เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย

ยำไก่ย่าง
 เครื่องปรุง
ไก่ย่าง 1/2 ตัว
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วขาว (หรือน้ำปลา) 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
น้ำพริกเผา 3 ช้อนโต๊ะ
ผักชี 4-5 ต้น
มะเขือเทศ 1-2 ลูก
หอมหัวใหญ่ 1/4 หัว
พริกป่น 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ
1. นำไก่ย่างมาเลาะกระดูกออก ฉีกเป็นชิ้นขนาดพอดีคำแล้วพักไว้

2. ปลอกเปลือกหัวหอมใหญ่ เด็ดก้านมะเขือเทศ ตัดรากผักชี จากนั้น นำผักเหล่านี้ไปล้างน้ำให้สะอาด สะเด็ดน้ำ จากนั้น นำหัวหอมใหญ่มาหั่นตามยาวเป็นแว่น นำผักชีมาซอยหยาบๆ ส่วนมะเขือเทศ นำมาผ่าเป็น 4 ส่วน ควักไส้ออก แล้วหั่นเป็นชิ้นขนาดพอประมาณ

3. นำเครื่องปรุงต่างๆ คือ น้ำมะนาว น้ำพริกเผา ซีอิ้วขาว (หรือน้ำปลา) น้ำตาลทราย และพริกป่น มาผสมรวมกันในถ้วยผสม ชิมรสตามชอบ จากนั้น นำไก่ย่างที่ฉีกไว้ ผักต่างๆ และน้ำปรุงรส มาใส่รวมกันในชามผสม คลุกเคล้าให้เครื่องทุกอย่างเข้ากัน

4. ตักใส่จานที่จัดผักกาดหอมรองไว้ โรยหน้าด้วยผักชีเล็กน้อย จากนั้นก็ยกเสิร์ฟได้เลยครับ

Tip: เมนูนี้จะเปลี่ยนจากไก่ย่างมาใช้ไก่ทอดแทนก็จะอร่อยไปอีกแบบครับ
ทดลองทำแล้ว ไก่ย่างวิเชียรบุรีอร่อยสุดครับ (ไม่ได้โฆษณา)

กระทู้นี้ เรียนเชิญทุกท่านนำสูตรอาหารมาร่วมแบ่งปัน ลงไว้
เพื่อเป็นประโยชน์แก่ท่านที่ได้เข้ามาอ่าน
เพื่อจะได้ฝึกปรือฝีมือในการทำกับข้าว
เพื่อเป็นเสน่ห์ปลายจวักแด่ทุกท่าน ;D

- แอบมาจิ๊กสูตรเก็บไว้ เผื่อเอาไปทำกับข้าวให้แฟนในอนาคตครับ

แต่ว่าก่อนจะฝึกทำกับข้าว ต้องหาแฟนให้ได้ก่อน ฮิ ฮิ  ;D ;D

ยำใบบัวบก
ส่วนผสมยำใบบัวบก
ใบบัวบก 20 ใบ
กุ้งเสียบ 15 ตัว
น้ำพริกเผา 1 ช้อนโต๊ะ
มะพร้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 3/4 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลเล็กน้อย

วิธีทำยำใบบัวบก
- ล้างใบบัวบกให้สะอาด หั่นเป็นท่อนพอดีคำ พักไว้
- ผสมน้ำพริกเผา มะพร้าวคั่ว น้ำปลา น้ำมะนาว และน้ำตาลทรายเข้าด้วยกันเป็นน้ำยำ
- นำใบบัวบกมาคลุกเคล้ากับน้ำยำให้เข้ากัน จากนั้นตักใส่จานและโรยหน้าด้วยกุ้งเสียบ จัดแต่งให้สวยงาม พร้อมเสิร์ฟ
- นำปลากะพงที่ปั้นได้รูปแล้วเขาอบในเตา ก่อนที่จะนำไปทอดบนกระทะเทฟลอน ใส่น้ำสต๊อกผักลงไปเล็กน้อย
- แต่งหน้าด้วยมะเขือเทศหั่นขวาง ผักชี และใบสะระแหน่ พร้อมเสิร์ฟกับน้ำจิ้มรสเด็ด

หมายเหตุ : ใบบัวบก ช่วยควบคุมความดันโลหิตให้เป็นปกติ ชะลอความแก่ กระตุ้นการสมานแผลให้เร็วขึ้น เป็นต้น

ข้อมูลนี้เครดิตจากนิตยสารชีวจิต

ป่าเลอะ  ;D :o :o

- บังเอิญว่าผมเป็นคนรักความสะอาดอะครับ  ขยันเก็บกวาดใบไม้ทุกวัน

ป่าเลอะ เลยสะอ๊าด สะอาด 555+  :P :P :P

เห็นแล้วอยากกินจังเลย
ท่านสิราทดลองทำหรือยัง
วันไหนจะทำ เอามาเผื่อด้วยนะคะ
ของช้อบ ชอบ ขนาด

กำลังจะถาม ว่า สวนอาหาร บ้านกลอน อยู่ที่ไหน ว่างๆจะแวะไปกิน
ป๊าดดดดดโทะ อยู่ที่นี่เอง ;D ;D ;D

เป็นสาขาใหญ่ครับป้ามีสาขาเดียว...
ปีหน้าจะขยายสาขาที่ห้องจำนำสินค้าน่ะครับ ;D

แกงเขียวหวานสำหรับเด็ก
ส่วนผสม 
1.เนื้อไก่ 100 กรัม
2.หัวกะทิ  1 ถ้วย
 3.หางกะทิ (หรือใช้น้ำสต๊อกไก่) 1 ½ ถ้วย
4.ใบโหระพา ¼ ถ้วย
5.มะเขือพวง ½ ถ้วย 
6.พริกชี้ฟ้าเหลือง 1 เม็ด
7.น้ำปลา     2 ½  ช้อนโต๊ะ
8.น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสม (เครื่องแกง)
1.กระเทียมปอกเปลือก  3 ช้อนโต๊ะ
2.หอมแดงปอกเปลือก  2 ช้อนโต๊ะ
3.พริกชี้ฟ้าเขียว 1 เม็ด
4.ผักชีทั้งต้น   1 ต้น
5.ผิวมะกรูด   ½ ช้อนชา 
6.ตะไคร้ 2 ช้อนโต๊ะ
7.กะปิ 1 ช้อนชา
8.เกลือเล็กน้อย   

 วิธีการทำ
ให้ปั่นหรือโขลกเครื่องแกงทุกอย่างรวมกันจนเนียน นำไปตั้งไฟผัดกับหัวกะทิให้หอม จากนั้นใส่เนื้อไก่  ใส่หางกะทิแต่ถ้าทำให้เด็กทานให้เติมน้ำสต๊อกไก่ลงไปให้เจือจางได้  จากนั้นปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาลปี๊ป เมื่อเดือดแล้วปิดไฟใส่ใบโหระพา พริกเหลือง ใบมะกรูดและมะเขือพวง
     สำหรับเด็กครับอร่อย ๆ

- เมนูนี้ของโปรดผมเลยครับ ทำง่ายๆ อร่อยๆ  ;)


กุ้งแช่น้ำปลา

เครื่องปรุง

- กุ้ง 15 ตัว
- น้ำมะนาว 4 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมซอยบางๆ 10 กลีบ
- พริกขี้หนู 5 เม็ด
- น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
- มะระหั่นชิ้นเล็กๆ 1 ถ้วย
- ใบสะระแหน่ 1 ต้น


วิธีทำ

1. แกะเปลือก เด็ดหัวกุ้งออกให้หมด ผ่าหลังล้างให้สะอาด จัดใส่จานที่วางเรียงให้เรียบร้อย นำเข้าแช่ในตู้เย็นประมาณ 1/2 ช.ม.

2. นำมะระที่หั่นเป็นชิ้นบางๆ แล้วมาแช่ในน้ำเกลือ ประมาณ 5 นาทีแล้วใส่จานแช่ตู้เย็นไว้

3. เตรียมชามใส่น้ำปลา น้ำมะนาว พริกขี้หนูที่โขลกละเอียดแล้ว กระเทียม คนให้ส่วนผสมเข้ากันดี

4. นำจานกุ้งออกมาจากตู้เย็น ราดน้ำส่วนผสมที่ได้ลงบนตัวกุ้งให้ทั่ว โรยหน้าด้วยใบสะระแหน่ และมะระจัดวางไว้ข้างๆจาน รับประทานเป็นกับแกล้ม

เดี๋ยวจะทำ สตูลิ้นหมู ให้ทาน อร้อย อร่อยค่ะ ;D

ท่าน Conscious ขอสูตรกุ้งเต้นด้วยท่าจะดี
เอาแบบเต้นจริง ๆ นะครับ
แต่..อย่าให้มีรูดเสาเหมือนที่ท่านเบบี้กันชอบไปจองตั๋วนะครับ
 ;D ;D ;D
ป้ามอยเอามา 20

ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ป้ามอยแกไปเกี่ยวอะไรด้วยคะ
นั่งดูเฉยๆ ทำไมต้องเก็บตังค์ด้วย ;D ;D ;D ;D

แต่เดี๋ยวให้ ๑๐๐ ค่ะ ถูกใจมั่กมาก ;Dเนอะป้ามอยเนอะ

 :D :D...แสนถูกใจ  กระทู้นี้  เป็นที่สุด
ชะงักหยุด  ดูอาหาร  นานหนักหนา
เมนูโปรด   ทั้งนั้น    ท่านนำมา
พี่ศิรา       ตั้งกระทู้  ดูน่ากิน... :P

...เห็นแล้วหิวเลยอ่ะค่ะ.... ;D

เหมาะในการกินแบบสบายๆเป็นกับแกล้ม นั่งพูดคุยเฮฮาปาร์ตี้ เบียร์เย็นๆ เหล้านุ่มๆ
ลมพัดเอื่อยๆ  เพลงเบาๆ
ว๊าว สุดยอด  ไปกันเถอะค่ะ ;D

อ้าว...เดี๋ยวมะเข้าข้างนะเอ้า!

โอ๋ โอ๋  ยินดีค่ะ รีบๆมาอยู่ข้างๆทีเถอะ
 รู้สึกเปลี่ยว เอ้ย โดดเดี่ยวเหลือเกิ๊น :'(

ขนมจีนน้ำเงี้ยว (สูตรสาวลำปาง)

เครื่องปรุง
ซี่โครงหมู ตัดเป็นชิ้น 1x1 นิ้ว (ต้มให้นุ่ม) 1/2 กิโลกรัม
เลือดหมู หั่นสี่เหลี่ยม 1/2x1/2 นิ้ว 1/2 กิโลกรัม
มะเขือเทศลูกเล็ก ผ่าครึ่ง 1/2 กิโลกรัม เ
กลือ 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำซุป (น้ำต้มกระดูกหมู กรองเอาเฉพาะน้ำ) 6 ถ้วย เครื่องแกง พริกแห้ง 7 เม็ด
รากผักชีหั่นฝอย 1 ช้อนชา
ข่าหั่นละเอียด 1 ช้อนชา
ตะไคร้ซอย 2 ช้อนชา
กะปิ 2 ช้อนชา หอมแดง 7 หัว
กระเทียม 3 หัว

วิธีทำ
1 โขลกเครื่องแกงให้ละเอียด นำลงผัดในน้ำมันพืช พอหอม ใส่หมูสับ
2 เทลงในหม้อน้ำต้มกระดูกหมู ใส่ซี่โครงหมู แล้วใส่เลือดหมู และมะเขือเทศ
3 ปรุงรสด้วยเกลือ พอเดือดอีกครั้ง ยกลง เสร็จขั้นตอนทำน้ำเงี้ยว
4 จัดขนมจีนใส่จานพร้อมเครื่องเคียง ราดด้วยน้ำเงี้ยวที่ทำไว้ รับประทานกับแคบหมู ผักกาดดอง ถั่วงอก ต้นหอม ผักชี พริกทอด กระเทียมเจียว

เครดิตจาก ลำปาง 108.com
ทำเลี้ยงมิตติ้งห้องกลอนท่าจะดี ;D

เอากับข้าวทั้งหมดในกระทู้นี้ด้วย บ๋อ
น่าจะดีเนอะ ท่านปอ เนอะ

55555555555555555555555555555555555555555555
คาดเดาไว้ว่า...
น่าจะกำลังสืบค้นข้อมูล...
เพื่อตามหาเบอร์โทรศัพท์....
555555555555555555555555555555555555555555555
ใช้ M อย่างเดียวครับป้า
Sitiya_por@hotmail.com

ใจร้ายจังอ่ะ
ถ้าพรุ่งนี้ เอาคอมพ์ไปให้ที่วัด เกิดหลงทางขึ้นมา
ท่านสิราไม่ห่วงเหรอ ว่าตอนนี้หลงไปเวียงเชียงรุ้ง ขุนตาล หรือเปล่า
ถ้าบ่ายๆ ค่ำๆ ยังไปไม่ถึงเลยล่ะ
แง แง  แล้วจะโทร หาใครได้เล่า แง แง(http://upic.me/i/ts/kgrm3.gif) (http://upic.me/show/5168698)
(http://upic.me/i/ts/kgrm3.gif) (http://upic.me/show/5168698)

- เนื่องจากว่าผมเป็นคนที่น่ารักครับ เมื่อมี Request มา ผมก็เลย Response ให้ 555+   ;D ;D ;D

ยำกุ้งเต้น


เครื่องปรุง

- กุ้งฝอย
- ข้าวคั่ว
- ต้นหอมซอย
- ผักชีฝรั่งซอย
- พริกป่น
- น้ำปลา
- มะนาว

* ปริมาณของเครื่องปรุง จัดไปตามแต่ความแซ่บตามที่ท่านชอบครับ  ;)


วิธีทำ

1. นำกุ้งฝอยเป็นๆ ล้างให้สะอาด ช้อนใส่กระชอนพักไว้ให้สะเด็ดน้ำก่อน แล้วเทใส่หม้อ
แล้วเวลาปรุงให้เอากุ้งมาใส่ในชามที่มีฝาปิดพอเหมาะ

2. ใส่น้ำมะนาว พริกป่น ข้าวคั่ว น้ำปลา ผักชีฝรั่ง ต้นหอม คลุกเคล้าให้เข้ากัน

3. ชิมรสตามชอบ โรยหน้าด้วยใบสะระแหน่และพริกขี้หนูสด รับประทานกับผักสด  เช่นถั่วฝักยาว กะหล่ำปลี ฯลฯ เป็นอาหารกับแกล้มจานอร่อยอีกเมนูหนึ่งครับ


ป.ล. เวลานำมาทานกุ้งจะกระโดดดึ๋งดั๋งกันในปากของท่าน ไม่แนะนำเมนูนี้สำหรับคนที่บ้าจี้ครับ 555+  ;D ;D

เห็นภาพแล้วน้ำลายไหลจริง ๆ
น่าจะเป็นสูตรอีสานใช่ไหมครับ
เพราะเห็นมีข้าวคั่วด้วย

สุดยอดครับ กำเสี่ย ฮ่อ ๆ หลายเด้อ ;D

ส้มตำปูปลาร้า(รสเด็ด)

