอยหลังหก ล้มหงาย กายร้อนเร่า
เธอก่นว่า ด่าแช่ง แรงไม่เบา
ร่างขาดเงา เลือนลับ ไปกับตา

ทะลึ่งลุก จุกยืน คืนสติ
ใช่แล้วสิ นี่นาง เป็นสางป่า
กินเนื้อแดง แห้งเหือด เลือดกายา
เหรียญครูบา มิถอด รอดวายวาง

นี่แหละหนอ พ่อค้า ราร่อนเร่
ออกจากเคหสถาน หาญเหินห่าง
ขายของกิน ของใช้ ได้สตางค์
เกือบถูกสาง นางไม้ จับไปกิน

กานต์


ยินดีต้อนรับสู่ชมรมกลอนค่ะ เป็นคนมาใหม่จริงๆ กระทู้ ๑ ด้วย
อ่านเพลินดีจัง
 ;D


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: ♡♡<Fairy>♡♡ ที่ วันที่ 08 มิถุนายน 2012, 22:43:42
:D..ยินดีต้อนรับค่า....แวะมาบ่อยๆ นะคะ.... ;)


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: >_อนัตตา_< ที่ วันที่ 08 มิถุนายน 2012, 23:01:10
เย้ๆๆๆๆๆๆ  ได้เพื่อนใหม่แย้วววววว อิอิ ^^

(http://upic.me/i/12/catgrey008.gif) (http://upic.me/show/2200129)

ยินดีต้อนรับค่ะ  ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: yonglapoon ที่ วันที่ 08 มิถุนายน 2012, 23:24:07
แบกกระสอบหอบแฮกแลกสิ่งหนึ่ง
คงเป็นซึ่งกตัญญูรู้หรอกว่า
เราเป็นคนทนสู้รู้เพลา
ให้แทนค่าในบุพการี
จึงได้ทนบนความยามท้อแท้
แต่นะแต่มิถอยคอยหลบหนี
สู้มานะทนทานนานสิบปี
จึ่งรู้ที่ได้รับนับคณนา
พ่อสอนให้ในสิ่งยิ่งล้ำเลิศ
ความประเสริฐคืออดทนล้นคุณค่า
กายาแกร่งแรงเยี่ยมเปี่ยมพลา
สู้แม้ว่าแม้นหนักสักเท่าไร
 
ยองหละปูน


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: Yim sri ที่ วันที่ 08 มิถุนายน 2012, 23:29:15
แบกกระสอบหอบแฮกแลกสิ่งหนึ่ง
คงเป็นซึ่งกตัญญูรู้หรอกว่า
เราเป็นคนทนสู้รู้เพลา
ให้แทนค่าในบุพการี
จึงได้ทนบนความยามท้อแท้
แต่นะแต่มิถอยคอยหลบหนี
สู้มานะทนทานนานสิบปี
จึ่งรู้ที่ได้รับนับคณนา
พ่อสอนให้ในสิ่งยิ่งล้ำเลิศ
ความประเสริฐคืออดทนล้นคุณค่า
กายาแกร่งแรงเยี่ยมเปี่ยมพลา
สู้แม้ว่าแม้นหนักสักเท่าไร
 
ยองหละปูน

ยินดีต้อนรับสู่ชมรมนักกลอนค่ะ

เอ๊ะ สงสัยวันนี้วันดี มีแต่หน้าใหม่เอี่ยม กระทู้เริ่มต้นที่ ๑ ตั้ง ๓ คนแล้ว ;D


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต(แนะนำตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 09 มิถุนายน 2012, 07:40:16

เดินพลัดหลง แฮ่กแฮ่ก แบกกระสอบ
เอาเห็ดถอบ หน่อป่า ลงมาขาย
เดินขึ้นเหนือ ไหล่เอียง ถึงเชียงราย
ถามสหาย ชื่อฟ้า หาไม่เจอ

ข่าวว่าเขา เล่นกานท์ สถานนี้
ช่วยบอกที หนานทอง ร้องเพลงเหน่อ
อยากจะดัง เคียงข้าง บ้างนะเออ
จึงเสนอ.หล่อเหลา.เข้าชมรม

เอาผักหวาน แทนสมัคร จักได้ไหม
เพราะเงินไทย มันหนี ไม่มีครับผม
ยังอ่อนเปลี้ย เพลียใจ ไข้รุมซม
อยากดื่มนม จากเต้า(วัว) เพื่อเอาแรง..อิอิ

ทารกคอมพ์ ยอมรับ จับตอนแก่
ยืนยักแย่ ยักยัน มิทันแต่ง
นิ้วกดจิ้ม พิมพ์ตัว มัวแสดง
ถูกเพื่อนแซง ปาดหน้า ช่างน่าอาย

วอนเมตตา หนานทอง พี่น้องนะ
เคยเป็นพระ บ้าคลั่ง ยังไม่หาย
เณรถูกเขก เด็กถูกเตะ เละกระจาย
ตีหมาตาย เท่งทึง ถึงสามตัว

ไม่แน่นอน กลอนบอก ออกห่ามห่าม
ชอบทำตาม อำเภอใจ ไปจนทั่ว
รัก คิดถึง ซึ้ง เคลีย เมา เนียนัว
ปรัชญา หัวว หงอยเหงา เศร้าทรวงใน

ช่วยตักเตือน เพื่อนพี่ ไม่มีโกรธ
โอ.ขอโทษ สาธก ยาวยกใหญ่
ช่างซอเก่า เมามัน คันหัวใจ
อยู่นี่ไง เตาผำ แบ่งยำกิน

๐ ทอง โบตัน (กานต์)



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: little girl ที่ วันที่ 09 มิถุนายน 2012, 07:59:02

ยินดีต้อนรับท่านทอง โบตัน(กานต์) อย่างเต็มจิต ล้นใจค่ะ  :D


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: >_อนัตตา_< ที่ วันที่ 09 มิถุนายน 2012, 08:02:13
เย้ๆๆๆๆๆ เอาอีกค่ะๆๆๆๆๆๆ ท่านทอง โบตัน (กานต์) ชวนท่านฟ้ามาด้วยน่ะค่ะ  สนุกดีๆๆๆๆๆๆๆ  ;D ;D ;D

(http://upic.me/i/9k/siamp.gif) (http://upic.me/show/3287931)


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: yonglapoon ที่ วันที่ 09 มิถุนายน 2012, 08:09:04
โหะ..อ้ายหนานทอง  อ้ายบ่าวฟ้าก็จวนท่านมาเล่นโตยก่านิ

กำนี้ก่อท่าจะม่วนโตยกั๋นน่อครับอ้ายหนาน


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: Yim sri ที่ วันที่ 09 มิถุนายน 2012, 08:47:24
ยินดีต้อนรับเพื่อนใหม่. สู่ชมรมนักกลอนค่ะ

ชวนมากันเยอะๆนะคะ. หาสมาชิกได้เท่าไหร่เราให้เปอร์เซ็นต์ค่ะ ;D
แบบขายตรงเลย ก๊ากกกกกกกกกก


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 09 มิถุนายน 2012, 09:14:47

ขอต้อนรับท่านกานต์เพื่อนท่านฟ้า
ร่ายลีลาเพลงกลอนอักษรศรี
เทียบละม้ายคล้ายเคียงเพียงวลี
ให้ยินดีเหลือล้ำเรียงร่ำมา

ฝากกระซิบถึงฟ้าอย่าลาลับ
ให้คืนกลับร่วมฝันสุขหรรษา
ร่วมแบ่งปันถ้อยรักอักษรา
ให้ลือชาบรรณพิภพจบแผ่นดิน





หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: Yim sri ที่ วันที่ 09 มิถุนายน 2012, 09:22:56

ขอต้อนรับท่านกานต์เพื่อนท่านฟ้า
ร่ายลีลาเพลงกลอนอักษรศรี
เทียบละม้ายคล้ายเคียงเพียงวลี
ให้ยินดีเหลือล้ำเรียงร่ำมา

ฝากกระซิบถึงฟ้าอย่าลาลับ
ให้คืนกลับร่วมฝันสุขหรรษา
ร่วมแบ่งปันถ้อยรักอักษรา
ให้ลือชาบรรณพิภพจบแผ่นดิน


ทั้งสำนวน.ความสนุก.   ใกล้เคียงกับท่านฟ้ามากเลย(สัมผัสได้อ่ะ)

ช่วย ลากท่านฟ้ากลับมาให้ได้นะคะ. แฟนบ่นถึงกันทุกคนค่ะ






หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 09 มิถุนายน 2012, 09:34:56
หาบน้ำอ้อย ลอยไพร ไกลจากบ้าน
วางขายงาน ตานตุง ถิ่นกรุงศรี
เดินเลียบเลาะ ละเมาะป่า พนาลี
ผ่านบางที่ รกชัฏ ลัดเลาะไป

แข้งขาเคล็ด เหน็ดเหนื่อย อ่อนเมื่อยล้า
แรกหาบมา ดั้นด้น พอทนไหว
เหงื่อไหลพลั่ก หนักทั้ง หน้าหลังไกว
หย่อนหาบลง ตรงไม้ ใกล้ลำธาร

ต้องลมเย็น เห็นตะวัน พลันมืดบด
ตายืดหด หลับเพลิน เกินเหลือต้าน
ปรากฏหญิง ทิ้งร่าง ลงกลางลาน
สวยสคราญ นวยนาด เยื้องยาตรา

มือแตะเนื้อ เครือลั่น สั่นสะทก
ถอยหลังหก ล้มหงาย กายร้อนเร่า
เธอก่นว่า ด่าแช่ง แรงไม่เบา
ร่างขาดเงา เลือนลับ ไปกับตา

ทะลึ่งลุก จุกยืน คืนสติ
ใช่แล้วสิ นี่นาง เป็นสางป่า
กินเนื้อแดง แห้งเหือด เลือดกายา
เหรียญครูบา มิถอด รอดวายวาง

นี่แหละหนอ พ่อค้า ราร่อนเร่
ออกจากเคหสถาน หาญเหินห่าง
ขายของกิน ของใช้ ได้สตางค์
เกือบถูกสาง นางไม้ จับไปกิน

กานต์

อ่านบทกลอนลื่นไหลถูกใจ๋เจ้า
ฟั่งโล่นเข้ามาฮับ ... คำนับสาม
แล้วก่อยหย่องหย่องหนีกั๋วผีตาม
กั๋วสางน้องนางงามวิดก้อบคอ ... ฮึ่ยยยย



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: ❀●•♪.FairytaleDH﹎.εїз︷✿ ที่ วันที่ 09 มิถุนายน 2012, 16:04:27
 ;D ยินดีต้อนรับ ท่านทอง โบตัน(กานต์) ค่ะ  ;D


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: asia-for-u ที่ วันที่ 09 มิถุนายน 2012, 16:16:44
แอบมาดูสมาชิกใหม่.....แต่ละท่านคารมคมคายไม่แพ้กันเลย......ยินดีต้อนรับเข้าสู่ชมรมนักกลอนครับผม..... :D


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 09 มิถุนายน 2012, 17:01:04


ยังจำได้...
นำมาลัย ดอกหอม น้อมกราบพ่อ
มะลิน้อย ร้อยรวง พวงคล้องคอ
เสียงหัวร่อ พอใจ ให้เบิกบาน

ลูกสวมกอด สอดแขน แหงนหน้าพูด
รักที่สุด จริงหนอ คือพ่อท่าน
รักเท่าฟ้า ชลาสินธุ์ ดินดงดาน
จักรวาล มิเทียบ เปรียบได้เลย

พ่อลูบหัว ทั่วหลัง ทั้งใบหน้า
เปี่ยมเมตตา ต่อบุตร ผุดผ่องเผย
ส่งยิ้มพลาง สางผม กล่าวชมเขย
ว่าลูกเอ๋ย ดีมาก ขอฝากกานท์

ทำได้ไหม ให้ครบ จบสามอย่าง
สร้างแนวทาง พ้นทุกข์ พบสุขศานติ์
"เป็นคนดี มีความรู้ สู้ทุกงาน"
คือหลักการ สำคัญ ก่อมั่นคง

-เป็นคนดี มีศีลธรรม ถือความสัตย์
ปฎิบัติ ตามบุญ คุณสูงส่ง
-มีความรู้ ชูเรียน เพียรดำรง
จากเผ่าพงศ์.ปราชญ์.ปรือ.สื่อมวลชน

-สู้ทุกงาน.สาน.หาบ.หยาบ.หนัก.หย่อน
ละเอียดอ่อน ร่วมจิต คิดดั้นด้น
-ดี.รู้.งาน นานไป จะไม่จน
คงเป็นหนึ่ง พึงยล สกลเอย

กานต์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: Yim sri ที่ วันที่ 09 มิถุนายน 2012, 18:46:57
ยังจำได้...
นำมาลัย ดอกหอม น้อมกราบพ่อ
มะลิน้อย ร้อยรวง พวงคล้องคอ
เสียงหัวร่อ พอใจ ให้เบิกบาน

ลูกสวมกอด สอดแขน แหงนหน้าพูด
รักที่สุด จริงหนอ คือพ่อท่าน
รักเท่าฟ้า ชลาสินธุ์ ดินดงดาน
จักรวาล มิเทียบ เปรียบได้เลย

พ่อลูบหัว ทั่วหลัง ทั้งใบหน้า
เปี่ยมเมตตา ต่อบุตร ผุดผ่องเผย
ส่งยิ้มพลาง สางผม กล่าวชมเขย
ว่าลูกเอ๋ย ดีมาก ขอฝากกานท์

ทำได้ไหม ให้ครบ จบสามอย่าง
สร้างแนวทาง พ้นทุกข์ พบสุขศานติ์
"เป็นคนดี มีความรู้ สู้ทุกงาน"
คือหลักการ สำคัญ ก่อมั่นคง

-เป็นคนดี มีศีลธรรม ถือความสัตย์
ปฎิบัติ ตามบุญ คุณสูงส่ง
-มีความรู้ ชูเรียน เพียรดำรง
จากเผ่าพงศ์.ปราชญ์.ปรือ.สื่อมวลชน

-สู้ทุกงาน.สาน.หาบ.หยาบ.หนัก.หย่อน
ละเอียดอ่อน ร่วมจิต คิดดั้นด้น
-ดี.รู้.งาน นานไป จะไม่จน
คงเป็นหนึ่ง พึงยล สกลเอย

กานต์



ชอบมากเลยค่ะ  (http://upic.me/i/1p/the-than190.gif) (http://upic.me/show/23048307)


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต(แนะนำตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: ศิลาสีรุ้ง ที่ วันที่ 10 มิถุนายน 2012, 09:51:14
เดินพลัดหลง แฮ่กแฮ่ก แบกกระสอบ
เอาเห็ดถอบ หน่อป่า ลงมาขาย
เดินขึ้นเหนือ ไหล่เอียง ถึงเชียงราย
ถามสหาย ชื่อฟ้า หาไม่เจอ

ข่าวว่าเขา เล่นกานท์ สถานนี้
ช่วยบอกที หนานทอง ร้องเพลงเหน่อ
อยากจะดัง เคียงข้าง บ้างนะเออ
จึงเสนอ.หล่อเหลา.เข้าชมรม

เอาผักหวาน แทนสมัคร จักได้ไหม
เพราะเงินไทย มันหนี ไม่มีครับผม
ยังอ่อนเปลี้ย เพลียใจ ไข้รุมซม
อยากดื่มนม จากเต้า(วัว) เพื่อเอาแรง..อิอิ

ทารกคอมพ์ ยอมรับ จับตอนแก่
ยืนยักแย่ ยักยัน มิทันแต่ง
นิ้วกดจิ้ม พิมพ์ตัว มัวแสดง
ถูกเพื่อนแซง ปาดหน้า ช่างน่าอาย

วอนเมตตา หนานทอง พี่น้องนะ
เคยเป็นพระ บ้าคลั่ง ยังไม่หาย
เณรถูกเขก เด็กถูกเตะ เละกระจาย
ตีหมาตาย เท่งทึง ถึงสามตัว

ไม่แน่นอน กลอนบอก ออกห่ามห่าม
ชอบทำตาม อำเภอใจ ไปจนทั่ว
รัก คิดถึง ซึ้ง เคลีย เมา เนียนัว
ปรัชญา หัวว หงอยเหงา เศร้าทรวงใน

ช่วยตักเตือน เพื่อนพี่ ไม่มีโกรธ
โอ.ขอโทษ สาธก ยาวยกใหญ่
ช่างซอเก่า เมามัน คันหัวใจ
อยู่นี่ไง เตาผำ แบ่งยำกิน

๐ ทอง โบตัน (กานต์)


อยู่ท้ายแถวรับท่าน"กานต์"ผสานเสียง
ร้อยจำเรียงใน "เชียงรายฯ" ร่ายคำเผย
ฝันสลักอักษรเว้าวอนเอย
ให้ชื่นเชยชิดชอบตอบวลี

เชิญท่านวางสัมภาระผละไว้ก่อน
นั่งพักให้คลายร้อนผ่อนวิถี
ดื่มน้ำชาอุ่นอุ่นกรุ่นฤดี
ดอยวาวี..ชาอุหลง..สั่งตรงมา

กาแฟร้อน 'แฟเย็น เป็นดั่งหมาย
ตามสบาย ขมหวาน ท่านปรุงหนา
เชิญมุมนี้มีลมรื่นชื่นกายา
นั่งระเบียงด้านหน้าพาสุขใจ

ขนมเคียงกาแฟจัดวางพร้อม
รสกลมกล่อมกรุ่นจากเตาเอามาใหม่
พร้อมนมอุ่นตามต้องการสานสายใย
ท่านป่วยไข้เชิญพบหมอขอตรวจดู

แต่หากเป็นไข้ใจใครจะช่วย
รับคนป่วยไว้รักษาพาหดหู่
แฟ้มระเบียนเขียนว่าดุนะโฉมตรู
เคยพะบู๊ เด็กเณร ไม่เว้นกัน...

มาเถิดท่าน กระดานกลอน รออ้อนมิตร
ร่วมลิขิตลายสือคือสุขสันต์
เปี่ยมคำซึ้งตรึงใจสายสัมพันธ์
ส่งถ้อยฝันฝาก..เชียงรายฯ..กรีดกรายกรอง


ขอบคุณครับ



ศิลาสีรุ้ง
๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๕



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 10 มิถุนายน 2012, 16:52:10


จากหละปูน สู่เวียง เมืองเชียงใหม่
เปี่ยมหัวใจ ของชาย ที่หมายมั่น
จะร่วมเรียง เคียงมาน นานอนันต์
ตามที่ฝัน ช่วยนำ กรรมชักพา

ดอยสะเก็ด เวียงป่าเป้า เข้าแม่สรวย
เดินทางด้วย จิตแน่น ดุจแผ่นผา
ตรงจำเพาะ เลาะลัด แรงศรัทธา
กาลเวลา ผ่านไป ไม่รู้ตัว

ไม่ปริเบื่อ เหงื่อซม อมพิษไข้
ปวดหลังไหล่ อาเจียน วิงเวียนหัว
รวดร้าวแล่น สวมแว่นตา ฟ้ามืดมัว
ใจเอ๋ยใจ ระรัว กลัวไม่ทันเย็น

เสร็จข้าวจาน ทานยา ห้าหกเม็ด
พาราเซ็ท เด๊กซโทร บูโซเฟ่น
อม็อกซี่ ซีพีเอ็ม เต็มจำเป็น
พอช่วยเข่น ทุเลา ลงเบาบาง

เข้าสู่เวียง เชียงราย หมายสมัคร
มาลัยรัก ภิรมย์ สมประสงค์
จะจดจาร กานท์ก่อ กาพย์ห่อโคลง
ทยอยลง คู่ลาน บ้านออนไลน์

ผมป่วยหนักได้เจ็ดวันแล้วครับ เข้ามาด้วยใจรักจริงๆ
ทุกบทกลอนเชิญแสดงความคิดเห็นได้ ไม่โกรธครับ

กานต์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: Yim sri ที่ วันที่ 10 มิถุนายน 2012, 17:17:15
จากหละปูน สู่เวียง เมืองเชียงใหม่
เปี่ยมหัวใจ ของชาย ที่หมายมั่น
จะร่วมเรียง เคียงมาน นานอนันต์
ตามที่ฝัน ช่วยนำ กรรมชักพา

ดอยสะเก็ด เวียงป่าเป้า เข้าแม่สรวย
เดินทางด้วย จิตแน่น ดุจแผ่นผา
ตรงจำเพาะ เลาะลัด แรงศรัทธา
กาลเวลา ผ่านไป ไม่รู้ตัว

ไม่ปริเบื่อ เหงื่อซม อมพิษไข้
ปวดหลังไหล่ อาเจียน วิงเวียนหัว
รวดร้าวแล่น สวมแว่นตา ฟ้ามืดมัว
ใจเอ๋ยใจ ระรัว กลัวไม่ทันเย็น

เสร็จข้าวจาน ทานยา ห้าหกเม็ด
พาราเซ็ท เด๊กซโทร บูโซเฟ่น
อม็อกซี่ ซีพีเอ็ม เต็มจำเป็น
พอช่วยเข่น ทุเลา ลงเบาบาง

เข้าสู่เวียง เชียงราย หมายสมัคร
มาลัยรัก ภิรมย์ สมประสงค์
จะจดจาร กานท์ก่อ กาพย์ห่อโคลง
ทยอยลง คู่ลาน บ้านออนไลน์

ผมป่วยหนักได้เจ็ดวันแล้วครับ เข้ามาด้วยใจรักจริงๆ
ทุกบทกลอนเชิญแสดงความคิดเห็นได้ ไม่โกรธครับ

กานต์


แล้วตอนนี้  อาการ   เป็นอย่างไร
ท่านได้ไป  หาหมอ ขอรักษา
ให้เขาตรวจ  จับตัว  ทั่วกายา
พิจารณา    ถ้วนถี่     ดีหรือยัง

ไปหาหมอ   ที่ไหน  โปรดบอกด้วย
ถ้าเชียงราย  ก็อาจ    ช่วยได้บ้าง
มีหมอดี      ที่รู้จัก     ไม่คิดตังค์
ได้ใบสั่ง     ยาอะไร   ให้บอกมา

ท่านป่วยเจ็บ  ตั้งเจ็ดวัน  มันนานนะ
อย่าได้ละ     การดูแล   แน่แท้หนา
ณ วันนี้        อยู่ที่ใด    ให้พรรณนา
ขอกรุณา       บอกฉันที   อย่ารีรอ

หากไปได้     ก็จะไป     อย่างเร็วรี่
กานต์คนดี    มีคนแล     หรือเปล่าหนอ
ขาดสิ่งใด    จะหาให้     ไม่พนอ
เพียงแต่ขอ   ให้ท่านดี    ที่เชียงราย

ด้วยความเป็นห่วงค่ะ 


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 10 มิถุนายน 2012, 19:08:42
แล้วตอนนี้  อาการ   เป็นอย่างไร
ท่านได้ไป  หาหมอ ขอรักษา
ให้เขาตรวจ  จับตัว  ทั่วกายา
พิจารณา    ถ้วนถี่     ดีหรือยัง

ไปหาหมอ   ที่ไหน  โปรดบอกด้วย
ถ้าเชียงราย  ก็อาจ    ช่วยได้บ้าง
มีหมอดี      ที่รู้จัก     ไม่คิดตังค์
ได้ใบสั่ง     ยาอะไร   ให้บอกมา

ท่านป่วยเจ็บ  ตั้งเจ็ดวัน  มันนานนะ
อย่าได้ละ     การดูแล   แน่แท้หนา
ณ วันนี้        อยู่ที่ใด    ให้พรรณนา
ขอกรุณา       บอกฉันที   อย่ารีรอ

หากไปได้     ก็จะไป     อย่างเร็วรี่
กานต์คนดี    มีคนแล     หรือเปล่าหนอ
ขาดสิ่งใด    จะหาให้     ไม่พนอ
เพียงแต่ขอ   ให้ท่านดี    ที่เชียงราย

ด้วยความเป็นห่วงค่ะ  

[centerน้ำเอ๋ยน้ำใจ
ยามไข้ ให้มา ค่าหลาย
แรกสู่ รู้จัก ทักทาย
เจ็บกาย หายมึน รื่นรมย์
ครานี้ คราหน้า คราไหน
ป่วยไข้ ไร้ทุกข์ สุขสม
นางฟ้า อ่าอวย พวยพรม
ชื่นชม น้ำใจ นัยเอย

ขอบคุณมากครับ ไข้ขาลงละครับ
รู้จักตอนเจ็บไข้ ซึ้งใจอยู่ไปนานๆ

กานต์
[/center]


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 11 มิถุนายน 2012, 09:59:22

จบป.เจ็ด ระเห็จมา หัดค้่าขาย
ออกเดินสาย สะพายของ ท่องถนน
ลงเรือเร่ เทขาย ล่องสายชล
เดินดั้นด้น หาบหาม ข้ามดอยดง

อายุน้อย ด้อยงาน กอปรการค้า
ไร้เงินตรา เป็นทุน หนุนนำส่ง
รู้ไม่มาก รากฐาน ประสบการณ์ตรง
ขาดมั่นคง แรงซื้อ หยิบมือเดียว
......................................
หันรับจ้าง ถางหญ้า ทุ่งนาสวน
ขุดดินพรวน ล้างถ้วย ทำก๋วยเตี๋ยว
ขับรถยนต์ ขนอาหาร ร้านเจ๊เกียว
เก็บชาเขียว หมักเมี่ยง แม่เลี้ยงนาย

เหงื่อหลั่งไหล ไคลเค็ม เต็มเรือนร่าง
พอมีว่าง นอนพัก ให้หนักหาย
เงินที่ได้ ใช้เพียง หล่อเลี้ยงกาย
ไม่สบาย จ่ายไป ไม่เหลือเลย
......................................
ค้าขายขับ รับจ้าง สร้างชีวิต
มืดมัวมิด คิดก้าวหน้า อย่าอยู่เฉย
เรียนรู้เพิ่ม เติมวิชา ดีกว่าเอย
เดินผ่าเผย สมัคร เป็นนักเรียน

กินข้าวปลา อาศัย นอนในวัด
คราอึดอัด ผันผาย โยกย้ายเปลี่ยน
รับจ้างเขา เสาร์ปิด อาทิตย์เยียน
วันหมุนเวียน เรียนครบ จบม.ปลาย

เห้...จบจนได้ ไวเหมือนโกหก

กานต์


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: Cupid ที่ วันที่ 11 มิถุนายน 2012, 16:04:26

เขาชื่อกานต์

อดีตยังฝังใจในเรื่องหนัง
สรพงษ์เขาดังหนังเรื่องนี้
เป็นพระเอกยึดมั่นการันตี
เอาชีพพลีด้วยจ่มอุดมการณ์

วันนี้พบท่านกานต์ชาญหนังสือ
หมายฝึกปรือร่วมด้วยช่วยไขขาน
ข้าผู้น้อยอ่อนด้อยประสบการณ์
อย่ารำคาญถือโทษโปรดเอ็นดู

ท่านเรียงร้อยถ้อยคำร่ำอดีต
ทุกตอนกรีดเห็นประจักษ์นักต่อสู้
หนักก็เอาเบาไม่เกี่ยงน่าเชิดชู
ให้โลกรู้ระบือเขาชื่อกานต์

ระหกเหินเดินไปในไพรกว้าง
ทุกทิศทางทรหดอดทนขาน
บรรลุซึ่งร้อยเอ็ดเจ็ดตำนาน
เป็นตัวอย่างลูกหลานบันดาลใจ



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: Yim sri ที่ วันที่ 11 มิถุนายน 2012, 21:35:56
วันนี้ ท่านกานต์  เป็นอย่างไร
ที่มีไข้  ลดไป    หรือเปล่าหนอ
อย่าลืมยา  กินไป  ให้เพียงพอ
ตามที่หมอ  เขาสั่ง  อย่าชั่งใจ

ไว้คราวหน้า   ถ้ามาใหม่   เราใคร่เจอ
ไปกันเถอะ    เนอะพวกเรา  เหล่าสหาย
นั่งพูดคุย      พุ้ยข้าวต้ม     ทั้งหญิงชาย
สัมพันธ์หมาย  มิ่งไมตรี       กวีไทย ;D


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 12 มิถุนายน 2012, 12:33:07


วันนี้ ท่านกานต์  เป็นอย่างไร
ที่มีไข้  ลดไป    หรือเปล่าหนอ
อย่าลืมยา  กินไป  ให้เพียงพอ
ตามที่หมอ  เขาสั่ง  อย่าชั่งใจ

ไว้คราวหน้า   ถ้ามาใหม่   เราใคร่เจอ
ไปกันเถอะ    เนอะพวกเรา  เหล่าสหาย
นั่งพูดคุย      พุ้ยข้าวต้ม     ทั้งหญิงชาย
สัมพันธ์หมาย  มิ่งไมตรี       กวีไทย ;D




รำลึกไมตรีจิตมิตรทุกท่าน
สืบวิญญาณต่ออายุลุสมัย
น่าเหม็นเบื่อเชื้อโรคเสียงโขลกไอ
เพราะพิษไข้รุมล้อมตรอมอุรา

ต้องรอฟื้นผ่อนพักสักระยะ
พอไข้ผละหายเพ้อเสนอหน้า
ความรู้สึกแปลกใหม่เมื่อได้มา
ฝากชีวาร่วมเรียง ณ เชียงราย

กานต์


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 12 มิถุนายน 2012, 13:12:58

" เป็นอะไรดี "

จบม.ปลาย เป็นท่า ละครานี้
วางชีวี ต่อไป อย่างไรหนอ
แรงเครื่องฟิต ติดดัง ไม่รั้งรอ
จะเรียนต่อ.พ่อค้า.เกษตรกร

คิดถึงแม่ แลพ่อ ขอกลับบ้าน
ลาสมภาร ทรงธรรม เคยพร่ำสอน
นมัสลง องค์พุทธ รุดจากจร
พระพรั่งพร กรกระพุ่ม ชุ่มฉ่ำใจ

องค์ผึ่งผาย ชายชาตรี หล่อนี่หว่า
แบบนี้น่า เป็นครู อยู่โรงใหญ่
หรือสอนเด็ก เล็ก.น้อย กลางดอยไกล
วาดหวังไว้ ภิรมย์ สุขสมปอง

หรือสุดหล่อ พ่อค้า คล่องพาณิชย์
ครุ่นค้นคิด จัดรื้อ ซื้อขายของ
สองมือจับ นับเพลิน แบ๊งก์เงินทอง
หัวใจพอง ตุบตับ มิพับตา

หรือสุดล่ำ ทำสวน พรวนดินไถ
สวมหมวกใบ ถือเคียว ก้มเกี่ยวหญ้า
ปลูกพืชผัก ปัก ชำ ตอน ดำนา
เลี้ยงปู ปลา เป็ด ไก่ ขาย ไว้กิน

นั่งเบาะริม ยิ้มหยุม ครามุมปาก
รถออกจาก เวียงพิงค์ วิ่งถึงถิ่น
คนขับถาม ลงไหน ไม่ได้ยิน
ต้องเดินดิน ถูกเย้ย รถเลยทาง

นั่งใจลอยรถจอดเลยสองเสาไฟฟ้า

กานต์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: ฟ้า ที่ วันที่ 14 มิถุนายน 2012, 14:17:47
ขอแจมหน่อยครับ  "ปี้หนานทอง"


ก่อนกาลเก่าเล่าหลังครั้งชีวิต
ถูกลิขิตดีดมาอยู่ป่าเขา
เงินเดือนน้อยด้อยขั้นชั้นต่ำเรา
สู้หนักเอาเฝ้าทนไม่บ่นตรม

มีเพื่อนเรียงเคียงขวดยามดวดเหล้า
เป็นเพื่อนเมาหลังงานสานสุขสม
มีก็กินหมดก็เกื้อเผื่อเป็นลม
หวานก็อมขมก็กลืนยืนด้วยกัน

ที่ทำงานผ่านวันก็ผันเปลี่ยน
กระมิดเมี้ยนเริ่มมีดีเข้าขั้น
กำไรเพิ่มเติมต่อพอขยัน
เนิ่นนานวันพลันกำเริบยิ่งเติบโต

เบี้ยเงินเดือนเลื่อนไหลไปปรู้ดปร้าด
ค่าอำนาจตำแหน่งแซงอักโข
เมื่ออาหารจานใหญ่ให้หิวโซ
โถโถโถสันดานพาลเปลี่ยนไป