ส่วนผสม
มะละกอดิบ  2 ถ้วย
กระเทียม  3 กลีบ
พริกขี้หนู  5-6 เม็ด
มะเขือเทศผ่าครึ่ง 1-2 ลูก
ปูดอง  1-2 ตัว
ถั่วฝักยาวหั่น 1 ฝัก
น้ำปลาร้าต้ม(ใส่เนื้อปลาร้าด้วยก็ได้) 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
กุ้งแห้ง 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว หรือ น้ำมะขามเปียก 1/4 ถ้วย
น้ำตาลปี๊ป 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. ปลอกมะละกอ และล้างด้วยน้ำให้สะอาด แล้วทำการเฉาะและสับ แล้วใช้มีด ฝานให้เป็นเส้นๆ
        หรืออาจใช้ที่ไสมะละกอแทน
2. ใส่กระเทียมและพริกขี้หนู ลงในครก แล้วตำให้พอแตก แล้วตามด้วยถั่วฝักยาว ตำให้แหลก
3. ใส่มะเขือเทศ น้ำมะนาว น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา น้ำปลาร้า แล้วตำให้เข้ากัน
4. ใส่มะละกอ แล้วตามด้วยปูดอง(ดึงกระดองปูด้านในทิ้งก่อน)แล้วตำเบาๆ คลุกเคล้าให้เข้ากัน
5. ชิมแล้วปรุงจนชอบ ตักใส่จานทานพร้อมผักสด

     ไม่รู้ว่าจะมีใครชอบเหมือนศิราน้อยไหมนะ
น้ำฝรั่งเย็น ๆ ตอนอากาศกำลังร้อน..หรือตอนกำลังโมโหให้ป้ามอย เนี่ย...
ชื่นใจมั๊ก! ๆ

น้ำฝรั่ง
ส่วนผสม
ฝรั่งแก่จัด (หั่นชิ้นเล็กๆ                        30    กรัม  (2 ช้อนคาว)
น้ำต้มสุก                                          200  กรัม  (14 ช้อนคาว )
น้ำเชื่อม                                           15   กรัม  ( 1  ช้อนคาว)
เกลือป่นเล็กน้อย                                 2   กรัม  (2/5 ช้อนชา )


วิธีทำ
     เลือกฝรั่งสดที่แก่จัด  ล้างน้ำสะอาด ฝานเฉพาะเนื้อชิ้นเล็กๆ  นำใส่เครื่องปั่น  เติมน้ำสุกปั่นจนละเอียด  แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง เติมน้ำเชื่อมและเกลือป่นเล็กน้อย  ชิมรสตามใจชอบ

ประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับ
     คุณค่าทางอาหาร  มีวิตามินซีสูงช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟันและมีสารเบต้า-แคโรทีนช่วยสารพิษในร่างกายทั้งยังป้องกัน  ไม่ให้มีไขมันจับที่ผนังหลอดเลือด  ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดแข็งตัว
        
คุณค่าทางยา  
     ช่วยลดระดับไขมันในเลือด ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ป่วยเส้นเลือดอุดตัน

จัดทำโดย
จินดาพรรณ์  กรองทองjindapunkt@yahoo.com
เอกสารอ้างอิง หนังสือ สมุนไพรไทยเพื่อสุขภาพ
จาก  สำนักงานคณะกรรมการการสาธารณะสุขมูลฐาน

น้ำกระเจี๊ยบ

ส่วนผสม
- ดอกกระเจี๊ยบสด/แห้ง 20 กรัม ( 5 ดอก )
- น้ำเชื่อม 30 กรัม ( 2 ช้อนคาว )
- น้ำเปล่า 200 กรัม ( 14 ช้อนคาว )
- เกลือป่นเสริมไอโอดีน 2 กรัม ( 2/5 ช้อนคาว )

วิธีทำ

1.เอาดอกกระเจี๊ยบสดหรือแห้งก็ได้ ล้างน้ำทำความสะอาด นำใส่หม้อต้ม จนเดือด แล้วลดไฟลงอ่อนๆเคี่ยวเรื่อยๆจนน้ำเป็นสีแดงจนเข้มข้น
2.เอาดอกกระเจี๊ยบขึ้นจากหม้อต้ม แล้วเอาน้ำเชื่อมและเกลือใส่ลงไป ปล่อยให้น้ำกระเจี๊ยบเดือด 1 นาที ยกลงชิมรสตามชอบ
3.เอาขวดเปล่ามาล้างทำความสะอาด ต้มในน้ำเดือด 20 นาที นำน้ำกระเจี๊ยบแดงมากรอกแล้วปิดจุกให้แน่น แช่ตู้เย็นเก็บไว้ได้นาน ...หรืออีกวิธีหนึ่ง...นำดอกกระเจี๊ยบมาตากแห้ง แล้วนำมาบดเป็นผง นำผงกระเจี๊ยบครั้งละ 1 ช้อนชา ชงในน้ำเดือด 1 ถ้วย(250 มิลลิกรัม)

ประโยชน์ที่ร่างกายได้รับ
คุณค่าทางอาหาร : ให้วิตามินเอสูงมาก ช่วยบำรุงสายตา รองลงมามี แคลเซียม ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน

คุณค่าทางยา : ช่วยขับปัสสาวะ ลดความดันโลหิต เป็นยาระบายอ่อนๆ และช่วยแก้อาการกระหายน้ำ

ไม่เข้าใจ ไม่ ยอมเก็ท ค่ะท่านสิรา
มีแต่ป้ามอย จะต้องโมโหใครๆต่อใครมากมาย
จะมีใครกล้ามาโมโห เรา wah ;D

สมาชิกฯที่ใช้อักษร กอ ไก่ เปลืองที่สุดเป็นอันดับ ๑

ถ้าเป็นเครื่องพิมพ์ดีดแบบเก่า คงได้เปลี่ยนไปหลายครั้งแล้ว เพราะมันสึกมากกกก... :D

น้ำใบเตยหอม
ส่วนผสม
1. ใบเตยสด 3 ถ้วย
2. น้ำสะอาด 8 ถ้วย
3. น้ำตาลทราย 2 ถ้วย
4. น้ำแข็ง

วิธีทำ
     ใบเตยสดที่ไม่แก่มากเก็บใหม่ๆ ล้างทีละใบให้สะอาด แช่น้ำด่างทับทิมหรือน้ำเกลือ 10-15 นาที นำมาหันตามขวางเป็นชิ้นเล็กๆ แบ่งเป็นสองส่วน ส่วนที่หนึ่งใส่ลงในหม้อที่มีน้ำกำลังเดือด ต้มเคี่ยว 5-10 นาที เติมน้ำตาลทรายให้รสหวานจัด กรองเอากากออก ใบเตยที่หั่นแล้วส่วนที่สองปั่นให้ละเอียด โดยเติมน้ำ กรองเอากากออก เติมน้ำที่คั้นได้ซึ่งมีสีเขียวและกลิ่นหอมลงในหม้อที่เติมน้ำตาลและกำลังเดือด ชิมให้มีรสหวาน พอเดือดรีบยกลง เมื่อดื่มใส่น้ำแข็งบดละเอียด

คุณค่าทางโภชนาการ
     ใบเตยสดมีน้ำมันหอมระเหย รสหวาน หอม มัน และมีสีเขียวที่นิยมใช้แต่งสีอาหาร เป็นสารคลอโรฟิลล์

สรรพคุณ
     ใบสด ต้มกับน้ำดื่ม ลดอาการกระหายน้ำ บำรุงหัวใจ ทำให้ชุ่มชื่น
ต้นและราก เป็นยาขับปัสสาวะ รักษาโรคเบาหวาน และแก้กระษัยน้ำเบาพิการ

ที่มา :
     สถาบันการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารสุข : น้ำสมุนไพร 108


 
..

กั๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ;D

ท่านสิรา รูปหล่อ พ่องาม น่ะหรือ
ไม่เชื่อแล้วค่ะ เพราะเห็นตัวจริงแล้ว
แบบหล่อยังไม่เรียบร้อย ต้องกลึง เกลา ตัดคม ตัดเหลี่ยมบางส่วนออกค่ะ
เอิ๊กกกกกกกกกกกกกกกก ;D ;D ;D

เป็นสมาชิกที่ใช้อักษร กอ ไก่ เปลืองเป็นอันดับ ๒  ;D

จ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
แว๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เอิ๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
คิกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ต้องรีบแซง อยากได้อันดับ ๑

คิกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

น้ำมะพร้าวปั่น

ส่วนผสม

1. น้ำมะพร้าวน้ำหอม 1 ลูก
2. เนื้อมะพร้าวขูด
3. นมสด
4. น้ำเชื่อม
5. น้ำแข็ง

ลงมือเข้าครัวทำน้ำมะพร้าวปั่น
1. เริ่มจากการใส่น้ำแข็งลงไปในโถปั่น ตามด้วยน้ำมะพร้าว นมสดพอประมาณ และน้ำเชื่อมอีกเล็กน้อย จากนั้นก็เปิดเครื่องปั่นจนน้ำแข็งละเอียด
2. เติมเนื้อมะพร้าวลงไปครึ่งหนึ่ง จากนั้นกดปั่นอีกครั้ง โดยใช้เวลาประมาณ 3 วินาที หอให้เนื้อมะพร้าวแหลกแบบหยาบๆ
3. เทใส่แก้ว วางเนื้อมะพร้าวส่วนที่เหลือด้านบน พร้อมเสริฟได้ทันที

โอ๋ โอ๋
แต่ยังไงก็ตาม
ยังหล่อกว่าคนอื่นๆๆๆๆๆๆอีกเยอะ ;D

โอ๊ยยยยยยยยยยยย
เห็นกับแกล้ม แล้ว
หิววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว ;D
จังเลย จ้ะ
ยังไม่ได้กินอะไรเลย

อีกอย่างหนึ่ง  ต้องทำการขัดสี ออก ทาแชล็ค ลงแว๊กซ์ใหม่
หวา สงสัยต้องบูรณะปฎิสังขรณ์ใหม่ หมด ค่ะท่านสิรา
จึงจะหล่อแบบ วอน บินห์  หรือ   บิน  หล่อ ซุก หรือศิรา หล่อ  ซุก

(กั๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
คิกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ;D)
ต้องใช้ ก ให้มากที่สุด

ต้มปลาช่อนใบมะขามอ่อน (สูตรอีสาน)
       
สำหรับเครื่องปรุงที่ต้องเตรียมก็มี
       
       ปลาช่อน 1 ตัว
       ต้นหอม ผักชีหั่นเป็นท่อนๆ 3 ต้น
       ตะไค้ทุบตัดเป็นท่อน 2 ต้น
       น้ำปลา 2-3 ช้อนโต๊ะ
       น้ำสะอาด 1-2 ถ้วย
       พริกขี้หนู 3-4 เม็ด
       ใบมะขามอ่อน 1/2 ถ้วยตวง
       ข่าอ่อนหั่นเป็นแว่น 3-5 แว่น
       ใบมะกรูด 5-6 ใบ
       เกลือป่น 1 ช้อนชา
       
วิธีทำ
      เริ่มจากล้างปลาช่อนให้สะอาด ตัดหัว ขอดเกล็ด ควักไส้ออก แล้วหั่นปลาเป็นท่อนๆ แล้วหันไปตั้งหม้อต้มน้ำ พร้อมกับใส่ข่า ตะไคร้ และเกลือลงไปในหม้อด้วย ต้มต่อจนน้ำเดือดแล้วจึงใส่พริกที่ทุบพอให้บุบ ตามด้วยปลาช่อนลงไปต้มจนปลาสุก
         
      จากนั้นปรุงรสให้อร่อยด้วยน้ำปลา เกลือ และใบมะขาม ซึ่งจะให้รสเปรี้ยวนิดๆ และกลิ่นหอมของมะขาม เรียบร้อยแล้วยกลง ตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยใบมะกรูด ต้นหอม และผักชี ก็เป็นอันได้เมนูอร่อย “ต้มปลาช่อนใบมะขามอ่อน” ซดน้ำคล่องคอ จะกินกับข้าวเหนียวนุ่มๆ หรือข้าวสวยร้อนๆ ก็อร่อยได้เหมือนกัน

ไม่ต้องทา ค่ะ เสียเวลา
จุ่มลงไปทั้งตัว แป๊บเดียวก้ได้แล้วค่ะ ;D

แกงอ่อมปลาดุก
ส่วนผสม

ปลาดุกตัวขนาดกลางหั่นเป็นชิ้น     1 ตัว
ผักชีลาวหั่น                              5 ต้น
ต้นหอมหั่น                               3 ต้น
มะเขือเปราะหั่นเป็นซีก                 3 ลูก
มะเขือพวง                                2 ช้อนโต๊ะ
ใบแมงลัก                                 1 ต้น
พริกขี้หนูสด                             15 เม็ด
ตะไคร้หั่น1
ต้น หอมแดง                              4 หัว
ข้าวเหนียวดิบแช่น้ำให้นิ่ม              2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา                                     2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลาร้า                                1/2 ถ้วย
น้ำเปล่า                                     2 ถ้วย
พริกชี้ฟ้าแดงสำหรับโรยหน้า           1 เม็ด

วิธีทำ

1. ล้างปลาดุกให้สะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้น หันไปตั้งหม้อต้มน้ำเปล่าให้เดือด ระหว่างนั้นโขลกหอมแดง พริกขี้หนูสดให้ละเอียดแล้วใส่ลงในหม้อ ส่วนข้าวเหนียวที่แช่น้ำไว้ก็โขลกให้ละเอียดแล้วตักลงหม้อตามไป ข้าวเหนียวดิบโขลกหรือข้าวเบือนี้จะทำให้น้ำแกงออกข้นเล็กน้อย

2. จากนั้นใส่มะเขือพวง และมะเขือเปราะผ่าซีก ซึ่งเป็นผักที่สุกช้าลงไปก่อน เสร็จแล้วปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำปลาร้า พอน้ำเดือดดีแล้วใส่ปลาดุกที่หั่นเป็นชิ้นๆ เมื่อใส่ลงไปแล้วพยายามอย่าคน เพราะจะทำให้เหม็นคาวปลา กะเวลาสักพักให้ปลาสุกดีแล้ว จึงใส่ผักชีลาว ต้นหอม ตะไคร้ และใบแมงลักตามลงไป ใช้ทัพพีกดให้ผักจมน้ำ ปิดฝาหม้อไว้สักครู่ให้ผักสุก เวลาเสิร์ฟหั่นพริกชี้ฟ้าแดงโรยหน้า กินร้อนๆ กับข้าวเหนียวหรือข้าวสวย

ขนมไมตรี

เครื่องปรุง
อภัย 1 ถ้วย, ความหวังดี 1/2 ถ้วย, ความปราถนาดี 2/3 ถ้วย, วาจาไพเราะพอประมาณ, ความเห็นใจ 1/2 ถ้วย,ยิ้มแฉล้มตามต้องการ,ความโอบอ้อมอารี 2 ถ้วยใหญ่ ๆ