จากพี่เพื่อนเลือนลบเหมือนจบแล้ว
คงแน่แน่วเห็นแก่เงินเมินผลักไส
ถีบกันแย่งแกล้งสาดสีตีไข่ไว้
แทงกันได้ใส่หลังมิรั้งรอ

แย่งผลงานด้านเอาเราต้องอด
ปากเอ่ยตดผายลมข่มเราหนอ
ทิ้งงานการหว่านลิ้นชินสอพลอ
ใครไม่หงอต่อมันฟันทันที

ทนกันไปไม่ทราบตราบนานไหม
เจอหน้าไซร้ให้เรียกมันลูกพี่
คำว่ามิตรติดปากยากวจี
ดีหรือนี่อาจมีสั่งพักงาน

คงมิอาจคาดเอื้อมเชื่อมใจต่อ
คงต้องพอขอแต่แค่เพียงผ่าน
อดีตเก่าเราพบประสบการณ์
หนักจนอานหาญรบยามคบกัน

นอนกลางดินกินกลางทรายมิวายห่วง
เจ็บหิวง่วงทวงถามยามคับขัน
จะขาดเหลือเจือจุนหนุนนำพลัน
เงินสำคัญบั่นทอนรอนไมตรี

พอกันแต่แค่นี้โชคดีเพื่อน
จะไม่เตือนเชือนแชจบแค่นี้
แม้นสิ้นลมจมหายตายชีวี
ก็คงไม่เผาผีให้แก่กัน

(ฟ้า) มารสุรา

ขอโทษด้วยครับขอระบายหน่อยเต๊อะครับ



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต(เป็นเกษตรกร)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 14 มิถุนายน 2012, 19:18:37

แม่พึมพำ น้ำตาคลอ พ่อเรียกใกล้
เอ่ยดีใจ ลูกจบ พบสำเร็จ
ถึงยากจน คนดี คือศรีเพชร
จะบอกเคล็ด ความรู้ คู่พิจารณ์

งานเกษตร เขตหมุด สุดยาวกว้าง
จัดไม้วาง เป็นแถว ตามแนวฐาน
พืชล้มลุก ปลูกแปลง ร่องแหล่งดาน
ข้าวนาหว่าน น้ำดี มีบ่อปลา

เดินสำรวจ ตรวจสิ้น ดินสภาพ
จะต้องทราบ ฤดูกาล ปลูกหว่านกล้า
สารเคมี วิธีใด ใช้ปุ๋ยยา
กำจัดหญ้า ฆ่าแมลง โรคแรงกัน

รู้เทคนิค ปลูกปลิด ผลิตผล
รู้ใช้คน ถูกงาน สานสร้างสรรค์
รู้เครื่องมือ ถือไถ ได้ครบครัน
รู้เท่าทัน พ่อค้า น่าไม่อาย

เกษตรกร อ่อนเพลีย มีเสียได้
ตามกลไก ตลาด ผูกขาดขาย
ถ้าของดี มีราคา พาสบาย
ของมากมาย หน้าเบ้ เทลงคลอง

ร่างโครงการ งานแผน ให้แน่นหนา
เพื่อได้มา ที่ดิน ทำกินของ
เสนอไป ไม่พ้น คนรับรอง
ทุนเงินทอง ธกส. รอรักเรา

กานต์

มีประสบการณ์ชีวิต เชิญเขียนมาแบ่งปันกันครับ



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: Yim sri ที่ วันที่ 14 มิถุนายน 2012, 20:45:35
เป็นครั้งหนึ่ง และขอครั้งเดียวก็พอในชีวิตนี้


หนาวคราวใด ให้คิดถึง
ภูกระดึงซาบซึ้งตรึงใจฉัน
เพราะมีสามรุ่นพี่ ไปด้วยกัน
ฝากชีวิตที่นั่น มิวันลืม

วันที่ไปถึงภู ฯตอนเย็นเย็น
คนเขาเน้น มิให้ขึ้น เพราะฟ้าครึ้ม
แต่จำเป็น มิมีที่นอน ใครให้ยืม
พวกเราล้วนบ่นพึมพำ  เพราะน่ากลัว

พอเดินขึ้นเขาได้สักหน่อย
ฟ้าฝนลอยมา ตกใส่ อยู่บนหัว
พายุซ้ำ กระหน่ำ มองแล้วมัว
เราเดินมั่ว หลงทาง อยู่กลางภู

หนาวก็หนาว เพราะเสื้อผ้ามันเปียกปอน
ตัวสั่นรอนรอน  อยากจะถอน มิอยากสู้
แต่จะกลับ  อย่างไร  เราไม่รู้
เพราะว่าดู  มันมืดมิด  จนคิดปลง

กลัวก็กลัว หนาวก็หนาว ก้าวขาก็มิออก
พี่ก็บอก  ให้สู้นะ คงไม่หลง
ถูกหิ้วปีก ถูกอุ้ม   ในกลางดง
ปีนขึ้นลง  ก้อนหินใหญ่  ตั้งหลายคราว

เสียงพายุ ฟ้าร้อง ก้องสนั่น
เสียงโครมคราม ดังลั่น  อยู่กลางหาว
ถูกหิ้วปีก  ร่อแร่    แย่แล้วเรา
ตัวสั่นเทา  เพราะหนาวเหน็บ  เจ็บหัวใจ

กว่าจะถึงที่พัก คงจะหลายชั่วโมง
เพราะเิิดินหลง  กลางป่า ที่กว้างใหญ่
ถึงบ้านพัก   มีคนมา   คอยใส่ใจ
เปลี่ยนเสื้อผ้า  ชุดใหม่(ของคนอื่น)  ให้ยากิน

พอรุ่งเช้า  ข่าวเศร้า ก็มาถึง
พวกเราตกตลึง  นิ่งงันกับ ข่าวที่พี่สิ้น
ทั้งสามคน  ร่วมมิตร   ชิดชีวิน
เป็น นักกลอน  นามระบิล  ของจุฬาฯ

ร่างทั้งสาม  โดนหิน ถล่มทับ
คงจะดับ  ลับลา    มิผวา
ต่างประสาน มือกัน ยามจากลา
อนิจจา   อาลัยกวี  ศรีจุฬาฯ

(ยังจดจำเหตุการณ์นี้มิเคยลืม    )
โชคดีในกลุ่มที่ไปด้วยมีรุ่นพี่วิศวะหลายคน เขาช่วยพยุง หิ้วปีก อุ้ม ตลอดทาง

ขออนุญาต นำของเก่ามาค่ะ
http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php?topic=139366.20


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 04 ตุลาคม 2011, 23:56:04 โดย ๑๐๔ คิกจัง


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต(เป็นพ่อค้า)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 16 มิถุนายน 2012, 11:47:04

เป็นพ่อค้า วาณิชย์ คิดดีหรือ
ปากไม้มือ ต้องใช้ แทบไม่ว่าง
ปากไม่หยุด พูดไป ยิ้มไปพลาง
มือสองข้าง ชี้สื่อ ถือวุ่นวาย

พูดอะไร ก็ได้ ให้คนซื้อ
ลูกค้ามือ ล้วงกระเป๋า เอาออกจ่าย
เราดีใจ ได้ทรัพย์ รับมากมาย
เขาสบาย ได้ของ เดินว่องไป

ขายอาหาร การกิน สิ้นเปลืองดีกว่า
หมดมื้อนี้ มีมื้อหน้า ต้องหาใหม่
เงินลงทุน หมุนเวียน เปลี่ยนกันไว
เหลือกำไร มากน้อยบ้าง ก็ช่างมัน

ต้องสำรวจ ตรวจตลาด คาดล่วงหน้า
เข้าพรรษา เทศกาล งานสังสรรค์
งานพิธี มีอะไร ซื้อใช้กัน
นานาภัณฑ์ ชั้นเยี่ยม ถูกเตรียมวาง

ทำหูบัง ฟังทั่ว สารทิศ
มีตาติด ลำกล้อง ส่องทุกอย่าง
ทั้งลดแหลก แจกแถม แกมอำพราง
ค้นคิดสร้าง อุบาย จุดขายตาม

ก้อนสบู่ ถูขี้ไคล ใช้อาทิตย์
อย่าเว้นคิด นิดหน่อย พลอยมองข้าม
ค้าขายดี มีกำไร ให้พองาม
เคียงนิยาม ความดี มีสุขเอย

กานต์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: >_อนัตตา_< ที่ วันที่ 16 มิถุนายน 2012, 12:09:50
เป็นครั้งหนึ่ง และขอครั้งเดียวก็พอในชีวิตนี้


หนาวคราวใด ให้คิดถึง
ภูกระดึงซาบซึ้งตรึงใจฉัน
เพราะมีสามรุ่นพี่ ไปด้วยกัน
ฝากชีวิตที่นั่น มิวันลืม

วันที่ไปถึงภู ฯตอนเย็นเย็น
คนเขาเน้น มิให้ขึ้น เพราะฟ้าครึ้ม
แต่จำเป็น มิมีที่นอน ใครให้ยืม
พวกเราล้วนบ่นพึมพำ  เพราะน่ากลัว

พอเดินขึ้นเขาได้สักหน่อย
ฟ้าฝนลอยมา ตกใส่ อยู่บนหัว
พายุซ้ำ กระหน่ำ มองแล้วมัว
เราเดินมั่ว หลงทาง อยู่กลางภู

หนาวก็หนาว เพราะเสื้อผ้ามันเปียกปอน
ตัวสั่นรอนรอน  อยากจะถอน มิอยากสู้
แต่จะกลับ  อย่างไร  เราไม่รู้
เพราะว่าดู  มันมืดมิด  จนคิดปลง

กลัวก็กลัว หนาวก็หนาว ก้าวขาก็มิออก
พี่ก็บอก  ให้สู้นะ คงไม่หลง
ถูกหิ้วปีก ถูกอุ้ม   ในกลางดง
ปีนขึ้นลง  ก้อนหินใหญ่  ตั้งหลายคราว

เสียงพายุ ฟ้าร้อง ก้องสนั่น
เสียงโครมคราม ดังลั่น  อยู่กลางหาว
ถูกหิ้วปีก  ร่อแร่    แย่แล้วเรา
ตัวสั่นเทา  เพราะหนาวเหน็บ  เจ็บหัวใจ

กว่าจะถึงที่พัก คงจะหลายชั่วโมง
เพราะเิิดินหลง  กลางป่า ที่กว้างใหญ่
ถึงบ้านพัก   มีคนมา   คอยใส่ใจ
เปลี่ยนเสื้อผ้า  ชุดใหม่(ของคนอื่น)  ให้ยากิน

พอรุ่งเช้า  ข่าวเศร้า ก็มาถึง
พวกเราตกตลึง  นิ่งงันกับ ข่าวที่พี่สิ้น
ทั้งสามคน  ร่วมมิตร   ชิดชีวิน
เป็น นักกลอน  นามระบิล  ของจุฬาฯ

ร่างทั้งสาม  โดนหิน ถล่มทับ
คงจะดับ  ลับลา    มิผวา
ต่างประสาน มือกัน ยามจากลา
อนิจจา   อาลัยกวี  ศรีจุฬาฯ

(ยังจดจำเหตุการณ์นี้มิเคยลืม    )
โชคดีในกลุ่มที่ไปด้วยมีรุ่นพี่วิศวะหลายคน เขาช่วยพยุง หิ้วปีก อุ้ม ตลอดทาง

ขออนุญาต นำของเก่ามาค่ะ
http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php?topic=139366.20


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 04 ตุลาคม 2011, 23:56:04 โดย ๑๐๔ คิกจัง

 :'( :'( :'( :'( :'(


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต(เป็นข้าราชการ)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 17 มิถุนายน 2012, 20:28:09

ยังจำได้...คำสอนของพ่อ

มีเสื่อนอน หมอนใบ ไกลจากบ้าน
พึงโพธิ สมภาร องค์ในหลวง
ติดสำเภา เข้าไทย หัวใจกลวง
ญาติทั้งปวง หาใคร ก็ไม่มี

พเนจร ร่อนเร่ เตร่ภาคเหนือ
แบกข้าวเกลือ ขึ้นลง ร้าน.โรงสี
เหลือเก็บหย่อม ออมหยิบ ได้ดิบดี
บารมี พระองค์ ทรงเมตตา

พ่อเห็นชอบ ตอบบุญ พระคุณท่าน
รับราชการ เป็นครู ดูเข้าท่า
สอนอ่านเขียน เรียนเล่น เป็นเวลา
ให้ลูกศิษย์ รู้วิชชา ก้าวหน้าไกล

ถ้าเด็กดี มีธรรม ประจำจิต
พบชีวิต อนาคต สุกสดใส
ช่วยสร้างชาติ ศาสนา ประเทศไทย
ลูกจะได้ บุญบน กุศลแรง

เคร่งครัดคำ ชำนาญ งานแคล่วคล่อง
เพียรสนอง นโยบาย มิหน่ายแหนง
ที่ยุ่งยาก มากนิด คิดพลิกแพลง
ค่อยตกแต่ง ปรับเปลี่ยน ให้เลี่ยนงาม

อยู่อย่างไทย ใช้พอเพียง เลี้ยงชีวิต
ก่อนปลงปลิด พบสุข ได้ปลูกบ้าน
ครองที่สวน นา ไร่ ได้บำนาญ
มียวดยาน คันใหม่ ไปวัดวา

กานต์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต(ไปโรงหมอเมื่อเช้า)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 19 มิถุนายน 2012, 13:24:05

ขับวนซ้าย ป่ายขวา หาที่จอด
เต็มตลอด หนทาง สองข้างฝั่ง
ดำแดงขาว ยาวสั้น ติดกันจัง
รถคับคลั่ง หลังหน้า ตึกอาคาร

เข้าแถวทิว คิวเคียง เรียงยื่นบัตร
หญิงชายถัด หนุ่มแก่ ชแรท่าน
ล้อผู้ป่วย ช่วยเข็น เป็นพิการ
ถึงทุราน บิดเบี้ยว รับเยียวยา

ล้วนคนไทย ไกลห่าง จากต่างถิ่น
พอได้ยิน สื่อหมาย หลายภาษา
อยู่ในเมือง เรืองรุ่ง ทุ่งท้องนา
สูงเสียดฟ้า พงไพร บนไหล่ดอย

คุยโขมง โฉงเฉง ตะเบ็งบ้าง
นอนทอดร่าง นั่งขด มิถดถอย
เสียงพูดกัน สั่นกลัว ระรัวลอย
อุ้มเด็กน้อย คอยรอ ตามหมอนัด

วัดส่วนสูง ตรวจไข้ หัวใจเต้น
มือแตะเส้น ชั่งน้ำหนัก ซักประวัติ
สูบบุหรี่ ร่ำสุรา แพ้ยาชัด
เคยผ่าตัด กี่มื้อ ดื้อยาไร

นั่งเนิ่นนาน พานเบิ่ง เถิงหมอณัช
จิตเลาะลัด หมอฟ้า มาเชียงใหม่
ยิ้มแย้มหน้า ตาหลับ ประทับใจ
เสียงเรียกไข้...กานตี นทีกาญจน์!

กำลังคิดถึงหมอ...สะดุ้งอ่ะครับ



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต (ครูคนใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 20 มิถุนายน 2012, 20:05:22


สะพายย่าม ถามทาง กางที่หมาย
เราเป็นชาย หน้ามน คนแปลกหน้า
เดินย่ำโคลน วนเขา ย่างเท้ามา
เฒ่าถามว่า นายครับ จะจับใคร

เขาหน้าตื่น ยืนงง ตรงกับที่
ตอบ.ผมนี้ บอกสู ครูคนใหม่
เมื่อคืนก่อน นอนค้าง หว่างพงไพร
จะรับใข้ อยู่พัก สอนนักเรียน

เห็นเสาธง ตรงหน้า หลังคาจาก
ไม้สับฟาก กั้นไว้ แทบใจเปลี่ยน
ไร้โต๊ะตั่ง นั่งยืน พื้นห้องเรียน
กระดานเลี่ยน มิดหมี สีดำทา

มือไหว้สา ท่าฟัง ส่งหนังสือ
เรียนแซ่ชื่อ เป็นการ รายงานว่าฯ
ท่านดีใจ ได้ครู รู้วิชา
คนของรัฐ พัฒนา บ้านป่าดอย

รวมตอนนี้ มีครู แค่เพียงสอง
เด็กสี่ห้อง ตามบัญชี มีหนึ่งร้อย
ออกกลางคัน ฟันไม้ ไร่เลื่อนลอย
หยุดเรียนบ่อย ประจำ น้ำหลากนอง

อุดมการณ์ งานฝัน อันเข้มข้น
ทฤษฎี มากล้น พ้นสมอง
ปฎิบัติ หัดตรึก ฝึกทดลอง
พอเจอของ จริงใช้ มิได้เลย

บรรจุใหม่ รายงานตัวโรงเรียนบนดอย
ระหว่างทางคนแก่ถามว่า ปลัดจะไปจับใคร
โรงเรียนนั่งติดพื้น ไม่มีโต๊ะม้านั่ง หลังคามุงใบตอง
รวมมีครู 2 คน ชั้นประถมปีที่ 1 - 4 นักเรียน 102 คน
ความรู้ที่ได้เรียน นำมาใช้ได้นิดเดียว...กานต์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต (ครูคนใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: Yim sri ที่ วันที่ 21 มิถุนายน 2012, 15:13:45


สะพายย่าม ถามทาง กางที่หมาย
เราเป็นชาย หน้ามน คนแปลกหน้า
เดินย่ำโคลน วนเขา ย่างเท้ามา
เฒ่าถามว่า นายครับ จะจับใคร

เขาหน้าตื่น ยืนงง ตรงกับที่
ตอบ.ผมนี้ บอกสู ครูคนใหม่
เมื่อคืนก่อน นอนค้าง หว่างพงไพร
จะรับใข้ อยู่พัก สอนนักเรียน

เห็นเสาธง ตรงหน้า หลังคาจาก
ไม้สับฟาก กั้นไว้ แทบใจเปลี่ยน
ไร้โต๊ะตั่ง นั่งยืน พื้นห้องเรียน
กระดานเลี่ยน มิดหมี สีดำทา

มือไหว้สา ท่าฟัง ส่งหนังสือ
เรียนแซ่ชื่อ เป็นการ รายงานว่าฯ
ท่านดีใจ ได้ครู รู้วิชา
คนของรัฐ พัฒนา บ้านป่าดอย

รวมตอนนี้ มีครู แค่เพียงสอง
เด็กสี่ห้อง ตามบัญชี มีหนึ่งร้อย
ออกกลางคัน ฟันไม้ ไร่เลื่อนลอย
หยุดเรียนบ่อย ประจำ น้ำหลากนอง

อุดมการณ์ งานฝัน อันเข้มข้น
ทฤษฎี มากล้น พ้นสมอง
ปฎิบัติ หัดตรึก ฝึกทดลอง
พอเจอของ จริงใช้ มิได้เลย

บรรจุใหม่ รายงานตัวโรงเรียนบนดอย
ระหว่างทางคนแก่ถามว่า ปลัดจะไปจับใคร
โรงเรียนนั่งติดพื้น ไม่มีโต๊ะม้านั่ง หลังคามุงใบตอง
รวมมีครู 2 คน ชั้นประถมปีที่ 1 - 4 นักเรียน 102 คน
ความรู้ที่ได้เรียน นำมาใช้ได้นิดเดียว...กานต์



ตอนทำค่ายอาสาพัฒนา ช่วงปิดเทอม ไปสอนหนังสือเด็กชั้นประถมที่เมืองกาญจน์และ  ประจวบคีรีขันธ์

ป๑-๒ เรียนด้วยกัน ๓-๔ อยุ่อีกห้อง ๕-๗  อยู่อีกห้อง

ครูจากเมืองกรุง มึนตึ๊บเลย  จะสอนยังไงดี  ;D


)/


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต(พิธีกรงานศพ)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 21 มิถุนายน 2012, 22:18:43

กล่าวต้อนรับ ขับสู้ ผู้มีเกียรติ
เดินยาวเหยียด ชุดดำ คำนับศพ
แทนเจ้าภาพ กราบกราน ท่านเคารพ
หลังน้อมนบ พักใน ให้สบาย

กำหนดการ งานมี ดังนี้ครับ
ช่วงเช้ารับ พี่น้อง พ้องสหาย
ญาติผู้ใหญ่ ใกล้ชิด มิตรมากมาย
พูด.พำนัก พักกาย หายอ่อนเพลีย

เมื่อถึงตอน ก่อนเที่ยง เลี้ยงอาหาร
รับประทาน พร้อมหน้า อย่าละเหี่ย
ถ้าไม่ติด ธุระ ที่จะเคลียร์
เชิญร่วมเสีย ชุมนุม ประชุมไฟ

รับพระสงฆ์ องค์เจ้า เข้ามาบ่าย
สวดถวาย จงจิต อุทิศให้
ผู้วายชนม์ คนแทน ทอดผ้าไตร
เพลิงลุกไหม้ ท้ายครบ จบพิธี

กล่าวนบนอบ ขอบคุณ การุญยิ่ง
อาจหลายสิ่ง พลาดพลั้ง ในครั้งนี้
ขอยกโทษ โปรดเมตตา ถ้าหากมี
สวัสดี มีสุข ชัย พลัง

พิธีกร ขอนศพ ครบพันแล้ว
จะแน่วแน่ ต่อไป ไม่หยุดยั้ง
สักวันหนึ่ง ถึงตา ข้าภินพัง
คนคงฝัง สุมไฟ เผาให้เรา

พิธีกรงานศพครบ 1000 วันนี้พอดี
เพื่อการกุศล ทำให้ฟรี ทุกรายการ

กานต์


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต(พิธีกรงานศพเมื่อวานวา)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 22 มิถุนายน 2012, 17:50:15

...ยังจำได้...
สองมือใช้ ถือถ้วย ช่วยถือช้อน
ห่อปากเ่ป่า ข้าวให้เย็น เป็นขั้นตอน
บรรจงป้อน หม่ำหม่ำ อ้ำค่อยกลืน

แม่รื่นรมย์ ชมว่า อ้าเก่งจัง
ติดตามหลัง น้ำถัด มิขัดขืน
อิ่มเสร็จสรรพ จับจุก ลุกขึ้นยืน
หลับตาตื่น ชื่นใจ หายโรคัง

ยามล้มลุก คลุกคลาน ท่านหิ้วหอบ
ปากปลุกปลอบ มิเป็นไร ลูบไหล่หลัง
ยามตระหนก ตกใจ ไห้เสียงดัง
แม่ก็ยัง กอดกัน เรียกขวัญมา

ยามเหนื่อยอ่อน นอนเปล เฝ้าเห่กล่อม
มือแกว่งไกว ไปพร้อม อื่อ จา จ้า
ปัดยุงเหลือบ ริ้นไร ไต่ตอมตา
จำรอยยิ้ม พริ้มหน้า มิลาลาน

จากนี้ไป ไร้ร่าง เหลือว่างเปล่า
ไม่มีเสียง แม่เจ้า เล่าขับขาน
อยากหมุนวัน ผันเป็น เช่นวันวาน
คงแสนนาน หดหู่ มิรู้คลาย

อิทัง ปุญญะ ผะลัง ยังผล
ขอกุศล ขนบุญ เนื่องหนุนหมาย
นำดวงจิต ปิดธรรม สู่สัมปราย
ภพสุดท้าย ศานติ สุขนิรันดร์

คำกล่าวไว้อาลัยงานศพคุณแม่ของเพื่อนเมื่อวาน

กานต์


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: >_อนัตตา_< ที่ วันที่ 22 มิถุนายน 2012, 19:40:27
ขอแสดงความเสียใจกับเพื่อนหมอกานต์ด้วยน่ะค่ะ   :( :( :(


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 22 มิถุนายน 2012, 21:43:51
ขอแสดงความเสียใจกับเพื่อนหมอกานต์ด้วยน่ะค่ะ   :( :( :(
ขอบคุณมากครับ ผมสนิทกับครอบครัวนี้ดี
เพื่อนร่วมรุ่นมัธยม เธอหัวหน้าวิชาชีพพยาบาล
คอยให้การดูแลยามไข้ได้ป่วยกับเพื่อนทุกคน

ด้วยนับถือ...กานต์


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: Yim sri ที่ วันที่ 22 มิถุนายน 2012, 22:39:32
จะแอบ ก๊อบไว้ อีกแล้วนะคะ ;D


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 23 มิถุนายน 2012, 09:33:03
จะแอบ ก๊อบไว้ อีกแล้วนะคะ ;D


หมายถึง กลอนของผมใช่ไหมครับ เจ้าป้า
ถ้าใครเห็นว่าดี เหมาะกับการนำไปใช้ เชิญได้เลยครับ
ผมไม่เคยเก็บกลอน ถ้าตาย คงหายไปกับตัวผม
เจ้าป้าสบายดีนะครับ สุโขสโมสร
ด้วยนับถือ...กานต์


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: Yim sri ที่ วันที่ 23 มิถุนายน 2012, 10:57:45
จะแอบ ก๊อบไว้ อีกแล้วนะคะ ;D


หมายถึง กลอนของผมใช่ไหมครับ เจ้าป้า
ถ้าใครเห็นว่าดี เหมาะกับการนำไปใช้ เชิญได้เลยครับ
ผมไม่เคยเก็บกลอน ถ้าตาย คงหายไปกับตัวผม
เจ้าป้าสบายดีนะครับ สุโขสโมสร
ด้วยนับถือ...กานต์

สบายดีค่ะ ครูกานต์
ขอให้ครูสุขสบาย สุโขสโมสรเช่นกันนะคะ
ช่วงนี้อากาศเปลี่ยน ไปเยี่ยมเยียนถิ่นใดให้ดูแลสุขภาพด้วย

เอ้ออออ ชะราแล้ว  ก็ต้องพักผ่อน เยอะนะคะ ก๊ากกกกกกกกกกกกกก ;D

อ้อ ขอให้ได้ลาภครั้งใหญ่ดังที่ครูว่าเต๊อะ
จะเอาผ้าแดง ข้าวตอกดอกไม้ ไปบูชาเสาไฟฟ้าต้นนั้น จริงๆค่ะ ;D


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 23 มิถุนายน 2012, 12:02:53
จะแอบ ก๊อบไว้ อีกแล้วนะคะ ;D


หมายถึง กลอนของผมใช่ไหมครับ เจ้าป้า
ถ้าใครเห็นว่าดี เหมาะกับการนำไปใช้ เชิญได้เลยครับ
ผมไม่เคยเก็บกลอน ถ้าตาย คงหายไปกับตัวผม
เจ้าป้าสบายดีนะครับ สุโขสโมสร
ด้วยนับถือ...กานต์

สบายดีค่ะ ครูกานต์
ขอให้ครูสุขสบาย สุโขสโมสรเช่นกันนะคะ
ช่วงนี้อากาศเปลี่ยน ไปเยี่ยมเยียนถิ่นใดให้ดูแลสุขภาพด้วย

เอ้ออออ ชะราแล้ว  ก็ต้องพักผ่อน เยอะนะคะ ก๊ากกกกกกกกกกกกกก ;D

อ้อ ขอให้ได้ลาภครั้งใหญ่ดังที่ครูว่าเต๊อะ
จะเอาผ้าแดง ข้าวตอกดอกไม้ ไปบูชาเสาไฟฟ้าต้นนั้น จริงๆค่ะ ;D

พักผ่อนนอนยาว คงไม่เอาแน่ ยังรักแต่งกลอนอยู่
อยากจะรู้ว่า เสาไฟฟ้าต้นนั้น มีเลขรหัสอะไรบ้าง
แฮ่ แฮ่ แฮ่ ใกล้วันหวยออกแล้วนี่ครับ :D


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: Yim sri ที่ วันที่ 23 มิถุนายน 2012, 12:24:27
ครั้งหนึ่งในชีวิต            ที่มิคิดจะชนเปรี้ยง
จนเสานั้นเกือบเอียง      แต่เราเดี้ยงจนหัวโน

ลูกใหญ่เท่ามะนาว       ใครเห็นเข้า เขาร้องโอ้
แต่เราเดินเซโซ           อยากร้องโฮ ให้ดัง ดัง

มาคิดคำนวณเลข        ขอให้เสก เลขขลังขลัง
เสานั้นคือหนึ่งยัง        โนนั้นดั่ง เลขศูนย์เฮย ;D

ไปดูเลขที่เสาแล้วค่ะ

 มี 10 20 10 อี๊หวะ ครู ;D(http://upic.me/i/fl/f8j68.gif) (http://upic.me/show/5664)


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 23 มิถุนายน 2012, 15:43:16
จะแอบ ก๊อบไว้ อีกแล้วนะคะ ;D


หมายถึง กลอนของผมใช่ไหมครับ เจ้าป้า
ถ้าใครเห็นว่าดี เหมาะกับการนำไปใช้ เชิญได้เลยครับ
ผมไม่เคยเก็บกลอน ถ้าตาย คงหายไปกับตัวผม
เจ้าป้าสบายดีนะครับ สุโขสโมสร
ด้วยนับถือ...กานต์

ไปสวน.กลับมาเอาวัสดุ.อู้นิดหน่อย.เอากลอนมาฝาก

สุขจะมี ที่ใจ ใช่ปฏิบัติ
ตามถนัด ขบวน ทุกถ้วนถี่
หลงวนกรอบ ขอบขีด ทฤษฎี
ขาดเสรี ศิลปะ อิสรา

แค่แต้มความ งามนอก บอกเปลือกแผ่น
แท้ในแก่น วาดหวัง ตั้งไว้ว่า
จะเรียงถ้อย ร้อยรส พจนา
สืบสานภาษาไทย ให้เด็กเรา

ถ่ายทอดครู รู้สึก จากนึกคิด
ประสบการณ์ นานติด ชีวิตเก่า
ตลกกลบ ขบขัน เพื่อบรรเทา
คลายโศกเศร้า เหงาใจ ให้จืดจาง

อยู่บ้านนอก คอกนา นั่งคาคบ
พอได้พบ กานท์กลอน ค่อนสิ้นสาง
ปลากระดี่ มีน้ำ ดำว่ายวาง
กำหนดทาง แค่เขียน เรียนอ่านกลอน

มิประกวด อวดแกร่ง ลงแข่งขัน
สร้างงานฝัน สุโข สโมสร
จากอรรถะ กวี ศรีสุนทร
มิอาวรณ์ สิ่งสรรพ์ บรรณาการ

ใช้เวลา นาที มีเหลือน้อย
จะทยอย ทอถัก อักษรสาร
มิยึดติด คิดสน เก็บผลงาน
หากต้องการ ชิ้นใด เอาไปเลย

กลอนหกบทนี้เขียนจากใจ
เิกิดแรงดลบันดาลจากเจ้าป้า
มิได้ประชดหรือโกรธใครครับ

กานต์


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 23 มิถุนายน 2012, 22:01:38

...รำลึกอดีต...