วิธีปรุง กวนความหวังดีและอภัยให้เข้ากัน
เตรียมวาจาไพเราะพอประมาณ
ค่อย ๆ ผสมความปราถนาดีลงไป ส่วนความเห็นใจกับความโอบอ้อมอารีบรรจงคนให้เข้ากันกับส่วนอื่น ๆ
นำไปอบในหัวใจที่อบอุ่น โดยมีน้ำใจหรือยิ้มแฉล้มเป็น ครีมราดหน้า
แล้วแจกจ่ายกันรับประทานบ่อย ๆ โดยทั่วกัน


ขนมไมตรี

ในวันนี้..เป็นวัน..ที่แสนดี
ทำขนม..ไมตรี..กันหน่อยไหม
เริ่มต้นเตรียม..เครื่องปรุง..ความจริงใจ
อีกหวังดี..ยิ้มละไม..ให้นำมา

เลือกเห็นใจ..อารี..มีโอบอ้อม
ความรักพร้อม..สงสาร..วานสรรหา
ทั้งสุ่มเสียง..ฟังเสนาะ..เพราะวาจา
เป็นตำรา..ผูกมิตร..จิตสัมพันธ์

วิธีปรุง..นั้นง่าย..ไม่ยุ่งยาก
เราเริ่มจาก..ผสม..ส่วนสร้างสรรค์
คือรอยยิ้ม..และหวังดี..ตีเข้ากัน
แล้วจากนั้น..เทจริงใจ..ใส่ตามมา

ตักวาจา..ไพเราะ..เหยาะไปด้วย
รักหนึ่งถ้วย..ค่อยค่อยริน..นะคุณขา
เมื่อเข้มข้น..หยิบเห็นใจ..ในแววตา
ช่วยผสาน..คุณค่า..ความอารี

บรรจงคน..ให้เข้ากัน..ทุกสัดส่วน
ทุกกระบวน..สำคัญ..นั้นอยู่ที่
นำไปอบ..ในหัวใจ..อุ่นพอดี
ขนมนี้..อยู่ได้..ไร้เวลา

อย่าลืมโรย..ความสงสาร..อีกสักหน่อย
เพิ่มอร่อย..ติดใจ..ใครถามหา
แล้วแจกจ่าย..รับประทาน..กันทุกครา
หากพบหน้า..หรือฝากให้..ถ้าไม่เจอ

ขนมไมตรี..มีคุณค่า..ทางอาหาร
จะเบิกบาน..อิ่มหัวใจ..ใคร่เสนอ
หากใครทำ..พบสุข..ทุกข์ไม่เจอ
ว่าไงเธอ..พร้อมไหม..ไปปรุงกัน

....................................................
..ขนมไมตรี..
ให้คุณค่า..คือความอิ่มใจและสุขใจ



สารภาพว่า....ไม่ได้แต่งเองแต่เอามาจากที่นี่ http://www.pantown.com  ;)

 :o :o :o :o :o


 ;D ;D ;D ;D ;D

หมูทอดกระเทียมฯ
เครื่องปรุง
- หมูสันนอก   
- แป้งมัน
- ซีอิ๊วขาว
- น้ำมันพืช
- กระเทียม
- พริกไทยสด
- รากผักชี
- คื่นฉ่ายหั่นละเอียด
- เกลือ
- เนยจืด
- พริกไทย
- กระเทียมเจียวไม่ต้องเอาเปลือกออก(สำหรับโรยหน้า)
 
วิธีทำ
1. นำหมูสันนอกหั่นชิ้นหนาพอควรแล้วนำไปทุบให้ชิ้นหมูเสมอกัน
2. โขลกกระเทียม พริกไทย รากผักชีให้ละเอียด
3. นำชามผสมใส่หมูที่ทุบเตรียมไว้ใส่กระเทียมพริกไทยรากผักชีที่โขลกแล้วคลุกกับหมู ให้เข้ากันปรุงรสด้วย ซีอิ้วขาว แป้งมัน หมักไว้ค้างคืน
4. เวลาทอดเขี่ยเอาเศษเครื่องที่หมักออกให้หมดแล้วนำไปทอดในกระทะแบนที่มีน้ำมัน และเนยตั้งไฟให้ร้อนทอดจนกระทั่งสุกเหลือง พักไว้
5. ในอีกกระทะหนึ่งใส่เนยพอร้อน นำพริกไทยสด คึ่นฉ่ายหั่นละเอียด ผัดจนกระทั่งหอม ปรุงรสด้วยเกลือ ซีอิ้วขาว
6. วิธีการจัดจานเสริฟ นำชิ้นหมูที่ทอดแล้ววางบนจาน ราดด้วยเครื่องปรุงรสข้อ 5 โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว และวางข้าง ๆ จานด้วยกระเทียมทอดทั้งหัว
 
 
 
 

จะพยายามทำ แจกจ่าย และทานขนมไมตรี ให้มากที่สุดค่ะ

คะน้าหมูกรอบ
 
ส่วนผสม

1.คะน้า 2 ต้น
2.หมูกรอบ 1 ชิ้น
3.พริกขี้หนูบุบ 5 เม็ด
4.กระเทียมสับ ๒ ช้อนโต๊ะ
5.น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
6.น้ำตาลทราย 1/4 ช้อนชา
7.รสดีหมู 1/2 ช้อนโต๊ะ
8.น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1.คะน้าแกะเป็นก้านๆ ล้างน้ำให้สะอาดแล้วหั่นเป็นท่อนๆ ใส่จานไว้
2.นำพริกขี้หนู กระเทียมสับ น้ำมันหอย น้ำตาลทราย ใส่ลงในจานคะน้าไว้
3.เอาน้ำมันพืชใส่กระทะตั้งไฟพอร้อน ใส่คะน้าพร้อมกับเครื่องปรุงทั้งหมดลงไป ผัดเร็วๆ ตักใสจานเสริฟได้ทันที

ท่านอา ตะ มะ ซัง  ห้าม  ;Dฉัน  ไม่ ให้ กิน เยอะ ได้ยังไง
ดูสิกับข้าวแต่ละอย่างที่นำมาเสนอ
อร้อย อร่อยทั้งนั้น ;D

หัก!! ห้ามใจไว้ป้า...
ระวังอ้วน ;D

ข้าวผัดอเมริกัน (American Fried Rice)

เครื่องปรุงข้าวผัด
 1. ข้าวสวย
2. เนยเค็ม
3. หอมหัวใหญ่
4. ลูกเกด
5. พริกหวาน
6. ซอสมะเขือเทศ
7. แครอท
8. ซีอิ้วขาว, เกลือ, น้ำตาลทราย
9. ไส้กรอก
10. ไข่ไก่

ส่วนที่ต้องเตรียม
- นำปีกไก่หรือน่องไก่ที่เราจะใช้ทอดเพื่อเป็น เครื่องเคียงทานกับข้าวผัดไปหมักกับซีอิ้วขาว น้ำตาล น้ำมันหอยและพริกไทย นำไปแช่เย็นไว้สัก 2 ชม.
- เมื่อเตรียมเครื่องปรุงเรียบร้อย ก่อนที่จะเริ่มทำข้าวผัดก็นำไก่ที่หมักจนได้ที่แล้วออกจากตู้เย็น ชุบแป้งโกกิทอดให้กรอบนอกนุ่มใน
- ส่วนไส้กรอกก็จัดการผ่าหัวท้าย แล้วทอด
- ไข่ไก่เอาไปทำไข่ดาวเตรียมไว้โปะหน้าข้าวผัดเลย

วิธีทำข้าวผัด
 1. หอมหัวใหญ่ปอกเปลือกหั่นตามยาว ลูกเกดล้างแล้วสะเด็ดน้ำ พริกหวานและแครอทหั่นเต๋าเล็กเตรียมไว้
2. นำกระทะตั้งไฟใส่เนยลงไป พอละลายใส่หอมหัวใหญ่ลงผัดจนหอม แล้วตามด้วยลูกเกด พริกหวาน แครอท ซอสมะเขือเทศ ผัดให้เข้ากัน
3. ใส่ข้าวสวยลงไปแล้วเร่งไฟแรง คนให้ข้าวเข้ากับส่วนผสมอื่นชิมรสนิดนึง แล้วเหยาะซีอิ้วขาว เกลือ และน้ำตาลทรายเพิ่มอย่างละนิดอย่างละหน่อยก็พอ หรือถ้ารสชาติถูกใจแล้วก็ไม่ต้องใส่
4. เสร็จแล้วตักใส่ถ้วย กดให้แน่นนิดหน่อย แล้วคว่ำถ้วยลงบนจานที่จะใช้เสิร์ฟ แล้วจัดไก่ทอด ไส้กรอกและไข่ดาวลงในจาน

ถ้าชอบทานผัก เราก็ทำผัดผักทานเคียงอีกด้วย ก็แค่ผัดมะเขือเทศ เห็ดหอม พริกหวาน และถั่วแขกกับน้ำมันนิดหน่อย ปรุงรสด้วยน้ำมันหอยและซีอิ้วขาวนิดๆ ก็เรียบร้อย อื้อ..อิ่มตื้อเลยค่า

โอ มายก๊อด เวรี่ เวรี่กู๊ด เวรี่ดีลิเชียส ;D ;D ;D
ไอ แอม ฮังกรี้ โซมัช
ข้าวผัดอเมริกัน ต้องพูดเป็นภาษาอังกฤษ ;D ;D

ข้าวผัดหนำเลี้ยบ ต้องพูดจีน ฮ่อ ฮ่อ ;D

ข้าวผัดหมู

เครื่องปรุง  
ข้าวสวย                                                  1          ถ้วย
เนื้อหมูหั่นชิ้นพอคำ                                   ¼         ถ้วย
ไข่ไก่                                                  1             ฟอง
มะเขือเทศหั่นเสี้ยว                                 ½            ลูก
หอมใหญ่หั่นเสี้ยว                                    2            ช้อนโต๊ะ
ต้นหอมซอย                                         ½            ช้อนโต๊ะ
กระเทียวสับ                                         1              ช้อนชา
น้ำตาลทราย                                         ½            ช้อนชา
ซีอิ๊วขาว                                                  1          ช้อนโต๊ะ
น้ำมัน                                                  3             ช้อนโต๊ะ
  
วิธีทำ ข้าวผัดหมู
 1.ใส่น้ำมันในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน ใส่กระเทียม เจียวพอหอม ใส่หมู ผัดพอสุก ต่อยไข่ใส่ ผัดยีให้กระจาย สักครู่ ใส่มะเขือเทศ หอมใหญ่ ผัดสักครู่ ใส่ข้าว ผัดให้เข้ากัน
2.ปรุงรสด้วยน้ำตาล ซีอิ๊วขาว ผัดให้เข้ากัน ใส่ต้นหอมซอย ผัดพอทั่ว ปิดไฟ ยกลง
3.ตักข้าวผัดหมูใส่จาน รับประทานข้าวผัดหมูพร้อมต้นหอม แตงกวา เสิร์ฟพร้อมมะนาว

ตำกระท้อน (มะทืน, มะตื๋น!) ;D

สิ่งที่ต้องเตรียม
กระท้อนปุยฝ้าย 1 ลูก
มะเขือเทศ 1 ลูก
ถั่วฝักยาว 1 ฝัก
กุ้งแห้ง 2 ช้อนโต๊ะ
หอมแดง 3 หัว
พริกขี้หนูแห้ง 10 เม็ด
กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
ถั่วลิสงคั่ว

วิธีทำ
- นำกระท้อนมาปอกเปลือกล้างน้ำเกลือแล้วสับกระท้อนทั้งลูกเตรียมไว้ (แล้วแต่ถ้าใครชอบทั้งเมล็ดก็ใส่หมดเลย ของเราไม่ใส่เพราะเพื่อนบอกเกะกะจานขี้เกียจแทะเรายังแอบเสียดายอยู่เลย)
- ตำพริกขี้หนู ปอกเปลือกหอมแดงแล้วหั่นหยาบๆ ใส่ลงไปตำพร้อมกับกะปิ และน้ำตาลปี๊บ
- เติมกุ้งแห้งตำพอแหลก ใส่ถั่วฝักยาวตำพอบุบ ใส่มะเขือเทศ แล้วตามกระท้อนสับที่เตรียมไว้ ลงตำคลุกเคล้าให้เข้ากัน
- ปรุงรสด้วยน้ำปลา ชิมรสตามชอบ ถ้าใครใช้กระท้อนที่มีรสเปรี้ยวอยู่แล้วก็ไม่ต้องเติมน้ำมะนาว แต่ของเราใช้กระท้อนปุยฝ้ายเลยต้องเติมน้ำมะนาวเพิ่มอีกทีเพื่อเพิ่มรสชาติ
- เสร็จแล้วตักใส่จานโรยหน้าด้วยถั่วลิสงคั่ว ทานแกล้มกับผักสดอร่อยมากโดยเฉพาะใบชะพลู

หมายเหตุ
     ถ้าใช้กระท้อนที่มีรสเปรี้ยวให้ทุบก่อนปอกเปลือกนะจ๊ะ เห็นเค้าบอกว่าจะทำให้หวานขึ้นและไม่ฝาดด้วย

เพิ่งกินข้าวต้ม โจ๊กไปแหม็บๆๆ
 ว้าก   คิกขุ จัง    :Dหิวอีกแล้ว หิวอีกแล้ว
เห็นอะไรก็น่ากินไปโม้ดเลยอ่ะ ท่าน อา ตะ มะ ซัง ;D

ลำลำ  ;D

สวนอาหารบ้านกลอน เปิดตอนกี่โมงคะ
มีดนตรี คาราโอเกะด้วยหรือเปล่า
เห็นอาหารแล้วอยากไปนั่งจังเลยค่ะ

ยำกบสูตรล้านนา 
      ยำกบ เป็นอาหารประเภทยำ ที่นำเอาส่วนผสมที่เป็นของที่สุกแล้ว ลงไปผสมกับเครื่องปรุง ถือเป็นอาหารชั้นดีชนิดหนึ่ง เช่นเดียวกับยำจิ๊นไก่ แต่ไม่นิยมทำเลี้ยงในงานบุญ หรืองานพิธี อาจะเป็นเพราะกบมีราคาแพง และหายากกว่าไก่ เครื่องปรุงมีมากกว่ายำจิ๊นไก่ เพื่อดับกลิ่นคาวของกบ ได้แก่ ข่า มะแขว่น เพิ่มตะไคร้ลงในเครื่องแกงด้วย บ้างนำพริกลาบ หรือเครื่องปรุงลาบ มาเป็นเครื่องปรุง   
   
เครื่องปรุง

1. กบย่างไฟ 200 กรัม 
2. ข่า 5 แว่น 
3. ตะไคร้ 1 ช้อนโต๊ะ 
4. ใบมะกรูด 5 ใบ 
5. ผักไผ่ 1 ช้อนโต๊ะ 
6. สะระแหน่ 1 ช้อนโต๊ะ 
7. ผักชี 1 ช้อนโต๊ะ 
8. ต้นหอม 1 ช้อนโต๊ะ 
9. ผักชีฝรั่ง 1 ช้อนโต๊ะ 
10. กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ 
11. หอมแดงซอย 2 ช้อนโต๊ะ 
12. น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ 
 
 เครื่องแกง
1. พริกขี้หนูแห้ง 7 เม็ด 
2. มะแขว่นคั่ว 1 ช้อนชา 
3. ดีปลีคั่ว 1 ผล 
4. เม็ดผักชีคั่ว 1 ช้อนชา 
5. กะปิ 1 ช้อนชา 
6. ปลาร้าต้มสุก 1 ช้อนชา 
7. เกลือ 1 ช้อนชา 
 
วิธีทำ
1. สับกบย่างเป็นชิ้นขนาดพอคำ
2. โขลกเครื่องแกงรวมกันให้ละเอียด
3. เจียวกระเทียมกับน้ำมัน ใส่เครื่องแกงลงผัดให้หอม
4. ใส่น้ำ พอเดือด ใส่ข่า ตะไคร้ และใบมะกรูด
5. ใส่หอมแดงซอย ใส่เนื้อกบ
6. โรยด้วยผักชีต้นหอม ผักชีฝรั่ง ผักไผ่ และสะระแหน่
 
เคล็ดลับในการปรุง
     กบควรย่างไฟให้เนื้อแห้งหมาด การต้มกบทำให้เนื้อกบนิ่ม ฉีกง่าย
เคล็ดลับในการเลือกเครื่องปรุง
เลือกกบนา ตัวไม่ใหญ่มาก เนื้อและน้ำแกงมีรสอร่อยกว่ากบเลี้ยง
ทำให้เนื้อกบนิ่ม ฉีกง่าย 
 
 
 

อ่อมปลาดุกกับยำกบน่ากินขนาด

แกงอ่อมเนิ้ออีสาน

เครื่องปรุง
1. ตะไคร้ 2 ต้น (ใบไม่ต้อง เก็บไว้รูดปลาไหลโน่นนนนนน เอามาซอยถี่ๆ)

2. หัวข่าหั่น 4-5 แว่น

3. หัวหอมแกะเปลือก 3-4 หัว (หั่นหยาบๆไว้ก็ได้นะค่ะ)

4. กะเทียมแกะกลีบ 3.4 หัว

5. พริกขี้หนู 8-9 เม็ด

6. เนื้อ ( จะเอาเนื้ออะไรก็ได้แล้วแต่จะกิน ) แต่ที่วันนี้จะเอามานำเสนอก็คือ เนื้อวัว

7. ข้าวคั่ว 1 ช้อนพูน

8. ปลาร้าปลากระดี่

9. ผักชีลาว หั่นเป็นท่อนๆ หรือเด็ดก้านเอาก็ได้

10. ผักแขยง

11. มะเขือเปราะ 4-5 ลูก ( หั่นเป็น

12. ผักชีฝรั่ง ( ซอยพอประมาณ )

13. ฝักทองหั่น ( ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ )


วิธีทำ

1. เอาเครื่องปรุงตั้งแต่ 1-5 มาตำให้แหลก (สาเหตุที่ให้ซอยตะไคร้ถี่ๆ เพื่อที่จะได้ตำง่ายๆ ) พอตำเสร็จแล้วก็ตักใส่ถ้วไว้

2. ผักฮีตู่ , ผักชะอม , ใบแมงลัก4 ส่วน )

3. นำกะทะมาตั้งไฟ ใส่นำมันพืชนิดหน่อย ( สำหรับใช้ผัด )

4. พอน้ำมันเริ่มร้อน ก็นำเนื้อที่หั่นไว้เทลงไปในกะทะ แล้วผัดรวมกับเครื่องปรุงที่ตำทิ้งไว้เมื่อสักครู่นี้ ผัดแค่พอสุก แต่ไม่ต้องสุกมาก

5. ตั้งหม้อต้มน้ำ พอน้ำเริ่มเดือดก็ใส่ที่เราผัดเมื่อสุกครู่ลงไป คอยคนเรื่อยๆ อย่าให้เกิดฟองมากนัก

6. ต้มไปเรื่อยๆ จากนั้นให้ใส่ข้าวคั่วลงไป ใส่ปลาร้าปลากระดี่ลงไป 1 ตัว น้ำปลาร้าอีกนิดหน่อย

7. ต้มไปเรื่อยๆจนคิดว่าเนื้อสุกดีแล้ว

8. ใส่มะเขือกับฝักทองลงไปก่อนเพราะสุกช้ากว่าผักอื่นๆ จากนั้นก็นำผักอื่นๆที่ร่ายยาววววววมา เทใส่ลงไปในหม้อ และควรปิดฝาหม้อทันที ไม่งั้นผักที่ต้มมาจะไม่สด ดูไม่น่ากิน ถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้วววว นั้นก็คือ ตักกิน

ส๊าจิ๊น
     ส้าจิ๊น คือส้าเนื้อ ส่วนผสมหลักคือ เนื้อควายหรือเนื้อวัวสด และเครื่องใน สำหรับเครื่องใน นิยมนำมาต้มก่อนปรุง ใช้เครื่องปรุง เป็นพริกลาบ เช่นเดียวกับลาบชนิดต่างๆ ถ้าทำเลี้ยงแขกตอนดึกหรือเช้าตรู่ สำหรับงานเลี้ยงที่มีการชำแหล่ะหมู วัว หรือควาย ส้าจิ๊นที่ทำตอนดึก เรียกกันว่า ส้าดึก   
 
 ส่วนผสม
1. เนื้อควาย 200 กรัม 
2. เครื่องใน 200 กรัม 
3. พริกลาบ 3 ช้อนโต๊ะ 
4. น้ำเพี้ยต้ม 2 ช้อนโต๊ะ 
5. เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ 
6. หอมแดงซอย 2 ช้อนโต๊ะ 
7. กระเทียมซอย 1 ช้อนโต๊ะ 
8. ตะไคร้ซอย 2 ช้อนโต๊ะ 
9. ผักไผ่ซอย 1 ถ้วย 
10. ผักชีซอย 2 ช้อนโต๊ะ 
11. ต้นหอมซอย 2 ช้อนโต๊ะ 
 
เคล็ดลับกับวิธีปรุง
1. ใช้มีดทุบเนื้อก่อนนำมาหั่นเป็นชิ้นบางๆ
2. ซอยเครื่องในเป็นชิ้นบาง ๆ
3. ลวกเครื่องในให้พอสะดุ้ง พักไว้
4. ละลายน้ำเพี้ยและพริกลาบเข้าด้วยกัน ใส่เนื้อ คนให้เข้ากัน
5. ใส่เครื่องใน คนให้เข้ากัน
6. ใส่หอมแดง กระเทียม ตะไคร้ ผักไผ่ และผักชีต้นหอม คลุกเคล้าให้เข้ากัน
 
     หากไม่มีน้ำเพี้ย ใช้น้ำต้มเครื่องในแทนได้ หากชอบรสขม ให้ใส่น้ำดีลงไป
ถ้าไม่ชอบเนื้อดิบ ก็ต้มก่อนก็ได้

เคล็ดลับในการเลือกเครื่องปรุง
เนื้อที่ใช้ ถ้าจะให้อร่อย ต้องเป็นเนื้อแดงที่ไม่ติดมันหรือเอ็น
พริกลาบ ต้องใช้ที่ทำเสร็จใหม่ ๆ เพราะจะหอมกว่าที่เก็บไว้นานแล้ว

ปล  ถูกเลขหรือบ่ถูกบ่เกี่ยว...ยะกิ๋นเต๊อะ!! ;D
 
 
 
 
 

พ่อครัวยังมีอารมณ์ขันอีก
หลังจากหมดเนื้อหมดตัว

ก๊ากกกกกกกกกกกกกก(http://upic.me/i/5z/36_1_561.gif) (http://upic.me/show/3014444)

หมูน้ำตก
เครื่องปรุง
- เนื้อหมู เลือกเอาเนื้อที่มีส่วนที่ติดมันเล็กน้อย 5 ขีด
- ข้าวคั่ว คั่วเองแล้วตำหรือปั่นกับเครื่องปั่นก็ได้ครับ หรือถ้าซื้อควรเลือกซื้อข้าวคั่วที่ใหม่ๆ ใส่ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ หรือแล้วแต่คนที่ชอบทานมากทานน้อย
- พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ
- หอมแดง 3 หัว หรือแล้วแต่ชอบ ซอยบางๆ
- น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ หรือปรุงแล้วแต่ชอบ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ หรือปรุงแล้วแต่ชอบ
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ หรือปรุงแล้วแต่ชอบ
- ใบสาระแหน่หรือ ใบโหระพาก็ได้ครับเด็ดเป็นใบ 1 ถ้วยตวง

วิธีทำ
- หั่นเนื้อหมูเป็นแผ่นๆ แล้วนำไปย่างด้วยไฟอ่อนๆ ย่างให้ดูเนื้อเป็นสีเหลือง
- นำหมูที่ย่างพอเหลืองๆ แล้วมาหั่นพอดี
- นำหมูที่หั่นใส่หม้อตั้งไฟกลางๆ เติมน้ำเล็กน้อยพอขลุกขลิก แล้วคนให้เข้ากันรอจนร้อนจัดปิดแก๊สยกลงจากเตา
- เริ่มใส่เครื่องปรุง เทพริกป่น หอมแดง ข้าวคั่ว น้ำตาลทราย น้ำปลา น้ำมะนาว ลงไปคนให้เข้ากัน แล้วชิมรส
- ปรุงรสให้ถูกใจ เติมตามใจชอบ แล้วใส่ใบสาระแหน่หรือโหระพาลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน ให้น้ำพอขลุกขลิก
- เสร็จขั้นตอนการทำแล้วครับ ตักใส่จานเสิร์ฟพร้อมผักและข้าวเหนียวร้อนๆ อร่อยอย่าบอกใครเชียว เป็นไงครับน้ำลายสอล่ะสิ ไปทำทานกันนะ ขอให้มีความสุขกันการทานน้ำตกหมูนะขอรับ..จ้าวนายยยยยยยยยยย...

ขนมจีนน้ำยาปลาช่อนสูตรโบราณ
ความเป็นมา
     สมัยนี้ ขนมจีนน้ำยารสชาติจะไปทางแกงกะทิ รู้สึกจะเป็นน้ำยาอยู่บ้าง ก็ตรงมีเศษกระชายลอยปนๆ เพราะจะโขลกเครื่องน้ำยาแล้วนำมาผัดกับน้ำมัน ถ้าแม่บ้านคนไหนใจถึง เทน้ำมันผัดเครื่องท่วมๆ เทกะทิผัดรวมเยอะๆ น้ำยาเธอได้มันแตกฟุ้งลอยเกาะกันเป็นแพ ....... คนภาคกลางแถบอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาถ มีสูตรปรุงน้ำยากะทิที่ต่างออกไป สูตรที่จะแนะนำครวนี้ปรุงขายกันมากว่า 50 ปี เป็นสูตรดั้งเดิมโบราณ มาแตกสูตรประยุกต์เป็นน้ำยาป่าเลียนแบบคนอีสานก็เมื่อประมาณ 20 ปีก่อน แต่ไม่ใส่น้ำปลาเช่นคนอีสานครับ....

ส่วนผสมเครื่องปรุง
ปลาช่อนนา กระชาย ตะไคร้ ข่าแก่ กระเทียม หอม พริกแห้ง ปลาเค็ม (ปลากุเลา) เกลือ กะทิ
การเลือกเครื่องปรุง.....
.........เลือกปลาช่อนที่เลี้ยงด้วยอาหารธรรมชาติตามท้องนาน้ำหนักตกกิโลเศษต่อตัวกำลังดี อย่าใช้ปลาที่เลี้ยงจากฟาร์ม เนื้อจะยุ่ยและเป็นโจ๊กต้มแล้วจะไม่ฟูขึ้นเป็นเส้นๆ อย่างปลาช่อนนา พุงปลาที่เลี้ยงจากฟาร์มมีไขมันมากกินไม่ได้ ที่สำคัญควรทุบปลาเป็นๆ ล้างแล้วลงหม้อต้มทันที อย่าทิ้งให้ปลาตายนานเกินชั่วโมงจนตัวปลาแข็ง จะไม่อร่อย
........กระชายที่ใช้ ควรเลือกกระชายบ้าน กระชายป่าที่หัวป้อมๆ หางสั้นๆ กลิ่นจะฉุนจัดดี ปลาช่อนกิโลเศษใช้กระชายราวครึ่งกิโลกรัม ข่ากับตะไคร้จะใช้เพียง 1 ใน 4 ของกระชาย เกลือถุงละบาท 1 ถุง ปลาเค็มใช้สักเสี้ยวเล็ก ๆ ก็พอ
........ส่วนกระเทียม ควรใช้กระเทียมทางเหนือหัวจะป้อมและหอมกว่ากระเทียมใต้ หัวหอมที่ไหนก็ใช้ได้เหมือนกัน แต่ที่เนื้อแน่ต้องเป็นหัวหอมจากศรีสะเกษครับ...

วิธีทำการปรุง
.........กระชายใช้ทั้งหัวและหางส่วนหัวจะปอกเปลือกออกหางกระชายแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งนำมาปั่นให้ละเอียด พักไว้ อีกส่วนรวมกับหัวกระชาย นำมาต้มในน้ำรวมกับเครื่องปรุงอื่นๆ มีหอม พริกแห้ง ตะไคร้ กระเทียม ข่า ปลาเค็มและเกลือ พอน้ำเดือดพล่าน หย่อนปลาลงต้มต่อ 7 นาที แล้วช้อนปลาและเครื่องปรุงอื่นๆ ขึ้น น้ำที่ได้จากการต้มครั้งนี้ให้พักไว้ จะใช้เป็นน้ำสำหรับต้มน้ำยาในชั้นตอนต่อมา
.........ปลาทิ้งไว้ให้เย็น นำมาแกะเนื้อ และปั่นในเครื่องปั่นจนฟู เทผสมกับกระชายสดที่ปั่นแล้วให้พักไว้ ส่วนหัวและก้างปลานำมาโขลกให้แหลกในครก นำเครื่องปรุงที่ต้มแล้วทั้งหมดมาปั่นให้ละเอียด คลุกรวมกับหัวปลาที่โขลกเอาไว้ แล้วตักน้ำต้มเครื่องปรุง เทผสมพอประมาณ คนให้เข้ากัน แล้วนำมากรองผ่านกระชอนที่ซ้อนกัน 2 ชั้น ระหว่างกรองคนไปเรื่อยๆ นิยมผสมน้ำต้มเครื่องปรุงเพื่อกรอง 2 ครั้ง กรองครั้งแรก จะแยกไปปรุงน้ำยากะทิปครั้งหลังใช้ปรุงน้ำยาป่า กากที่เหลือจากการกรองเททิ้งหมด
..........นำน้ำที่กรองได้เทรวมกับน้ำต้มเครื่องปรุง (ที่ต้มไว้ในขั้นตอนแรก ) ใส่เนื้อปลาปั่นผสมกระชายปั่น ใส่กะทิถ้าเป็นน้ำยากะทิ (กะทิใส่แต่พอควร) ถ้าต้มเป็นน้ำยาป่าก็ไม่ใส่กะทิ ใช้ไฟแรง พอเดือดพล่าน เห็นเนื้อปลาขึ้นเป็นเส้นๆ หรี่ไฟอ่อน เคี่ยวต่ออีกสักราวครึ่งชั่วโมงก็ใช้ได้
.........ถ้าเป็นน้ำยาป่า จะโขลกพริกขี้หนูสดพอหยาบๆ และโขลกตะไคร้นำมาคนผสมหลังน้ำยาสุก ฉีกใบมะกรูดพริกคั่วป่นเติมลงด้วยเป็นการแต่งกลิ่น สี น้ำยาป่าให้น่ากินยิ่งขึ้นครับ...