คืออิฐกร่อนซ่อนดินไร้สิ้นชื่อ
จิตกระพือซากซังยังกลิ่นกรุ่น
ถวิลเพ้อเสมอมาเป็นอาจิณ
ยามจากถิ่นแสนไกลใครแลดู

ยืนรับไหว้ใกล้อยู่ประตูรั้ว
มือแตะหัวร้อนไอไข้หวัดแน่
มิรอช้ารินพาราช้อนกาแฟ
จิบยาแก้ไอน้ำดำสามัญ

หยุดก่อนเออเธอจ๋ามาเช้าจัง
กินข้าวยังเป็นไรมือไม้สั่น
น้ำตาคลอพ่อแม่ค่ะทะเลาะกัน
ขวัญเอ๋ยขวัญมาอยู่กับครูนะ

ปฏิบัติจัดเป็นเวรสะอาด
เก็บปัดกวาดทั่วไปให้สวยสะ
ฝึกขยันหมั่นเคยเพิกเฉยละ
เมื่อโตจะสบายไม่กลายทุกข์

เริ่มร้องรำทำเกมอย่างเต็มที่
ทุกคนมีส่วนร่างสร้างสนุก
อิสระจะนิ่งเดินวิ่งลุก
ก็เคล้าคลุกเรียนเล่นเช่นนี้ไป

มื้อเที่ยงวันธัญญาหารทานครบหมด
ส้มสุกสดนมกล่องเลื่อนรองให้
น้ำดื่มเปล่าเอาแข็งหลอดเย็นปลอดภัย
เปิดเพลงไทยฟังชมภิรมย์แปลง

วันหยุดสุดสัปดาห์นัดมาเพิ่ม
เด็กเก่งเจิมอ่อนเสริมเติมรู้แต่ง
ฟรีไม่คิดวิชชาเรียกค่าแรง
ไม่เคยแผลงตั้งติวเพราะหิวเกิน

เวลานานผ่านมาสิบกว่าปี
พิมพ์เช่นนี้มีไหมบ้างอย่างที่เกริ่น
ยุคโลกัฐอัฐตังหวังแต่เงิน
ใครจะเดินตามอิฐดำในกำแพง

กานต์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...พ่อครูทัด 1
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 24 มิถุนายน 2012, 10:54:37

เสื้อม่อฮ่อม ย้อมเทา กระเป๋าสอง
กางเกงถอง ดำด่าง ย้วยข้างซ้าย
ผ้าแดงชาด คาดพุง รุ่งริ่งลาย
เกิบแตะสาย นิ้วคีบ ลีบแบนบาง

ผมสั้นเกรียน เลียนลาก หน้าผากแคบ
จมูกแฟบ แก้มตอบ สองขอบข้าง
คิ้วดก.ลู่ หู.ตา บังฝ้าฟาง
โบกมือพลาง ถ่างขา ส่ายหน้าลอย

อารมณ์มี ดีชั่ว ก็หัวเราะ
ลิ้นชอบเดาะ หมากกระเซ็น ฟุ้งเป็นฝอย
ร้องเพลงกรับ ขับลิเก เฮทิงนอย
ชาวบนดอย เชิดชู "พ่อครูทัด"

วุฒิวิชา สามัญ ชั้น ป.สี่
นักธรรมตรี ธัมมะ ปฎิบัติ
เป็นครูใหญ่ ได้เลย ไม่เคยคัด
ระดับจัตวา สิบห้าปี

เป็นครูใหญ่ ครูน้อย ภารโรงเสร็จ
การสอนเด็ด ป.หนึ่ง ถึง ป.สี่
เงินเดือนหนอ พอใช้ ไร้ดีกรี
แต่มากมี คุณงาม ความเมตตา

บรรจุใหม่ ได้อยู่ กับครูท่าน
ประสบการณ์ ครั้งนี้ แสนมีค่า
ครบล่วงลับ ดับขันธ์ วันจากลา
กายใจข้า บูชิต นิจนิรันดร์

ครูทัด.ถึงแก่กรรม ครบ 22 ปี
ไหว้สาและอาลัยยิ่ง
...กานต์...


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 26 มิถุนายน 2012, 14:05:20


...มุ้งสายบัว...

เกาะลูกกรง ส่งสายตา ส่ายหาพ่อ
มีคนออ ยุบยับ เสียงสับสน
อาญาสิทธิ์ ปิดขาด ญาติหนึ่งคน
เยี่ยมหนึ่งหน ก่อนหยุด สุดสัปดาห์

ร่างของพ่อ งองุ้ม อุ้มลูกเหล็ก
เดินโผลกเผลก ซ้ายยัน ลากดันขวา
พลั้งสะดุด ฉุดโซ่ โซเซมา
มือแข้งขา รอยช้ำ เต็มลำตัว

น้ำตาคลอ พ่อจ๋า สบายไหม
กินข้าวได้ สามมื้อ หรือพอกลั้ว
นอนได้หลับ พับตา หรือพร่ามัว
ยามปวดหัว มีไข้ ใครหยูกยา

พ่อเพียรตอบ ขอบใจ ไอ้หม่าเอ๋ย
อย่าคิดเลย แบบนี้ ไม่ดีจ้า
พ่อเยี่ยมยอด ปลอดภัย ไร้โรคา
จงตั้งหน้า เรียนร่ำ ดังคำเตือน

ถ้าบอกตาม ความจริง จะยิ่งยุ่ง
ว่าหลังคา คือมุ้ง ยุงคือเพื่อน
พื้นซีเมนต์ เย็นชื้น คือพื้นเรือน
มีมดไต่ ไรเยือน คือเพื่อนตรอม

มุ้งหยากไย่ ใยบัว คุมหัวนั้น
คือรางวัล ยิ่งใหญ่ ไล่ถนอม
พอเบ็ดเสร็จ เผด็จชัย ใครฤๅยอม
จำผ่ายผอม เสียงาน นานสามเดือน

ความทรงจำมิรู้ลืม
ข้อหาภัยสังคมนิยมซ้าย
กานต์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...พ่อครูทัด 2
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 30 มิถุนายน 2012, 13:22:02


เสียงปะทุ ลุกจ้า ผวาวิ่ง
ครูทัดปิ้ง ข้าวหลาม สามบอกใหญ่
กลัวนักหนา  หน้าแล้ง แสงฟืนไฟ
อาคารไม้ ใบจาก หากวอดวาย

ข้าวเหนียวกรอก บอกไม้ ใส่เกลือนิด
ตองจุกปิด สุมไฟ ปักไม้ป่าย
เอาเอนอิง ปิ้งวน จนดำลาย
กลิ่นกระจาย ต้องจมูก ข้าวสุกพอ

บิเป็นคำ จ้ำจั่ว พริกถั่วเน่า
หอมปลาเจ่า ลื่นล้ำ น้ำลายสอ
เคี้ยวมะระ ชะอม ขมติดคอ
ซดน้ำจอ ผักปลัง ใส่หนังงัว

รสโอชา อาหาร ทานมื้อค่ำ
เมฆสีดำ ผ่านมา ฟ้าสลัว
ฝนพร่างพรม ลมโชย มืดโรยตัว
แสนน่ากลัว สรรพางค์ กลางไพรพิง

สูบบุหรี่ ขี้โย โพ่โขมง
ขับกะโลง.จ๊อย.ค่าว ถึงสาวหญิง
บรรจงขึง ซึงก้อง ล่องแม่ปิง
เอออ้อยอิ่ง กังวาน สะท้านใจ

เสียงเพลงหยุด สุดลง ดงสงัด
พ่อครูทัด ทิ้งตัว หัวหนุนไม้
นั่งปะหงับ นับดาว หนาวทรวงใน
หลงซาบซึ้ง ถึงใคร ไกลเหลือเกิน...

กานต์


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...พ่อครูทัด 3
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 07 กรกฎาคม 2012, 16:08:59

ดีดกระดิ่ง ติงตอง สองล้อห้าม
คนชอบถาม...ครูจ๋า ไยมาสาย...
ไม่ถามอื่น หมื่นแสน แม้นมากมาย
หรือเขาชัง หวังร้าย ให้อายคน

ครูทัดกรอก ตอกหน้า ว่าลาบหมู
แบ่งเลือดหลู้ เครื่องใน ใส่เกลือป่น
จี่พริกดำ ยำปรุง ยุ่งเวียนวน
คือเหตุผล ชักช้า มาเกือบเก้า...โมง

ถีบรถลง ตรงเนิน เอิ้นทายทัก
ช่างแปลกนัก...ครูจ๋า ไยมาเช้า...
ค่อยน่าฟัง ยังชั่ว หัวเราะเอา
รู้สึกเบา วาบหวิว ทั่วผิวกาย

ครูทัดบอก หยอกคำ ว่าน้ำพริก
เก็บผักจิก ต้มมะระ เป็นกระสาย
ปั้นข้าวคำ จ้ำจิ้ม อิ่มมื้องาย(เช้า)
พอกันตาย แป๊บหนึ่ง รีบบึ่งมา

ตะวันบัง ยังโด่ง โรงเรียนเลิก
รับตกเบิก เงินทวน จวนผู้ว่า
ศุกร์ย่างเข้า เสาร์อาทิตย์ ปิดต่อนา
ใช้เวลา เดินทาง ย่างสามวัน

ถามว่า...ทำไมมาโรงเรียนสาย ตอบว่า...
กินกับลาบ มันชักช้า กินอร่อย เลยมาสาย
ถามว่า...ทำไมมาโรงเรียนเช้า ตอบว่า...
กินกับน้ำพริก กิน2-3คำ ไม่อร่อย เลยมาเช้า
บรรจุใหม่ครบหกเดือนจึงจะได้รับเงินเดือน
รับเงินย้อนหลังหกเดือน เรียกว่า...เงินทวน

กานต์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: Yim sri ที่ วันที่ 07 กรกฎาคม 2012, 16:59:43


...มุ้งสายบัว...

เกาะลูกกรง ส่งสายตา ส่ายหาพ่อ
มีคนออ ยุบยับ เสียงสับสน
อาญาสิทธิ์ ปิดขาด ญาติหนึ่งคน
เยี่ยมหนึ่งหน ก่อนหยุด สุดสัปดาห์

ร่างของพ่อ งองุ้ม อุ้มลูกเหล็ก
เดินโผลกเผลก ซ้ายยัน ลากดันขวา
พลั้งสะดุด ฉุดโซ่ โซเซมา
มือแข้งขา รอยช้ำ เต็มลำตัว

น้ำตาคลอ พ่อจ๋า สบายไหม
กินข้าวได้ สามมื้อ หรือพอกลั้ว
นอนได้หลับ พับตา หรือพร่ามัว
ยามปวดหัว มีไข้ ใครหยูกยา

พ่อเพียรตอบ ขอบใจ ไอ้หม่าเอ๋ย
อย่าคิดเลย แบบนี้ ไม่ดีจ้า
พ่อเยี่ยมยอด ปลอดภัย ไร้โรคา
จงตั้งหน้า เรียนร่ำ ดังคำเตือน

ถ้าบอกตาม ความจริง จะยิ่งยุ่ง
ว่าหลังคา คือมุ้ง ยุงคือเพื่อน
พื้นซีเมนต์ เย็นชื้น คือพื้นเรือน
มีมดไต่ ไรเยือน คือเพื่อนตรอม

มุ้งหยากไย่ ใยบัว คุมหัวนั้น
คือรางวัล ยิ่งใหญ่ ไล่ถนอม
พอเบ็ดเสร็จ เผด็จชัย ใครฤๅยอม
จำผ่ายผอม เสียงาน นานสามเดือน

ความทรงจำมิรู้ลืม
ข้อหาภัยสังคมนิยมซ้าย
กานต์



ข้อหาภัยสังคมนิยมซ้าย
ช่างโชคร้ายจริงหนอพ่อครูเอ๋ย
แทบชีวิตปลิดปลง กรงเหล็กเกย
เป็นจำเลย. ด้วยจำยอม คอมม์สีแดง

สมัยนั้นจำได้ค่ะ. แม่ต้องเก็บหนังสือทุกเล่มที่เกี่ยวกับสังคมนิยม
เอาไปเผาทิ้งให้หมด เพราะกลัวลูกชายโดนภัยเล่นงาน


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 07 กรกฎาคม 2012, 18:24:50


...มุ้งสายบัว...

เกาะลูกกรง ส่งสายตา ส่ายหาพ่อ
มีคนออ ยุบยับ เสียงสับสน
อาญาสิทธิ์ ปิดขาด ญาติหนึ่งคน
เยี่ยมหนึ่งหน ก่อนหยุด สุดสัปดาห์

ร่างของพ่อ งองุ้ม อุ้มลูกเหล็ก
เดินโผลกเผลก ซ้ายยัน ลากดันขวา
พลั้งสะดุด ฉุดโซ่ โซเซมา
มือแข้งขา รอยช้ำ เต็มลำตัว

น้ำตาคลอ พ่อจ๋า สบายไหม
กินข้าวได้ สามมื้อ หรือพอกลั้ว
นอนได้หลับ พับตา หรือพร่ามัว
ยามปวดหัว มีไข้ ใครหยูกยา

พ่อเพียรตอบ ขอบใจ ไอ้หม่าเอ๋ย
อย่าคิดเลย แบบนี้ ไม่ดีจ้า
พ่อเยี่ยมยอด ปลอดภัย ไร้โรคา
จงตั้งหน้า เรียนร่ำ ดังคำเตือน

ถ้าบอกตาม ความจริง จะยิ่งยุ่ง
ว่าหลังคา คือมุ้ง ยุงคือเพื่อน
พื้นซีเมนต์ เย็นชื้น คือพื้นเรือน
มีมดไต่ ไรเยือน คือเพื่อนตรอม

มุ้งหยากไย่ ใยบัว คุมหัวนั้น
คือรางวัล ยิ่งใหญ่ ไล่ถนอม
พอเบ็ดเสร็จ เผด็จชัย ใครฤๅยอม
จำผ่ายผอม เสียงาน นานสามเดือน

ความทรงจำมิรู้ลืม
ข้อหาภัยสังคมนิยมซ้าย
กานต์



ข้อหาภัยสังคมนิยมซ้าย
ช่างโชคร้ายจริงหนอพ่อครูเอ๋ย
แทบชีวิตปลิดปลง กรงเหล็กเกย
เป็นจำเลย. ด้วยจำยอม คอมม์สีแดง

สมัยนั้นจำได้ค่ะ. แม่ต้องเก็บหนังสือทุกเล่มที่เกี่ยวกับสังคมนิยม
เอาไปเผาทิ้งให้หมด เพราะกลัวลูกชายโดนภัยเล่นงาน


ใช่ระนาบ กราฟชีวี มีลงขึ้น
มิอาจฝืน พรหมลิขิต ผิผิดแฝง
กล้ำอดทน พ้นเขต เหตุปันแปลง
แหละแล้วแสง สีทอง ส่องอำไพ

ยัดเยียดร้าย ท้ายรอน ผ่อนบาปทุกข์
เข้าสู่คุก ผอมโซ โซ่ตรวนใส่
ผู้พิสุทธิ์ ผุดผ่อง งามยองใย
รับอภัย เมตตา ฟ้าประทาน

ชีวิตที่ต่ำสุดก็ครั้งนั้น
สูงสุด 5 ธันวาคม 2546 ครับ



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: Yim sri ที่ วันที่ 07 กรกฎาคม 2012, 19:03:28
เมื่อฟ้าสีทองผ่องอำไพ
ประชาไทยเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
ผ่านมาแล้วกี่ยุคสมัยก็ลืมสิ้น
ประชากรกินแกลบจนแสบพุง >:(


เคยถูกสันติบาลตาม ตอนไปยุ่งเกี่ยวกับชมรมรัฐศึกษา ค่ะ


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...พ่อครูทัด 4
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 14 กรกฎาคม 2012, 15:15:33

พอสิ้นเดือน เหมือนสิ้นใจ ที่ใครว่า
อยู่กลางป่า หาเป็น เช่นนั้นไม่
มีอะไร ในบนดิน กินกันไป
รากหน่อไม้ ลูกผล ต้นต้มดอง

พ่อครูทัด จัดชอบ มอบหมายให้
แทนครูใหญ่ รับเงิน เดินซื้อของ
เครื่องอ่านเขียน เรียนใช้ ไว้สำรอง
เก็บใส่กล่อง มัดผูก พร้อมหยูกยา

พ่อครูทัด นั่งนอน สอนสี่ชั้น
เด็กรวมกัน ทำงาน การหรรษา
ร้องเพลงบ้าง ร่างวาดสี เล่นกีฬา
ทายปัญหา ปั้นสัตว์ หัดฟ้อนรำ

เช้าคัดไทย สายคณิต กิจกรรมบ่าย
ให้งานหลาย ตรวจไม่ทัน วันยังค่ำ
อาขยาน สูตรคูณ และท่องจำ
มีเรื่องขำ เก่าเก่า เล่าให้ฟัง

เกณฑ์การให้ คะแนน ของครูทัด
ดังฟังชัด ถูกต้อง ท่องคำสั่ง
ปากกาแดง แจงขีด ผิดทุกครั้ง
สลักหลัง คำติ อธิบาย

งานยอดเยี่ยม ไร้เทียมทาน จารให้.สิบ
งานสุกดิบ ปานกลาง ห้า.ห่างหาย
งานไม่ดี สี่ถึงศูนย์ มูลขี้ควาย
เด็กทุกราย รับรางวัล ปันลูกอม

คะแนน    คำชม                      คำแปล
10          เหน็ดขะหนาด           ดีมาก
 9           เกือบเหน็ดขะหนาด    เกือบดีมาก
 8           เหน็ดพ่อง                 ดี
 7           เกือบเหน็ดพ่อง          เกือบดี
 6           ปอยังแควน               พอใช้
 5           ปอไปวัดไปวาได้        พอใช้ได้บ้าง
4-0         ขี้ควาย                     ต้องแก้ไข

ตัวอย่าง ด.ช.กานต์ 4 คะแนน ขี้ควาย ให้อ่านหนังสือมากๆ



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...ปิดภาคเรียนช่วงลำไย
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 19 กรกฎาคม 2012, 21:34:34

เริ่มปรึกษา หารือ เข้าชื่อเพื่อน
ปิดหนึ่งเดือน ท้ายเทอม เริ่มตอนไหน
สรุปว่า น่าทำ ช่วงลำไย
เด็กจะได้ ช่วยงาน บ้านทั้งปวง

รับจ้างจัด คัดแยก แบกตะกร้า
นอกเวลา มีพอ ลากล้อพ่วง
เสิร์ฟอาหาร จานชาม ตามร้านรวง
เก็บมะม่วง ลงกล่อง รองด้วยโฟม

ส่งเสริมหลัก ทักษะ วิชาชีพ
สามารถหยิบ มาใช้ ได้เหมาะสม
เรียนวิธี ชีวิต กิจสังคม
สัมผัสชม พฤกษา นานาพันธุ์

เพื่อประสาน งานรัก สามัคคี
ต่างถ้อยที ช่วยชอบ ตอบแทนมั่น
รับเงินตรา ค่าจ้าง เป็นรางวัล
สร้างขยัน อดทน เป็นคนดี

คิดตาราง วางแปลน แผนบทใหม่
กำหนดใช้ ปีการศึกษานี้(2530)
เฉพาะเรา เท่านั้น ทำทันที
เขตมากมี ดกดำ ลำไยโซน

อำเภอพร้อม.จอมทอง. นำร่องก่อน
ทุกขั้นตอน ท่องเดิน ประเมินผล
ร้อยเปอร์เซ็นต์ เห็นชัด ในบัดดล
แต่ข้างบน หอคอย ไม่คล้อยตาม

ประชาชน เพียบพร้อม ยอมทำตาม

หลักสูตรและกิจกรรมต้องสอดคล้อง
ความเป็นอยู่ของผู้คนในท้องถิ่นครับ

กานต์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: >_อนัตตา_< ที่ วันที่ 20 กรกฎาคม 2012, 08:17:56
ลำใยๆๆๆๆๆๆ อร่อย ช่วงนี้มีเยอะน่ะค่ะ แบ่งมาเชียงรายบ้างเน้อจ้าวครูกานต์  ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 20 กรกฎาคม 2012, 14:17:01
ลำใยๆๆๆๆๆๆ อร่อย ช่วงนี้มีเยอะน่ะค่ะ แบ่งมาเชียงรายบ้างเน้อจ้าวครูกานต์  ;D ;D ;D
ว่างเดี๋ยวจัดให้ ข้างในเป็นแมงไม่ว่ากันน่อ...อิอิ


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: little girl ที่ วันที่ 20 กรกฎาคม 2012, 14:19:53
ลำใยๆๆๆๆๆๆ อร่อย ช่วงนี้มีเยอะน่ะค่ะ แบ่งมาเชียงรายบ้างเน้อจ้าวครูกานต์  ;D ;D ;D
ว่างเดี๋ยวจัดให้ ข้างในเป็นแมงไม่ว่ากันน่อ...อิอิ

แมงอะไรค่ะ  ชอบกินลำใย  ;D


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...ผลปิดภาคเรียนช่วงลำไย
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 20 กรกฎาคม 2012, 14:33:28

เวลาผ่าน นานเดือน เหมือนอาทิตย์
ปีแรกปิด หกสิบโรง โครงการใหม่
เมื่อสบช่อง ลองทำ นำวิจัย
ผลอย่างไร อีกหลาย(โรง)ขยายการ

ต้องจัดแจง แบ่งกลุ่ม สุ่มสำรวจ
เดินออกตรวจ ถามตอบ ถึงขอบบ้าน
เข้าประตู ดูเช็ก เด็กทำงาน
ที่สวน.ร้าน สรุปผล บนโต๊ะกลม

บันทึกจบ พบดี ไม่มีเสีย
ค่าเฉลี่ย เท่ากัน ชั้นประถม
ไม่ปล่อยปละ อนุบาล อาหาร.นม
ข้างบนชม บริหาร จัดการดี
.................................

กางเกงหลวม สวมกระโปรง ส่งเสียงจ๊าว
เสื้อผ้าขาว กระเป๋า ดำ.เทาสี
เดินเปลือยเปล่า เท้าแตะ แสะไม่มี
เกิบอย่างดี ใหม่จริง ทั้งหญิงชาย

พูดถูกคอ ล้อเล่น เห็นสนุก
ไปยืนจุก สหการ ร้านค้าขาย
ถือหุ้นเพิ่ม เติมฝาก ออมมากมาย
ซื้อจับจ่าย แบบเรียน เขียน.อุปกรณ์

"ปิดเทอมนี้ ดีอย่างไร" ให้เล่าแจ้ง
เด็กต่างแย่ง ยกยื้อ มือสลอน
"รู้วิชา พาเพลิน เงินแน่นอน
เก็บใช้ตอน เรียนต่อ ม.ต้น-ปลาย"

สหกรณ์โรงเรียน แบ่งออกเป็น สหการร้านค้า ออมทรัพย์นักเรียน
ฝ่ายผลิตทางการเกษตร แบบครบวงจร โดยนักเรียนดำเนินการเอง

กานต์


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 20 กรกฎาคม 2012, 14:36:46
ลำใยๆๆๆๆๆๆ อร่อย ช่วงนี้มีเยอะน่ะค่ะ แบ่งมาเชียงรายบ้างเน้อจ้าวครูกานต์  ;D ;D ;D
ว่างเดี๋ยวจัดให้ ข้างในเป็นแมงไม่ว่ากันน่อ...อิอิ

แมงอะไรค่ะ  ชอบกินลำใย  ;D

แมงหนอนหัวงู เขี้ยวแหลม เลี้ยวคดไปมาจ้า ;D


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: little girl ที่ วันที่ 20 กรกฎาคม 2012, 14:42:53


แมงอะไร แปลกมาก หญิงไม่เคยเห็นแมงแบบนี้เลยค่ะ  :-\


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 20 กรกฎาคม 2012, 14:46:06


แมงอะไร แปลกมาก หญิงไม่เคยเห็นแมงแบบนี้เลยค่ะ  :-\

เดี๋ยวจับไปให้ดูที่บ้าน อย่าหนีนะ :P


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: little girl ที่ วันที่ 20 กรกฎาคม 2012, 14:49:11


แมงอะไร แปลกมาก หญิงไม่เคยเห็นแมงแบบนี้เลยค่ะ  :-\

เดี๋ยวจับไปให้ดูที่บ้าน อย่าหนีนะ :P

                      (http://upic.me/i/0d/icon_118.gif) (http://upic.me/show/19144)


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...พ่อครูทัด 5
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 24 กรกฎาคม 2012, 14:55:09

หมอกลงสุย ปุยขาว เต็มราวฟ้า
นกเขาป่า ขันจุ๊กกรู เรียกคู่ขวัญ
ทั่วแดนดง คงเงียบเชียบงวยงัน
ทุกสิ่งสรรพ์ ขยับ รับเจ็ดโมง

พ่อครูทัด งัดใบตอง รองยาสูบ
ม้วนเข้ารูป จุดพลัน ควันโขมง
กล่าวเสียงดัง ฟังชัด..ทัดลำโพง
ต่อไปโรงเรียนเข้า เก้าโมงปลาย(กว่า)

ให้ยกเว้น เป็นกรณีพิเศษ
เนื่องสาเหตุ เด็กช้า มาเรียนสาย
บางคนไม่ได้กิน มื้อข้าวงาย
บ้างตาลาย ลมเข้า หน้าเสาธง

เอารากไม้ ใบตอง กองสุมขอน
รับแดดอ่อน ผิงไฟ ไล่หนาวส่ง
ผ้าติดเนื้อ เสื้อตัว สั่นทั่วองค์
พอยืนตรง หอบอก สะทกคาง

ใครบ้างหนอ ห่อข้าวเปล่าไร้กับ
ปั้นหนึบหนับ เป็นแผ่น แน่นสองข้าง
แทงไม้ติ้ว ผิวเรียบ เสียบผ่านกลาง
ค่อยนำวาง ห่างพอดี จี่ข้าวกิน

ลุกตลอด มอดไหม้ ใบกาบเปลือก
ถ่านแดงเถือก ลามไป ไม่รู้สิ้น
ปล่อยให้เหลือ เชื้อไฟ ไว้กองดิน
อังมือตีน จุดบูรี สูบขี้โย

บูรีขี้โย - บุหรี่ใช้ใบตองแห้งมวนใบยาหั่นเป็นฝอย
โรยด้วยเปลือกมะขามที่แห้งบดละเอียด มักดับง่าย
ต้องจุดไฟก่อนสูบบ่อยๆ พ่อครูทัดสุมไฟไว้จุดบูรีขี้โย

กานต์


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: >_อนัตตา_< ที่ วันที่ 25 กรกฎาคม 2012, 07:38:04
อยากทานข้าวจี่  :D สูบบุหรี่ขี้โยนัก ระวังสะเก็ดไฟโดนเสื้อขาดเป็นรูเน้อเจ้า ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...ครูคนใหม่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 25 กรกฎาคม 2012, 21:33:43

จบหลักสูตร วุฒิ ป.กศ.ต้น
ไฟลุกโชน อุดมการณ์ มานหนักแน่น
ขอตั้งจิต อุทิศกาย สู่ชายแดน
ตระเตรียมแผน การสอน พร้อมก่อนไป

เพียบเนื้อหา วิชา วิทย์ คณิต
ไทย อังกฤษ สังคม บ่มนิสัย
ศิลป์ พิสุทธิ์ พุทธะ อนามัย
โภชนัย อาการ การอยู่กิน

เจอเข้าจริง สิ่งคาด วาดหวังไว้
เอามาใช้ ไม่เป็น เช่นถวิล
ทั้งอาคาร สถานที่ มีไม้ดิน
ปูพื้นหิน ยาวรวด ปนกรวดทราย

ครูสองคน วนเวียน นักเรียนร้อย
เดินข้ามดอย มาถึง เลยกึ่งสาย
เสื้อรูรั่ว ตัวด่าง กางเกงลาย
เดินเท้าดาย ไร้เกือก กระเสือกมา

บ้างจูงน้อง คล้องตัว วัวตามด้วย
มัดริมห้วย ใกล้แพะ และเล็มหญ้า
พอน้องหลับ จับเขียน เรียน ก กา
บ่ายโมงคว้า ถังดำ น้ำให้วัว

วัสดุ อุปกรณ์ นอนในกล่อง
สื่อเอี่ยมอ่อง ล้ำค่า น่าชวนหัว
เก็บลิ้นชัก หลักสูตร ดุจฝันมัว
"สอนเรียงตัว อ่านเขียนได้ พ้นไปวัน"

กานต์


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 25 กรกฎาคม 2012, 21:36:25
อยากทานข้าวจี่  :D สูบบุหรี่ขี้โยนัก ระวังสะเก็ดไฟโดนเสื้อขาดเป็นรูเน้อเจ้า ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ;D ;D ;D
ก็ไฟขี้โยนี้แหละทำเอาขาลายเป็นจุดเหมือนสักดำทำอาคม หุหุ


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...พ่อครูทัด 6
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 27 กรกฎาคม 2012, 09:27:59


พ่อครูทัด...
จบจากวัด เรียนร่ำ นักธรรมเอก
เก่งวิชา ภาษาไทย ไวคิดเลข
พ่นเป่าเสก คาถา ร่ายอาคม

เป็นทหาร ผ่านศึก สงครามโลก
ถูกหยิบยก ขึ้นเป็น ครูประถม
สอนเด็กน้อย ร้อยกว่า พนารมย์
ตามอุดมการณ์ครั้ง ยังวัยเยา

ค่าตอบแทน แต่เดิม เริ่มแปดบาท
รับธงชาติ ดินสอ ผ้าทอเก่า
ปากกาซึม หมึกชาด กระดาษเบา
คำสั่งเจ้า ตกไป ให้เป็นครู

มีกำหนด นิยาม สามบรรทัด
สอนฝึกคัด คณิต คิดเลขรู้
อ่านเขียนคล่อง ท่องได้ ไปปลาปู
และเชิดชู ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ไทย

ร่างสง่า หน้ากลม ทรงผมตั้ง
เสื้อน้ำครั่ง อมเทา กระเป๋าใหญ่
กางเกงหลวม ขาเรียว สีเขียวไพร
เกือกผ้าใบ กากี สายสีดำ

ยามยิ้มแย้ม แก้มบุ๋ม ที่มุมปาก
หัวเราะก๊าก ฟันหลอ พอขบขำ
พูดอ่อนหวาน ขานลูก มีทุกคำ
ผมยังจำ ติดใจ ไม่รู้ลืม...