ท่านศิรา ขา
ด้วยความปรารถนาดีเป็นล้นพ้น
อย่าทานเยอะนะคะ
เดี๋ยวเขานึกว่าเป็น
ยาหม่องตราพระ มาเอง

ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เอิ๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก(http://upic.me/i/nj/36_11_61.gif) (http://upic.me/show/3014462)

ราดหน้าหมูหมัก

ส่วนผสม
1.หมูสันใน (หั่นชิ้นพอคำ) 1 ถ้วย
2.ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ 300 กรัม
3.คะน้าต้นใหญ่หั่น 3–4 ต้น
4.เต้าเจี้ยวดำ (สับละเอียดกับกระเทียม) 1 ช้อนโต๊ะ
5.ซีอิ้วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
6.ซีอิ้วดำ 1 ช้อนโต๊ะ
7.น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
8.น้ำมันพืช 1/4 ถ้วย
9.แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ
10.พริกไทยป่น 1 1/2 ช้อนชา
11.น้ำตาลทราย 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
12.น้ำซุป 2 ถ้วย
13.พริกชี้ฟ้าหั่นแว่นดองน้ำส้ม

วิธีทำ
1.หมักหมูกับซีอิ้วขาว น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ พริกไทยป่น 1 ช้อนชา นวดเครื่องทั้งหมดให้เข้ากันจนหมูนุ่มเครื่องเข้าเนื้อ
2.ตั้งกระทะใส่น้ำมัน 3 ช้อนโต๊ะ ใส่เส้นก๋วยเตี๋ยว ใส่ซีอิ้วดำ ผัดให้ร้อนทั่วกันตักเส้นออก
3.ตั้งกระทะใส่น้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ ใส่เต้าเจี้ยวสับกับกระเทียมผัดให้หอม ใส่ก้านคะน้า ใส่น้ำซุป พอเดือดใส่หมูหมัก ใส่ใบคะน้า น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ น้ำเปล่า ละลายแป้งข้าวโพดใส่คนพอเหนียว เดือดแล้วยกลง
4.จัดเส้นก๋วยเตี๋ยวใส่จาน แล้วราดด้วยน้ำราดหน้าร้อนๆ โรยพริกไทยป่น รับประทานกับน้ำส้มดอกพริกชี้ฟ้า
(http://upic.me/i/k3/c3d2b4cbb9e9d2small.jpg) (http://upic.me/show/7226691)

ยืนยันตามมติเดิม
ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ;D

แกงขนุน (บ่าหนุน)

ส่วนประกอบ
1.ขนุนอ่อนที่เม็ดข้างในยังไม่แข็ง นำมาปอกแล้วผ่าเป็นชิ้นเล็กๆขนาดเท่าลูกเต๋า

2.กระดูกหมู

3.น้ำ 1.5 ถ้วย

4.ตะไคร้ 1 ต้น

5.ข่า ครึ่งหัว

6.กระเทียม 2 หัว

7.พริกแห้ง 6 เม็ด

8.กะปิ ครึ่งช้อนโต๊ะ

9.ปลาร้าสับ 1 ช้อนโต๊ะ

10.ผักชะอม 1 กำ

11.มะเขือเทศหั่นเป็นชิ้น 1/4 ถ้วย

วิธีทำ
1.ต้มกระดูกหมู่พร้อมกับขนุน

2.ตำพริกแห้งพร้อมกับข่า ตะไคร้ กระเทียม

3.เมื่อพริกละเอียดพอประมาณใส่กะปิแล้วตำต่อจนละเอียด

4.ใส่ปลาร้าสับตามไปตำพอเข้ากัน

5.เมื่อขนุนกับกระดูกหมูเปื่อยแล้วใส่เครื่องแกงลงไป

6.รอให้น้ำเดือดอีกรอบใส่มะเขือเทศ พร้อมกับผักชะอม

7.รอประมาณ 1 นาที ตักออกใส่ชามพร้อมเสิร์ฟ

(http://upic.me/i/fx/sany1770_1175001178.jpg) (http://upic.me/show/28465648)
(http://upic.me/i/si/sany1770_1175001178small.jpg) (http://upic.me/show/28465952)

ต้มส้มปลานิล

เครื่องปรุง
ปลานิล  1  ตัว
พริกไืืทยเม็ด  15  เม็ด
หอมแดง  3  หัว
กะปี  1  ช้อนชา , น้ำ  2  ถ้วย
น้ำปลา  3  ช้อนโต๊ะ , น้ำตาล  2  ช้อนโต๊ะ
น้ำมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ
ต้นหอมหั่นเป็นท่อน 3 ต้น
ต้นหอมผักชีสำหรับโรยหน้าตกแต่ง
แนะนำให้ไส่ผักชีลาวด้วยสัก 3 ต้น

วิธีทำ
1. ขอดเกร็ดปลา ล้างให้สะอาด แล่เอาแต่เนื้อ หั่นเป็นชิ้นพอคำ ใส่ถ้วย พักไวั
2. โขลกพริกไทย หอมแดง และกะปิเข้าด้วยกัน ให้ละเอียด ตักใส่ถ้วย
3. ต้มน้ำในหม้อด้วยไฟกลางให้เดือด  ใส่เครื่องที่โขลกไว้คนให้ทั่ว ใส่น้ำตาล น้ำปลา และน้ำมะขามเปียก
4. พอเดือดใส่เนื้อปลา  ต้มพอสุก ใส่ต้นหอม ตักใส่ถ้วย  แล้วแต่งหน้าด้วย ต้นหอมผักชี

(http://upic.me/i/08/d04small.jpg) (http://upic.me/show/28465902)

ต้องการอาหารทุกอย่างที่อยู่ในห้องอาหารนี้

จัดมาขึ้นโต๊ะโดยด่วน

หิวแล้ววววววววววววววววววว

ชอบข้าวผัดมากกว่าป้า
รสชาติเป็นกลาง ๆ สากลดี
ไม่เบียดเบียนท้องและกระเพาะ

ปลาร้าทรงเครื่อง
.....ตำหรับแห่งความอร่อย.....
 
ประโยชน์ของเครื่องปรุง

ปลาร้า
เป็นผลิตภัณฑ์พื้นบ้านที่เป็นเอกลักษณ์ของไทยมาแต่ช้านาน โดยเฉพาะคนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นิยมบริโภคกันมากและจัดเป็นอาหารประจำวันก็ว่าได้ การผลิตปลาร้าส่วนใหญ่ทำกันในระดับชาวบ้าน ปลาร้าอุดมไปด้วยวิตามินบี 12 ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง ป้องกันโรคเลือดจาง ถ้าเป็นปลาร้าปลาเล็กปลาน้อย จะอุดมไปด้วยแคลเซี่ยม

กระชาย
บำรุงกระดูก(เพราะมีแคลเซียมสูง) บำรุงสมอง เพราะทำให้เลือดเลี้ยงสมองส่วนกลางดีขึ้น ปรับสมดุลของฮอร์โมน ปรับสมดุลของความดันโลหิต(ความดันโลหิตที่สูงจะลดลง ความดันโลหิตที่ต่ำจะสูงขึ้น) แก้โรคไต ทำให้ไตทำงานดีขึ้น ป้องกันไทรอยด์เป็นพิษ บำรุงมดลูก แก้ปัญหาผมหงอก ผมร่วง อาการกระเพราะปัสสาวะเกร็ง(กรณีนี้อาจใช้เม็ดบัวต้มกิน) ควบคุมไม่ให้ต่อมลูกหมากโต แก้ปัญหาใส้เลื่อน

ตะไคร้
ใช้ส่วนของเหง้าและลำต้นแก่ ใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารที่สำคัญหลายชนิดเช่น ต้มยำ และอาหารไทยหลายชนิด ให้กลิ่นหอม มีสรรพคุณทางยาเช่น บำรุงธาตุ แก้โรคทางเดินปัสสาวะ ขับลมในลำไส้ทำให้เจริญอาหาร แก้กลิ่นคาวหรือดับกลิ่นคาวของปลา และเนื้อสัตว์ได้ดีมาก บำรุงสมอง

ข่า
เป็นเครื่องเทศที่ใช้ชูรสอาหาร ใส่ในเครื่องแกงแทบทุกชนิด ใช้ปรุงต้มข่าไก่ ผัดเผ็ด ลาบ ช่วยดับกลิ่นคาวของอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ ใส่ในต้มเนื้อ ต้มปลา เพื่อดับกลิ่นคาวรสเผ็ดปร่า ขับลม แก้บวม ฟกซ้ำ แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด

ใบมะกรูด
เป็นสมุนไพรที่มักนำมาใช้ปรุงอาหาร มีสรรพคุณหลายอย่าง เช่น ขับลม ทำให้เลือดลมไหลเวียนดี ช่วยบำรุงหัวใจ ระบบการไหลเวียนของโลหิต แก้ไอ ลดอาการอักเสบของกล้ามเนื้อ แก้ช้ำใน อาการเกร็ง แก้ฝีภายใน ขับเสมหะ น้ำมันหอมระเหยของมะกรูดทำให้ผมดกดำ

เครื่องปรุง
ปลาร้า (ปลากระดี่) ครึ่งถ้วยตวง
หัวกระทิ 2ถ้วยตวง
หมูสับ 200 กรัม
หัวหอมแดง 10หัว
กระชายหั่นท่อนๆเล็กๆ 3 ช้อนโต๊ะ
ข่าซอยแว่นบางๆ 2 ช้อนโต๊ะ
ตะไคร้ซอยบางๆ 2ช้อนโต๊ะ
ใบมะกูดฉีก 2 ช้อนโต๊ะ
พริกชี้ฟ้าเขียว+แดงหั่นท่อนๆ 3ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1ช้อนโต๊ะ

ผักที่ใส่
มะเขือเปราะผ่า4 ชิ้น 5ลูก
หน่อไม้ต้มหั่น 1 ถ้วยตวง
แครอทหั่นเต๋า 2ช้อนโต๊ะ
ถั่วฝักยาว หั่น 1ถ้วยตวง

วิธีทำ
นำปลาร้าต้มโดยใส่น้ำเปล่า1ถ้วย ต้มจนเดือด กรองเอาแต่น้ำ นำกะทิตั้งไฟพอเริ่มร้อนใส่หมูสับ

เมื่อเดือดใส่น้ำปลาร้าที่ต้มไว้ +ข่า+ตะไคร้ +หัวหอมแดง+กระชายซอย +ใบมะกูด +พริกชี้ฟ้าสด ต้มต่อจนเดือดใส่มะเขือเปราะ + แครอท +หน่อไม้ +ถั่วฝักยาว

เมื่อเดือดชิมรส ดู อ่อนเค็มเติมน้ำปลาเล็กน้อย ยกลงตักและโรยพริกป่นรับประทานพร้องกับผักสดได้หลายอย่าง เช่น แตงกวา ถั่งฝักยาว ผักกระเฉดมะเขือเปราะ หรือผักอื่นได้ตามใจชอบจ๊ะ

หิววววววววววววววววววววววววววววววววววว
ข้าวววววววววววววววววววววววววววววววว  แล้ว
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย :(

บวชฟักทอง
     ก่อนอื่นไปตลาดเลือกฟักทองก่อนนะครับ ฟักทองเนื้อหนา มันสุดๆ สังเกตได้จาก เมื่อผ่าผลแล้วทิ้งไว้สักพัก หน้าตัดของเนื้อฟักทองจะมีสีหม่นขาวนวล หมายถึงมีแป้งมาก มันแน่นอน และฟักทองเนื้อหนา จะมีเปอร์เซนต์เนื้อมันสูงกว่าเนื้อบาง ถ้าไม่มั่นใจ บอกคนขายเลือกให้ ส่วนแก่อ่อนควรเลือกผลที่ใหม่ๆ ไม่เก่า เพราะจะหมดความมัน เนื้อหยาบ

ส่วนประกอบ ทำหม้อใหญ่
     ฟักทอง ประมาณ 3 -3.5 ก.ก 1 ผล ผ่าแบ่งเป็นชิ้นตามยาว ปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นๆทางขวาง (คิดว่าคงเคยเห็น)
น้ำตาล 1 กก.
กะทิ 1 ลิตร (มะพร้าวขูด 1 กก.คั้นแยกหัวและหาง)
เกลือ 1 ช้อนชา
 
วิธีทำ
     เอาหางกะทิใส่หม้อ ตามด้วยฟักทองหั่น ดูให้น้ำมากกว่าเนื้อสักข้อนิ้วมือ
เทน้ำออกใส่หม้ออื่น เอาน้ำตาลทราย และเกลือใส่หม้อน้ำนี้ ยกขึ้นตั้งไฟปล่อยให้เดือด จนน้ำตาลละลาย
     ปิดไฟยกมาเทน้ำเชื่อมลงหม้อฟักทอง ยกขึ้นตั้งไฟ ไม่ต้องคน จะเละ หมั่นช้อนฟองออกบ้าง ตักขึ้นตรวจดูเอาแค่สุก ปิดไฟ ทิ้งให้เข้าน้ำเข้าเนื้อ สักพักจะนุ่มลง เวลาเสิร์ฟ ตักหัวกะทิ(หยิบเกลือใส่คน ให้มีรสเค็มนิดๆ) ราดหน้าถ้วยของหวาน ก็เสร็จแล้วครับ
** บางท่านจะแช่เนื้อฟักทองที่หั่นลงในน้ำปูนใส เพื่อให้มีผิวแข็งและเหนียว จะได้ไม่เละเวลาทำ และดูเป็นตัวสวย อันนี้ผมว่ามันกระด้างปาก ไม่ธรรมชาติ และกลัวนิ่วกินเอา เลยไม่กระทำ
** และถ้าเหลือในหม้อ อุ่นไปอุ่นมาจะเละ เอาหัวกะทิลง คนให้เละซะเลย ทิ้งให้เย็น ตักใส่พิมพ์วุ้น เอาเข้าช่องแช่แข็ง ได้ ไอติมฟักทองครับผม

โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

หิวววววววววววววววววววววววววว

ค่ะ อยากกินมากเลย ขนมถ้วยนี้
จะมีโอกาสได้ชิมฝีมืออาจารย์หรือเปล่านะ
ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ;D

   เห็นแต่ละอย่าง บอกได้เลย หิวๆๆๆๆ  ขอสูตรน้ำพริกอ่องมีไหมเอ่ย

ยำเนื้อย่าง

ส่วนประกอบยำเนื้อย่าง

* เนื้อสันในวัว 400 กรัม (หั่นเป็นชิ้นพอประมาณสำหรับย่าง)