กานต์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 29 กรกฎาคม 2012, 22:34:53

ยางรัดแบ๊งค์ แดงม่วง ล้วงกระเป๋า
ก้าวเดินเข้า ในห้าง วางท่าโก้
กวาดตามอง สองข้าง วางขายโชว์
ทุกช่องโหว่ บนกลาง ล่างไม่มี

ก็ขึ้นชื่อ ลือชา ว่าตลาด
สินค้าขาด หรือลิง หอบวิ่งหนี
เหลือหมักดอง ของเมา เอาไปซี
ละสิ่งที่ ใช้กัน อันตรธาน

เครื่องปรุงรส สดแห้ง แกงผัดต้ม
เผ็ดเค็มขม นมเด็กเล็กพร่องหวาน
แย่กว่าเดิม เพิ่มราคา ลดปริมาณ
จำกัดการ ซื้อขาย รายครอบครัว

ผงซักผ้า ยาสีฟัน ขันสบู่
ครีมแชมพู ซองขวด นวดสระผม
แป้งฝุ่นหอม ย้อมขน พ่นกลิ่นตัว
มีขายชัวร์ สูงค่า ห้าเปอร์เซ็นต์

ที่สำคัญ นั่นคือ ข้าวเนื้อหมู
ไข่ปลาทู พริกผัก ชักให้เห็น
ใช้ประจำ น้ำตาล ทานเช้าเย็น
อ้างจำเป็น พุ่งตาม ปาล์มน้ำมัน

น้ำตาริน สิ้นมีนา เมษาเศร้า
ความร้อนเข้า เจ่าจุก ทุกข์ใจฉัน
เริงสงกรานต์ ผ่านไป ไม่กี่วัน
ต้องโศกศัลย์ อกระเบิด ลูกเปิดเทอม

ผมไม่มีบัตรเอทีเอ็ม เครดิตการ์ด
ใช้ยางรัดแบ๊งค์ นับจ่ายซื้อของครับ

กานต์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...ครูคนใหม่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 02 สิงหาคม 2012, 13:26:47

ตลอดคืน ตื่นหลับ นั่งจับเจ่า
ปวดย่องเบา เข้านอน ก่อนรุ่งสาง
หมาเห่าใคร ไก่แจ้ว แมวหลงทาง
คนตูบข้าง หักไม้ ก่อไฟเตา

มองลอดม่าน ผ่านผ้า ฝาผนัง
ภายนอกยัง หม่นมัว ทั่วขุนเขา
ภาพต้นไม้ ไล่เรียง เห็นเพียงเงา
ฟ้าสีเทา เริ่มจาง สว่างเยือน

หมอกพร่างพรม ลมพัด สะบัดกิ่ง
ใบทอดทิ้ง ร่วงหล่น รอบโคนเกลื่อน
น้ำค้่างย้อย หยดดิน รินไหลเลือน
ชุ่มฉ่ำเถื่อน เปียกดง เย็นดงดาน

เช้าผู้คน ด้นดั้น เดินฟันฝ่า
เก็บของป่า เลียบดอย สอยผักหวาน
ตัดหน่อไม้ ไข่มดแดง แฝงใบลาน
ลงลำธาร แทงปลา หาหอยปู

คุ้ยเห็ดถอบ ลอบขุด แมงกุดจี่
วิ่งไล่ตี จับแย้ แส่รมหนู
หาแมงมัน ฟันจิ้งหรีด มีดเสียบรู
เชือกคล้องงู ไร้พิษ กรีดหนังแกง

อาทิตย์แรก แปลกใจ ไม่เคยพบ
มิอาจหลบ รอบข้าง ช่างแสยง
ธาตุทั้งสี่ จี้จริต ผิดสำแดง
ร่วงรุนแรง แห้งผอม งอมพระราม

กานต์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: Yim sri ที่ วันที่ 02 สิงหาคม 2012, 13:31:46

ยางรัดแบ๊งค์ แดงม่วง ล้วงกระเป๋า
ก้าวเดินเข้า ในห้าง วางท่าโก้
กวาดตามอง สองข้าง วางขายโชว์
ทุกช่องโหว่ บนกลาง ล่างไม่มี

ก็ขึ้นชื่อ ลือชา ว่าตลาด
สินค้าขาด หรือลิง หอบวิ่งหนี
เหลือหมักดอง ของเมา เอาไปซี
ละสิ่งที่ ใช้กัน อันตรธาน

เครื่องปรุงรส สดแห้ง แกงผัดต้ม
เผ็ดเค็มขม นมเด็กเล็กพร่องหวาน
แย่กว่าเดิม เพิ่มราคา ลดปริมาณ
จำกัดการ ซื้อขาย รายครอบครัว

ผงซักผ้า ยาสีฟัน ขันสบู่
ครีมแชมพู ซองขวด นวดสระผม
แป้งฝุ่นหอม ย้อมขน พ่นกลิ่นตัว
มีขายชัวร์ สูงค่า ห้าเปอร์เซ็นต์

ที่สำคัญ นั่นคือ ข้าวเนื้อหมู
ไข่ปลาทู พริกผัก ชักให้เห็น
ใช้ประจำ น้ำตาล ทานเช้าเย็น
อ้างจำเป็น พุ่งตาม ปาล์มน้ำมัน

น้ำตาริน สิ้นมีนา เมษาเศร้า
ความร้อนเข้า เจ่าจุก ทุกข์ใจฉัน
เริงสงกรานต์ ผ่านไป ไม่กี่วัน
ต้องโศกศัลย์ อกระเบิด ลูกเปิดเทอม

ผมไม่มีบัตรเอทีเอ็ม เครดิตการ์ด
ใช้ยางรัดแบ๊งค์ นับจ่ายซื้อของครับ

กานต์



ยังดีที่ครูกานต์ ไม่หิ้วกระปุกออมสินไปด้วยค่ะ(http://upic.me/i/nj/36_11_61.gif) (http://upic.me/show/3014462)


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 02 สิงหาคม 2012, 13:43:22
ยังดีที่ครูกานต์ ไม่หิ้วกระปุกออมสินไปด้วยค่ะ(http://upic.me/i/nj/36_11_61.gif) (http://upic.me/show/3014462)

[/quote]

ห้อยข้างฝาบ้าน เป็นกระบอกไม้ไผ่ออมสิน มีเหรียญสลึงเยอะแยะครับ ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...พ่อครูทัด 7
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 04 สิงหาคม 2012, 21:34:12

๐ จงจำคำกล่าวไว้     จงดี
คำสี่คำครูมี             แก่เจ้า
จงรีบเร่งทันที          ทำเถิด
    "เราจะทำดี"เว้า   ว่าพร้อมเพรียงกัน

แปดโมงเช้า เคารพ นบธงชาติ
อภิวาท องค์พระ พุทธศรี
กล่าวสัญญา ว่า..เราจะทำดี
นักเรียนรี่ รายล้อม น้อมรับฟัง

ครูทัดมี ข่าวเช้า หน้าเสาธง
นิทานส่ง เสริมธรรม คำประหลัง
ตรวขสุขภาพ ชายหญิง อย่างจริงจัง
เสร็จแล้วสั่ง แยกกัน สู่ชั้นเรียน

ตรงสำคัญ วันหยุด พุทธศาสน์
เช้าตักบาตร ฟังธรรม น้อมนำเศียร
กรวยข้าวตอก ดอกไม้ ไฟธูปเทียน
วนขวาเวียน วิหาร กรานพุทธพรหม

เปิดภาคเรียน ไหว้ครู บูชาพระ
พุทธมามะกะ ประเสริฐสม
ปฏิญาณ สาบานตน คนนิยม
ชอบชื่นชม กัตติเวทิตา

ประชุมปลาย สัปดาห์ อาราธนะ
นิมนต์พระ หยิบยก ปาฐกถา
รู้สวดมนต์ กรณศีล จินตนา
เกิดปัญญา สมาธิ ริชำนาญ

วันวิสาขบูชา เวียนมาถึง
หวนคำนึง ถึงผู้..ครูทัดท่าน
ขอเทิดเชิดชู คุณูปการ
เพียรสืบสาน ต่อไป ไม่รู้ลืม

ผมได้นำสิ่งดีๆจากพ่อครูทัดมาใช้ โดยเล่าข่าวเช้าหน้าเสาธง
นำนักเรียนตักบาตร ฟังธรรม เวียนเทียน ทำพิธีแสดงตนเป็น
พุทธมามะกะ ไหว้ครู มีประชุมนักเรียนสุดสัปดาห์ นิมนต์พระ
แสดงธรรมเดือนละหนึ่งครั้ง สืบจนผมเกษียณก่อนกำหนด

กานต์


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: Yim sri ที่ วันที่ 04 สิงหาคม 2012, 21:52:41
ผมได้นำสิ่งดีๆจากพ่อครูทัดมาใช้ โดยเล่าข่าวเช้าหน้าเสาธง
นำนักเรียนตักบาตร ฟังธรรม เวียนเทียน ทำพิธีแสดงตนเป็น
พุทธมามะกะ ไหว้ครู มีประชุมนักเรียนสุดสัปดาห์ นิมนต์พระ
แสดงธรรมเดือนละหนึ่งครั้ง สืบจนผมเกษียณก่อนกำหนด



อยากให้คุณครูทั้งหลายทำแบบนี้บ้างค่ะ
เด็กของเราจะได้รับสิ่งดีๆเพิ่มมากขึ้น


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...บ้านร้าง(1)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 06 สิงหาคม 2012, 22:16:33


มุมสามแยก ติดถนน รถยนต์ผ่าน
ที่ตั้งบ้าน บนไม้ ล่างใช้อิฐ
มีประตู รั้วรอบ กรอบสี่ทิศ
ปิดมิดชิด ไร้ผู้ อยู่เนิ่นนาน

มีเนื้อที่ รวมถึง เกือบหนึ่งไร่
ตั้งอยู่ใน ใจกลาง ของหมู่บ้าน
ใกล้โรงเรียน ร้านค้า ธนาคาร
ติดหน่วยงาน ราษฏร์รัฐ วัด เพาะกาย

บ้านที่ดิน ทำเลทอง จำนองแบ๊งก์
ติดป้ายแดง ยึดทรัพย์ บังคับขาย
คนมาดู คิดอยาก-ได้มากมาย
ผลสุดท้าย ไม่แล แม้สักคน

ข่าวบอกว่า บ้านนี้ มีอาถรรพ์
เจ้าของมัน เปลี่ยนบันได ใหม่สองหน
ต่อเติมห้อง ซ้ายขวา หน้าหลังบน
ถมถนน ทุบหน้าต่าง ง้างประตู

เมียเจ้าบ้าน หลับตาย เป็นรายแรก
ผัวหัวแตก ตกรถ แสนหดหู่
ลูกเล่นน้ำ ลงว่าย หายจมคู
ลูกจู่จู่ ดื่มยา ฆ่าแมลง

สี่ครอบครัว สี่คนวาย ตายละร่าง
ปล่อยบ้านว่าง หญ้ารก ไร้ตกแต่ง
ใครมิกล้า เกาะกลัว รั้วกำแพง
เจ้าที่แรง เห็นผี ทุกวี่วัน

กานต์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...ผีบ้านร้าง(2)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 07 สิงหาคม 2012, 21:35:50


ผีเด็กเด็ก วิ่งไล่ ไปรอบรอบ
พอเหนื่อยหอบ ซุกซน บนเนินสัน
เล่นทำกิน ดินทราย ขายของกัน
ตีต่อยขัน เต้นรำ ร้องทำเพลง

ผีสาวสาว หนุ่มหนุ่ม ทำกรุ่มกริ่ม
บ้างยืนยิ้ม คุยโขมง ดังโฉงเฉง
ร่ำสุรา ฮาลั่น มันครื้นเครง
คำตะเลง ต๋อยต๋อย จ๊อยซอไป

ผีแม่บ้าน งานครัว มั่วแกงต้ม
ผ้าคาดนม บางเบา เขย่าไหว
หยิกแกมหยอก โยกร่าง สีข้างไช
ดูฟืนไฟ ตักน้ำ ตำครกมอง

ผีนักรบ ร่างฉกรรจ์ ผ้าพันหัว
สักลำตัว ทั่วไป ไหล่ทั้งสอง
นุ่งผ้าเตี่ยว เปลือยกาย ร่ายลำพอง
มือตระกอง ดาบคู่ จู่ธรา

ผีผญา พร่ำมนตร์ โจนคึกคัก
พ้นสำนัก ดาบเหิน เกิ๋นก่ายฟ้า
เสี้ยวทิ้งฝัก ชักมีดสั้น พลันเสียบคา
ฝึกเพลงท่า ไม้ตาย วายชีวิน

เสียงช้างม้า โห่ร้อง ก้องระทึก
เสียงกลองศึก ลั่นรัว ไกลทั่วถิ่น
จวบฟ้าสาง ร่างหาย ละลายดิน
เป็นสุบิน...ที่พำนัก พักรบนอน

กานต์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...ล้างอาถรรพ์บ้านร้าง(3)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 09 สิงหาคม 2012, 08:47:15


เซ็นสัญญา เสร็จสรรพ ปรับพื้นที่
เหมือนได้ฟรี สี่แสน วางแผนผ่อน
เตรียมบานบวง สรวงสวรรค์ เป็นขั้นตอน
หมายแก้ร้อน ลุกลาม ตามราวี

ขอนิมนต์ อาราธนา สังฆาเจ้า
ช่วยปัดเป่า สืบชะตา ดวงราศี
ช่วยสะเดาะ เคราะห์ร้าย ภัยมากมี
รับโชคดี มีชัย ไปชั่วกาล

น้อมอัญเชิญ กษัตริย์ ขัตติราช
ประทับอาสน์ สถิต ประดิษฐาน
ทั้งช้างม้า ข้าขอ บริพาร
ขุนทหาร ร่วมเรียง ศาลเพียงตา

ปิดแผ่นทอง ห้องเดิม เติมหน้าต่าง
เจิมปิดทาง บันไดคู่ ประตูหน้า
น้ำส้มป่อย ประพรม ถมมรรคา
นำศัสตรา ขุดพบ จบพานทอง

ประเคน สังฆทาน กรานอุทิศ
แด่ดวงจิต ล่วงลับ ดับสยอง
ที่เก่าก่อน เก็บขวัญ กอปรครรลอง
บุญประคอง สู่หาว ดาวดึงส์

หากเวรกรรม เก่าใหม่ ยังไม่หมด
อัญเชิญโปรด ขึ้นหอ ขอพิงพึ่ง
เช้าไหว้สา อาหาร หวานคาวคลึง
ถวายถึง วิญญาณ สราญรมย์

กานต์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...รักบ้านร้าง(4)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 10 สิงหาคม 2012, 10:58:59


ปฎิบัติ จัดทำ ตามคำมั่น
เช้าทุกวัน อาหาร หวานผสม
น้ำสะอาด ถาดข้าว เนื้อคาวนม
ถวายพระ พุทธ พรหม พนมกร

อ่าองค์เทพ เทวะ จตุรทิศ
สิงสถิต โลกัง วัง สิงขร
ทั้งเถื่อนถ้ำ น้ำธาร ดานดงดอน
บ้านพักนอน ธรณี เจ้าที่ทาง

ถึงวันพระ ถือศีล ไม่กินเนื้อ
สวมผ้าเสื้อ ชุดขาว พราวคลุมร่าง
ค่ำสวดมนต์ ภาวนา ลาปล่อยวาง
มิจืดจาง สร้างกรรม ทำความดี

เสียสละ แรงงาน ทานสินทรัพย์
ทักทายกับ เพื่อนพ้อง และน้องพี่
เกิดปัญหา หน้าหัน คุยทันที
ยื่นไมตรี ยิ้มย่อง ปรองดองกัน

ตั้งแต่เข้า อาศัย ในบ้านนี้
เกือบห้าปี อยู่ท่าม ความสุขสันต์
มีของกิน เครื่องใช้ ไว้ครบครัน
โชคเลื่อนชั้น ตำแหน่ง แบ่งเงินทอง

หมดสาเหตุ เภทภัย ไม่ปรากฏ
เกียรติยศ สรรเสริญ เยินยกย่อง
หวังสิ่งใด ได้สม อารมณ์ปอง
ขอครอบครอง ตลอดกาล รักบ้านเอย

กานต์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...กรรมตามทัน
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 11 สิงหาคม 2012, 22:40:46

หรือสวรรค์ บัญชา ให้มาเกิด
ร่างประเสริฐ หล่อล้น คนทั้งหลาย
หาตัวยาก มากเล่ห์ เพทุบาย
ใช้น้ำลาย ปลิ้นปลอก ล่อหลอกคน

ทำเยิ้มยิ้ม พริ้มตา วาจาหวาน
คอยรับใช้ ช่วยงาน การกุศล
เขารู้จัก ทักตัว ทั่วตำบล
จบ ป.ต้น แฟนหมอ จบ ป.ตรี

มีชื่องาม.รามจันทร์.ตรงวันคลอด
หัวเยี่ยมยอด กลค้า น่าบัดสี
กระเทียม ครั่ง ชั่งถั่ว มั่วทุกที
ล็อคเข็มชี้ ยันค้ำ ลดน้ำหนัก

นำกระเทียม เทียมเกวียน เวียนมาส่ง
บอกยกลง เอาวัว ผูกรั้ว.หลัก
ดื่มน้ำก่อน ร้อนคลาย หายหยุดพัก
แล้วจอกตัก ยาดอง ให้ถองทาน

พอมึนเมา เขาโกง ลงตัวเลข
ผมเป็นเด็ก งุนงง น่าสงสาร
สลดใจ ไม่ขอ ต่อทำงาน
ลากลับบ้าน จากกัน วันนั้นเลย

ฐานะดี มีทรัพย์ นับแสนล้าน
ตาพิการ แถมบ้า อ้าปากเผย
โกงชาวนา โกงตาชั่ง โกงตังค์เอย
หลีกไปเพ้ย ขวางหน้า อิจฉากู

ปิดภาคเรียน 2506 รับทำบัญชีให้.รามจันทร์.
ค่าจ้างวันละ 5 บาท เมื่อคืนฝันนำมาเป็นกลอน

กานต์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...พบรัก
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 19 สิงหาคม 2012, 11:16:08

แอบด้อมด้อม มองมอง น้องสาวเพื่อน
แวะเยี่ยมเยือน ทุกครา เวลาว่าง
ถึงอยู่ไกล ไม่ชิด คนทิศทาง
ฝนตกกาง ร่มไป ไม่ละลด

ยิ่งได้ยิน เธอร้อง เพลง.ผ่องศรี
สี่ในสี่ ห้องใจ ให้คุณหมด
เพลง.ดาวใจ ช้ำนัก รักประชด
แดดร้อนอด แอบฟัง หลังพุทรา

ตลอดคืน ตื่นหลับ กระสับกระส่าย
เอามือก่าย หน้าผาก อยากไปหา
ถ้าพรุ่งนี้ ไม่พบ ได้สบตา
ตายดีกว่า อย่าเกิด มาเป็นคน

เราเคยเรียน ด้วยกัน ชั้น ป.สี่
อยากเรียกพี่ แทนเพื่อนรัก ดูสักหน
ได้เป็นน้อง ยอมเพิก เลิกซุกซน
คิดใช้มนตร์ คาถา ว่าอย่างไร

ที่สิบสี่ มีข่าว สาวนั่งข่วง(ลาน)
ช่วยร้อยห่วง ใบตอง รองก้านไม้
เชือกปอมัด รัดแน่น เรียบแผ่นไพ
เก็บไว้ใช้ มุงหลังคา หน้าฝนคืน

เข้าไปถึง เขยิบ ถอดเกิบออก
เอาช่อดอก กุหลาบ ทาบอกยื่น
เธอยิ้มรับ จับถือ มือยังมึน
รักสดชื่น เริ่มพลัน แต่นั้นมา

..เธอคือแม่ของลูกทั้งสามครับ..

กานต์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...พบรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Yim sri ที่ วันที่ 19 สิงหาคม 2012, 11:57:53

แอบด้อมด้อม มองมอง น้องสาวเพื่อน
แวะเยี่ยมเยือน ทุกครา เวลาว่าง
ถึงอยู่ไกล ไม่ชิด คนทิศทาง
ฝนตกกาง ร่มไป ไม่ละลด

ยิ่งได้ยิน เธอร้อง เพลง.ผ่องศรี
สี่ในสี่ ห้องใจ ให้คุณหมด
เพลง.ดาวใจ ช้ำนัก รักประชด
แดดร้อนอด แอบฟัง หลังพุทรา

ตลอดคืน ตื่นหลับ กระสับกระส่าย
เอามือก่าย หน้าผาก อยากไปหา
ถ้าพรุ่งนี้ ไม่พบ ได้สบตา
ตายดีกว่า อย่าเกิด มาเป็นคน

เราเคยเรียน ด้วยกัน ชั้น ป.สี่
อยากเรียกพี่ แทนเพื่อนรัก ดูสักหน
ได้เป็นน้อง ยอมเพิก เลิกซุกซน
คิดใช้มนตร์ คาถา ว่าอย่างไร

ที่สิบสี่ มีข่าว สาวนั่งข่วง(ลาน)
ช่วยร้อยห่วง ใบตอง รองก้านไม้
เชือกปอมัด รัดแน่น เรียบแผ่นไพ
เก็บไว้ใช้ มุงหลังคา หน้าฝนคืน

เข้าไปถึง เขยิบ ถอดเกิบออก
เอาช่อดอก กุหลาบ ทาบอกยื่น
เธอยิ้มรับ จับถือ มือยังมึน
รักสดชื่น เริ่มพลัน แต่นั้นมา

..เธอคือแม่ของลูกทั้งสามครับ..

กานต์





ว้าววววววววววววววว
โรแมนติคสุดๆๆ
อ่านแล้วซึ้งจังเลยค่ะ


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...เคยรู้ สู้ต่อ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 24 สิงหาคม 2012, 21:13:40

รู้หนาวร้อน อ่อนหวาน ทานปรุงรส
รู้สุกสด อุ่นเย็น หอมเหม็นหืน
รู้เศร้าเหน็บ เจ็บช้ำ สุดกล้ำกลืน
รู้ชมชื่น จับเจ่า พะเน้าพะนอ

รู้ประกวด อวดดี ตีหัวหมา
รู้คุณค่า คิดถึง ซึ้งใจหนอ
รู้ชนะ ทรยศ คนคดงอ
รู้พ่ายต่อ เกมรัก ถูกหักใจ

เคยดุ่มเดิน เพลินบน ถนนกว้าง
พบความอ้าง-ว้างวิง ครั้งยิ่งใหญ่
เคยตักน้ำ ทำสวน พรวนดินไป
สัมผัสไพร ธรรมชาติ สะอาดตา

เคยสร้างคุณ บุญญา มามากหลาย
เคยชั่วร้าย ก่อกวน คนถ้วนหน้า
เคยดูแล แม่พ่อ ก่อเกิดมา
เคยเข่นฆ่า เป็ดไก่ สัตว์ใหญ่ตี

รู้ถ้อยคำ ธัมมะ ปริยัติ
ปฏิบัติ ศีลฉัน ทุกวันทุกวี่
นั่งสงบ ลบเลือน เปื้อนราคี
เอาคัมภีร์ กางท่อง ส่องแสดง

ตื่นเช้าอ่าน กานท์กาพย์ อาบชีวิต
เวลานิด ขีดเขียน ว่างเพียรแต่ง
ใจยังสู้ ตาดูได้ มือไม่แพลง
จะล่องแล่ง เคียงคู่ อยู่ต่อไป

วันศุกร์ คือ วันเสาร์น้อย สบ้าย สบาย

กานต์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...สิ้นหวัง
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 05 กันยายน 2012, 13:03:33


ปลายสิงหา อากาศ มิคาดคิด
วิปริต แปรปรวน ชวนปวดหัว
หกโมงกว่า ฟ้าอืด ยังมืดมัว
หนาวเย็นทั่ว บ้านนา ป่าพงไพร

พอตกสาย หายไป ไร้เมฆหมอก
ตะวันออก แสงแดด แผ่แผดจ้า
ส่องบ้านสวน ควนไร่ ไกลทุ่งนา
ต้นไม้หญ้า แห้งกรอบ ยอบแยบแดง

เมื่อขาดน้ำ ทำนา กล้าตายสิ้น
ผืนแผ่นดิน ร้าวแยก แตกระแหง
เหลือแต่หลัก ผักยวบ บวบฟักแฟง
ห้อยต่องแต่ง เหี่ยวเฉา น้ำเต้าตาย

ผลหมากม่วง ร่วงหล่น เกลื่อนโคนพื้น
ลมพัดครืน ไหวก้าน มานสลาย
ลำไยออก ดอกช่อ รอผึ้งกราย
ต้องใจหาย ปลายช้ำ ดำไหม้เกรียม

ขาดมะม่วง ลำไย ไร้ค่าปุ๋ย
นั่งหน้ามุ่ย สลด ฟ้าโหดเหี้ยม
ครั้นจะหวัง ยังผัก หอมกระเทียม
สดใหม่เอี่ยม ขายได้ เหมือนให้ฟรี

โอ้อนาถ วาสนา ชะตาต่ำ
สักแต่ทำ ไม่สำเร็จ เป็นเศรษฐี
ต้องตากแดด ตากฝน ทนทั้งปี
กลับเพิ่มหนี้ เพิ่มดอก ปลอกรัดคอ

กานต์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...มากับน้ำไหล ไปกับน้ำตา
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 07 กันยายน 2012, 21:00:24

น้ำเหนือนอง ล่องไหล ลงใต้อ่าง
พัดพานาง หนีภัย ให้รู้จัก
เพียงคำแรก แปลกใจ ได้ทายทัก
เริ่มแรกรัก เบาเบา เข้าแล้วซิ

มีข้าวกอง พะเนิน เกินหลังรถ
มาไม่หมด บวมแยก แตกเปื่อยปริ
อยู่ศาลา อาศัย ดีไหมนิ
หากว่าผิ น้ำลด หมดลาละ

ช่วยแบกลัง ถังใหญ่ ขึ้นไหล่ขน
วางไว้บน เสื่อสาด ขาดปรุปะ
ใส่ของกิน ปิ่นโต โภชนะ
เธอมากะ ผู้แก่ แม่ตายาย

เคยล้อเล่น เป็นเพื่อน ได้เดือนหนึ่ง
เคยซาบซึ้ง ช่วยเหลือ มิเบื่อหน่าย
เคยล่อเลี้ยว เที่ยวเพลิน ท่องเนินทราย
หิวตาลาย มื้อแลง แบ่งกันกิน

อยากให้น้ำ ทำเรื่อง เชื่องช้าลด
ให้คืนสด วันชื่น มิรู้สิ้น
อยากให้กาล เวลา อย่าโบยบิน
ใจคู่จินต์ รินรส พจนา

แล้ววันเจ็บ..เก็บของ ขึ้นใส่รถ
โศกสลด หม่นหมอง ครองใบหน้า
มาพร้อมฝน ขนกลับ ซับน้ำตา
การจากลา..ทำไมหนอ..ทรมาน

กานต์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...คำสั่งของเตี่ย
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 26 กันยายน 2012, 09:26:15

เตี่ยอายุ สิบสอง ล่องเรือใหญ่
เข้าเมืองไทย ใช้แซ่ เถ้าแก่เหลียว
ออกเร่ร่อน นอนถนน ตัวคนเดียว
สวมผ้าเตี่ยว ติดเนื้อ เสื้อดำบาง

ขอเศษข้าว ก้นจาน ทานโหยหิว
เดินหน้านิ่ว เอ่ยปาก อยากรับจ้าง
จะงานหนัก หรือเบา เอาทุกทาง
ได้สตางค์ เล็กน้อย ค่อยเก็บออม

หลบแดดทน ฝนฟ้า ศาลาวัด
ถูกยุงกัด ตัวลาย จนผ่ายผอม
ข้าวก้นบาตร ทานไป แมงไต่ตอม
ลากผักหอม ปูปลา ขึ้นท่าเรือ

พอตั้งตัว มาได้ ในวันนี้
บารมี ทั้งผอง ขององค์เหนือ
พบร่มเย็น เป็นคุณ คนจุนเจือ
มีกินเหลือ เผื่อจ่าย สบายใจ

อย่าคิดฉ้อ ทรยศ คดโกงชาติ
บ้าอำนาจ ทำกร่าง วางตัวใหญ่
ยึดถือศีล รินคำ ธรรมวินัย
คอยรับใช้ มิขาด ศาสน์.สังคม

กำหนดกรอบ ครอบครัวดี ส่งศรีสุข
ดูแลลูก แต่น้อย คอยฝึกบ่ม
สำหรับคู่ อยู่เรียง เคียงภิรมย์
จงชื่นชม เชยชิด หญิงติดดิน

กานต์ แซ่อึ้ง



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: นายตะเข้ ที่ วันที่ 27 กันยายน 2012, 12:26:16
แสงแดดจัด ลมพัดแรง ใจแล้งรัก
เหงายิ่งนัก คนรักคู่ อยู่หนไหน
อยากออดอ้อน วอนเจ้า เคล้าวิไล
หวังฟ้าใหม่ พบสม ไม่ตรมตรอม..

มีบ้างไหม วันได ฤทัยสุข
มีแต่ทุกข์ ร้าวราน พบพานขม
ยามลมโบก โศกเศร้า เคล้าระทม
ใจไม่สม ต้องข่ม อมระกำ..

อยากจะพบ สุขบ้าง ในบางครั้ง
อยากจะรั้ง ดวงใจ ไว้งามขำ
อยากเอื้อนเอ่ย เผยบอก ออกน้ำคำ
ว่าสุขล้ำ เมื่อมีเธอ มาเคียงกาย..

พี่ยังรอ พะนอน้อง คล้องคอยเจ้า
ยามรุ่งเช้า บ่ายค่ำ พร่ำยามสาย
หวังเพียงน้อย ยังคอยชิด ไม่คิดกลาย
ไม่เคยหน่าย คลายรัก ยังภักดี..

จะรู้ไหม ในโลกนี้ พี่มีเจ้า
เป็นหลอมเบ้า เร้าหทัย ในวิถี
เป็นพลัง รั้งเข้าสู้ คู่ชีวี
ไม่หน่ายหนี ยอมพลีแล้ว เพื่อแก้วตา..

แสงสุรีย์ อำลา ขอบฟ้ากว้าง
เหมือนใจร้าง กลางวน  ทนผวา
เหมือนสิ้นแล้ง แห่งหวัง รั้งชะตา
โอ้อกข้า มาร้าวรวด ปวดดวงมาลย์..

ยามคืนค่ำ ดำมืด ใจฝืดช้ำ
ต้องนั่งร่ำ น้ำตาริน ในถิ่นฐาน
ผ้าผืนน้อย ค่อยคอยซับ รับวิกาล
แสนสะท้าน รานระทม ข่มฤดี..

ไก่ป่าขัน เจื้อยแจ้ว  แว่วเสียงก้อง
เหมือนมาต้อง ดวงใจ ไม่ให้หนี
รับแสงทอง ส่องฟ้า ไล่ราตรี
ยอดยาหยี  อ้าว..ยังอยู่ คู่เคียงกาย...

โอ้..ตายละ ฝันไป ได้เป็นเรื่อง
ผ่องประเทือง เอื้องแก้ว ไม่แคล้วหาย
เสียง แว๊ดแว๊ด  แผดดังก้อง ต้องลุกกาย
นางมารร้าย  มาแล้ววววววว  ต้องแจววววววละเน้อ...จ๊ากกกกกกก ซักผ้า แล้วจ้า ;D ;D ;D
 


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: >_อนัตตา_< ที่ วันที่ 27 กันยายน 2012, 12:39:39
ฮ่าๆๆๆๆ เป็นอั้นว่าฝันไปก้าเจ้า หักมุมเฉยเลยท่านลุ๊งงงงงงง  ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: นายตะเข้ ที่ วันที่ 27 กันยายน 2012, 14:34:26
ฮ่าๆๆๆๆ เป็นอั้นว่าฝันไปก้าเจ้า หักมุมเฉยเลยท่านลุ๊งงงงงงง  ;D ;D ;D



ฮิฮิ   ครั้งหนึ่งที่ชิวิตรันทด  อิอิ :P


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...สุขใจเมื่อวัยเยาว์
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 28 กันยายน 2012, 15:10:16


หยุดวันเสาร์ เข้าป่า หารวงผึ้ง
จับปาดอึ่ง เขียดกบ หลบใต้หิน
จอบด้ามกุด ขุดจิ้งโก่ง หนีลงดิน
ยิงนกบิน สกัด ลัดทุ่งนา

ผ่านโคลนตม งมคู ปูปลาหอย
เท้าซอกซอย แมงจอน สลอนท่า
ควันรมรู หนูพุก ซุกหญ้าคา
ดักไก่ป่า เหยื่อลวง เข้าบ่วงพราน

เสียมเสียบหน่อ กอใหญ่ ใส่กระสอบ
คุ้ยเห็ดถอบ กลางไร่ ซากไฟผลาญ
แซะผำเทา เตาเขียว เลี้ยวร่องธาร
เด็ดผักหวาน ยอดอ่อน ซ้อนใบตอง

เก็บแคขาว พราวหล่น ใกล้โคนหิน
เลือกกระถิน สองกำ จ้ำพริกอ่อง
ไซ้ผักตบ ขบเผาะ เลาะลำคลอง
ลุยกลางหนอง ดึงหัว สายบัวงาม

แวะริมทาง ขว้างลาน ตาลโตนด
โผนกระโดด มือหัก ฝักมะขาม
กินกล้วยสุก ลูกเดียว เคี้ยวมูมมาม
เหลืองอร่าม เขย่า เอาพุทรา

ลักมะม่วง พวงลำไย ไต่ปีนต้น
เพื่อนสองคน ดูหลัง ระวังหน้า
รีบรูดเอา เบาใจ...อะไรมา
ร้องหุยฮา ลงดอย แตนต่อยตี

กานต์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...สุขใจเมื่อวัยเยาว์
เริ่มหัวข้อโดย: นายตะเข้ ที่ วันที่ 28 กันยายน 2012, 21:25:12


หยุดวันเสาร์ เข้าป่า หารวงผึ้ง
จับปาดอึ่ง เขียดกบ หลบใต้หิน
จอบด้ามกุด ขุดจิ้งโก่ง หนีลงดิน
ยิงนกบิน สกัด ลัดทุ่งนา

ผ่านโคลนตม งมคู ปูปลาหอย
เท้าซอกซอย แมงจอน สลอนท่า
ควันรมรู หนูพุก ซุกหญ้าคา
ดักไก่ป่า เหยื่อลวง เข้าบ่วงพราน

เสียมเสียบหน่อ กอใหญ่ ใส่กระสอบ
คุ้ยเห็ดถอบ กลางไร่ ซากไฟผลาญ
แซะผำเทา เตาเขียว เลี้ยวร่องธาร
เด็ดผักหวาน ยอดอ่อน ซ้อนใบตอง

เก็บแคขาว พราวหล่น ใกล้โคนหิน
เลือกกระถิน สองกำ จ้ำพริกอ่อง
ไซ้ผักตบ ขบเผาะ เลาะลำคลอง
ลุยกลางหนอง ดึงหัว สายบัวงาม

แวะริมทาง ขว้างลาน ตาลโตนด
โผนกระโดด มือหัก ฝักมะขาม
กินกล้วยสุก ลูกเดียว เคี้ยวมูมมาม
เหลืองอร่าม เขย่า เอาพุทรา

ลักมะม่วง พวงลำไย ไต่ปีนต้น
เพื่อนสองคน ดูหลัง ระวังหน้า
รีบรูดเอา เบาใจ...อะไรมา
ร้องหุยฮา ลงดอย แตนต่อยตี

กานต์



อิอิ...หัวเป็นมะกรูดไหมท่านฯ  อิอิ


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...ความสุขใจไ้ด้แต่งกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 07 ตุลาคม 2012, 10:37:06

เคยคัดคำ ประพันธ์ ชั้น ป.ห้า
"สักวา หวานอื่น มีหมื่นแสน"
เพียงแค่หวัง ตั้งใจ ได้คะแนน
ไม่รู้แผน บังคับ นับพยางค์

หัดทดลอง เลียนคำ นำขีดเขียน
เฝ้าพากเพียร ขอครู ดูแก้ร่าง
วิทยุ ฟังเช้าเย็น เป็นแนวทาง
เปิดหน้ากลาง วารสาร อ่านกลอนกรัง

โชคดีได้ เรียนต่อ ม.หนึ่ง.สอง
พอแต่งท่อง คล่องรู้ ตามครูสั่ง
มีผลงาน กานท์กลอน กระฉ่อนดัง
ส่งลงหนังสือพิมพ์ อิ่มเอมใจ

สี่สิบปี ที่ห่าง ละว่างเว้น
ด้วยจำเป็น เป็นครู อยู่ป่าใหญ่
ต้องหาเลี้ยง ครอบครัว ทำทั่วไป
ชีวิตไม่ พบสุข ทุกข์ตรมตรอม

หนึ่งปีผ่าน.มารฟ้า.มาเยี่ยมพัก
เอ่ยทาย.ทัก ความเดิม เริ่มเกลี้ยกล่อม
โต้กลอนสด หมดคำ จึงจำยอม
หัดใช้คอมพ์ จอเคส เน็ตเวบกลอน

วางเพียงบท สองบท จรดฝัน
จึงมีฉัน ร่วมรัก ทออักษร
หากพลาดพลั้ง ครั้งใด ใคร่วิงวอน
ให้ฟายฟ้อน จนหนำ ก่อนอำลา

กานต์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...คิดถึง
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 08 ตุลาคม 2012, 09:25:29

ครูจำพราก จากศิษย์ ปิดเทอมต้น
เพื่อคิดค้น วิชาการ สื่องานสอน
หากเรียบร้อย คล้อยมา พนาดอน
ให้ทันก่อน พฤศจิก เปิดอีกครา

เตรียมหนังสือ คือนิทาน อ่านสนุก
ช่วยปลอบปลุก ทุกข์เลือน เหงาเปื้อนหน้า
การ์ตูน.ดู หนูนก ตลกฮา
เกม.กีฬา อุปกรณ์ ลูกบอล.นวม

เสื้อผ้าใหม่ ของใช้เก่า เหล่าเศรษฐี
รองเท้าดี ฟรีไซ้ส์ ให้เธอสวม
ปวดพารา ยากิน วิตะมินรวม
ทาปูดบวม พุพอง หม่องเยียวบาล์ม

จัดใส่กล่อง ลองยก อกแทบหัก
เพื่อศิษย์รัก ทนแบก สาแหรกหาม
เดินเลียบดอย ลอยห้วย ด้วยก็ตาม
ไต่ซุงข้าม ปล่องเหว เอวแทบพัง

ความเหน็ดเหนื่อย เมื่อยกาย หายปลิดทิ้ง
เด็กชายหญิง รุมล้อม กันพร้อมพรั่ง
ความดีใจ สุดสุด พูดเสียงดัง
ซ้ำหลายครั้ง แน่นหนัก "รักคุณครู"

...ภาพเมื่อสามสิบปีที่ผ่าน ยังจำมิรู้ลืม...

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...เพื่อนตาย
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 11 ตุลาคม 2012, 16:33:38

เฝ้าฝึกฝนจนจบครบหลักสูตร
ต่างรีบรุดแยกไปไกลสถาน
เคยร่วมเขียนเรียนรู้อยู่เนิ่นนาน
เวลากาลผ่านพ้นจนหลงลืม

ออกท่องเดินเผชิญโชคในโลกกว้าง
เส้นหนทางพิสูจน์ฤาดูดดื่ม
เมื่อวิกฤตบิดบู้ต้องกู้ยืม
ใช่จะปลื้มเสพสุขทุกคนไป

ทำงานดีมีจ่ายเจ้านายรัก
ก็พร้อมพรักอนาคตสุกสดใส
นามประเทืองเรืองยศปรากฎไกล
อยู่ที่ใดใครคบน้อมนบนำ

ปะไม่เหมาะเคราะห์ร้ายเจ้านายชั่ว
พาเกลือกกลั้วอบายกายถลำ
เป็นลูกน้องต้องตอบถูกครอบงำ
ทั้งชีวิตมิดดำเลวนำพา

ห้าสิบปีที่ผ่านมาห้าสิบปี
จบรุ่นนี้ยุบยิบปีสิบห้า
จากหนุ่มเหน้าเข้าสู่ผู้ชรา
พบอีกคราลืมเลือนคือเพื่อนชาย

ร่างซีดเซียวเหี่ยวแห้มสองแก้มตอบ
ยืนหืดหอบงันงงโคลงหัวส่าย
เสื้อขาดวิ่นกลิ่นคลุ้งฟุ้งกระจาย
ทาสสุราน่าอับอายตายทั้งเป็น

กานต์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 10 พฤศจิกายน 2012, 21:03:03

๐ ขอวันทาเอ่ยถ้อย         ตามจริง
มีเพื่อนครูชายหญิง          แปดผู้
นักการชื่อ"ประวิง            เนินผึ่ง"
สอนเด็กประถมรู้             เก่งกล้าการเรียน

๐ ๘๙๒ "ยิ่งล้น              จันทรา"
ครูใหญ่เทียบศักดา           ดอกเต้อร์
ตัวยาวเข่าแข้งขา             สูงโปร่ง
ยอดแกร่งเมเนเจ้อร์           ฮ่ำจ้อยกะโลง

๐ ๘๙๓ "แช่มช้อย           อดทน"
ป.๑ เด็กซุกซน                ร่ำห้อง
ใจเย็นเช่นบุตรตน             รักเด็ก
เรียนเล่นหลับขับร้อง         ดื่มน้ำทานนม

๐ ๘๙๔ "แซ่อึ้ง                ทวี" (พิมพ์กลับตามผัง)
ไทยเอกเลขดนตรี             ปลูกปั้น
ประกวดอ่านวาที               คำคล่อง
กลอนสี่ตอบต่อดั้น             บ่ายท้าย ป.๒

๐ ๘๙๕ "กิ่งแก้ว               สุขกาญจน์"
คหกรรมอาหาร                 นึ่งต้ม
ประดิษฐ์วัสดุงาน               ตกแต่ง
ลายมั่วโมบายก้ม               ก่อกั้น ป.๓

๐ ๘๙๖ "ช่อเอื้อง              พะวงมิตร"
ครูเชี่ยวอังกฤษวิทย์            คณิตแต้ม
มือกดเครื่อง,ลูกคิด            ยังพ่าย คิดเนอ
เด็กแข่งขันชนะแช้มป์         แค่ขั้น ป.๔

๐ ๘๙๗ "แจ่มจ้า                บางเพรา"
ขาวผ่องเป็นยองเยา            เอิบหน้า
ระบำร่ำร้องเบา                  ฟายฟ่อง
เหมาะอยู่ชั้น ป.๕              ก่อเบื้องนาฏศิลป์

๐ ๘๙๘ "สนั่น(คลิ้น)          ทองเจือ"
วอลเล่ย์บอล,พายเรือ          ตะกร้อ
พักแรมค่ายลูกเสือ              ดังเด่น
หนาวแดดฝนบ่นท้อ            สักครั้งบ่ยิน(ป.๖)

๐ ๘๙๙ "ร่มเกล้า                เกียรติขจร"
กอปรสัจศีลสุนทร                ก่องเกื้อ
ออมทรัพย์สหกรณ์               เกษตร
สอนซ่อมเสริมเติมเนื้อ          ทุกชั้นวนเวียน

๐ เราทุกคนต่างพร้อม            รวมใจ
ทำเพื่อชนบทไทย                เจิดจ้า
โรงเรียนขนาดเล็กไกล          ไป่เบื่อ
เหน็ดเหนื่อยแสนเมื่อยล้า       จิตน้อมยอมทน

๐ ตัวเลขข้างหน้า คือ เลขประจำตำแหน่ง
เป็นเหตุการณ์เมื่อปี ๒๕๔๒ ก่อนโรงเรียนถูกยุบ

                     ๐ กานต์ ๐




หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...ทาสอารมณ์
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 26 ธันวาคม 2012, 21:42:17

เหตุเกิดเมื่อ ปี 2526

แค่กินเหล้า เมามาย ถึงสายโด่ง
ด่าโขมง โฉงเฉง ตัวเกร็งสั่น
เธอหยิบยก โบกมือ มิถือกัน
ลิ้นไก่สั้น อ๋อแอ๋ ด่าแม่นาง

แดดอบอ้าว ข้าวเม็ดหนึ่ง มิถึงท้อง
ได้แต่จ้อง มองจาน อาหารว่าง
หิวขึ้นหน้า ฝ้าฟาย น้ำลายจาง
ฉวยแก้วขว้าง ถูกเตียง เปรี้ยงกระจาย

เข้ามาใกล้ ไล่หมา ด่าแมวหนี
เหล้าไม่มี สักหยด เกลี้ยงหมดหาย
ไปเชื่อก่อน ผ่อนให้ ถ้าไม่ตาย
อย่าเลยบ่าย บุหรี่ มีกาแฟ

ถอกใส่แก้ว แล้วส่ง ข้าก๊งด่วน
ท้องมันป่วน คลื่นเหียร เจียนจะแย่
ชอบอย่างเพียว เคี้ยวตาม มะขามแจ
มันก็แค่ แบบนี้ หลายปีมา

พัดลมพ่น บนหัว อีกตัวเท้า
ไยช้าเล่า เร่งรีบ บีบต้นขา
กดแรงแรง แกล้งเบา ยันเอานา
มัวชักช้า ซมซาน รำคาญใจ

รู้สึกตัว งัวเงีย เรียกเมียข้า
ราวป่าช้า ไม่รู้ เธออยู่ไหน
ทั้งเสื้อผ้า ยาสีฟัน พลันหายไป
นั่งร้องไห้ ครวญหา จนตาแดง

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 01 กุมภาพันธ์ 2013, 11:51:55

~ เหมือนบางครั้ง ~    

มีบางครั้ง ยังรับ ว่าสับสน
ในหนึ่งคน เป็นไป ได้มากอย่าง
ดวงชีวิต ขีดเป็น หลายเส้นทาง
เจ้าสรรค์สร้าง โครงเรื่อง ต่อเนื่องกัน

เป็นลิเกเฮฮา ฉีดยาหมอ(เถื่อน)
ช่างจ๊อยซอ พ่อค้าขายน้ำปั่น
ร่างทรงเจ้า เฝ้าโกดัง คลังน้ำมัน
ขับรถบรรทุก หินดินกรวดทราย

ขายข้าวแดง แกงส้ม น้ำ นมขวด
คนตรวจตั๋วรถเมล์ เร่ของขาย
ไล่ล่าเป็น ภัยสังคม นิยมซ้าย
มัคคะนาย ตลก โฆษกงาน

เป็น สอทอ ล่อฉะ ทุจริต
วิทยากรลูกเสือเพื่อชาวบ้าน
ครูประถมสอนครบทุกประสบการณ์
รับเกียรติบัตรจากงานวันพ่อไทย

นักกลอนกานท์ บ้านนอก ออกจากถ้ำ
คัดลอกคำ จำบ้าง วางเขียนไว้
ของมากมาย หลายสิ่ง ยอมทิ้งไป
ทิ้งไม่ได้ แน่นอน คือ กลอนกานท์

เหมือนบางครั้ง ยังงง ลงไม่ถูก
ลองแต่งเล่น พันผูก กับลูกหลาน
โดนว่าโซ โง่งม เซ่อซมซาน
คงละงาน อ่านเพียรเขียนแน่เอย

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต (ตรุษจีน)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2013, 22:11:32

ตั้งแต่เดิม เริ่มคลาน อ่านเขียนได้
ร่างเติบใหญ่ อ้อมอุ่น ของคุณป้า
คอยถนอม กล่อมเกลี้ยง เลี้ยงดูมา
หลับลืมตา ก็เห็น เป็นประจำ

อีกท่านหนึ่ง ซึ้งใน หทัยนัก
เพียงฟูมฟัก รักเรา แต่เช้าค่ำ
รับจ้างวัด ตัดผ้า ฟ้ามืดดำ
ดึกยังทำ ถึงเพลีย เตี่ยยอมทน

หาบกระบุง มุ่งทาง วางตลาด
ขายผักกาด ของใช้ ไม่เคยบ่น
ไม่อิดออด กอดลูก ที่ซุกซน
เราสองคน รักแม่ สุดแดดวง

มีกล้วยใบ ใจแจง บิแบ่งครึ่ง
คนละกึ่ง กินกล้วย ด้วยแสนห่วง
ไม่ทะเลาะ เบาะแว้ง แกล้งทั้งปวง
เรียกอากวง เรื่อยมา น้องอากี

บ้านไม้ไผ่ ได้อยู่ ริมคูคล้ำ
พร้อมข้าวน้ำ ดื่มทาน มานสุขี
เรารักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ สวัสดี
น้อมชีพพลี ทดแทน คุณแผ่นดิน

เทพจำนง ส่งพา ให้มาพบ
กำหนดจบ เช่นกัน คือวันสิ้น
แม่เตี่ยน้อง ต้องตาย วายชีวิน
ตรงตรุษจีน ไหว้เจ้า เศร้ายิ่งเอย

ตรุษจีน 2542 แม่เสียชีวิตด้วยหัวใจวาย
ตรุษจีน 2545 เตี่ยเสียชีวิตด้วยความดันสูง
ตรุษจีน 2546 น้องเสียชีวิตด้วยตับมะเร็ง



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต (คนแก่เล่าเรื่องรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2013, 21:39:26

คืนสิบสี่กุมภาพันธ์พระจันทร์หม่น
เราสองคนชวนกันไปดูหนัง
ผ่านป่าช้าทางเปลี่ยวแสนเสียวจัง
เย็นสันหลังหัวผมลมโชยมา

ถึงหน้าวัดยอบนั่งยังไม่ฉาย
คนมากมายคุยจ้อคอยรอท่า
เสียงโฆษกบรรยายขายหยูกยา
จึงซื้อหาแทะเม็ดทานตะวัน

หนังสิบหก ม.ม. ขึงจอผ้า
จอกว้างกว่ามุ้งไนล่อนที่นอนฉัน
เรื่องตลก อกหัก รักหวานมัน
มิตร-เพชรา คู่กันนำแสดง

เริ่มต้นเรื่องพระเอกเป็นเด็กวัด
ความจนจัดถ่อกายไปหลายแห่ง
แบกข้าวสารงานหนักหักโหมแรง
จ้างถูกแพงมิท้อขอได้เงิน

แฟนสาวส่งแรงใจให้เสมอ
รักเลิศเลอรักเติมวันน่าสรรเสริญ
เรียนจบได้งานทำท้ายจำเริญ
เคียงคู่เดินสมใจได้แต่งงาน

.....................................

จึงแอบจำลอกเลียนเช่นในหนัง
มือไพล่หลังแหงนเงยเอ่ยคำหวาน
จะรักเธอเท่าฟ้าสุธาธาร
ตลอดกาลเรื่อยไปไม่เปลี่ยนแปลง

ยื่นกุหลาบแดงให้เธอหนึ่งดอก
คืนวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2513

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต "โรงช้าง"
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 18 มีนาคม 2013, 11:37:16

พบอิฐเก่า เทาดำ ลูบคลำก้อน
ก่อทับซ้อน ดอนดาน ล่างลานหนา
บ้างหักบิ่น ดินปน บนชาลา
ประมาณค่า อายุ ลุพันเกิน

คงกำแพง แกร่งกัน ปั้นรายรอบ
ลึกคูขอบ น้ำขัง หยั่งตื้นเขิน
ต้นถี่ห่าง ยางยูง โคนสูงเนิน
ให้บังเอิญ ข้องเท้า เครือเถาวัลย์

หัวคะมำ ตำตก หลุมรกชัฏ
เห็นถนัด วาบหวาม ด้ามพระขรรค์
ปักตรึงแน่น แผ่นผง ลงพยัญ
จารรามัญ สองคำ กำกับนาม

กราบบังคม ก้มจิต อธิษฐาน
น้อมสักการ เอกองค์ เชิญทรงล่าม
โปรดเมตตา สาธยาย ระบายความ
ก่อนพุกาม กำหนด คชบาล

นิวัตคืน นคร เจ้าหม่อนแม่
เสด็จแพ เทียบท่า ประทับฐาน
ให้ชุมนุม พุ่มม้า คชาธาร
ค่อยคืบคลาน ลำเลียง เข้าเวียงไชย

สืบเนิ่นนาน ขานมา ว่า "โรงช้าง"
ค้นโครงร่าง เกลื่อนกลาด ขนาดใหญ่
รวบรวมเค้า เท่าที่ มีส่งไป
สักวันได้ ฟื้นฟู สู่ภาพเดิม

ค้นพบโบราณสถานใกล้หมู่บ้าน
อยู่ในระหว่างสำรวจตรวจสอบ
และรอคำตอบที่ชัดเจน

รพีกาญจน์




หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต "ปิดภาคเรียน"
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 23 มีนาคม 2013, 22:54:37

ปิดภาคเรียน มีนา อากาศร้อน
เปลื้องผ้าผ่อน ทำงาน เหงื่อกาฬไหล
ออกรับจ้าง หาเงิน เดินถามไป
ขอเพียงได้ ค่าแรง แบ่งเก็บออม

เตี่ยวขาสั้น ตัวเก่า เหนือเข่าคับ
เสื้อพอจับ ติดกาย ดูผ่ายผอม
เกิบผ้าใบ ขาดร้อย สีมอยมอม
ยังไม่พร้อม แบบเรียน เครื่องเขียนงาน

จบ ป.ปลาย ย้ายต่อ ม.ศ.หนึ่ง
ห่างไกลถึง สิบโล โขจากบ้าน
ทางลูกรัง ขลุกขลัก จักรยาน
จะใช้การ ปั่นไป ยังไม่มี

กระบุงตัก ตวงชั่ง เทครั่งแห้ง
มัดหอมแดง จุกเกล้า แขวนเข้าที่
คัดถั่วเขียว แยกเกรด เมล็ดดี
ข้าวเปลือกสี เป็นสาร ร้านอากง

แผ้วถางหญ้า ดาเตรียม กระเทียมผึ่ง
ก่อไฟนึ่ง พลูดิบ หยิบไปส่ง
ขาประจำ เมี่ยงหมาก ลากขึ้นลง
ถึงทุ่มตรง เหนื่อยอ่อน พักผ่อนกัน

อาบน้ำท่า ทานข้าว เริ่มหาวหลับ
อ้าปะหงับ พิงตั่ง นั่งเคลิ้มฝัน
ถึงเปิดเรียน คงรับ เงินนับพัน
พอเลือกสรร ซื้อของ ตามต้องการ

22 มีนาคม 2509 รำลึก

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต " ป้า "
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 31 พฤษภาคม 2013, 13:53:58

ข้าวคำน้อยคอยป้อนนอนเดียงสา
อาบน้ำท่าหลังอิ่มเย็นยิ้มหัว
โรยแป้งร่ำอมราลูบทาตัว
กล่อมเพลงชั่วขานขับหลับสองตา

ยังจำได้ให้นมผมเรียกแม่
หญิงดูแลประหงมผมเรียกป้า
คือแม่พระประเสริฐเกิดลูกยา
แทนมรรดาทุกงานเลี้ยงหลานชาย

วัยกลางคนทนทุกข์ขลุกกับเด็ก
แขกไทยเจ๊กเห็นหน้าทำท่าส่าย
ใช่สาวแซ่แน่เทียวตัวเดียวดาย
อาจสาวแก่แม่หม้ายชายไม่มอง

เช้าจูงมือถือย่ามตามไปส่ง
เขียน ก กง กา กน ฝึกฝนท่อง
ถึงบ่ายสี่รี่เตรียมเยี่ยมมองมอง
คอยประคองเก้อกังหลังเลิกเรียน

พอถึงบ้านทานพร้าวข้าวต้มมัด
ป้าปรุงจัดสลับบ้างปรับเปลี่ยน
เปียกปูนมันวันพระขนมเทียน
สอนตัดเจียนใบตองห่อของกิน

ยามฟ้าร้องก้องดังป้านั่งใกล้
มีฟ้าร้องครั้งใดใจแทบสิ้น
วันฟ้าร้องชีวาป้าโบยบิน
ไม่อยากยินสักคราฟ้าร้องดัง

ฟ้าร้องวันนี้ เมื่อหกปีที่แล้ว คือวันสิ้นใจของป้า

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต " อาชีพพ่อ "
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 27 มิถุนายน 2013, 21:18:25

วางบนแท่น แผ่นผ้า สิบกว่าชิ้น
มีซาติน โทเรเทโทร่อน
สีตาราง วางเส้น เอ็นแนวนอน
แขวนโชว์ต้อนรับลูกค้า มาจับจอง

ล้วนเนื้อหนา ผ้าดี สีดำเขียว
ขาวสีเดียว ผ้าเสื้อ เยื่อลายสอง
เทศกาล งานมี เสียงปี่กลอง
บุญฉลอง สมโภช โบสถ์ศาลา

พ่อยิ้มแฉ่ง แบ่งบาน งานเริ่มเข้า
ตื่นแต่เช้า จุดไฟ ใกล้ตีห้า
หยิบแท่งชอล์ก ออกแบบบง ทรงนานา
ตัดเย็บผ้า รับจ้าง ช่างถักทอ

จักรแซกริม เลียบรอบ กันขอบลุ่ย
ถึงยังเด็ก ได้คุย ลุยช่วยพ่อ
สอยตะเข็บ เย็บเนา เข้าแขนคอ
ติดตะขอ กรอด้าย สายรังดุม

สิ้นงานสวด บวชองค์ สรงน้ำธาตุ
งานหยุดขาด ฝนตก อกกลัดกลุ้ม
พ่อเดินทาง ห่างเหย้า เหมาเสื้อคลุม
เย็บเสื้อนุ่ม แขนยาว ขายหนาวมา

แสนภูมิใจ ได้ช่วย อาชีพพ่อ
จุดเกิดก่อ ประกาย หลายคุณค่า
ปูรากฐาน การเรียน เพียรวิชา
เป็นที่มา วันนี้ รพีกาญจน์

ตอนนั้นเรียน ป.5 ปี 2505 ครับ



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต " อาชีพพ่อ "
เริ่มหัวข้อโดย: Yim sri ที่ วันที่ 28 มิถุนายน 2013, 05:51:29
อ่านแล้ว คิดถึงพ่อจับจิตเลยค่ะ
เพราะพ่อมีอาชีพตัดเสื้อ
แต่ข้าเจ้าไม่ได้รับไว้ในสมองเลย
ทั้งที่เห็นตั้งแต่เกิดแล้วค่ะ


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต " อาชีพพ่อ "
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 28 มิถุนายน 2013, 21:36:57
อ่านแล้ว คิดถึงพ่อจับจิตเลยค่ะ
เพราะพ่อมีอาชีพตัดเสื้อ
แต่ข้าเจ้าไม่ได้รับไว้ในสมองเลย
ทั้งที่เห็นตั้งแต่เกิดแล้วค่ะ

ผมวางกลอนนี้มีเพื่อนให้กำลังใจเยอะแยะเลยครับ
ส่วนมากมีคุณพ่อคุณแม่เคยประกอบอาชีพนี้
ดีใจครับ และขอขอบคุณเจ้าป้ามากครับ


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต " อาชีพพ่อ 2 "
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 30 มิถุนายน 2013, 09:08:02

การค้าขาย หลายหลาก ยากผูกขาด
การตลาด เจาะใจ ใครเด็ดกว่า
ต้องลดแหลก แจกฟรี บี้ราคา
ผลทันตา ยอดทรัพย์ นับอนันต์

อีกอนึ่ง พึงคุม คุณภาพ
ฝีมือหยาบ ขยาด อาจมหันต์
ปัดแมงหวี่ ตี่ตอม จ่อมจาบัลย์
ลูกค้าหัน หน้าไกล มิใยเยือน

สิ่งจูงใจ ให้จับ รับประโยชน์
ช่วยโปรโมท หว่านคำ ชักนำเพื่อน
เช็ครายเสียง เรียงตัว รวมทั่วเดือน
กำหนดเงื่อนไขวาง รางวัลงาม

ยุทธวิธี ดีร้าย ภายในนอก
ถูกลากออก พันตู สู่สนาม
ใครชะงัก พักยก ตกเขตคาม
เสร็จปอยลาม มิเหลือ ม้วนเสื่อไป

มันเป็นเรื่อง เร้าใจ ช่วงวัยเด็ก
ถึงยังเล็ก ตัวนิด คิดช่วยได้
เสนอต่อ พ่อรับ ทำฉับไว
สวัสดี มีชัย "ร้านไทยทรง"

ตัดกางเกง 1 ตัว รับปฏิทินรูปดารา 1 แผ่น และเลือกรับของแถม 1 ชิ้น ดังนี้
หมวกสาน 1 ใบ หรือเสื้อกล้ามตราเป็ดคู่ 1 ตัว หรือกางเกงในตราห่านคู่ 1 ตัว
หรือเข็มขัดหัวสี่เหลี่ยม 1 เส้น หรือรองเท้าฟองน้ำตราช้างดาว 1 คู่
ผู้ที่แนะนำหรือชักนำมาใช้บริการครบ 10 ราย รับกางเกงขายาวฟรี 1 ตัว

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต " อาชีพพ่อ 3 "
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 30 มิถุนายน 2013, 22:08:09

อะไรในโลกนี้ที่ว่าแน่
มีพ่ายแพ้ชนะและเสมอ
ช่วงเช่นฝันบรรเจิดล้ำเลิศเลอ
หรือพลั้งเผลอลับล่มลงจมดิน

ต้องเตรียมจิตทำใจให้พรักพร้อม
รู้จักยอมคำรบคราจบสิ้น
ทวนผลิตกิจกรรมนำชีวิน
หาทางผินเดินออกตรอกประตู

อันภูษาผ้าใบใช่ข้าวถั่ว
สามสี่ตัวหลวมคับกว่ายับยู่
มิหมดหายสายเย็นเช่นปลาทู
ตัดหนึ่งคู่เก่ากรังอีกตั้งปี

คนเบื่อรอชักช้าห้าวันเสร็จ
ซื้อสำเร็จวัดเอวสวมเร็วรี่
รีบร่วมงานบ้านไกลใกล้ได้ทันที
เลือกทรงสีเนื้อผ้าค่าสตังค์

หาก็ง่ายขายคล่องท้องตลาด
ของไม่ขาดข้ามคืนแค่โทรสั่ง
ร้านตัดเย็บถดถอยค่อยเอวัง
หันคืนหลังรับจ้างนอนห้างนา

เก็บกรรไกรไม้วัดจัดเข้าตู้
เห็นหดหู่ยิ่งนักจักรเย็บผ้า
เป็นครั้งหนึ่งในชีวิตติตอุรา
ก่อนต่อมาค้าวางกางเกงยีนส์

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต " อาชีพพ่อ 4 "
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 01 กรกฎาคม 2013, 22:47:11

หนังขายยาคาวบอยทยอยฉาย
ตัวผู้ร้ายพระเอกทำเก๊กท่า
มือแตะปืนยืนจ้องชันสองตา
หรือควบม้าชุดยีนส์ปีนขึ้นลง

กางเกงเสื้อเนื้อหนาราคาถูก
สวมสำบุกสำบันทันประสงค์
จะท่องเที่ยวเลี้ยวลดจดแดนดง
แผ้วถางพงหนามไหน่ไม่ระคาย

หมวกปีกกว้างกลางยุบหลุบหน้าหลัง
รองเท้าหนังหุ้มข้อถักทอสาย
คาบบุหรี่ยียวนกวนเท้าปลาย
แบบฉบับครับยอดชายนายคือแมน

ยี่ห้อฮิต GANTON COMMANDO
สวมสมาร์ท อาจโหล แต่โก้แสน
วางจำหน่าย ขายตลาด จนขาดแคลน
รีบวิ่งแจ้น สั่งจอง ต้องมัดจำ

ต้นทุนตัว หนึ่งร้อย ยี่สิบบาท
พอวางพาด ร้อยห้าสิบ หยิบหนำหนำ
ทั้งขายปลีก ขายส่ง ขายตรงทำ
สิ้นเดือนกำไรหมื่น ตื่นเต้นจัง

เลิกเย็บผ้า ค้ายีนส์ สิยิ่งร้าย
นานยอดขาย หายไป ไม่เห็นหลัง
มีชุดเดียว เหนียวหนุ กว่าผุพัง
มีชุดดัง สวมใส่ ได้เป็นปี เฮ่อ...