* เกลือและพริกไทยป่น

* น้ำเปล่า 1/4 ถ้วยตวง

* น้ำตาล 3 ช้อนโต๊ะ

* พริกขี้หนู 1 ช้อนโต๊ะ

* แตงกวา 1 ลูก (หั่นครึ่งลูก แล้วซอยบางๆ)

* หอมใหญ่หั่นบาง 1/2 ลูก

* ใบสาระแหน่ 1/2 ถ้วยตวง

* กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ

* น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ

* น้ำมะนาว 2.5 ช้อนโต๊ะ

* ถั่วลิสงบด 2 ช้อนโต๊ะ

* มะเขือเทศ 5 ลูก (หั่นครึ่ง)

* ขึ้นฉ่าย 50 กรัม (หั่นยาวประมาณ 1 นิ้ว)

* น้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะ
 
วิธีทำยำเนื้อย่าง

1. ทาเกลือและพริกไทยที่เนื้อวัว ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที
2. นำเนื้อวัวไปย่างบนไฟร้อนปานกลาง ใช้เวลาประมาณ 17 - 21 นาทีจะได้เนื้อที่เกือบสุก ย่างตามความต้องการ ถ้าต้องการให้สุกทั้งหมดก็ย่างต่อ เมื่อเนื้อสุกดีแล้ว ทิ้งไว้ให้เย็นประมาณ 10 นาที จึงนำมาหั่นเป็นชิ้นบางๆ
3. ทำน้ำยำ้ โดยนำน้ำและน้ำตาลใส่ลงกระทะขนาดเล็ก นำไปตั้งไฟอ่อนจนน้ำตาลละลาย นำไปใส่ในถ้วยขนาดใหญ่ ใส่กระเทียม, น้ำปลา, น้ำมะนาว และพริก รอจนหายร้อนจึงใส่แตงกวา, หอมใหญ่, มะเขือเทศ, คึ้นช่าย และใบสาระแหน่ จากนั้นใส่เนื้อย่างที่หั่นไว้แล้วลงไป คนจนทุกอย่างเข้ากันดี ตักใส่จาน โรยหน้าด้วยถั่วลิสงบด เสริฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ หรือจะเสริฟเป็นกับแกล้มก็ได้

น้ำพริกอ่องสูตรล้านนา
     น้ำพริกอ่อง นับเป็นน้ำพริกล้านนาชนิดหนึ่งซึ่งเป็นที่รู้จักกันแพร่หลายทั่วไปพอ ๆ กับ น้ำพริกหนุ่ม ในงานเลี้ยงแบบขันโตกดินเนอร์ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวผู้มาเยือนดินแดนถิ่นไทยงาม หากขาดซึ่งน้ำพริกอ่องแล้ว นั่นถือว่าเป็นข้อบกพร่องอันใหญ่หลวงจนมิน่าจะให้อภัยเป็นอย่างยิ่ง

น้ำพริกอ่องมีเครื่องปรุงหลัก ๆ ดังนี้
     เนื้อหมูสับ พริกแห้ง กระเทียม หอม มะเขือเทศ เกลือ ปลาร้า ( อาจใส่หรือไม่ก็ได้ )
ถั่วเน่าแข็บ ( ถั่วเหลืองหมักทำเป็นแผ่นตากแห้ง หากไม่มีใส่เต้าเจี้ยวแทนได้ )
กะปิ ( ใส่หรือไม่ก็ได้ ) รากผักชี ผักชี ต้นหอมหั่น น้ำมันหมู

ขั้นตอนการทำ
     เริ่มจากนำพริกแห้ง ( จะให้ดีควรแช่น้ำเปล่าทิ้งไว้ซักระยะหนึ่งก่อน ) หอม กระเทียม เกลือ และรากผักชีโขลกพร้อมกัน
เมื่อแหลกดีแล้วเอากะปิ ปลาร้า และถั่วเน่าแข็บซึ่งย่างไฟแล้ว หรือเต้าเจี้ยวใส่ลงไปโขลกให้เข้ากัน ส่วนเนื้อหมูสับให้ละเอียด มะเขือเทศหั่น หรือใส่ครกบด
ตั้งกระทะใส่น้ำมันพอสมควร เอากระเทียมลงเจียวพอหอมแล้วเอาน้ำพริกลงผัด
ใส่เนื้อหมู และมะเขือเทศตามลำดับ
พอเนื้อหมู และมะเขือเทศเริ่มสุก เติมน้ำพอสมควร
เคี่ยวจนงวด ปรุงรสตามใจชอบแล้วยกลง นำผักชี ต้นหอม หั่นโรยหน้า
     บางสูตรจะเอาหมูลงผัดก่อนแล้วจึงตามด้วยเครื่องปรุงและมะเขือเทศโขลกให้เข้ากันดีก่อนแล้วค่อยนำไปผัดในน้ำมัน
บางสูตรก็ย่างพริกแห้งให้หอมก่อนโขลกรวมกับเครื่องแกงอื่น ๆ

ลักษณะเด่นของน้ำพริกอ่อง
มีสีส้มของสีมะเขือเทศ และพริกแห้ง เคี่ยวจนเป็นน้ำขลุกขลิก มีน้ำมันลอยหน้าเล็กน้อย
มีสามรส คือ เปรี้ยว เค็ม เผ็ดเล็กน้อย และรสหวานตาม

ในการรับประทานน้ำพริกอ่องจะนิยมใช้ผักจิ้ม
เช่น มะเขือเปราะ ถัวฝักยาว ผักกาดขาว ต้นหอม ผักชี ถั่วพู กะหล่ำปลี แตงกวา จะนึ่งจะลวกหรือกินสดก็ได้ หากมีแคบหมูมากินด้วยก็ยิ่งอร่อยเพิ่มรสชาติให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น

 


 

     
    หวา ระบาดมาถึงนี่เลยเหรอ

ตายแล้ว 

                       

ตกเฟรม
เจ้าของกระทู้ไม่มีเวลา ;D

อยากได้สูตร
หูลามผัดฉ่า ปลาไหลมะนาวดอง ฟองเต้าหู้ผัดเผ็ด  เป็ดเมืองต้มโคล้ง  กุ้งโสร่งจำอวด
ปลาจวดสามรส  กุ้งสดเขียวหวาน  ลูกตาลดองเค็ม  ปลาเข็มทอดกรอบ ค่ะ ;D ;D ;D

ท่านกุ๊กใหญ่ ช่วยหาให้ด้วยนะคะ  อยากกิ๊น อยากกินค่ะ ;D(http://upic.me/i/nj/36_11_61.gif) (http://upic.me/show/3014462)

เมนูน่ากินจัง  ขอเพิ่มอีกหนึ่งอย่างนะ    ยำไข่แมงดา   กะจะทำเย็นนี้ละ  จ้าาาาาา

แมงดาคงร้องน่าดู

ยายต้า ผมมีแต่ ยำไข่เค็มได้ไหม  ;D

ไข่....เค็มมากมั้ย ถ้าเค็มมากก็ไม่ไหวนะ  ;D

น่าน.. ;D

อ้าว! วันนี้ศิราน้อยจะไปน่าน..หรอ  ???

(http://upic.me/i/fv/0004small.jpg) (http://upic.me/show/30422666)

 :D...ข้าวคลุกกะปิ...(ลงภาพให้ดูเฉยๆ อ่ะค่ะ..) เพราะวิธีทำมันหลายขั้นตอนมากเลย...ไว้จะเอามาลงเพิ่มนะคะ... ;D

 :D....แถมด้วยไข่พะโล้..ใส่เต้าหู้พวง กับปีกไก่... ;D (วิธีทำจะตามมาอีกเช่นกัน)

(http://upic.me/i/qz/0018small.jpg) (http://upic.me/show/30422753)

(http://upic.me/i/u7/0060small.jpg) (http://upic.me/show/30422804)

(http://upic.me/i/18/0036small.jpg) (http://upic.me/show/30422813)

(http://upic.me/i/04/0054small.jpg) (http://upic.me/show/30422826)

(http://upic.me/i/fa/0056small.jpg) (http://upic.me/show/30422894)

ยังกะทำกินทั้งกองทัพ ;D ;D

 :D....แฮ่ๆๆ...พอดีว่า..ปิ่นโตวัดมาที่บ้านพอดี..พรุ่งนี้ก็ทำกับข้าวใส่ปิ่นโต ไปวัดด้วยน่ะค่ะ....เลยทำซะ....เพียบ.... ;D

กองทัพ เดินด้วยท้อง... :D

แพร่   ;D

แฟรี ระวังอ้วนนะจ้ะ..
เดี๋ยวจะหาว่า หนุ่มน้อยหน้ามนคนรูปหล่อที่สุดในห้องกลอน มะบอก ;D

 :D ....ตอนมาอยู่เชียงรายใหม่ๆ...มีคนเคยบอกแฟรี่ว่า....
 "กินอิ่ม  นอนอุ่น....หุ่นไม่เกี่ยว.."  ..อ่ะค่ะ....ท่านพี่ศิราฯ.....เอิ๊ก..เอิ๊ก.. ;D  (http://upic.me/i/3h/yl-1051.gif) (http://upic.me/show/22953110)



(http://upic.me/i/m7/the-than1681.gif) (http://upic.me/show/30436063)

    อยากไปเป็นพระใกล้บ้านท่านแฟรี่จัง มาบ้านแฟรี่หลังเดียวอิ่มทั้งวัด ;D ;D

 :D...งั้นพรรษาหน้า..ขออนุญาต นิมนต์ เอ้ย..!!!..เชิญท่าน CoMMatE ไปบวชที่วัดใกล้ๆ บ้านแฟรี่ก็ได้ค่ะ....
อาจจะได้ทานไข่พะโล้ทั้งพรรษาเลย...๕๕๕๕๕๕.... ;D

(http://upic.me/i/of/secret_laugh.png) (http://upic.me/show/30444166)

สงสัยคงจะได้บวชรอบ 2 ครั้งแรกบวชแทนคุณพ่อ-แม่ครั้งนี้เพื่อจะไปกินไข่พะโล้ ;D ;Dที่บ้านท่านแฟรี่ ไขพะโล้ ไข่พะโล้  ไข่พะโล้ ;D

(http://upic.me/i/se/jfaq5.gif) (http://upic.me/show/8902139)

นมัสการขอรับหลวงพี่ ;D

            ลาออกจากงานประจำดีมั้ยนี่ คนเชียร์เยอะ ยิ่งช่วงนี้งานยิ่งเยอะอยู่ด้วย



                   อันนี้ล้อเล่นมะดายเน้อครับ อิอิ เดี๋ยวนรกจะกิน

ถ้าท่านคอมเมทจะบวชอีกครั้ง อาตมาเอ๊ย อิฉันจะขอเชิญท่านมาฉันกังหัน สัก๑ มื้อ นะเพคะ
(ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ขออภัยที่ล้อเลียน)

คือที่ทดน้ำเข้านาน่ะท่าน..
แหม๋..ท่านมีบุญจัง..
ได้กิน กังหัน  ;D

     ฉันมื้อเดี๋ยวคงอิ่มไปหล้ายวัน (กังหัน ทำอะไรกินได้มั่งอะ)

ต้องทำเป็นซุบ..
เหมือนซุบหางวัว

ยำมะเขือยาว
     - มะเขือยาวใบโตๆผลงามๆผิวไม่มันและอ่อน 2 ใบ
     - พริกหยวก 5 เม็ด
     - หัวหอม 2 หัว
     - น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
     - น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
     - น้ำปลาอย่างดี 1 ช้อนชา
     - กุ้งแห้งป่นไม่ต้องละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
     - พริกขี้หนูสวน 7 เม็ด

     1. เอามะเขือยาว เผาไฟใช้ไฟแรงๆ พอสุกข้างหนึ่งก็กลับหมุนไปให้รอบ จับพอนิ่มทั่วลูก จะสุกจึงแกะเอาเปลือกออก โดยใช้น้ำอุ่น(น้ำสุก)ล้างเอารอยดำออกให้หมดตัดเป็นท่อน ๆ ใส่จานไว้
     2. พริกหยวกก็เผาไฟเช่นเดียวกัน ตอนแรกใช้ไฟแรง พอสีเขียวทั่วจึงใช้ไฟอ่อน ให้ระอุพอนิ่มก็ใช้ได้ ใช้มีดฉีกให้เป็นเส้นยาว ๆ วางบนมะเขือ
     3. ซอยหอมหั่นใส่บนพริก จากนั้นตักน้ำปลาดี น้ำตาลทราย และน้ำมะนาวที่ผสมจนละลายดีแล้วราดโรยด้วยกุ้งแห้ง และพริกขี้หนูหั่น

     ยำมะเขือยาว อีกอย่างหนึ่งของ รายการอาหาร ของชอบ ของใครๆ หลายคน คนไทย ชอบที่จะ รับประทาน กันอย่างสูง เพราะว่า เป็น รายการอาหาร ที่ รสชาติ อร่อย และ เต็มไปด้วย ประโยชน์กับร่างกาย เป็นอีกหนึ่ง รายการอาหาร ที่ เหมาะกับ ทุกเพศ ทุกวัย

ปล.. รูปไม่มีจ้า เนื่องจากกินหมดแล้ว ;D

รายการอาหารจานโปรด ของเบบี้กันเขา

ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ;D

หือ...
ป้าคงเข้าใจผิด..
เพราะที่เป็นเมนูโปรดของท่านเบบี้กันคือ..
มะเขือเผา
อย่างเดียว ;D
แว๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก..
ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก..
ฮิ๊ววววววววววววววววววววววววววววว.. ;D

จ๊าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ ;D

ท่านอาจารย์ศิรา รู้ได้ไงคะเนี่ย  สงสัยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยซะแล้ว

ก๊าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ ;D
๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕

( ;D ตอนนี้อักษร กอ ไก่ สึกแล้วล่ะ ต้องเปลี่ยนเป็นตัวอื่น)

    อ้าว..! เหรอ...แล้วเขาบวชนานใหม่?? ;D

ลาบเป็ดอีสาน

ส่วนผสมอาหาร
เนื้อเป็ดสับ1 ถ้วย
เครื่องในเป็ด1 พวง
หนังเป็ดหั่นเป็นเส้น1 ถ้วย
ข่าสับละเอียด3-5 แว่น
หอมแดงซอย1/4 ถ้วย
ข้าวคั่ว2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา1 -1 1/2 ช้อนชา
น้ำมะนาว2-3 ช้อนโต๊ะ
พริกป่น
สะระแหน่เด็ดเป็นใบ ๆ1/2 ถ้วย
พริกขี้หนูทอดสำหรับโรยหน้า
ผักชีฝรั่งซอย
ผักเคียง ถั่วฝักยาว
มะเขือเปราะ
ใบโหระพา
     เป็ดเป็นสัตว์เนื้อนุ่ม ไขมันสูง รสชาติดี ราคาแพง มีขายทั้งตัวและแบบแล่เนื้อออกขายเป็นชิ้นๆ เท่านั้น เป็ดมี 3 ชนิดซึ่งใช้ในการปรุงอาหารประเภทต่างๆ