นอกจากยีนส์ มีสำเร็จรูปชาย ชุดนักเรียน
ในที่สุดไปไม่รอดครับ เห็นทีมี อาชีพพ่อ 5



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต " อาชีพพ่อตอนจบ "
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 02 กรกฎาคม 2013, 22:06:49

เห็นป้ายปิด ติดขาย ภายในร้าน
ทรงขาบาน กระบอก ฟอกกมแก่
ยืนสโตร์ โชว์ขา แถวท่าแพ
ยีนส์ของแท้ สามร้อย ห้อยเตะตา

เทียบราคา ตัวบาท ตลาดนัด
ถูกประหยัด อย่างน้อย ก็ร้อยกว่า
ปากต่อปาก เฮโล สาระพา
ขายเทน้ำ เทท่า ทำไม่ทัน

น้ำขึ้นต้อง รีบตัก ใส่กลักกล่อง
เงินตาพอง ทองตาโต เกิดโมหันต์
นำของเทียม กองคละ ปะปนกัน
ก็ถึงวัน ล่มสลาย ค้าขายพัง

เพราะความโลภ ของเรา เอาแต่ได้
ร้านเชียงใหม่ มั่วส่ง ลงตามสั่ง
ของไม่ดี มีหรือ ชื่อจีรัง
กลับมานั่ง หาวหุบ สรุปงาน

ลูกค้าไหล ไปอื่น มิคืนกลับ
จำต้องปรับ ร่วมจิต ช่วยคิดอ่าน
ของสิ่งใด ใช้สิ้น กินดื่มทาน
ตลอดกาล เช้ามืด พืชสัตว์คน

ยากตุกติก หลีกเว้น เช่นบังคับ
อาหารกับ ข้าวเนื้อ พริกเกลือป่น
ปุ๋ยสารยา ฆ่ารม สมฮอร์โมน
เริ่มตั้งต้น วางโชว์ โฆษณา

ยีนส์ปลอมซักแล้วเนื้อผ้าสีแดง เจ๊งอ่ะครับ
เริ่มขายของเบ็ดเตล็ดปี 2518 ถึงปัจจุบัน
พ่อมอบกิจการให้น้องปี 2540 ก่อนสิ้นชีวิต



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต " อาชีพพ่อตอนจบ "
เริ่มหัวข้อโดย: ⒷⒼ* ที่ วันที่ 03 กรกฎาคม 2013, 11:30:40
สุดยอดมากครับ


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต " คำสั่งพ่อ "
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 03 กรกฎาคม 2013, 21:58:01

ข้าวหนึ่งกระป๋องนมต้มมื้อเช้า
กลางวันเปล่าไส้กิ่วหิวกระหาย
ตกมื้อเย็นเช่นเช้าข้าวกำฟาย
กินกันตายลงคอพอสืบลม

ข่าวว่าญาติห่างห่างจากบางกอก
ยินเล่าบอกเมืองอินทร์ดินดีสม
มีข้าวปลาอาหารทานอุดม
ข้าวเปลือกจมลงพื้นยืนต้นงาม

กลั้นน้ำตาอาลัยไสลูกน้อย
ลงเรือลอยกับผู้สู่สยาม
เผชิญโชคชะตาลาเขตคาม
อายุย่างสิบสามตามเขามา

ก้มลงกราบสามคราหน้าพระรูป
ก้มลงจูบลูบดินผินกล่าวว่า
ขอพึ่งพรหมร่มฉัตรกษัตรา
องค์พุทธาปกเกล้าเฝ้าอภิบาล

ได้กินดีมีใช้ในวันนี้
บารมีเดชะพระองค์ท่าน
คุ้มพ่อแม่แผ่ลูกสุขสำราญ
ว่าเสียนานหวังเจ้าคงเข้าใจ

ร่วมยินดีที่ผ่านการเลือกตั้ง
เป็นส.ท.คนดังครั้งยิ่งใหญ่
โอกาสชอบตอบแทนแผ่นดินไทย
พ่อสั่งให้"สุจริต คิดเจริญ"

พี่น้องสิบหมู่บ้านคัดส่งสมัครเป็นส.ท.ปี 2544



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต " ทักษะสัมพันธ์ "
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 06 กันยายน 2013, 05:54:30

เราร่วมด้วยช่วยกันฉันพี่น้อง
ถือเพื่อนพ้องคล้องจิตอยู่ชิดใกล้
อายุหย่อนอ่อนแก่ก็แค่วัย
เป็นครูใหญ่ครูน้อยคิดคล้อยตาม

มิกำหนดยศซีดีกรีกั้น
อ้างตำแหน่งแบ่งชั้นให้หวั่นหวาม
เอาสกุลรุนชาติชี้ขาดงาม
เพียงยึดตามประเพณีที่นิยม

เราผู้น้อยค่อยค้อมน้อมคำนับ
ขานคะครับคุณทั่นดิฉันผม
ส่วนผู้ใหญ่ใจดีชวนชี้ชม
วางอารมณ์สุขุมยิ้มนุ่มนวล

ครูจบใหม่ไฟแดงแรงจรวด
มิโอ้อวดมากรู้ชูกระสวน
เก่าเกินเกณฑ์เจนภพจบกระบวน
นำประมวลควรคู่บูรณาการ

สอดดำริวิถีของชีวิต
เศรษฐกิจผู้คนชุมชนบ้าน
แหล่งทำมาหากินดอนดินดาน
สอบพื้นฐานความเชื่อเผื่อถ้ามี

เพื่อบรรลุอุปสงค์จำนงค์หมาย
อุทิศกายเทใจใส่้เต็มที่
ด้วยทักษะสัมพันธ์เชื่อมกันดี
เขียวขจีเด็กฉลาดชาติเจริญ

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต " ทักษะฟาดฟัน "
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 06 กันยายน 2013, 20:46:10

เริ่มเข้าแผนพัฒนาประชาชาติ
แยกกำหนดบทบาทอาจสรรเสริญ
ปฏิบัติบริหารการประเมิน
อัตราเงินแตกต่างห่างโยชน์ไกล

รับผิดชอบมอบงานสถานศึกษ์
ควบคุมฝึกอบรมบ่มนิสัย
สั่งกำกับปรับแก้แลทั่วไป
หนึ่งเดือนได้ครึ่งแสนตอบแทนแรง

สอนทั้งวันยันคืนเดือนหมื่นห้า
จดบันทึกตรึกตรากว่าค่อนแจ้ง
เด็กเต็มห้องต้องรู้ชูแสดง
ผลสัมฤทธิ์ผิดแผลงแปลงผ่านเกณฑ์

อยู่ด้วยกันปันใจใช่หน้าที่
สบย่ำยีบีฑาคราโดดเด่น
โชว์แต่ดีชี้แต่ตัวชั่วหมกเลน
หมดภาระผละเผ่นไม่เห็นเงา

ทีเงินเดือนเลื่อนขั้นพลันยื้อแย่ง
ต่างตะแบงอ้างเศษเม็ดเงินเก่า
เสนอยลผลงานทานสำเนา
มิผลัดใครให้เขาเราต้องการ

"เด็กจากไหนไม่สำคัญรักฉันลูก"
บางครั้งถูกปล่อยปละมาตรฐาน
ร่างรองรับจับรู้สู่กบาล
วิเคราะห์การไม่เป็นเช่นบ๊วยเอย

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต " พ่อสอนลูก "
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 24 ตุลาคม 2013, 10:45:27

ผิดบุราณ ดานดิน  ถิ่นรกชัฏ
ต้องประหัต ขวากหนาม เตียนข้ามไต่
ผิวมิเรียบ เหยียบเนิน เพลินครรไล
ฝ่าเถาวัลย์ พันไม้ ใกล้ริมทาง

ฝนตกพรำ น้ำขัง ทั้งเฉอะแฉะ
สวมเกิบแตะ ติดพื้น ลื่นล้มขวาง
ถูกลมแดด แผดเผา เป่าเย็นจาง
สองฝั่งข้าง กลางแยก แตกธุลี

เลียบราบลุ่ม ดุ่มเดิน เผชิญโชค
สู่เวียงทอง รองโลก ชะโงกศรี
วอนเมตตา อาศัย ใต้กุฎี
เศษอาหาร ทานมี คลี่บรรเทา

ช่วยพระสงฆ์ ลงวัด จัดตกแต่ง
มิออมแรง บิณฑบาต ตลาดเก่า
ปั้นดินขอ ก่อประตู สู้หนักเบา
หลวงพ่อชอบ นอบพิเนา ส่งเข้าเรียน

ถูกสมัย ไฟสว่าง ทางเทแผ่น
รถเร็วแล่น ตึกงาม อารามเปลี่ยน
มีเงินใช้ ไร้โรคา พริบตาเยียน
เติมวนเวียน เงินสด กดเสบย

บังเกิดเกล้า เจ้าสร้าง ทางสวรรค์
จะเลือกสรร ดีชั่ว กลั้วใดเผย
ทางสองแพร่ง พากเพียร เรียน/ละเลย
ดรุณเอ๋ย ตั้งจิต คิดให้ดี

 รพีกาญจน์

ดินขอ* กระเบื้องแผ่นเล็กๆ



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต " พ่อสอนลูก 2 "
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 27 ตุลาคม 2013, 22:13:35

หอบลูกน้อยกลอยใจไว้แนบอก
เกรงตระหนกฟ้าร้องก้องคามเขา
บางครั้งนอนค่อนวันตัวสั่นเทา
อุ้มเขย่าไห้ลั่นเรียกขวัญมา

มดจะไต่ไรเลาะยุงเกาะกัด
แม่คอยปัดแปะหน่อยมิคอยท่า
มีตุ่มผดผื่นผุดจุดกายา
รีบฝนยาทาถูเฝ้าดูแล

ล้างครกหงายฟายคว่ำข้าวตำบด
แหลกเหลวคดใส่ถ้วยครูดกล้วยแก่
ลงคนคำน้ำผึ้งครึ่งช้อนกาแฟ
ลูกร้องแงป้อนให้แทบไม่ทัน

แปดเลอะเทอะเปรอะเปื้อนตามเรือนร่าง
แช่ไม้ฝางประสมน้ำต้มกลั่น
ชุบเช็ดตัวทั่วหน้าแข้งขาพลัน
คุณแก้กันคันหายไล่มดแมง

ผ้าขาวนวลนุ่มรับซับน้ำเช็ด
ผิวแห้งเสร็จละมุนโรยฝุ่นแป้ง
วางนอนเปลเห่ห้อมกล่อมเพลงแปลง
มือไกวแกว่ง จา จ้า ตาหลับไป

นับวันเดือนเลื่อนปีที่พ้นผ่าน
นับกี่นานเจ้าเสิบจนเติบใหญ่
นับกี่คราวเคยยื่นแม่ชื่นใจ
ลองตั้งจิตคิดได้ "ตั้งใจเรียน"

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต " พ่อสอนลูก 2 "
เริ่มหัวข้อโดย: ⒷⒼ* ที่ วันที่ 28 ตุลาคม 2013, 08:27:23
 ;D


หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต " คิดถึงตา "
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 24 ธันวาคม 2013, 20:41:55

หักฟืนขาดพาดตอก่อไฟลุก
ปั้นข้าวสุกก้นไหเสียบไม้จี่
น้ำพริกแดงติดจานอาหารดี
จิจ้ำทีใส่ปากสมอยากกิน

ช่วยประทังสืบไปไล่ความหิว
เผ็ดหน้านิ่วซีดซูดรูดกระถิน
รีบกระดกยกบอกถอกน้ำริน
ดื่มอึกสิ้นลิ้นคอพอทุเลา

คีบถ่านร้อนลงดับในอับหม้อ
เก็บตุนต่อดีปล่อยม่อยเป็นเถ้า
วักน้ำโอ่งล้างซู่ถูมือเบา
เช็ดผ้าเก่าแห้งหดหมดกลิ่นคาว

ดึงกางเกงกระชับเคยคับหลวม
คลี่ผ้านวมคลุมกายคลายเหน็บหนาว
สูบบุหรี่ขี้โยมวนโตยาว
เกลือเม็ดขาวอั่วอมอ่อมเมี่ยงลำ  อั่ว-ใส่  อ่อม-กลมกล่อม  ลำ-อร่อย

นั่งเอนอิงพิงไม้รับไออุ่น
ฟังลุงบุญอู้ลาวอ่านค่าวฮ่ำ  อู้-พูด  ค่าว-ร้อยกรองล้านนา
ผ่าไม้ซางจักตอกคืบศอกกำ
ช่วงหัวค่ำสอนหลานสานกระบุง

ซอเคล้าซึงตึงตังวังเวงแว่ว
ลมพัดแผ่วเลาะลานผ่านชายทุ่ง
เสียงไกวผ้าขาวม้าตาปัดยุง
เดือนลับคุ้งเย็นเฉียบเงียบทั่วคาม

รพีกาญจน์




หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต "สัมภเวสี "
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 06 พฤษภาคม 2014, 22:42:37

บาปมิสิ้นวิญญาณนานเร่ร่อน
เตร่ตะรอนล่องลอยคามดอยป่า
หวังปัจจัยใบบุญหนุนนำพา
ลัดเลาะหาชูคอรอเศษโยน

ประชุมเลี้ยงเหล้ารินกินเนื้อสัตว์
สุกดิบแดงแย่งหยัดสัมผัสโหน
หลุดจากมือยื้อยุ่งพุ่งกระโจน
ชามช้อนโดนหล่นพลัดปัดกระจาย

เทศกาลงานวัดจัดสารทตรุษ
รีบเร็วรุดแล่นลิ่วหิวกระหาย
ก่อนหนึ่งวันพลันท่าปรากฏกาย
เห็นเลือนลายหมาเห่าหอนสุดคืน

หากปะเหมาะเพราะรู้มีผู้เฒ่า
แกจะเอาใบตองวางรองพื้น
ใส่อาหารหวานคาวข้าวกินกลืน
หยิบยกยื่นเรียกเปรตราวเจ็ดโมง

ผีเก่าใหม่ไร้ญาติขาดเพื่อนพ้อง
บางตนต้องอาชญาฆ่าตายโหง
สิ้นคุณงามความถูกผูกเชื่อมโยง
ไร้เรือนโรงแหล่งรักที่พักพิง

แม้เป็นสัมภเวสีผีชั้นต่ำ
จะคิดทำชั่วชังยังเกรงกริ่ง
กรรมมิหมดชดใช้ไม่ประวิง
อดอยากจริงผ่ายผอมไม่ยอมโกง

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต "บอลครับบอล "
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 05 มิถุนายน 2014, 07:50:18

เมื่อเยาวัยใฝ่ฝันว่าวันหนึ่ง
คงก้่าวถึงไกลสุด ณ จุดหวัง
เราคือนักฟุตบอลกระฉ่อนดัง
เบื่อรับจ้างเสียจังนั่งเลี้ยงควาย

เลิกพักเรียนกลางวันพันกระดาษ
ปอป่านคาดจัดแจงแบ่งฝักฝ่าย
ไม้ขีดเส้นเล่นบนดินปนทราย
ล่างเปลือยปลายรองเท้าเปล่าไม่มี

ไร้กฎกติกาเวลาชัด
ขืนเลี้ยงลูกถูกอัดรุมสามสี่
บอลลอยไปไกลตัวมั่วทุกที
ล่อกันเละเตะก้นตีมีเฮฮา

ครั้นเมื่อรถขายยาตราถ้วยทอง
ประกาศขายยาหม่องแกะกล่องฝา
ครบหนึ่งร้อยแลกบอลโฆษณา
ไซ้ส์เบอร์ห้ากลมกลมสีชมพู

เป็นของเล่นชิ้นแรกที่แปลกใหม่
ความดีใจชื่นหน้าเข้ามาสู่
อยากเตะเล่นเย็นเช้าเข้าประตู
ได้แต่ดูครูหวงห้อยห้องโชว์

ไม่ได้เป็นนักบอลดังก่อนฝัน
เพราะชาติพันธุ์ฉันต่ำน่าโมโห
กินข้าวจี่น้ำเมี่ยงเลี้ยงไม่โต
แค่โกลโกลเป็นบ้าหน้าทีวี

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต "วันไหว้ครู 1"
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 24 มิถุนายน 2014, 04:43:51

ประสบการณ์ งานสอน ครั้งก่อนเก่า
ครูแก่เฒ่า ถ้วนถี่ คอยจี้จ้ำ
เริ่ม ก ไก่ ก กา ถึง ตาคำ
เต่านาและ เต่าดำ จำจงดี

สอนแจกลูก ผูกคำ นำมาผัน
ตัวสะกด การรันต์ ทัณฑ์ถูกที่
แต่งประโยค ประธาน กิริยามี
กรรมต่อท้าย เช่นชี้ กา ตี งู

เริ่มคำง่าย ขึ้นใจ ไปหายาก
เริ่มแต่น้อย ค่อยมาก ลากไปสู่
กำหนดเรื่อง บทขั้น สั้นยาวพรู
เล่นจับคู่ คล้องจอง ลองหยิบยืม

ท่องดอกสร้อย กาเอ๋ยกา อาขยาน
จนชำนาญ อ่านพูด แสนดูดดื่ม
แฝงกาพย์กลอน สอนเตือน มิเลือนลืม
ยังปลาบปลื้ม เป็นสุข ทุกวันนี้

กิจกรรม  ทำเริ่ม เปิดเทอมใหม่
พิธีไหว้ครูผู้เลิศ ประเสริฐศรี
กอปรวิเศษ เมตตา เอื้ออารี
ผมรพี ศิษย์พร้อม น้อมสักการ

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต "วันไหว้ครู 2"
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 24 มิถุนายน 2014, 04:45:40

เรื่อง"ลูกน้อยหอยสังข์"ยังฝังจิต
อ่านแล้วติด"ในบ้านและนอกบ้าน"
ต้นฉบับ"นกกางเขน"เป็นนิทาน
แบบฝึกอ่าน"เรียนเร็ว"สามเล่มเรียน

"เลขคณิตวิธี" มียาวลัด
แบบฝึกหัด สลับ ทำปรับเปลี่ยน
บวก ลบ คูณ หารปน ระคนเวียน
เพิ่มข้อเขียน ปัญหา คิดค่าความ

เล่ม"ประมวลวิชา"กล่าว"หน้าที่
-พลเมือง"ดี ปฏิบัติ บัญญัติห้าม
"ศีลธรรม" นำใจ ให้ดีงาม
ชี้ห้วงเหว เลวทราม กรรมตามทัน

ศิลปะ ลากลาย ระบายสี
เคาะโต๊ะตี บรรเลง เพลงสุขสันต์
เริงระบำ รำไทย รุกไล่กัน
ดินเหนียวปั้น รูปตัว ม้าวัวควาย

เรียนปนเล่น รู้สึก เราคึกคัก
พอหยุดพัก กลางแจ้ง แบ่งฝักฝ่าย
เล่นเป็นลิง วิ่งหนี ตี่จับตาย
กลับบ้านบ่าย เข้าแถว ต่อแนวยาว

โรงเรียนวัด พัฒนา พาสี่ด้าน
ครบพื้นฐาน "สังคม" "อารมณ์"ขาว
"กาย"กำยำล่ำสัน "ปํญญา"พราว
สมกับชาว สยามรัฐ สวัสดี

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...เชื่อหรือไม่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 30 มิถุนายน 2014, 05:31:53

ปี 2539
สองนิ้วเท้าขวาพ่อผมบาดเจ็บ
ร้อนระบมบวมช้ำดำปลายเล็บ
ทั้งหนาวเหน็บปวดหัวตัวสั่นเทา

รีบนำส่งโรงหมอขอรักษา
อีกสัปดาห์อาการแย่กว่าเก่า
มันลุกลามเรื้อรังหนังข้อเท้า
น่องแข้งเข่าเริ่มจ่อเดือนต่อมา

หมอบอกว่าโลหิตรับพิษร้าย
อาจถึงตายปล่อยไว้ไม่ตัดขา
โรครุนแรงแทงดูกเกินหยูกยา
เคลียร์เวลาห้าวันผ่าทันที

ลูกหน้าม่อยถอยพ่อกลับพักบ้าน
เจอ"อ้ายหนาน"รู้จักเคยมักจี่
แนะนำให้พึ่งบุญ"ลุงมูลดี"
ทำพิธีเสกอมพรมน้ำมนตร์

ผมเห็นงามยามว่างหนึ่งทางเลือก
ดีกว่าเกลือกนอนเศร้าเอาแต่บ่น
เกิดอุบัติอัศจรรย์พลันบัดดล
ความทุกข์ทนทุเลาลงเบาบาง

แผลพุพองผิวช้ำปริดำเขียว
บวมเป่งห่อฝ่อเหี่ยวเล็กเรียวล่าง
ที่ปวดเจ็บเหน็บกายก็คายจาง
ครบเดือนย่างเยื้องไปได้เช่นเดิม

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...เชื่อหรือไม่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 01 กรกฎาคม 2014, 09:17:06

หากเวรกรรมนำพาใช่ว่าจบ
กี่ชาติภพแฝงลึกตามฮึกเหิม
ขวัญเคยกล้าล้าอ่อนห่อนซ้ำเติม
ต้องเพียรเพิ่มถือศีลยินดีทาน

ปัจจัยสี่พลีจิตอุทิศแด่
ญาติพ่อแม่ล่วงลับดับสังขาร
ส่งพ่อเกิดแม่เกิดเทิดวิญญาณ
เจ้าคุ้มบ้านเทพกลางเบื้องล่างบน

รินขันน้ำสรงพระพุทธรูป
จุดเทียนธูปก้มกราบราบสามหน
กล่าวขอพรวอนไหว้ไตรรัตน์ดล
ทุกข์ผ่านพ้นพ่อพระสุขสบาย

เช้าพร้อมพรักตักบาตรกรวดหยาดน้ำ
เอ่ยพึมพร่ำยกยอขอถวาย
ถึงเวไนยไวรัสสัตว์เร้นกาย
เชื้อโรคร้ายว่ายวุ้นจุลินทรีย์

รับอาหารหวานคาวข้าวขนม
ผลสุกส้มนมเนยใบเตยสี
วางก่ายกองของทิพย์หยิบมากมี
เพียงพอที่อิ่มหนำสำราญเริง

ขอแลกหายคายคืนยื่นชีวิต
ไปสถิตยางยูงดอยสูงเสิง
แสงพระธรรมนำส่องก่องเถกิง
คุณพ่อเถิงใสสดหมดเคราะห์ภัย

รพีกาญจน์


(อ้ายหนานบอก ผมทำครับ)



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...เชื่อหรือไม่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 02 กรกฎาคม 2014, 10:05:45

หมอโรงยามาตามถึงสามหน
ยังสับสนครุ่นคิดวินิจฉัย
รักษาแบบโบราณพื้นบ้านไทย
วิธีใช้พอกทาเป่าอาคม

ที่เจ็บปวดนวดคลึงตึงยานหย่อน
น้ำอุ่นร้อนใส่ถุงยางวางประหงม
กินยาผงสมุนไพรไล่เลือดลม
ดื่มยาต้มขับพิษติดร่างกาย

รำมวยไทยไม้พลองกระบองสั้น
ทำทุกวันเช้าเย็นยืดเส้นสาย
รวมกลุ่มก๊วนสรวลเสเฮสบาย
เล่นละครฟ้อนฟายคลายกังวล

ทำวัตรเช้าวัตรเย็นเป็นนิสัย
ควบคุมใจสงบประสบผล
ถือศีลห้าถ้าถึงแปดพึงยล
สุดเลิศล้นทานสีละภาวนา

เทศกาลงานบุญสุนทรศรี
ร่วมยินดีอภิวาทศาสนา
ช่วยแซมแต้มแต่งแหล่งวัดวา
ขุดสระบ่อก่อศาลาพักริมทาง

เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ลูกหลาน
คอยทัดทานชี้แนวแถวสว่าง
ช่วงสุดท้ายปลายค่อนก่อนวายวาง
พ่อเพียรสร้างคุณงามและความดี

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...เชื่อหรือไม่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 12 กรกฎาคม 2014, 18:14:45

เกิดหนาวเหน็บเจ็บไข้ปวดได้ป่วย
โรงหมอช่วยเยียวยาอย่างเต็มที่
อาจเป็นเพราะอาหารทานดื่มมี
รสเผ็ดเปรี้ยวเค็มปี๋จี่คั่วแกง

มิตระหนักจักข่มอารมณ์อยาก
ท้องโครกครากรับของดองแสลง
ปวดกระดูกไขข้อส่อสำแดง
ต่อหน้าครับลับแรงแปลงแต่ใจ

ปี 2542 เข้าพรรษา
ลูกหลานมาเคารพนบกราบไหว้
พ่อรีบยืนมิฟังระวังไว
ก้นตำใส่ไม้แฝกแตกกระจาย

เอกซเรย์ภาพผลต้นขาหัก
เข้านอนพักเดือนครึ่งถึงจะหาย
มือจับไม้ค้ำยันพยุงกาย
พอสบายปลายปีมีเรื่องราว

ลื่นไถลหกล้มก้นจมอ่าง
ต้นขาหักอีกข้างกลางหน้าหนาว
เจอสองครั้งสังหรณ์เจ็บนอนยาว
นานกว่าคราวสามปีที่ผ่านมา

จิบเพียงคำน้ำเปล่าเข้าไปอ้วก
มิสะดวกลำบากยากรักษา
ร่างผอมแห้งแรงโหยอ่อนโรยรา
ปฏิเสธข้าวปลายาน้ำเกลือ

- ยังมีต่อ -



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...เชื่อหรือไม่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 12 กรกฎาคม 2014, 18:16:29

เรียกไม่ตอบตาพับนอนหลับต่อ
เสียงลอดคอแผ่วเบาบอกเบื่อเบื่อ
ความรู้สึกสุดกลั้นซิกสั่นเครือ
เวลาเหลือถดถอยนับน้อยลง

ปรึกษาหมอขอรับคืนกลับบ้าน
เพื่อลูกหลานรักล้อมพร้อมประสงค์
เฝ้าดูใจใกล้ชิดก่อนปลิดปลง
กล่าวนำส่งวิญญาณขานพุทโธ

จมภวังค์บังเกิดประเสริฐฝัน
หลากสีสันสามจุดพุ่งผุดโผล่
สงฆ์สาวกพุทธะพร่ำนะโม
"บุญมากโขพ่อสร้างดีบางบรรพ์

เมื่อเวรกรรมมิหมดต้องชดใช้
ดั่งเทียนไขละลายด้ายหดสั้น
จวนที่แสงแดงดับลับลงพลัน
อาจจะทันช่วยพ่อต่อชะตา

จงรีบทำพิธีพรุ่งนี้เช้า
โดยให้เอารวมกันลูกชันษา
คนละปีอายุขัยให้ชีวา
ยอไหว้สาบูชิตสัมฤทธิ์ เทอญ"

เห็นกับตาฟ้ามืดเลือนจืดแจ้ง
สามโมงแลงจิบน้ำข้าวคำเกริ่น
พอสามวันยันลุกจุกค่อยเดิน
จึ่งจำเริญจนจบครบสามปี

รพีกาญจน์

ตรุษจีน 2543 เอาอายุลูกสามคนๆละปีต่อให้พ่อ ตรุษจีน 2546 พ่อสิ้นชีวิต



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...เชื่อหรือไม่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 14 กรกฎาคม 2014, 09:45:11

หลานคนโตเกิดปี 2540
ร่างอ้วนท้วนเพิ่มพูนบุญราศี
มีนลออ ป.ปลา น่ารักดี
แต่เกิดปี หนูดำ ต้องทำกิน

ติดนิสัยยอดแย่แก้ไม่หาย
คิดอุบายชักชวนล้วนเหลวสิ้น
มักมันเนื้อเขี่ยตักผักลงดิน
ข้าวน้ำผินเคี้ยวอมขนมกลืน

เรียน ป.1 ซีดเผือดไร้เลือดฝาด
ป่วยลาขาดแคระแกร็นแสนขมขื่น
เดินย่องแย่งเซซังนั่งลุกยืน
คนแตกตื่นตัวเย็นพับเป็นลม

หมอบอกว่าสาเหตุเกล็ดเลือดต่ำ
พร้อมแนะนำจำเพาะใดเหมาะสม
หากมิหายผ่ายผอมถึงตรอมตรม
อาจนอนซมแห้งเหือดเพราะเลือดจาง

ทุกสัปดาห์พาไปตรงใบนัด
พฤหัสเฝ้ารอหมอก่อนสาง
ครบหนึ่งปีละลายหวังวายวาง
ตรวจอาการทุกอย่างยังเช่นเดิม

วันทำบุญร้อยวารทานให้พ่อ
ก้มกราบขอครูบาปรุงยาเสริม
"โรคสะป้าน"ฝานไพลน้ำใส่เติม
ต้มสุกเพิ่มยาผงชงเช้าเย็น

ลางเนื้อชอบลางยาคราหมดโศก
ถูกกับโรคดีพลันทันตาเห็น
กินข้าวลำน้ำลงตรงประเด็น
ออกวิ่งเล่นกันเพื่อนเยือนเฮฮา

สมุนไพรไทยช่วยชุบชีวิต
เกล็ดโลหิตมากขึ้นกว่าหมื่นห้า
สองสามแสนสูงเลื่อนเดือนต่อมา
กราบขอบคุณครูบาเมตตาเอย

รพีกาญจน์


ปีนี้หลานคนโตกำลังเรียนชั้นมัธยมหกครับ

หนูดำ - หนูกลางคืน  ลำ - อร่อย



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...เชื่อหรือไม่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 16 กรกฎาคม 2014, 11:24:12

ความวัวเพิ่งจะหายความควายแทรก
อกจะแตกแน่แน่เจ้าแม่เอ๋ย
พอได้ผ่อนนอนบ้างร่างเสบย
มาละเหวยโรคามาระนาว

มันบังเกิดกับแฟนแสนสนิท
มดตะขิดในรูระดูขาว
หมอตัดเศษชิ้นเนื้อเยื่อหนังคาว
อัลตราซาวน์ภาพเห็นเป็นมะเร็ง

นับโชคดีที่ปะระยะเริ่ม
เชื้อไม่เพิ่มลามแพร่แค่ปวมเป่ง
หมอลงมีดกรีดตัดมัดเย็บเอง
ฝีมือเจ๋งบ่จอดรอดชีวา

อีกผีซ้ำด้ำพลอยชะรอยโศก
ปวดมะโหกชายโครงตรงล่างขวา
ไห้ทุรนทุรายฟายน้ำตา
หมอบอกว่านิ่วตุงถุงน้ำดี

หายเป็นหายตายเป็นตายตัดหมอตัด
จะนอนวัดนอนบ้านงานเดือนสี่
บทจะแย่แย่ซวยซวยทั้งปี
พ้นเสียทีเคราะห์กรรมสุขสำราญ

ก็เคร่งครัดคาบมื้อตามหมอสั่ง
เฝ้าระวังเวลาน้ำอาหาร
ยาก่อนหลังควบคู่เคี้ยวกลืนทาน
บริการอย่างดีไม่มีท้อ...

- ยังมีต่อครับ -




หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...เชื่อหรือไม่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 16 กรกฎาคม 2014, 11:26:04

หลังพักฟื้นคืนกายขายขนม
คนกะทิผสมข้าวต้มห่อ
ยินเสมอเธอบ่นปวดต้นคอ
แถบด้านขวาชาต่อข้อเท้าเลย

มือหยิบกำตำใดไร้รู้สึก
เอาเข็มปักจึกจึกลึกยังเฉย
อัมพฤกษ์อัมพาตอนาถเอย
ยังไม่เคยพบเห็นโรคเช่นนี้

หมอนรองดูกกดเน้นเส้นประสาท
อยากหายขาดอย่าช้าผ่าด่วนจี๋
ดูกคอออกสะโพกใส่สนิทดี
เจ็บสองทีพร้อมกันเพียงวันเดียว

โรคใหม่เก่าเข้ามาหลายครานับ
ไม่ถึงกับขึ้นเขียงเตียงผ่าเสียว
ไม่มากนักรักษาจ่ายยาเยียว
สี่ครั้งเกี่ยวพังผืดยึดข้อมือ

กว่าหมดเศร้าหมดโศกโรคปัญหา
รับปู่ย่าเทพเทวีที่นับถือ
รับเจ้าบ้านผ่านเมืองนามเลื่องลือ
ปฏิบัติสัตย์ซื่อถือศีลทาน

กว่าเก้าปีมีองค์เชิญทรงร่าง
สรรพางค์ชีวิตจิตชื่นหวาน
กว่าเก้าปีที่ไม่ไปโรงบาล
ขอกราบกรานเถรอวยช่วยชี้ทาง

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...เชื่อหรือไม่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 05 สิงหาคม 2014, 18:53:52

จะจริงเท็จอย่างไรก็ไม่รู้
ขอเล่าสู่เพื่อนจิตมิตรสหาย
คำผู้เฒ่าพื้นบ้านท่านทักทาย
ถึงวอดวายตายตกยกกระบุง

ทำเลดีที่เก่าโรงเหล้ากลั่น
ต้มสุมไฟไล่ควันน้ำมันพุ่ง
กากเน่าเสียเขี่ยถ่านกองดานดุ้ง
คืนยันรุ่งมิพักลักลอบทำ

อยู่กับไฟไอร้อนอ่อนเมื่อยล้า
ผุดเต็มหน้าแขนเสื้อปากเหงื่อฉ่ำ
ผิวเดิมขาววาววับกลับแดงดำ
ถูกจองจำตำรวจหวดอาชญา

หยุดรื้อร้างว่างเปล่าไร้เจ้าศาล
เมื่อปลูกบ้านร้านลึกตึกคูหา
ปิดครอบตอหม้อต้มเตาสุรา
จะส่งผลทันตาอย่าคิดลอง

ยกตัวอย่างอ้างเห็นเช่นวันนี้
ครอบครัวดีมีเรื่องเคืองระหอง
ใช้ทางออกกรอกเหล้าเมาคะนอง
รถตกคลอง,กินยาฆ่าแมลง

เส้นเลือดแตก,ไตวาย,ตายเพราะเหล้า
สี่ลูกเต้า เศร้าจับ พ่อตับแข็ง
เหลือเพียงแม่ ไม่ดื่มลืมสำแดง
เดินย่องแย่งแกว่งไกวไม้ค้ำยัน

โลกก้าวหน้าพาเพลินเจริญวิทย์
เลิกยึดติดบูชาชะตาฝัน
สิ่งลึกลับปรับรุกเพิ่มทุกวัน
เชื่อหรือไม่สุดทั่นสรรเอาเอง

รพีกาญจน์


พ่อชื่อปัน แม่ชื่อบุตร มีลูกสี่คนชื่อผล หวาน เมฆ และโชติ
ปลูกบ้านคร่อมโรงเหล้าที่รื้อแล้ว เดิมไม่ดื่มเหล้าแต่กลับเอาเหล้ามาดื่ม
ครอบครัวนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากบ้านกระผมมากนัก



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...พรของพ่อ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 06 กันยายน 2014, 22:06:06

มิคาดหวังตั้งไว้อะไรมาก
เพราะเพื่อนยากเซ้าซี้หลายทีขอ
เข้ารวมกลุ่มก้าวหน้าเตรียมท่ารอ
ลง ส.ท.แบ่งเขตเทศบาล

ผู้แทนโก้โอกาสมิพลาดแน่
ช่วยดูแลโครงสร้างร่างพื้นฐาน
ขุดบ่อสระประปาเจาะบาดาล
ลอกลำธารคูคลองแอ่งหนองบึง

ถมถนนหนทางรางระบายน้ำ
คืนมืดค่ำไฟฟ้าจ้าทั่วถึง
ที่พักผ่อนหย่อนใจให้คำนึง
ชมพอพึงสวนดอกงอกงามใบ

งบศาลาอาคารบ้านพำนัก
ปลูกพืชผักสวนครัวขึ้นรั้วไต่
เกษตรดินอินทรีย์ลี้พิษภัย
ส่งเสริมให้แข่งขันภูมิปัญญา

ทำสัญญาจ้างจ่ายเพิ่มรายรับ
ทุ่มสนับสนุนทุนศึกษา
ชูทุกจุดรุดจัดพัฒนา
ช่วยประชาก่อนเราจะเข้าโลง

พ่อเรียกใกล้ให้พรก่อนทำกิจ
ถ้าเจ้าคิดผิดร้ายให้ตายโหง
หากคิดดีมีชัยให้ยืนโยง
พ่อเกลียดนักผีโพงพวกโกงกิน