     เป็ดปักกิ่งหรือเป็ดเชอร์รี่ เป็นที่ตัวอ้วนเป็นพิเศษ อกใหญ่ เนื้อมาก หนังสีเหลืองบาง ไขมันมาก มีขนสีขาวครีม ทำเป็ดย่างปักกิ่งได้อร่อยที่สุด หนังบางจึงทำให้มีความกรอบอร่อย

     เป็ดไทย ตัวเล็ก เนื้อส่วนอกจะหนา กระดูกเล็ก เหมาะสำหรับการย่าง อบ หรือนึ่ง เป็นเป็ดที่ขายกันทั่วๆไป

     เป็ดเทศ มันน้อย น้ำหนัก 1.5 กิโลกรัม นำไปตุ๋นเห็ดหอมและมะนาวดอง หรือทำลาบเป็ดอีสาน

วิธีทำอาหาร

1 นำหม้อตั้งไฟให้ร้อนใส่เนื้อเป็นสับละเอียด และหนังเป็ดที่หั่นเป็นเส้น ๆ ลงไปคั่วจนกระทั่งสุก

2 ปรุงรสด้วยพริกป่น ข้าวคั่ว และน้ำปลา น้ำมะนาวชิมรสดู ตามด้วยเครื่องชูกลิ่น ผักชีฝรั่ง ต้นหอมซอย หอมแดงซอย ข่าสับ คลุกส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน

3 โรยหน้าด้วยใบสาระแหน่ และพริกขี้หนูทอด จัดเสริฟกับผักสดต่างๆ

ชอบลาบเป็ด... ;D

(http://upic.me/i/fr/like_button.jpg) (http://upic.me/show/21621816)

ชอบ ลาภลอย;D

[/b]                       

ป่นปลาช่อน (ปลาข่อ) สูตรอีสาน (บ้านเราเรียกน้ำพริกปลา)
ส่วนผสม
       
       เนื้อปลาช่อน 1/2 ตัว
       พริกขี้หนู 10-15 เม็ด
       กระเทียม 3 หัว
       หอมแดง 2 หัว
       น้ำปลาร้า 3 ช้อนโต๊ะ
       น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
       น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
       น้ำสะอาด 2 ถ้วย
       ข่าหั่นเป็นแว่น 3 แว่น
       ตะไคร้หั่นเป็นท่อน 2 ต้น
       ใบมะกรูด 5 ใบ
       ผักชี ต้นหอมซอยสำหรับโรยหน้า
       ผักสดต่างๆสำหรับเป็นผักจิ้ม เช่น ผักกาดขาว แตงกวา กระถิน เป็นต้น
       
       วิธีทำเริ่มจากตั้งหม้อต้มน้ำให้เดือด ระหว่างต้มอย่าลืมใส่ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูดลงไปด้วย เพื่อช่วยดับคาวปลา พอน้ำเดือดแล้วใส่ปลาช่อนลงไปต้มให้สุก พร้อมกับใส่น้ำปลาร้าลงไปต้มด้วยพร้อมๆกัน พอปลาสุกแล้วตักขึ้นมาพักไว้ หันไปคั่วพริกขี้หนู กระเทียม และหอมแดงให้สุกหอม เลือกส่วนที่ไหม้ดำออกทิ้ง แล้วนำไปโขลกให้ละเอียด จากนั้นนำเนื้อปลาต้มสุกที่แกะก้างออกเรียบร้อยแล้วลงไปโขลกด้วย เติมน้ำซุปที่ใช้ต้มปลาลงไปในครกด้วยเพื่อให้ป่นปลาช่อนค่อนข้างเหลว เสร็จแล้วปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว ตามใจชอบ ก่อนตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยผักชีต้นหอม ปั้นข้าวเหนียวจิ้มป่นปลาช่อน กินคู่กับผักสดกรอบ อร่อยนักเชียว
 
 
 
 

ในทุกรายการเมนู พร้อมวิธีทำที่นำเสนอทั้งหมด
เป็นเมนูที่คัดสรรแล้ว การันตีว่า น่าจะอร่อย ;D
พ.ศ. 2534 - 2535 เคยรับหน้าที่เป็น ผช.กุ๊ก
ร้านอาหาร YMCA สันตาลเหลือง จึงมีความคุ้นเคย
ในเรื่องของอาหารเป็นพิเศษ จึงผันตัวเองมาเป็นนักชิมตัวยง
ด้วยความเป็นคนขี้ลืม..เคยทำข้าวผัดกุ้งให้แขก แล้วลืมไส่กุ้งมาแล้ว
ฮาตรึม! ทั้งร้าน ต้องออกไปขอโทษขอโพยกันยกใหญ่ พร้อมจัดชุดใหม่ให้ ;D

แสดงว่า ท่านอาจารย์เป็นคนขี้ลืมตั้งแต่หนุ่มๆ
วันจันทร์นัดแล้วว่าจะไปยืมตังค์(ก๊ากกกกกกกกกกกกกกก ;D)เอ๊ย ไม่ใช่จะไปดูสัตว์ที่อาจารย์เลี้ยงไว้ อุตส่าห์โทรบอกล่วงหน้าตั้ง ๒ครั้ง ท่านยังลืมเลย :D


[/b][/i][/color]

 :D...จริงเหรอคะเนี่ย.... ;D

 :D...ยังดีนะเจ้าคะที่ลืมแค่กุ้ง...ถ้าลืมใส่ข้าวด้วย...ท่าจะยุ่งกว่านี้แน่เลยอ่ะ...(อ่ะ...!!...ล้อเล่งน่า...!!!).. ;D

แจ่วบองสูตรเด็ด 

     แจ่วบองเป็นการปรุงเนื้อปลาร้าให้มีรสเผ็ดนำรสเค็ม เครื่องปรุงจึงเหมือนกับปลาร้าบอง และมีวิธีการปรุงดังนี้

เครื่องปรุง
     :  ปลาร้าปลาช่อนหรือปลาดุกตัวโต พริกสด ข่า กระเทียม หอมแดง มะนาว ใบมะกรูด 
วิธีการปรุง
     :  ล้างเครื่องปรุงทุกอย่างให้สะอาด พริกและเครื่องหอมหั่นให้ชิ้นเล้ก นำไปคั่วหรือเผาไฟให้สุก ปลาร้านำมาสับให้ละเอียด แล้วนำเครื่องปรุงทั้งหมดพร้อมปลาร้าสับมาโขลกในครกให้ละเอียดและเข้ากันดี บีบน้ำมะนาวและโรยด้วยใบมะกรูดหั่นฝอย 
ผัก/เครื่องเคียง
     :  แจ่วบองต้องรับประทานกับปลานึ่ง ผักนึ่ง ข้าวเหนียวร้อนๆ จิ้มแจ่วบองได้รสชาติอันวิเศษจริงๆ 

ก๋วยเตี๋ยวผัดซีอิ๊วหมู
เครื่องปรุง
ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ 250 กรัม
คะน้าต้นใหญ่ 4 ต้น
น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
หมูหมัก 3/4 ถ้วย
กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
ซอยปรุงรส 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วดำ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
ไข่ไก่ 2 ฟอง
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
พริกน้ำส้ม

วิธีทำ
- ทำหมูหมักโดยเคล้าเนื้อหมูกับซีอิ้วขาว น้ำตาล เกลือ และแป้งมันด้วยกันในอ่างผสม หมักนาน 30 นาที

- คลี่เส้นก๋วยเตี๋ยวในชามเพื่อไม่ให้เส้นจับกันเป็นแผ่นหนา พักไว้

- ล้างคะน้า ปอกก้านคะน้าส่วนที่แข็งออกแล้วหั่นเฉียงตามยาว ส่วนใบหั่นท่อนขนาด 2 นิ้วใส่ชาม พักไว้

- ตั้งกระทะน้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ ด้วยไฟกลางจนร้อน ใส่กระเทียมลงเจียวจนเหลืองหอม
ตามด้วยเนื้อหมูหมักผัดจนสุก จึงใส่เส้นก๋วยเตี๋ยว ผัดยีจนทั่ว ปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว ซอสปรุงรส ซีอิ้วดำ น้ำตาล ผัดพอทั่ว

- จึงใช้ตะหลิวเกลี่ยส่วนผสมไว้ด้านหนึ่งของกระทะแล้วใส่น้ำมันที่เหลือ พอน้ำมันร้อนต่อยไข่ใส่ผัดยีพอใกล้สุก จึงใช้ตะหลิวตลบส่วนผสมที่พักไว้มาทับใข่ ใส่คะน้า ผัดพอสุก ปิดไฟ

- ตักใส่จาน โรยพริกไทย เสิร์ฟร้อนๆกับพริกน้ำส้ม

ไปขอตำราจาก ป้าจุก ที่ขายอยู่หน้าโรงเรียน แน่ๆเลย ;D

เคยไปนั่งทานที่ รพ.สงฆ์เวียงชัยนะป้า (คราหมอนัด)
อย่างอื่นไม่เป็นสัปประรด..
อร่อยอยู่อย่างเดียวคือผัดซีอิ๊วหมูนี่แหล่ะ ;D

คงเกินฝีมือ ป้าจุก ที่จะผัดอย่างอื่น ให้เป็นสับปะรดได้

ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ทำไมวันนี้อารมณ์ดี ก็มิรู้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ;D

แกงขนุน
     แกงขนุน หรือ แกงบ่าหนุน ถือว่าเป็นแกงที่มีชื่อเป็นมงคล บางท่านนิยมแกงกินในงานแต่งงาน เพื่อเป็นเคล็ดว่าให้คู่แต่งงานนั้นมีความเกื้อหนุนจุนเจือต่อกัน และในวันปากปี คือหลังวันเถลิงศก (วันพญาวัน) หนึ่งวัน บางแห่งนิยมใส่ข่า ตะไคร้ทุบ และอาจมีจักข่าน (สะค้าน) บ่าแขว่น (ผลกำจัด) โขลกใส่ลงไปในแกงด้วย

ส่วนผสม แกงขนุน
1.ขนุนอ่อน 300 กรัม
2.ซี่โครงหมูสับ 100 กรัม
3.มะเขือเทศลูกเล็ก 5 ลูก
4.ชะอมเด็ด 1/2 ถ้วย
5.ชะพลูหั่นหยาบ 1/2 ถ้วย
เครื่องแกง แกงขนุน
1.พริกแห้ง 5 เม็ด
2.กระเทียม 5 กลีบ
3.หอมแดง 5 หัว
4.กะปิ 1 ช้อนชา
5.เกลือ 1 ช้อนชา

วิธีทำ แกงขนุน
1.โขลกเครื่องแกงรวมกันให้ละเอียด
2.ต้มน้ำเปล่า พอเดือด ละลายเครื่องแกงลงในน้ำเดือด
3.ใส่ซี่โครงหมู ต้มจนหมูนุ่ม
4.ใส่ขนุน ต้มให้ขนุนนิ่ม
5.ใส่มะเขือเทศ ชะอม และใบชะพลู คนให้เข้ากัน พอผักสุก ปิดไฟ
เคล็ดลับในการปรุง แกงขนุน
เมื่อ “แกงขนุน” สุกแล้วไม่ควรปิดฝา หม้อทันที ทิ้งไว้สักครู่ให้แกงเย็นลงบ้าง เพื่อให้ใบชะพลูและใบชะอมไม่สุกจนเกินไป จะทำให้รสชาติแกงไม่กลมกล่อม

เคล็ดลับในการเลือกส่วนผสม แกงขนุน
ขนุนต้องใช้ขนุนอ่อนที่เม็ดยังไม่แก่ จึงจะทำให้ขนุนเปื่อยง่าย ควรเลือกขนุนอ่อนพันธุ์ทวายทั้งปี หรือพันธ์อื่นๆ ที่มีเนื้อแน่น รสชาติของน้ำแกงจะกลมกล่อมยิ่งขึ้น

(http://upic.me/i/2d/01003s_wince.jpg) (http://upic.me/show/33186384)

แกงป่ากระดูกหมู
น้ำพริกแกง
พริกแห้ง 10 เม็ด

กระเทียม 5 กลีบ

ข่าซอย 2 ช้อนชา

ตะไคร้ 2 ช้อนชา

กะปิ 1 ช้อนชา

**น้ำมาโขลกรวมกันให้ละเอียด จะได้น้ำพริกแกง ป่า

เครื่องปรุง
น้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ

น้ำปลา 5 ช้อนโต๊ะ

น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา

น้ำเปล่า 5 ถ้วยตวง

พริกสด(ซอยตามยาว) 5 เม็ด

พริกไทสด 1 ช้อนชา

กระชายซอย 1 ช้อนโต๊ะ

มะเขือเปราะ(ผ่าแช่น้ำไว้) 15 ผล

ใบมะกรูด (ฉีกแช่น้ำ) 5 ใบ

ใบกระเพรา 1 ถ้วยตวง

มะเขือพวง 1 ถ้วยตวง

กระดูกหมู 300 กรัม

วิธีทำ

นำหม้อแกงตั่งไฟอ่อนๆใส่น้ำมันลงพอร้อน ใส่พริกแกงผักจนหอม

นำกระดูกหมูใบมะกรูด ใส่ผัดต่อจนสุก เติมน้ำเปล่า เร่งไปปานกลางเคี่ยวต่อจนเดือด

เติมน้ำปลา +น้ำตาลทราย+รอจนเดือด+ใส่ผัก มะเขือเปราะ +มะเขือพวง+กระชาย+พริกไทสด ใบกระเพรา ปิดไฟยกลง ตัดรับประทานตอนร้อนๆกับข้าวสวยอร่อยเชียวจ้า..