รพีกาญจน์


เมื่อกระผมได้เป็น ส.ท. ปี 2544



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...พึ่งอะไรดี
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 14 ตุลาคม 2014, 21:02:04

เกิดปวดหัวตัวร้อนนอนกระสับ
พอไข้จับหนาวพลันสั่นสะท้าน
ไอ้หนูเรียกรถส่งโรงพยาบาล
ตรวจอาการหมอว่าปกติดี

มันเป็นเป็นหายหายไม่รู้เหตุ
บ้างว่าเปรตบ่มร้ายแฝงกายผี
พอวันพุธวันศีลสามวันดี
เหลืออีกสี่ในสัปดาห์กึ่งบ้าบอ

กินพารายากล่อมต่อมประสาท
เช้าหายขาดบ่ายเย็นดึกเป็นต่อ
เริ่มมืดหน้าตาลายระคายคอ
ลมจุกจ่อโอ้กอ้ากอยากอาเจียน

ใจเต้นแรงแกว่งไกวไม่ยอมหยุด
ซวนเซทรุดผุดขึ้นยืนแปรเปลี่ยน
ทำหน้านิ่วคิ้วย่นเจ็บวนเวียน
ยินเพลงเพี้ยนยิ้มพรายออกร่ายรำ

หมอดูดาวทายดวงชะตาตก
นักษัตรฉกต้องธนูราหูห้ำ
ติดตามทวงปวงเวรเป็นกอบกำ
เทพหน้าดำหมายจับประทับองค์

โรคไม่หายกายล้าจิตว้าวุ่น
พุทธคุณช่วยดลกุศลส่ง
สมาทานกรานศีลจินต์จำนง
สงบลงสุขสันต์ตราบวันนี้

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...พึ่งอะไรดี 2
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 15 ตุลาคม 2014, 22:38:17

ถิ่นทุรกันดารบ้านหลังน้อย
หว่างห้วยดอยเพิงถ้ำมืดดำปี๋
อยู่กับป่าหากินตามดินมี
หน่อกล้วยปลีไม่เลือกขุดเผือกมัน

เก็บพริกเผ็ดเด็ดไม้สอยใบลูก
รู้จักปลูกข้าวนาเมื่อฟ้าลั่น
ขุดเกลือโป่งปรุงรสเค็มสำคัญ
หอยปูปลากุ้งปันกินกันไป

อาจเลี้ยงหมาหมูไก่ใต้ถุนร้าน
เลี้ยงวัวควายเทียมการงานลากไถ
ฆ่าเอาเนื้อเถือแทงแบ่งปิ้งไฟ
แค่ปีใหม่หรือสัตว์พลัดหลงตาย

ฐานะดีมีอำนาจวาสนา
พวกประดาขุนนางห้างทั้งหลาย
นอนเรือนสูงพุงยื่นยิ้มสบาย
พวกเปลือยกายพลไพร่ไต่ติดดิน

ได้อิ่มมื้ออดมากซากซูบผอม
แมงวันตอมตามตัวหน้ามัวหมิ่น
มีโรคภัยเบียดเบียนเยียนอาจิณ
คราชีพสิ้นไร้ธรรมส่องนำทาง

กลายเป็นปอบสัมภเวสีเร่ร่อน
กินเฟะฟอนดิบแดงแฝงในร่าง
สืบพ่อแม่แลลูกหลานผูกพลาง
ยากทิ้งขว้างแล้วจะพึ่งอะไร

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...พึ่งอะไรดี 3
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 16 ตุลาคม 2014, 20:46:13

พึ่งพระธรรมกรรมเอ๋ยกรรมของข้า
ติดตามมารอนร่างแต่ปางไหน
จึงลำบากยากจนทนเข็ญใจ
ทุกข์ร่ำไปนับขวบจวบชรา

สิทธิ์ทำกินดินดิบผืนหยิบน้อย
ติดดงดอยผากเผินเนินสูงป่า
ฤดูฝนล้นซัดน้ำพัดพา
พอเมษาร้อนไอดังไฟรม

อยากปลูกข้าวขนขายเช่นอย่างเขา
ก็ที่เราจำเพาะไม่เหมาะสม
ปลูกข้าวไร่ได้กินกันสิ้นลม
ถึงเม็ดก่ำตำต้มกันล้มตาย

ที่ปลูกได้ไม้อื่นพืชยืนต้น
ผลิดอกผลปีครั้งชั่งตวงขาย
หากหน้าดินอินทรีย์ซุยปนทราย
ทุ่นรายจ่ายปุ๋ยน้ำบำรุงรวง

ลูกรังหินดินแดงแข็งแน่นเหนียว
ดีอย่างเดียวเก็บลูกปลูกมะม่วง
ขนุนหนันพันธุ์ใหม่เนื้อใหญ่ยวง
ลำไยพวงพันธุ์ดีนามอีดอ

หวานล่อนกรอบอร่อยสดรสชาติ
สู่ตลาดขาดทุนมิเหลือหลอ
กดราคาหน้าเลือดล้งเชือดคอ
วอนเอ็นดูเถิดหนอขอไร่พัน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...จิตอาสา
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 03 เมษายน 2015, 14:58:51

รีบตื่นนอนก่อนเช้ามุ่งเข้าวัด
ปฏิบัติภารกิจจิตหรรษา
พร้อมพระเณรเถรเฒ่าเฝ้าศาลา
จากวัดวาบิณฑบาตนิราศไป

ออกประตูสู่เนินเดินลัดเลาะ
ผ่านละเมาะสุมทุมพุ่มไม้ใหญ่
ข้ามคันนาป่าโปร่งเห็นโล่งไกล
ที่อาศัยหมู่บ้านอาคารเรือน

นำหน้าตีระฆังเป็นจังหวะ
บอกระยะเวลาทางคลาเคลื่อน
คฤหัสศรัทธาพระมาเยือน
สัญญาณเตือนเตรียมน้ำข้าวทำบุญ

บอกเทวาอารักษ์ประจักษ์พร่าง
สิ่งศักดิ์สิทธิ์บนล่างร่วมสร้างหนุน
เหล่าบรรดาสานุศิษย์ประสาทคุณ
โปรดการุญเวไนยให้ร่มเย็น

บอกสัมภเวสีผีรอบข้าง
เจ้าที่เจ้าทางผีเก่าตายเน่าเหม็น
ผีติดคงกงกรรมค้างลำเค็ญ
มาร่วมเป็นสักขียินดีทาน

นำหน้าตีระฆังดังมิขาด
ถึงตลาดค้าขายเรียงรายบ้าน
พระให้พรก่อนลาสาธุการ
แสนชื่นบานชีวิต"จิตอาสา"

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...คำขอของลูกเมื่อปี 2533
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 12 กรกฎาคม 2015, 09:04:48

เพียงลูกเผยเอ่ยปากว่าอยากได้
พ่อหาให้สารพัดจัดตามหวัง
ให้ของกินของใช้ให้สตังค์
ให้ทุกครั้งสนองความต้องการ

หยิบอาทิตย์แสงฉายคลายเย็นหนาว
หยิบดวงดาวเรียงร้อยเป็นสร้อยสาน
หยิบเดือนส่องนภางค์สว่างลาน
หยิบวิมานรองรับพับตานอน

สวนดอกไม้นานาพันธุ์กั้นล้อมรอบ
ผีเสื้อชอบดมกลิ่นจับบินว่อน
ลิบลิบไกลไพรพงดำดงดอน
หญ้าเขียวอ่อนวนวิ่งกลิ้งเฮฮา

ควบปุเลงเก้งกวางค่างโหนห้อย
กระต่ายน้อยนกยูงฝูงไก่ป่า
รวงข้าวเหลืองอร่ามงามทุ่งนา
นกกระยางก้มหน้าหาปลาปู

บอกพ่อเถิดสักคำจะทำให้
ลูกสนุกสุขใจได้เลิศหรู
เนรมิตคิดสรรฝันเฟื่องฟู
ย่างก้าวสู่สังคมชมลออ...

พ่อระกำลำบากมามากแล้ว
ครบวันเกิดลูกแก้วก้มกราบขอ
เลิกสุราตลอดไปไม่รั้งรอ
เป็นของขวัญนะพ่อพร่ำวิงวอน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...วันนี้ ดีใจครับ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 27 สิงหาคม 2015, 11:47:03

คิดขึ้นมาคราใดให้ขื่นขม
ดิ่งจ่อมจมหัวอกเติมตกผลึก
สู้มานะสะกดหมดความคึก
เศร้ารู้สึกมิจากยากละลาย

ทนห่อหู่อยู่ยินกินอย่างเขียม
ปลูกกระเทียมออกแรงแปลงขยาย
ยกกระสอบหอบบุงถุงกระชาย
ทำส่งขายนึ่งต้มขนมไทย

เช้าจดแลงสลับปรุงกับข้าว
คั่วเจียวจ่าวแบ่งตักผักเนื้อไข่
ซื้อวางกองของชำหวังกำไร
เก็บลำไยขนส่งล้งโกดัง

เหนื่อยแทบตายหายใจไอติดขัด
เมื่อยสลัดแขนขาเปลี่ยนท่านั่ง
มือบีบนวดปวดคอพอประทัง
ไข้เรื้อรังแพ้พิษดื้อฤทธิ์ยา

เวรตามซ้ำกรรมชินโชคบินหนี
ร้ายทวีเคราะห์พันสิ้นหรรษา
ออมทุกเม็ดเศษบาทแบงก์เงินตรา
รวมแสนห้าสหกรณ์ผ่อนจนลืม

หกสิบเดือนหน้าหดสดต้องจ่าย
ถึงงวดท้ายเดือนนี้สุดที่ปลื้ม
ละมันเรื่องอะไรไยอำอืม?
ใช้กู้ยืมช่วยลูกถูกเพื่อนโกง!

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...ขวดโซดา...อันตราย!
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 17 กันยายน 2015, 10:55:16

เสียงดนตรีคีบอร์ดกีต้าร์เบส
แผดทรัมเป็ตทอมแท้กแซกโหยหวน
พิธีกรวอนเว้าว่าเชิญชวน
รับขบวนขันหมากยกแห่มา

สวมเสื้อดีสีเงินเดินยักคิ้ว
สวมลายริ้วดอกแดงแป้งประหน้า
สวมเทยิ่นซิ่นไหมไยยิบตา
โจงกระเบนเป็นท่าสง่างาม

ถือพานพุ่มพานทองพานของหมั้น
ผ้าแพรพรรณกล้วยกลอยอ้อยมะขาม
เมี่ยงหมากพลูมะพร้าวงาขาววาม
สิ่งต้องห้ามสางสาบหาบไม่มี

คำมงคลชื่อแซ่ร่วมแห่แหน
ชื่อหมื่นแสนล้านโกฏิยศศักดิ์ศรี
ชื่อจ้าวคุณบุญเมืองรุ่งเรืองดี
ชื่อมากมีเพชรนิลจินดาทอง

แขนโค้งอ่อนฟ้อนฟายส่ายสะโพก
ยักย้ายโยกหน้าเหินเดินยิ้มฉ่อง
จุดประทัดดังถี่กลบปี่กลอง
อ้าปากร้องไชโยโห่ทักทาย

เข้าเขตบ้านลานกว้างวางตั่งโต๊ะ
แตกดังโพละสามคราพาใจหาย
เศษขวดโหลโซดาแก้วกระจาย
ปักร่างกายเลือดแดงสาดกระเด็น

งานแต่งสิบปีที่แล้ว ขวดโซดารับแดดร้อน ระเบิด
งานบ้านใหม่ 14 ก.ย.58 ก็เกิดเหตุเช่นนั้น มีคนเจ็บ
พิธีกรทั้งสองงานไม่เป็นอะไร กระผมอยู่ไกลนี่ครับ อิอิ


รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ครั้งหนึ่งในชีวิต...บันทึก 15 พฤศจิกายน 2558
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 19 พฤศจิกายน 2015, 22:37:44

ขันสะดึงขึงแน่นทอแผ่นผ้า
เปลือกมะค่าดิบตำย้อมน้ำสี
ออกแบบหลวมสวมทรงอ่าองค์ดี
เหมาะสมที่สรีระรูปพระนาย

กรรไกรจับฉับลงตรงแนวขีด
เนียนประณีตเนาวัดตัดตามหมาย
สนเข็มสอยร้อยเย็บตะเข็บราย
ขดเส้นด้ายปลายสุดกันหลุดปม

สำเร็จแล้วสลัดจัดผ้าผ่อน
ไตรจีวรสังฆาธิพาดห่อห่ม
คลี่สบงชงแป้งผึ่งแห้งลม
พ่นน้ำพรมลูบราบรีดเรียบงาม

บรรจงจีบกลีบก้อนกำซ้อนทับ
บนสำรับพานทองรองอร่าม
บริขารเครื่องครบจบทาบทาม
เถิงโมงยามยกวางกลางศาลา

ประโคมคนดนตรีฆ้องปี่พาทย์
ไล่ระนาดร่วมเรียงเสียงแผดจ้า
โฆษกเอิ้นเชิญชวนมวลศรัทธา
ทอดมหากฐินก่อนสิ้นเพล

ถวายวัดปัจจัยใช้ก่อสร้าง
เจดีย์ปรางค์กว้างยาวราวสูงเด่น
บรรจุธาตุ ญาติพร้อมน้อมประเคน
ภิกษุเณรโมทนาสาธุบุญ

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ปากกาพาไป
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 27 ธันวาคม 2015, 20:45:55

รับมากมายจ่ายมีเหลือที่ศูนย์
หาเพิ่มพูนพอได้ใช้กินกลบ
รับจ้างเสริมเติมเกินเงินสมทบ
คุ้มหักลบหนี้ปวดงวดรายเดือน

ก็ดูหนังฟังเพลงครื้นเครงบ้าง
ยามเว้นว่างสนุกสุขพร้อมเพื่อน
กับครอบครัวทั่วไปใช่ลืมเลือน
เภทภัยเยือนหันหน้ากล้าเผชิญ

ค่อยจำแนกแยกแยะแกะปัญหา
ที่หนักหนาปานกลางบางผิวเผิน
เรื่องเร่งด่วนทวนรุดหยุดดำเนิน
ชั่งประเมินแยบยลสู่กลไก

ว่ากันตามความผูกถูกหรือผิด
มิจริตเปลี่ยนแปลงแสร้งเฉไฉ
สรรพสิ่งจริงเท็จเพราะเหตุไร
แล้วแก้ไขขจัดปัดแบ่งเบา

มินิยมชมชอบเกณฑ์กรอบกฎ
เกียรติยศเพียงผาดห่อขลาดเขลา
มิเสกสรรปันส่วนควรของเรา
รับสิทธิ์เท่าปฏิบัติคือทัดเทียม

กลับเลนส์กล้องส่องฉันในวันนี้
ดูฤดีคงเข้มข้นเต็มเปี่ยม
ชอบแต่งกลอนนอนกรนจนบ่เจียม
ยังเยี่ยมเยี่ยมมองมองจ้องน้องนาง

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: เรื่องมันเป็นอย่างงี้จ้า...(เขาหาว่าพี่มีกิ๊ก)
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2016, 16:32:07

โอ น้องจ๋า...
พี่ใช่ว่ารักตัวกลัววิ่งหนี
เกิดพลาดพลั้งถึงตายวายชีวี
เรื่องที่มีใครเล่าบอกเจ้าฟัง

ที่เจ้าคิดเจ้าเห็นเป็นเช่นนั้น
มันไม่ใช่อย่างงั้นแม่ร้อยชั่ง
ด่วนทึกทักทุกสิ่งล้วนจริงจัง
แล้วคลุ้มคลั่งยิงใส่ไร้เมตตา

เพราะรูปหล่อพ่อรวยซวยยามแก่
ถูกสาวแส้พร่ำเพ้อละเมอหา
ปิดมือถือกลับวุ่นจุ้นตามมา
พอพบหน้าจูบฟอดโดดกอดคอ

ทิ้งน้ำหนักทั้งตัวหัวกระชาก
ล้มลงพื้นยื่นปากประกบจ่อ
ร่างทับร่างแนบชิดสนิทรอ
สุดร้องขออย่างไรไม่ยินยอม

จึงปล่อยเลยตามเลยเฉยสักพัก
ทนอึกอักหลับตาคราเธอหอม
ขู่บังคับชื่นชมสูดดมดอม
จนผ่ายผอมอ่อนเพลียเสียเลือดยาง

น้องจ๋าน้อง...
พี่รับรองต่อไปจะไม่ห่าง
วาเลนไทน์รักยืดไม่จืดจาง
งานทุกอย่างคืนค่ำพี่ทำเอง

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: เยี่ยมๆมองๆหลานเข้าค่ายพักแรม
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2016, 12:02:58

เสียงโฮกฮากลากหางกลางป่าเขา
ข้าคือเจ้าสรรพสิ่งผู้ยิ่งใหญ่
ขยับหน้าตาแดงดุจแสงไฟ
เขี้ยวขาวใสเหงือกแง้มปลายแหลมคม

สัดส่วนช่วงท่วงท่าหลังบ่าไหล่
ห่อหุ้มใยดูกเส้นเอ็นกล้ามข่ม
ขันแน่นขึงตึงขังหนังเนื้อนม
ยามขย่มแล่นโลดไกลโยชน์วา

ไร้สิงสาราสัตว์สงัดเงียบ
หยุดเท้าเหยียบยืนแท่นแผ่นหินผา
เปิดปากร้องก้องบนก่นศักดา
เขตอาณาสุดแลแต่ข้าเดียว

โดดต้นไม้ไต่ขอนดินดอนเขิน
โตรกธารเทินเนินถ้ำข้ามน้ำเขียว
กล้าแข็งทื่อลือศาสตร์ศิลป์ปราดเปรียว
ว่องไวเชี่ยวประสบการณ์มานมากมาย

หอบกลัวเห็นเหม็นส่งกรุงกรงกว้าง
กลิ่นสาบสางสาดเปื้อนยากเลือนหาย
ฤาสร่างซาชราแรมแต้มสีลาย
บ่วงอุบายขอบขัณฑ์กันศัตรู

ธรรมชาติวาดว่าข้าคือเสือ
นอกระเรื่อในเจ็บเก็บหดหู่
วันใดสิ้นวิญญาณวานเอ็นดู
วอนเชิดชูซากตายหน้าค่ายแคมป์

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ฉัน...วันนี้
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 26 มีนาคม 2016, 05:31:00

แบคโฮลงตลิ่งสู่ปิงกว้าง
ขุดลอกกลางคล้ายคลองร่องน้ำไหล
ขุดหลุมลึกหลายท่วมน้ำรวมใน
เพียงพอใช้ค่อนน้อยค่อยบรรเทา

หย่อนสายดูดลงจุ่มลุ่มห้วงน้ำ
สายสีดำหน้าสองนิ้วของเก่า
ติดเครื่องสูบสนั่นสั่นเบาเบา
พ่นเขม่าพวยพุ่งคลุ้งกระจาย

แรงขับดันน้ำแน่นแล่นตามท่อ
ท่อนเชื่อมต่อนับได้ไปที่หมาย
ห้าร้อยเมตรเศษเศษถึงเขตปลาย
รั่วซึมหายบางจุดท่องอุดยา

สูบเช้าสายบ่ายเย็นไม่ยอมหยุด
เครื่องสะดุดทันใดไอร้อนฉ่า
เครื่องสำรองสลับเปลี่ยนเวียนอีกครา
ทั้งสัปดาห์พี่น้องต้องช่วยกัน

ห้วยละหานธารคลองท้องเหมืองฝาย
เหลือดินทรายไร้ตักน้ำสักขัน
บ่อน้ำตื้นบาดาลฐานสำคัญ
พอนานวันแห้งลดหมดล่างบน

ทุกข์อุรานาไร่ลำไยสวน
มะปรางจวนเก็บเกี่ยวเหี่ยวร่วงหล่น
น้ำกินอาบหาบใช้ไกลเหลือทน
นั่งหน้าหม่นก่นกำเป็นคำกลอน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ๐ หารายได้เสริม ๐ ขนมไทย
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 10 พฤษภาคม 2016, 23:04:19

อากาศร้อน ลมแรง ใบตองกล้วยต้องแดดต้องลม ขอบแห้งเหี่ยวแตกเป็นเสี่ยงๆ
ที่มีใบหดสั้น ราคาแพง หาซื้อยาก ลำบากต่อการห่อขนมขาย พอคิดขึ้นได้
ใช้ใบกวาวเก็บจากข้างทางแทนใบตองกล้วย ห่อขนมลิ้นหมาขายดีกว่า
พักข้าวต้มกะทิ ข้าวต้มมัด บะจ่าง ขนมเทียน ส่วนข้าวเหนียวแดง ข้าวกล่ำ
ข้าวเม่า ถั่วแปบ ขนมต้มไส้หวาน บัวลอยไข่หวาน สาคูยัดไส้
สลับปรับเปลี่ยนคงไว้เช่นเดิม

" ขนมลิ้นหมา "

ส่วนประกอบ/อัตราส่วน

1. แป้งข้าวเหนียว          2 กก.
2. น้ำอ้อย น้ำตาล อย่าง   1 กก.
3. มะพร้าวขูด               2 ลูก
4. เกลือป่น                  2 ช้อนชา

วิธีทำ

บดแป้งเข้ากับส่วนประกอบ ตักวางลงใบตอง กดให้แบนยาว พับใบตองเป็นรูปสี่เหลี่ยม
นึ่งในลังถึงนานประมาณ 30 นาที แกะแตะคลุกมะพร้าวขูด จัดวางในถาด เป็นอันเสร็จ

วัสดุ ผสม นิยมใช้                         หาซื้อง่าย ทั่วไป ในท้องถิ่น
เช่น น้ำอ้อย น้ำตาล หวานโรยริน        น้ำปนกลิ่น ดอกไม้ มะลิลอย

แป้งข้าวเจ้า รูปเคียว ข้าวเหนียวป่น      มะพร้าวผล เนื้อขาว ขูดเป็นฝอย
งา กล้วย ถั่ว อั่วคลุก สุกตัดซอย         วางแถวถ้อย ห่อหุ้ม นุ่มใบตอง

ภูมิปัญญา เยี่ยมยอด ปลอดสารพิษ      สีฉาบติด อบกลิ่น แตะลิ้นถอง    
รูปแข็งหนืด ยืดทะลุ แท่งพุพอง          ไหลลงท้อง สะสม บ่มมะเร็ง

หันมากิน มาใช้ ของไทยเถิด             ล้วนประเสริฐ สมอยาก ปากเหมาะเหม็ง
สูตรดั้งเดิม ถูกใจ ไม่ชืดเซ็ง              อยากตะเบ็ง ไทยใช้ ไทยเจริญ

ขออภัย ลงรูปไม่เป็นจริงๆ




หัวข้อ: Re: คิดถึงความหลัง หวังเป็นเศรษฐี
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 28 พฤษภาคม 2016, 05:51:32

ลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมืองเรื่องปากท้อง
คิดไตร่ตรองช่องทางสร้างรายได้
เน้นขยันอดทนมีวินัย
ทุกคนให้สัมผัสประสบการณ์

ปฏิบัติหัดทำจำเรียนรู้
คอยเป็นครูถ่ายทอดต่อยอดผ่าน
คอยสำทับขับเคี่ยวจนเชี่ยวชาญ
พอจัดจ้านลำพังปลีกตั้งตัว

ออกใต้เหนืดเครือข่ายรายแขนง
เสาะสืบแหล่งคนออจอแจมั่ว
ริมถนนบนทางรถท่องทัวร์
บ่อนจับจั่วกาดเช้าแลงแบงก์โรงเรียน

เริ่มจรดทดสอบเช็คตรวจรับ
ทดลองปรับดีคงผิดจงเปบี่ยน
โค้งน้อมนอบขอบคุณอุดหนุนเยียน
ยิ้มวนเวียนพยักเอ่ยทักทาย

ของใช้อื่นหมื่นแสนแม้นไม่สึก
อย่าหวังนึกขยับเลื่อนเขยื้อนขาย
ของแกงกินสิ้นมื้อหมดง่ายดาย
ควักจับจ่ายยากเว้นทุกวี่วัน

กลับเป็นทุนหนุนเนื่องเฟื่องสะพัด
เก็บออมอัฐมัดฟ่อนซ่อนขุมขัน
กินเศษเหลือเนื้อนิดติดมูกมัน
อยากอื่นนั้นเจียนตายอย่าจ่ายเลย

รพีกาญจน์


หัวข้อ: Re: วันนี้ยกครู ดูลิเกมา
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 16 มิถุนายน 2016, 17:58:24

ลิเกก่อนแสดงแตะแต่งหน้า
สวมเสื้อผ้าสอดคล้องกับท้องเรื่อง
เลียนแบบเจ้าเผ่าผ่านครองบ้านเมือง
ประดับเครื่องเพชรนิลจินดางาม

รัวกลองลั่นหวั่นไหวใจแทบขาด
ผสมพาทย์เร้ารวนชวนหวาบหวาม
ผลัดกันรุกร่นรับขยับตาม
เศษเสี้ยวยามประโคมมัวโหมโรง

คนชะเง้อแหงนคอถ่อคอยหา
เมื่อยแข้งขาเขย่งบ่นเฉงโฉง
ไหนตัวพระตัวนางร่างตัวโกง
ตลกโข่งอิจฉามาเสียที

หลังม่านขึงดึงหู่ยินกู่แปลก
เริ่มออกแขกแน่แน่แล้วแม่ศรี
เสียงขับขานสานซ้องพ้องดนตรี
เอ่ยวจีเอื้อนคำรำมะนา

อัปลักษณ์หยักหยากปากเลาะร้าย
เลื่อมพริ้มพรายผ่องพระปากจ๊ะจ๋า
ย้องเย่อหยิ่งยโสปากโอภา
โกงอิจฉาตลกหวัวโยกคลาน

ร้องรำเฮเจรจาว่าด้วยด้น
ด่วนคิดค้นเดี๋ยวนั้นพลันฉะฉาน
หยุดกินข้าวบัดนาวกลับเลิกจับจาน
ผิดตำนานแหกตาฮาลิเก

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: รักทุกคนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 22 กรกฎาคม 2016, 15:51:04

เสื้อผ้าผึ่ง พาดแพร แลลายซิ่น
สดซาติน ยีนส์เทา เตี่ยวเป้าต่ำ
ทรงเรียวลีบ รัดรูป น่าลูบคลำ
จึงใจปล้ำ ซื้อลอบ มอบสีลา

คละสีซิ่น ต้นจก นับหกผืน
สลับยืน สำรวม สวมไหว้สา
ยอตักบาตร หยาดน้ำ พร่ำเมตตา
มอบภรรยา เพียงผู้ คู่เคียงกาย

เสื้อถักทอ กรอไหม เส้นไยหนา
กระดุมผ้า ขอดมัด กลัดรูสาย
ลงหม้อฮ่อม ย้อมแดง แซงเงินพราย
มอบแม่ยาย สวมร่อน ฟ้อนตุ้มโมง

เลือกตาราง บางเบา เอาแพ็กห่อ
ของชอบพ่อ ขมวดพุง นุ่งโสร่ง
ฟังซอชุด จุดเทียน เขียนค่าวโตลง
ผูกเสาโยง กับขอน นอนแทนเปล

ลูกผู้ชาย นายพี ที่ผ่านโลก
บ้านสามโคก ตำบล บึงตะเข้
อาชีพเดิม เริ่มผลิ ร้องลิเก
ก็ยังเท่ ร้อนแรง แต่งพองพอง

รีบอาบน้ำ ชำระ สระผมนุ่ม
ราวสามทุ่ม กะเหมาะ เคาะหอห้อง
ถอดผ้านิด ติดองค์ รูดลงกอง
สีลาลอง ยีนส์ใหม่ ไซ้ส์หลวมคับ

แฮ่ แฮ่ แฮ่ เธอน้องภรรยาผมเองครับ...

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: เล่าฝันคืนวันพุธ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 17 สิงหาคม 2016, 05:44:19

ขวาชี้ตายซ้ายชี้เป็นเห็นหรือไม่
จะมีใครคัดค้านคิดหาญกล้า
บอกก่อนเหวยเฮยสูตูเทวา
ล่องเมฆาเหินหาวดาวดึงส์

บทสรปหุบปากสิ้นภาคเสธ
ทุกคามเขตสื่อสารผ่านไปถึง
ระดมกลองป้องป่าวข่าวอลอึง
ตูคือหนึ่งเดียวจ้าวจักรวาล

ชูเลื่อมมันขรรค์ชัยให้ประจักษ์
หากจงรักยอบคอไม่ต่อต้าน
มอบใจจริงสิ่งสรรพ์บรรณาการ
พืชพันธุ์ธัญญาหารสารพลัง

เพียงนั่งยามสามตาอ้าปากพ่น
พร่ำเวทมนตร์เท้าสืบกระทืบปั้ง
ตึกสะพานยานยนต์ถนนพัง
คนสัตว์หลั่งน้ำตาลงอาลัย

ร่างหมดลมชมวิวหลิ่วตาเยี่ยว
เดินท่องเที่ยวหัวทิ่มแทงท้องไส้
ก้องเสียงดังกระเด็นร้อนเป็นไฟ
ตื่นตกใจชุลมุนวุ่นทั่วกรุง

ซ้ายชี้ตาขวาชี้หูดูฟังไหม
เข้าครัวไวล้างหม้อก่อฟืนหุง
เซาเซาอย่าเว้าหลายสายเอาบุง
สอยบักหุ่งสับใส่เปเทหมูกิน

ทราบแล้วจ้า...จ้าวนาย

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ควรคำนึงถึงโทษประโยชน์ชาติ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 07 กันยายน 2016, 12:22:44

บางคนเขี้ยวเยี่ยวหยันสัญลักษณ์
กระทืบพลั่กก้าวถ่างกางขาข้าม
ขากถ่มถุยฉีกฉุดจุดไฟลาม
ก่นคำรามสวดส่งลงโลกันตร์

ยื่นมือโยกโบกบายแขนส่ายสอด
หอมแก้มฟอดบดเบียดไร้เดียดฉันท์
เธอมีของต้องการสารสำคัญ
แน่สิ่งนั้นแก๊สเหลวปิโตรเลียม

ถึงเอะอะระบายไม่ป้ายผิด
ชื่นชมสิทธิ์เสรีฟรีเต็มเปี่ยม
ผ่านแบบทกดกาว่าเทียมเทียม
บ้าโหดเหี้ยมเชื่อฟังคำสั่งคบ

ใดดื้อดึงดังวัวไม่กลัวหวาย
ทัณฑ์คือตายฟันฉับนับซากศพ
อ้างยูเรเคมีชีวะพบ
เคยสงบวันคืนแตกตื่นตาย

เดินทะลุยุแยงตะแคงรั่ว
แบ่งค่ายขั้วเขตเครือกลางเหนือใต้
ชูกระบองป้องป่าวข่าวนอกใน
เล็กทำใหญ่ยืดยาวสาวเป็นปี

ควรคำนึงถึงโทษประโยชน์ชาติ
ใครอุกอาจย่ำดินหมิ่นศักดิ์ศรี
โน้มจิตน้อมพร้อมพรักสามัคคี
ตอบด้วยดีที่ชั่วอย่ามั่วตาม

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ...เวียนตามวัน
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 09 พฤศจิกายน 2016, 21:55:22

หลงเชิดชูดูดีเห็นสีเสื้อ
อร่ามเหลือเรืองรองคราต้องแสง
มันฉูดฉาดบาดบวงช่วงแสดง
ร่ายพลิกแพลงกรุ่มกริ่มพริ้มพิไล

มัดไม้ขึงดึงยาวสาวทอถัก
เดินเครื่องจักรร่อนมือถือด้ายไหม
เอาแช่อ่างล้างอาบฟอกคราบไคล
นิ่มนวลใยย้อมสีดีนิยม

สายเชือกวัดตัดเย็บตะเข็บสอย
ซ่อนร่องรอยแนบแน่นเชื่อมแผ่นสม
แบบส่วนสัดรัดหลวมบวมพองลม
รีดลื่นคมราบเรียบเฉียบเหยียดตรง

แสร้งยื้อยึดฮึดฮัดสะบัดแขน
โค้งอกแอ่นเอียงข้างร่างระหง
ไหล่ผึ่งผายมายมาดมากอาจอง
เงยก้มลงคงพับยิบยับพราว

จับมือโบกโยกจบนบไหว้สา
เอ่ยอำลาจ้อเจี๋ยมเยี่ยมเยียนด้าว
หว่านคารมชมชื่นยื่นหวังวาว
อ้างเรื่องราวเที่ยงธรรมสืบสัมพันธ์

หลงเชิดชูดูดีเพียงสีเสื้อ
ห่อหนังเนื้อหยาบนุ่มปทุมถัน
ฉายรูปลักษณ์มักเปลี่ยนเวียนตามวัน
ลึกในนั้นเทียมแท้หาแน่นอน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ฝึกตั้งนาน เพิ่งสำเร็จ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 03 มกราคม 2017, 20:55:11

เสียงค่อยดังฟังหูรู้แหลมทุ้ม
แผ่วนวลนุ่มหวานถวิลยินถนัด
โก่งคอกรี๊ดปรี๊ดปิ๊งยิ่งยินชัด
บัดเดี๋ยวบัดขัดข้องต้องตะโกน

มองแค่คืบสืบศอกออกวาเส้น
ลอดแว่นเลนส์เห็นใกล้ไกลนี่โน่น
เท่าขี้เล็บเห็บหูดตาปูดโปน
เตะกระโถนปลิวหวืดเพราะมืดมัว

คราบไคลเหงื่อเสื้อคลุมผ้านุ่มหอม
ดังดมดอมแกงไก่ทอดไส้อั่ว
ตดโชยสาบอาบสบู่เช็ดถูตัว
แม้ขี้วัวเละเลนไม่เหม็นเลย

ปากเปิดรับจับจับเคี้ยวกับข้าว
ลิ้นแลบยาวหดสั้นฟันหลุดเผย
รสเปรี้ยวเค็มคาวขมมันนมเนย
จืดจางเฉยกลืนคำดื่มน้ำตาม

นอนนอกมุ้งยุงริ้นบินเกาะไต่
หนามเกี่ยวไม้ทิ่มแทงเลือดแดงห้าม
ลื่นคะมำตำเสาเข้าเฝือกดาม
ยังยิ้มงามไม่ปวดอวดดูกเอ็น

ฮ่าฮ่าฮ่าครบครันข้าบรรลุ
เข้าเขตขุไร้ยินลิ้นดมเห็น
ไร้รู้สึกสัมผัสร้อนจัดเย็น
สำเร็จเป็นยอดชายนายชรา

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: การ้องเสียงแปลก
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 27 มกราคม 2017, 21:33:05

เงยหัวโงโผผินบินพึ่บพั่บ
สองตีนจับสายไฟไหล่ถนน
เกาะกลุ่มก้อนร่อนผ่านหน้ายานยนต์
เฉี่ยวผู้คนผงกหงายตกใจ

แรกแค่หยิบสิบร้อยทะยอยหมื่น
พบเรื่องแปลกแตกตื่นต่างสงสัย
มันสัตว์เลี้ยงสัตว์ร้างหรืออย่างไร
มาจากไพรหมู่มากหนีจากกรง

บินมืดมัวบังดินบังอินทร์แสง
มีฤทธิ์เหลือบเคลือบแฝงแรงประสงค์
ย้ำสัญญาณบานเบี่ยงเลี่ยงตกลง
เป็นผุยผงแป้งถั่วชั่วพริบตา

รูปไร้งามตามนัดฉวัดเฉวียน
นานเหนื่อยอ่อนผ่อนเผียนเหียนท่วงท่า
อาจบอกเหตุเภทภัยอีกไม่ช้า
เกิดโรคห่าซาตานมารโกรธเคือง

โลกพินาศขาดสิ้นแผ่นดินไหว
ภูพ่นไฟร้อนเหลวเปลวแดงเหลือง
น้ำทะเลท่วมฟ้าปลากินเมือง
อวดฉลาดปราดเปรื่องทุกเรื่องแพ้

ก่อกำแพงแต่งคูประตูรบ
ไร้ซากศพหามผีดนตรีแห่
นุ่งกระโปรงโจงกระเบนเต้นเป่าแน
กาเปลี่ยนแปรเสียงซ้องร้องทรัมป์ทรัมป์

รพีกาญจน์

สุดสะพรึง!
ฝูงกามหาศาลบินว่อนรุกรานถนนหลวงสหรัฐฯ
ราวกับหนังสยองขวัญ (ข่าวเดอะซัน วันนี้)





หัวข้อ: Re: " วันชายสากล "
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 05 มีนาคม 2017, 21:25:44

ตื่นแต่เช้าเป่าไฟตั้งไหนึ่ง
ล้างลังถึงฝอยจ่อขัดหม้อหู
ตำพริกแดงแกงปลีจี่ปลาทู
ซักผ้าถูขยี้คลี่ตากราว

ปัดหยากไย่ใบร่วงกวาดข่วงโล่ง
ถังเทโอ่งน้ำคลองสองมือสาว
ตอกรวบมัดคัดผักถั่วฝักยาว
ปลิดมะนาวจุกระจาดส่งกาดแลง

ร้อนช่วงบ่ายสายยางรดร่างหมู
ต้อนวัวสู่ชายทุ่งมุ่งกลับแหล่ง
สับบัวลอยซอยหยวกลวกเต้าแตง
ปนแกลบแกงข้าวเหลือเผื่อเป็ดกิน

ตักน้ำถอกฟอกสบู่แชมพูสระ
แป้งนวลประแก้มกลมสูดฉมกลิ่น
ยุงเกาะปัดกวัดแกว่งแมลงบิน
นอนรวยรินคลำปวดบีบนวดกาย

หนาวเย็นเยือนเรือนชานสะท้านสั่น
นั่งพร่ำพลอดกอดกันจ้องจันทร์ฉาย
ดีดซึงซอคลอค่าวพร่างดาวพราย
ลืมเหน็ดเหนื่อยเมื่อยหายพร้อมสายลม

วันหมุนเวียนเปลี่ยนไปใช่เช่นนี้
หลายสิบปีที่ชื่นไร้ขื่นขม
เรียกร้องรัฐทัดเทียมเยี่ยมนิยม
กำหนดชมคุณค่า(วัน)ชายสากล

อิจฉาผู้หญิง จะได้ฉลองกันบ้าง อิอิ

รพีกาญจน์







หัวข้อ: Re: ทนไม่ไหวแล้ว...
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 05 พฤษภาคม 2017, 17:47:13

อยากขยับจับจูบเรือนรูปสวย
อุดมด้วยโปรตีนยีนสีสัน
โค้งโหนกนูนพูนเนื้อเจือหวานมัน
วูบหวาบหวั่นอวบอูมใจตูมตาม

สืบเท้าซ้ายย้ายขวาหน้าเซทรุด
หัวทิ่มมุดไม้ซางข้างมะขาม
เพื่อนพยุงลุงแก่เง้อแลงาม
เงอะซุ่มซ่ามอกแอ่นสวมแว่นชา

วนเหม่อเมินเพลินผล็อยเอียงถอยหลัง
ชนกะมังถังถาดกระจาดฝา
ก้นจ้ำแจ่งแผงเผงเข่งผักปลา
คนหุยฮาขบขันหันวุ่นวาย

กลัวเหินห่างจางกลิ่นประทิ่นหอม
สูดดมดอมยั้งขาดสวาทหาย
คือสิ่งชอบเสพสู่มิรู้คลาย
จวบเจียนตายยากลืมปลื้มคะนึง

สองมือคลำสำรวจตรวจกระเป๋า
ไร้แบงก์เบาเหลือลมเหรียญสลึง
ละสิบร้อยเท่าไรรวมพอพึง
เทียบเท่าหนึ่งเสนอเธอเคียงควร

อยากขยับจับจูบลูบสักครั้ง
วอนสมหวังสัมผัสสัดสงวน
น้ำลายสอรอซื้อมือชี้ชวน
โชยอบอวลเหลืองอ่อนเอาหมอนทอง

ขายลำไยหนึ่งตะกร้า ซื้อทุเรียนได้หนึ่งผล

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: กินตามปาก อยากตามท้อง
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 22 มิถุนายน 2017, 22:10:16

กินจับจับกับปากอดอยากหิว
แสบไส้กิ่วเสียงท้องร้องจอกจอก
เหลือแต่ลมแล่นเลือนเตือนอ๊อกอ๊อก
ใจกระฉอกนอกเส้นเต้นตูมตูม

ปั้นก้อนกลมกัดแก่นแผ่นบิแบ่ง
ขบทแยงแท่งยาวบอกข้าวหลาม
บี้บดตำคำใหญ่ใส่มูมมาม
เหลวลงชามจิบซดหมดไม่มี

สร้างรู้สึกฝึกหัดกินอัดอื้อ
วันสามมื้อจุกจิกคืนอีกสี่
ของมันเคยเนยนมชมทีวี
หลับตื่นทีน้ำหวานควานลูกอม

เทกระจาดสารทตรุษหยุดฉลอง
กรึ๊บยาดองจิ๊นจี่เพลี้ยดีขม
แอ่วบุญบั้งฟังสวดบวชศพซม
เทศกาลตาลขนมสยมพร

วันเกิดล้อมพร้อมพรักกวักมือเรียก
ร้องเจี๊ยกเจี๊ยกครื้นเครงเก่งกะล่อน
สอบได้กินรับปริญญาฮาทุกตอน
หนักยุบถอนเย็นเช้าเมาตาลาย

กินจับจับกับปากอยากเป็นปลวก
กินสะดวกเปลือกพี้เก้าอี้หวาย
อยากเป็นนกผกผินกินดาวพราย
สูงสุดหมายเกินฝันฉันขอปอง

รพีกาญจน์





หัวข้อ: Re: หลังเธอผ่านการอบรม"บัญชีและร้านค้า"
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 18 กรกฎาคม 2017, 21:29:10

ตรวจตัวเลขเอกสารร้านค้าปลีก
สมุดฉีกก๊อปปี้เล่มมีไหม
ซื้อวางขายจ่ายรับนับอย่างไร
ความเคลื่อนไหวต่อวันเปิดบัญชี

ป้ายตัวโตติดขวางทางเข้าปลด
"จำหน่ายสดงดเชื่อเบื่อทวงหนี้"
เห็นกันทั่วชั่วนานานตาปี
เขาไม่มีเอาก่อนเคยผ่อนปลาย

อยู่ที่คิดติดตามถามลูกค้า
กี่ปัญหาแก้ถูกปมผูกหาย
ช้ามัวคอยปล่อยทิ้งนิ่งดูดาย
ผลเลวร้ายหนี้เน่าเราขาดทุน

เน้นของกินสิ้นเปลืองเครื่องปรุงรส
แบบหยอดหยดขวดซองพองยืดหยุ่น
ของใดขาดใดขึ้นใดตื่นตุน
เดือนงบดุลย์รู้เหลือขายเชื่อซื้อ

บริการร้านน้อยน้อยกลางซอยนี้
เลือกสรรดีมูลค่าน่าเชื่อถือ
เสนอพร้อมย่อมเยาเบากว่าลือ
ส่งถึงมือผู้รับประทับทรวง

เรื่องตัวเลขเทคนิคพลิกหลากหลาย
อธิบายคร่าวคร่าวใช่ก้าวล่วง
ปฏิบัติตามนี้ดีทั้งปวง
จะโชติช่วงชัชวาลร้านของเรา

เฮ่อ...ก็เหนื่อยซิครับ

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: คนแก่ต้องการคนรักและเข้าใจ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 08 สิงหาคม 2017, 12:41:35

ถ้าเหนื่อยนักพักนิดนำจิตวุ่น
สูดกลิ่นกรุ่นลงลึกดมพฤกษา
สู่ภวังค์รั้งกลับแค่หลับตา
ทิ้งปัญหาต้นตอที่รอรุม

ลองลุกขึ้นยืนแอ่นเหยียดแขนเข่า
ปลอดรบเร้าปวดในดังไฟสุม
ก้าวขวาซ้ายสวบสวบไร้ควบคุม
ปลดเรื่องกลุ้มมากน้อยทะยอยวาง

เหลือแต่รักมักได้หลงใหลโกรธ
ล้วนก่อโทษลำเค็ญละเว้นห่าง
หากเกาะกัดปัดเป่าหนักเบาจาง
หยิบสิ่งสร้างสุขสันต์แบ่งปันตน

หิวก็กินลิ้นอยากอย่ามากรส
ปรุงสุกสดบดตำแข็งทำป่น
สองหูอื้อมือชาตามืดมน
เจ็บลงส้นจุกจอดนอนทอดกาย

ระวังคิดจิตเปลี่ยวเงียบเดียวนั่ง
ขาดยับยั้งพรั่งพรูกลางหมู่หมาย
รู้เท่าไรพูดเท่านั้นอันตราย
พร่ำอยากตายหายพ้นไร้คนแล

ชะตาผูกถูกข่มซ่อนปมด้อย
เก็บเศร้าสร้อยฝังตรึงไว้ถึงแก่
หยุดคิดสั้นผันผวนพลิกปรวนแปร
อย่าพ่ายแพ้เหงาหงัก ผมรักคุณ

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: สารพัดภาษี
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 15 กันยายน 2017, 21:31:22

สิทธิ์เสรีที่ท่าป่าโล่งรก
มรดกตกทอดฮอดลูกหลาน
คุ้งแควเขื่อนเถื่อนถ้ำท้องลำธาร
เจาะบาดาลขุดอ่างเหมืองรางริน

พุ่งปฏักปักเสาเป็นเจ้าของ
เขตครอบครองจองจับถือทรัพย์สิน
ตั้งบ้านเรือนเยือนเหย้าเข้าทำกิน
พลิกแผ่นดินปลูกต้นหวังผลใบ

สู้เอาแรงแปลงทุุนทุ่นค่าจ้าง
เพาะพืชสร้างสวนครัวรั้วกินได้
สวนผสมบ่มเห็ดเลี้ยงเป็ดไป
ปลูกลำไยมะม่วงล่วงฤดู

ฉีดฮอร์โมนพ่นยาฆ่าแมงมด
มักปรากฎเกาะกัดกระรอกหนู
วางกับดักกักกันควันรมรู
ตะโกนกู่ขู่บ่างขับค้างคาว

เก็บเกี่ยวผลขนของจุกล่องขาย
รับเงินจ่ายบัญชีหนี้หางว่าว
นอกในคละระบบทบต้นยาว
เหลือสิบซาวข้าวถุงบุงปลาซิว

สิทธิ์เสรีชีวานาสวนไร่
สูบน้ำใช้กินแก้กระหายหิว
เรียกเก็บค่าภาษีบี้บาศก์คิว
นั่งหน้านิ่วคอย่นไม่พ้นตาย

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: เครื่องเสียครับ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 20 ตุลาคม 2017, 13:24:55

บอกยังเฟื่องเครื่องเก่าเหลายี่ห้อ
มอบแด่พ่อพกพาคลาสถาน
รุ่นบางเฉียบเรียบหรูครูบำนาญ
โพสต์กลอนกานท์อ่านโคลงจรรโลงใจ

หยิบขึ้นถือมือแหมะแตะไปเถิด
เรียนรู้เปิดปิดเลื่อนเคลื่อนตรงไหน
คลิปข่าวเด็ดเฟซบุ๊กสนุกไลน์
พบเพื่อนใหม่หญิงชายถ่ายรูปคุย

อีกการบ้านการเมืองเรื่องชื่นชอบ
เปรตผีปอบโพงไพรสิงไห้หุย
กดมิสไซล์ไล่รุกบุกบอมบ์ลุย
เกาะแก๊งกุ๊ยรกเหลืองเปลืองเช้าเพล

เชียร์ฟุตบอลวอลเลย์เฮค่ำดึก
ระเบิดศึกครึกครื้นมวยตื่นเต้น
ฟังธัมมะพระสวดนำบวชเณร
ขูดเลขเด่นจารย์ใหญ่ใบ้หวยเบอร์

เพื่อนฮัลโหลโทรฟรีดีนะพ่อ
งัดออกผ่อสาวร้อนตอนแม่เผลอ
สาวฮ่องกงเกาหลีญี่ปุ่นเปรอ
มีนะเออแก้เหงาคลายเฉาซม

พ่อรู้จ้าว่าลูกรักถูกอย่าง
ส่งรูปนางขบเผาะสวยเหมาะสม
คงใช้การนานเนาเก่าบรม
เสียครับผมหาใหม่ให้พ่อที

แบบตั้งโต๊ะใช้ก่อนเช้าก่อนเข้านอน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ขาดไหบ่ได้
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2017, 05:59:41

ร้านรวงขึ้นราคาห้าหกเท่า
แกล้งคอเหล้าอย่างข้าน่าสงสาร
คนเคยดื่มลืมคืนตื่นซมซาน
เคาะช้อนจานยามเย็นเล่นดนตรี

ทั้งที่รู้สุราคือยาพิษ
เฮ่อมันติดขวดแก้วเสียแล้วนี่
วันละตองสองก๊งก็ยังดี
ล่อเปรมปรีด์ถึงคลานมีงานบุญ

โลกแตกปริพินาศถ้าขาดเหล้า
เพียงสร่างเมาขยับตัวหัวมึนหมุน
คำเพื่อนรักทักทอบ่เป็นคุณ
โกรธเฉียวฉุนดังบ้าหูตาลาย

ทำนักเลงเก่งกร่างกลางถนน
พบผู้คนเขาเพลียด่าเสียหาย
แยกต้นทางกลางซอยเชื่อบ่อยราย
ไม่ยอมขายหน่ายหนี้บัญชียาว

หมดทางดิ้นสิ้นหอมเหล้าย้อมสี
เปลี่ยนดีกรีเซี่ยงชุนฉุนเหล้าขาว
น้อยพอปลื้มลืมอยากมากครั้งคราว
เปิดปากหาวคอยเศษยื่นเมตตา

ลองเหล้าเถื่อนถูกค่าห้าหกเท่า
เหลือแต่เจ้าเคียงคู่อยู่กับข้า
ชมเดือนพราวดาวน้อยลอยนภา
สุขอุรากว่าใดกอดไหนอน

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: อีกสักนิดเถิดครับ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 04 ธันวาคม 2017, 20:16:52

วางดิบดีที่เดิมบ่เสริมแต่ง
ทั้งหอมแบ่งหอมบั่วถั่วเน่าแผ่น
ทั้งกะปิปลาร้าปลาทูแบน
ทั้งมะแข่นเครื่องเทศเม็ดผักชี

ไข่สดเค็มเต็มแผงบ่แหว่งพร่อง
กระเทียมดองของยำดำมิดหมี
ผงฮินเลขมิ้นชันจันทร์ดีปลี
ผงกะหรี่ก็เถอะฝุ่นเกรอะกรัง

สองเดือนผ่านนานวันมันย่ำแย่
ลูกค้าแห่หายไปไม่คืนหลัง
เริ่มขาดทุนหมุนเวียนเปลี่ยนสตังค์
หรือแค่นั่งจ๋องจ๋อรอละลาย

ป่าวขายสดลดแหลกซื้อแจกแถม
ไม่อ้อมแอ้มหยิบเล่นต่อเป็นขาย
สภาพใหม่ใช่หมองของแม่ยาย
เลส่งท้ายปีไก่เขาไม่จริง(ใจ)

ฝนตลกตกมั่วไม่ทั่วฟ้า
โธ่เทวาอยู่ไหนทำไมนิ่ง
เข้ามุมอับสับหลอกเช่นวอกลิง
หน่ายแล้วทิ้งคืนคำไล่อำลา

กลไกค้าขายถูกควบผูกขาด
พาตลาดวุ่นวายภายภาคหน้า
เพียงสะท้อนก่อนปลีกอีกสักครา
เพราะหูตาฝ้าฟางย่างหนาวเย็น

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: เธอลำเอียง
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 18 มกราคม 2018, 06:27:55

ถามรู้จักมักจี่ดีแค่ไหน
ตอบออกไปใกล้ชิดสนิทสนม
ข้าเหนือวัดถัดลานบ้านเอวกลม
เรียนประถมเราสองห้องเดียวกัน

พ่อให้มาอาภัพผีจับด้ำ
ผิวเขียวคล้ำต่ำต้อคางคอสั้น
จมูกทู่หูกางห่างซี่ฟัน
คิ้วดกมันผมบางตาต่างโต

อยากเรียนต่อพ่อจนทนทำสวน
จับจอบพรวนลำไยเช้าไก่โห่
ตากแดดเดินท่อมท่อมร่างผอมโซ
สาวคนโก้นิยมชมชื่นใจ

พาหงุดหงิดผิดเขาควงคนนั้น
หล่อล่ำสันสักตัวลายหัวไหล่
คุยหัวร่อระริกเซ้าซิกไป
รถคันใหญ่แล่นลับชั่วพับตา

สวมเสื้อเขียวเตี่ยวเทาเก่าขาลีบ
ปั่นรถถีบเบาะหนังอกตั้งท่า
ดีดกระดิ่งติงตองล่องกองมา
เอิ้นถามหาบ้านมิดปิดประตู

จะเลิกคบพบหน้าข้าไฉน
รีบหลบไวไม่พ้นเห็นก้นอยู่
คบคนจนทนหมิ่นกินปลาทู
อ๋อเพิ่งรู้ใจดำ เธอลำเอียง

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: กุญแจหายเข้าบ้านไม่ได้
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2018, 06:13:14

ใช่ภูตบินวิญญาณเหาะหาญกล้า
แทรกหลังคาหน้าต่างลอดข้างถึง
แค่เกือกเกาะเลาะผังเดินปังปึง
หรือทะลึ่งลงน้ำดำมุดดิน

ไร้คาถาอาคมยอก้มกราบ
ร่ายสูบสาบปราบมารหักผาลบิ่น
สะเดาะกลอนลอนห่างโล่งรางริน
เสกหนังวิ่นแหวกช่องเข้าท้องตุง

พยายามปรามจิตคิดสงบ
สิบนิ้วจบวันทาสวดพาหุง
หายใจเข้าเบาแผ่วแขม่วพุง
โอหนอยุงรุมกัดสะบัดเกา

ใส่รหัสปัดหมุนจูนเลขล็อค
ลองมือน็อคสลับจับเขย่า
บิดขวาตายซ้ายกิ๊กคลิกเบาเบา
แท้โง่เง่าในปักสลักดาน

เสาะวุ่นวายรายรอบรั้วขอบชิด
หรือก่อนปิดแขวนไว้ขอในบ้าน
หรือทำหล่นคนมั่วฟ้อนครัวทาน
ยิ้มหน้าบานกริ้งกรุ่มสาวตุ้มโมง

จวนมืดทั่วมัวดำหาลำบาก
ต้องนอนฟากตากยุงไร้มุ้งโล่ง
ผ้าต่องผลัดพันกายส่ายโทงโทง
ซ่อนข้างโอ่งนี่ไงไฉนลืม..อิอิ

รพีกาญจน์






หัวข้อ: Re: โธ่ นึกว่าจะเข้าใจ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 08 เมษายน 2018, 16:53:03

เดินซอยเท้าเป่าแนแห่ประกาศ
ผ่านตลาดวาดลิงห้อยกิ่งโหน
แข่งเสียงกลองป้องปากฉากตะโกน
เลือกไอโฟนดีกว่าไร้พร่ามัว

มีธุระจะทำเดินย่ำต๊อก
ตะวันออกเช้าอืดมืดสลัว
ต่างล้อเกวียนเพียรลากลำบากตัว
ขายเถิดวัวกำสดซื้อรถยนต์

เหลาไม้เรียวเกี่ยวคาสับฝาฟาก
เสียบใบจากมุงจั่วกันรั่วฝน
ต้านลมแรงแสงแดดแผดร้อนลน
บ้านคนจนกู้แบงก์หลายแห่งคอย

เก็บผักไห่ไต่เกาะเลาะรั้วร่อง
งมคูคลองดักปลาหาปูหอย
สุมฟืนไฟใช้น้ำลงลำดอย
สดอร่อยคัพแพ็คครบแม็คโคร

เสื้อเตี่ยวทอหม้อฮ่อมย้อมแยกสี
สวมสามปีลุยงานนานอักโข
แอ่วปอยลามงามเด่นเดินเล่นโชว์
แต่งออเจ้าสิโก้เก๋กว่าใคร

กำหนดเขตเศรษฐกิจสิทธิ์เสมอ
เลิกท่านเธอเก่ากลางขุนนางไพร่
ถามพี่น้องต้องการคนเช่นใด
น้ำพริกไข่ข้าวหุงอิ่มพุงพอ

รพีกาญจน์




หัวข้อ: Re: แค่ระบาย
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 04 มิถุนายน 2018, 21:34:09

เฮาตัวดำกำเคียวยอบเกี่ยวหญ้า
ใส่ตะกร้าซ้าไม้จักไผ่สาน
มือจับไถไล่รัวขับวัวงาน
ย่ำลากผาลดานผวนดินร่วนซุย

เสียบด้ามจมคมลับกระชับมั่น
ตกแต่งกันฟันก้านก่อนหว่านปุ๋ย
ขุดบ่อกว้างล้างเกลี้ยงเลี้ยงดุกอุย
เดินทอดหุ้ยให้น้ำลำไยปลา

ไฟสุมขอนนอนหงายสบายมาก
หลังมุงจากฟากปูปะรูฝา
เสื้อเตี่ยวทอม่อฮ่อมสีย้อมทา
สวมไหว้สาสู่งานร่วมตานปอย

เก็บผลผักหักไม้ฟืนใช้หุง
ต้มยำปรุงกุ้งปลาปูหาหอย
เก็บแคขาวไข่นุ้ยคุ้ยเห็ดดอย
ยอดสูงสอยใส่ถาดขายกาดแลง

เล่นสะล้อซอซึงขึงสายสี
บนบานผีพราหมณ์พรฟ้อนผาดแผลง
ตักบาตรสวดกรวดน้ำธรรมแสดง
ถวายแกงไก้ต้มข้าวนมเนย

เฮาอ่านค่าวเขียนกลอนเชื่อสอนง่าย
ลูกผู้ชายชอบรำทำเปิดเผย
รักหรือชังจั๋งใดว่าไปเลย
เถิงสาวเฮยเอ่ยแม่แค่ระบาย

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: มันไม่ใช่อย่างนั้น
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 13 กรกฎาคม 2018, 05:40:03

อยู่บ้านนอกคอกวัวรั้วกระถิน
เท้าติดดินกินเปิบเสิร์ฟข้าวเหนียว
หลังคาจากฟากกั้นตูบชั้นเดียว
สวมเสื้อเตี่ยวม่อฮ่อมย้อมเย็บมือ

ชอบว่ายน้ำดำมุดแหวกผุดโผล่
หิ้วปิ่นโตท่องดังเรียนหนังสือ
ดูหนังฉายขายยาฮาลุกฮือ
ยามมืดตื้อรีบหนีกลัวผีโพง

ขว้างมะไฟไต่กิ่งวิ่งโลดแล่น
รมต่อแตนรังต้นควันโขมง
เล่นปิดตาหาพ้องร้องโยงโยง
ลมหอยโข่งคลำรูจับปูปลา

ปากตะโกนโยนหินขุดดินปั้น
เย้ายิงฟันสนุกสุขประสา
เมื่อเติบใหญ่แยกย้ายหายจากนา
ข่าวทำมาหากินต่างถิ่นไกล

บ้างปลูกแปลงแต่งเตียงคู่เคียงคิด
ญาติสนิทพบพานบ้านเหนือใต้
แก่เข้าวัดจัดสวนพรวนลำไย
นั่งเป็นใบ้ไข้ห่ามโรคความดัน

ขาดร่วมมือถือแขนแห่แหนฮ้อ
"เลือกคบหมอ"คอตั้งนั่งหน้าหัน
เครียดกลัดกลุ้มรุมเร้าเก๊าท์ไขมัน
บอกเพื่อนฉันรู้เห็นวอนเอ็นดู

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: ดูนกวกมาดูคนบ่นวันฝนตก
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 23 สิงหาคม 2018, 14:07:50

เมื่อปีกกล้าขาแข็งแรงบินไล่
ถูกขับให้ออกหาเสาะอาหาร
รวมกลุ่มเกาะเลาะลัดตัดทุ่งธาร
ประสบการกินอยู่จับคู่เอง

หมดธุระผละตนพ้นหน้าที่
สิทธิ์เสรีลอยลมไร้ข่มเหง
ค่ำคืนพับหลับตื่นเช้าครื้นเครง
ร่ำเสียงเพลงจิบจาบเจรจา

ครั้นตกลงปลงใจใช้ชีวิต
แนบสนิทสุขสันต์เสพหรรษา
สร้างรวงรังบังไม้จิกใบคา
มิพึ่งพาผู้เพื่อนเยือนช่วยทำ

สืบสันดานนานแน่ยากแปรเปลี่ยน
ยังวนเวียนเช่นชัดในสัตว์ส่ำ
มนุษย์หน่อก่อเกิดประเสริฐนำ
พ่อแม่จำหอบอุ้มยอมทุ่มเท

คอยประคบปรบมือถือชามช้อน
ตักเปิบป้อนร้อนเป่าปากกล่อมเห่
เล็กลูกน้อยกลอยใจนอนไกวเปล
ยืนโด่เด่เดินห้างย่างย่ำฟลอร์

จะกี่ขวบจวบจนกลางคนผ่าน
ขาดต้องการจ่ายซื้อแบมือขอ
หมั้นเมียแต่งแบงก์ทองฉลองรอ
ซ้ายเรียกพ่อขวาแม่ดูแลที

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: กลับมาอาการยังน่าเป็นห่วง
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 25 กันยายน 2018, 20:57:35

กำหนดจุดผุดโผล่โตกระจิด
พรหมลิขิตรูปร่างสร้างสัณฐาน
หล่อสำรวยสวยสะพอประมาณ
หรืออ้วนอานปานป้อมซูบผอมโซ

กอปรด้วยจินต์วิญญาณ์จาตุธาตุ
เสริมฉลาดปราดเปรื่องมักเขื่องโข
ล่วงกำเลาเกลาก่นเซอะจนโต
ยอมงอกโง่กร่างกล้าแท้ปลาซิว

ผูกย่อมหยาบฉาบโฉดก่อโกรธแค้น
ผลีผลามแล่นแทนนายกระหายหิว
รักษาแนวแถวตรงชูธงทิว
นายชี้นิ้วอย่างไรใช่ทำตาม

บ้างบ้ามุดสุดขอบชอบชายหญิง
ยืนยิ้มนิ่งอิงสนต้นมะขาม
ให้กลัดกลุ้มภูมิแพ้แก่รูปงาม
โรคลุกลามนับวันมิบรรเทา

เช่นซุงหนักชักลากเลื่อยถากถู
ทำประตูหน้าต่างชั้นวางเสา
กอบสำเร็จเสร็จสรรพจับขัดเงา
ยากจะเอาออกดัดตัดเปลี่ยนแปลง

กำหนดจุดผุดโผล่โตเพียบผิด
พบจริตติดเพี้ยนเวียนผาดแผลง
นำผนึกผลึกก้อนร่อนตะแกรง
เพียรจัดแจงแทบดิ้นชั่วชินแล้ว

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: รู้อภัย ใจกว้าง แบบอย่างดี
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ วันที่ 08 ธันวาคม 2018, 21:02:12

เขาก็คนเดินดินกินแกงร้อน
รู้พักผ่อนหนาวเนื้อเสื้อหนาใส่
ชอบดีดสีตีเป่าเพลงเร้าใจ
รุ่งวันใหม่ว่ากลอนฟ้อนตุ้มมอง

ร่างหล่อล่ำทำงานคร้านวิ่งหนี
เพราะเกิดปีมะเมียกลัวเสียของ
สู้มิร่นชนศึกคึกคะนอง
นั่งจ๋อจ๋องก้มเงยเฉยเงียบเจียม

สบโอกาสฟาดปังชิงจังหวะ
หวัวฮ่าฮะชอบใจได้เต็มเปี่ยม
ยิ้มแก้มแดงแสร้งรักจั๊กกะเดียม
ถึงคราเหี้ยมแบบโหดโกรธหน้าดำ

ต้องร้อนเล่ห์เทกวนเย้ยยวนยั่ว
ยากขืนตัวบ่ายหันทันถลำ
รับศัตราคารมคมครอบงำ
จึงหลุดคำแรงจัดประหัตปราย

พอเหตุการณ์พล่านพลพหลพลิก
อีกาจิกแร้งจกนกเค้าจ่าย
ข่าวเฉลยเผยแพร่แชร์กระจาย
สำทับอายทั่วฟ้าทุกธานิน

เขาก็คนสองขามีตาหู
ไยข่มขู่คุกคามหยามติฉิน
พลั้งเดียวพูดปูดเปรี้ยงเสียงฤายิน
เห็นด่าวดิ้นบนทรายกี่รายนับ!

รพีกาญจน์