ไปเยี่ยมท่านอาจารย์ศิราตั้งหลายครั้ง ไม่เคยได้กินอะไร ซักกะติ๊ดเลย
อย่างเก่งก็น้ำเปล่่า แล้วก็ไล่กลับ



ก๊ากกกกกกกกกกกก ;D

วันหลังจะทำมดตานอยยำให้กิน ;D

แกงเผ็ดปลาดุก
เครื่องปรุง
ปลาดุก   (อุย) 1/2 กก.
มะพร้าว 1/2 กก.
กระชาย  6 – 7 ราก
พริกชี้ฟ้า   เขียว  -  แดง 5 – 6 เม็ด
มะเขือพวง  หรือ  มะเขืออ่อน
น้ำปลา   (พอประมาณ)
ใบโหระพา
พริกแห้ง 7 – 9 เม็ด
ข่า   (หั่น) 1 ช้อนชา
พริกขี้หนู 10 เม็ด
ตะไคร้    (หั่นฝอย) 2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียม 10 กลีบ
ผิวมะกรูด   (หั่น) 1 ช้อนชา
พริกไทย     (คั่ว) 1/2 ช้อนชา
ลูกผักชี       (คั่ว) 2 ช้อนชา
ลูกยี่หร่า     (คั่ว) 1 ช้อนโต๊ะ
กะปิ 1 ช้อนชา
เกลือ 1 ช้อนชา
 
วิธีทำ
  พริกแห้งแกะเม็ดออก   แช่น้ำพอนุ่มแล้วบีบให้สะเด็ดน้ำ   โขลกกับเกลือจนพริกละเอียด    ใส่ข่า   ตะไคร้   ผิวมะกรูด    ลูกยี่หร่า   ลูกผักชี   แล้วโขลกต่อไปจนเกือบละเอียด   จึงใส่หอม   กระเทียม   พริกขี้หนู  และกะปิ  โขลกตำต่อไปอีกสักครู่จนละเอียดดี
  ปลาดุก   ขูกเมือกตามตัวออกให้หมด  ตัดหัว   ใช้ปลายมีดงัดใต้ปาก  ใช้แต่ตอนกลาง   ส่วนหัวกะโหลกไม่ใช้  ดึงไส้ออกให้หมด  (ถ้ามีไข่หลาย  ๆ  ตัว   ก็ควรเอาออกใส่ใบตองห่อแล้วนึ่ง   ใช้ยำดีกว่าจะใส่แกง)  แล้วล้างให้หมดเมือก   และคาวปลา   แล่  2  ข้าง   หั่นให้ชิ้นโตพอควร   กระดูกกลางจะสับใส่แกงก็ได้   ทำปลาสะอาดแล้วใส่กระชอนให้สะเด็ดน้ำ  กระชายขูดล้างหั่นเป็นเส้นยาว  ๆ   เล็ก  ๆ   พริกชี้ฟ้า   ก็หั่นแฉลบ  ๆ  มะเขือพวงเด็ดก้านออก   ถ้าเป็นมะเขืออ่อนก็ผ่าสี่แล้วแช่น้ำไว้   ใบมะกรูดฉีก  ใบโหระพาเด็ดเตรียมไว้
  เอากะทิตั้งเตาเคี่ยวให้แตกมัน   เมื่อกะทิแตกมันแล้วช้อนมันกะทิใส่กระทะ   ผัดน้ำพริกแกงให้หอม   ค่อย  ๆ   เติมกะทิจนมันลอย  แล้วใส่เนื้อปลาดุกลงผัด   เติมน้ำปลาเล็กน้อยผัดเบา  ๆ  พอเนื้อปลาสุกตักใส่หม้อ  ใส่ผัก  พอเดือดจนทั่วแล้ว  ใส่ใบโหระพา   กับ   พริกหั่น  กดให้จม  แล้วยกลง  ตักใส่ชามแกง  ตั้งโต๊ะรับประทาน

แกงป่าปลาดุกมะเขือเปราะ
เครื่องปรุง (สำหรับ 3-4 คน)

ปลาดุก  1  กิโลกรัม
มะเขือเปราะ  8  ลูก
พริกชี้ฟ้าอ่อน  5-7  เม็ด
ใบชะพลู  10  ใบ
น้ำปลา  3  ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปีบ  1  ช้อนชา
น้ำมันหมู  5  ช้อนโต๊ะ
รากกระชายซอย  2  ราก
ใบกระเพราะพอประมาณ
น้ำพริกแกง
พริกแห้ง  7-8  เม็ด
ข่า  5  แว่น
ตะไคร้หั่นฝอย  1  ช้อนโต๊ะ
ผิวมะกรูด  1  ช้อนชา
พริกไทย  10  เม็ด
รากกระชายหั่นฝอย  1  ช้อนโต๊ะ
เปราะหอม  1  ช้อนชา
หอมเล็ก  3  หัว
กระเทียม  2  หัวใหญ่
กะปิ  1  ช้อนชา
น้ำเปล่า  6  ถ้วยตวง
 
การเตรียม
     ขูดเมือกปลาดุกควักไส้ออกให้หมด แล่ปลาออกเป็น 2 ซีก ล้างด้วยเกลือให้หมดเมือก หั่นเป็นชิ้น ๆ
     มะเขือเปาะผ่าสี่ แช่น้ำผสมน้ำมะมาวกับมะเขือดำ หั่นพริกชี้ฟ้าอ่อนเป็นชิ้นยาว ๆ ล้างใบชะพลูแล้วหั่นเป็นเส้น กะเพรา เด็ดเป็นใบ ๆ
โขลกเครื่องแกงทั้งหมดให้ละเอียดโดยใส่ตามลำดับ
 
วิธีปรุง
     ผัดเครื่องแกงกับน้ำมันหมูจนหอม ใส่ปลาดุกลงผัดให้สุก เหยาะน้ำปลานิดหน่อย ผัดพอให้มีกลิ่นหอมดีแล้ว เติมน้ำพอสมควร พอน้ำเดือดเติมน้ำตาลปีบเล็กน้อยเพื่อป้องกันรสปร่า ชิมรส
พอน้ำแกงเดือด ใส่พริกชี้ฟ้าอ่อนกระชาย รอให้เดือดทั่วกันอีกครั้งใส่มะเขือเปราะ ใบกะเพรา เมื่อจะยกลงจากเตาใส่ใบชะพลู รับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ
 
น่ารู้
     การโขลกเครื่องแกง ก่อนโขลกควรฉีกพริกแห้งแกะเม็ดแช่น้ำให้นุ่มบีบน้ำให้แห้ง นำขึ้นโขลกกับเครื่องปรุงอื่น ๆ ตามลำดับ
การล้างปลาดุกอย่าเพิ่งล้างในน้ำทันที ควรใช้มีดขูดเมือกปลาและควักไส้ออกก่อน แล้วจึงนำไปล้างน้ำเมื่อล้างเสร็จควรจะสะเด็ดน้ำให้แห้งก่อนจึงนำไปสับเป็นชิ้น

     ตอนนี้มองไปหลังบ้านหลาย ๆ หลัง มักจะพบกล้วยน้ำว้าสุกขำเครือ!! เหลือกิน เหลือขาย เหลือเก็บ อย่างมากมาย
     วันนี้เลยนำวิธีการถนอมอาหารประเภทผลหมากรากไม้มานำเสนอ ท่านใดที่ทำเสร็จแล้วกรุณาส่งมาให้ทดลองชิม 2 กระสอบ ;D

ขนมกล้วยตากอบน้ำผึ้ง
เครื่องปรุง
กล้วยน้ำว้าสุกงอม
น้ำตาลน้ำผึ้ง
น้ำส้ม

วิธีทำ
1. เลือกกล้วยน้ำว้าสุกงอม แกะเปลือกออกแช่ในน้ำส้ม 1 ส่วน ผสมน้ำ 4 ส่วน ประมาณ10 นาที
2. นำกล้วยไปตากแดด 1 วัน
3. วันรุ่งขึ้นนำกล้วยมาคลึงให้นิ่มทั่วกัน แล้วตากแดดต่ออีก 1 วัน
4.แช่น้ำเชื่อมอัตราส่วน น้ำตาล 1 ถ้วย ต่อน้ำ 2 ถ้วย 3 ชั่วโมง
5.นำกล้วยไปตากแดดต่อ และค่อยกลับ จนออกสีน้ำตาล นำมาทับให้แบน
6. แช่ในน้ำผึ้งบรรจุขวด หรือจะชุมน้ำผึ้งแล้วตากแดดอีก 1 วัน แล้วนำใส่ภาชนะที่ต้องการเก็บไว้รับประทาน

ชอบกระทู้นี้จังเลยค่ะ เข้าทุกทีที่คิดเมนูอาหารไม่ออกค่ะ คริ คริ ^__^

ก็เธอ  ทำกับข้าวเป็นที่ไหนล่ะ   อิอิ... :P :P :P

ก็เพราะหนูทำไม่เป็นไงค่ะพี่ หนูถึงได้เข้ามาดูวิธีทำจากอาจารย์ศิราฯ น่ะค่ะ  :D ;D ;D
ไม่อยากบอกเลย ว่าเปิดดูไปด้วย ทำไปด้วยแห่ะๆๆๆ  :-[ :-[ :-[

และแล้ว   ถุงทองก็โชคร้ายยยยยยย...เหมือนเดิม..โธ่ๆๆๆน่าสงสารจัง  อิอิ..

ต้มส้มปลานิล
     เคยสังเกตุกันบ้างใหมว่า..มีปลาชนิดหนึ่งที่มีตลอดฤดูกาล ตลอด 24 ชั่วโมง ก็ปลานิลงัย..เป็นเมนูอาหารแบบเบา ๆ ย่อยง่าย ให้พลังงานต่ำ แต่มากมายด้วยคุณค่าทางอาหาร เหมาะที่สุดกับสุขภาพของเด็ก ๆ และผู้สูงอายุ แต่ที่ประทับใจคือหาซื้อง่ายประกอบอาหารได้อย่างอร่อย..แม้จะเป็นกุ๊กมือใหม่ก็เถอะ
     ยัง!..อย่าพึ่งเลียริมฝีปากไปพร้อมกับน้ำลายที่ใหลยืด ขอพูดต่ออีกนิด..สูตรนี้ นอกจากจะใช้ปลานิลแล้วยังสามารถใช้ปลาชนิดอื่นแทนได้ตามเหมาะสม หรือจะนำผักต่าง ๆ มาประกอบก็ได้ไม่ห้าม เช่นผักบุ่ง ขอเพียงอย่าให้เยอะเกิน เพราะนี่คือ ต้มส้ม

วัตถุดิบ:
1. ปลาตัวขนาดกลางๆ 1 ตัว
2. หอมแดง 4 หัว
3. พริกไทยเม็ด 10 – 15 เม็ด
4. ต้นหอมหั่นเป็นท่อน 2 – 3 ต้น
5. กะปิ 1 ช้อนชา
6. น้ำเปล่า 2 ถ้วย
7. น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ
8. มะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ

ขั้นตอนการทำ
1. ปลาล้างให้สะอาด ทำปลาด้วยการขอดเกล็ดออก แล่เอาแต่เนื้อปลา
2. หอมแดง พริกไทย กะปิ โขลกเข้าด้วยกัน
3. ใส่น้ำในหม้อต้มให้เดือดโดยใช้ไฟปานกลางใส่เครื่องที่โขลกไว้ คนให้ละลาย เติมน้ำปลา น้ำตาลและน้ำมะขามเปียก
4. พอน้ำเดือด ใส่เนื้อปลาลงไป ต้มจนเนื้อปลาสุก (อย่าคนก่อนที่เนื้อปลาจะสุกนะจ้ะ เดี๋ยวปลาจะคาว)
5. ใส่ต้นหอมลงไปปิดไฟพร้อมเสริฟได้เลยจ้า
ง่ายเนาะ..

ต้มจืดสับประรดซี่โครงอ่อน

เครื่องปรุง
สับปะรด  400 กรัม
กระดูกหมูซี่โครงอ่อน  200 กรัม
แครอท  ¼ ถ้วยตวง
กุ้งแห้ง  2 ช้อนโต๊ะ
ตั้งฉ่าย  1 ช้อนโต๊ะ
ต้นหอม  ¼ ถ้วยตวง
เกลือ  1 ช้อนชา
ซีอิ๊วขาว  2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. ต้มน้ำพอเดือด ใส่ซี่โครงอ่อน ไฟปานกลาง ตามด้วยเกลือ
2. ใส่กุ้งแห้ง ตั้งฉ่าย ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว
3. ใส่สับปะรดหั่นชิ้นพอคำ ตามด้วยแครอท รอจนเดือดอีกครั้ง
4. โรยหน้าด้วยต้นหอมหั่นหยาบ
5. ตักเสิร์ฟ พร้อมข้าวสวยร้อนๆ

เกร็ดน่ารู้ สับปะรดมีเอ็นไซม์ที่ช่วยให้เนื้อสัตว์เปื่อยนุ่ม อาหารตำรับนี้ย่อยง่ายจึงเหมาะสำหรับผู้สูงอายุ
เครดิตจาก...
http://www.horapa.com/content.php?Category=Thai&No=1091

...ผัดมาม่า...
สิ่งที่ต้องเตรียม
มาม่าต้มยำกุ้ง 2 ซอง
หมูสับ 100 กรัม
ไข่ไก่ 2 ฟอง
กระหล่ำดอก 1/2 ดอก
พริกหนุ่ม 3 เม็ด
กระเทียมสับ 4 กลีบ
ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
- ทำผัดมาม่าก่อนอื่นก็ต้องนี่เลย ต้องลวกเส้นมาม่าก่อน ลวกเสร็จแล้วให้เอาไปผ่านน้ำเย็น จากนั้นนำเส้นใส่ตะแกรงพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ

- นำเส้นมาม่าลวกที่ได้ใส่ไว้ในชาม เหยาะน้ำมันพืชลงไปซักครึ่งช้อนโต๊ะ เพื่อไม่ให้เส้นมาม่าติดกัน แล้วพักไว้ก่อน

- จากนั้นก็นำพริกหนุ่มมาล้าง แล้วผ่าครึ่งควักไส้ทิ้งไป นำพริกที่ได้มาหั่นเฉียงใส่ถ้วยไว้

- ส่วนกระหล่ำดอกนำไปล้างน้ำให้สะอาด แล้วหั่นใส่ถ้วยเตรียมไว้เช่นกัน

- ทีนี้เมื่อเตรียมทุกอย่างครบหมดแล้ว ก็มาถึงขึ้นตอนการทำผัดมาม่ากันแล้ว เริ่มจากตั้งกระทะใส่น้ำมันเล็กน้อย  พอน้ำมันร้อนใส่กระเทียมลงไปผัดให้หอม

- ใส่หมูบดลงไปผัด พอหมูสุกก็ตอกไข่ใส่ลงไป แล้วคนเร็วๆ ให้ไข่ละเอียด

- จากนั้นใส่พริกหนุ่มและกระหล่ำดอกลงไปผัดให้ผักสุก แล้วจึงใส่เส้นมาม่าลงไป ปรุงรสด้วย ซอสหอยนางรม น้ำตาล และที่สำคัญจะต้องใส่น้ำมันเจียวและเครื่องปรุงของมาม่าต้มยำกุ้งที่แถมมาในซองลงไปด้วย จะใส่มากน้อยก็แล้วแต่ความชอบก็แล้วกัน

- พอปรุงรสเรียบร้อยแล้วผัดให้เข้ากััน ปิดไฟ ตักใส่จานยกเสิร์ฟได้เลยจ้า

ผัดเผ็ดปลาไหล
 สูตรนี้สำหรับกิน 6 คน
ปลาไหล หั่นเป็นชิ้นๆ 500 กรัม, กะทิ 330 กรัม, พริกชี้ฟ้าหั่นแฉลบ 30 กรัม, พริกไทยอ่อน 30 กรัม, ขมิ้นขาวหั่นเส้นยาวๆ 15 กรัม, กระชายหั่นฝอย 50 กรัม, ใบมะกรูดฉีก 10 กรัม, ใบโหระพาเด็ดเป็นใบๆ 20 กรัม, น้ำตาลปี๊บ 15 กรัม, น้ำปลา 30 กรัม ,มะเขือพวง 30 กรัม

เครื่องแกง
พริกแห้งแกะเม็ดออกแช่น้ำ 25 กรัม, พริกขี้หนูสด 5 กรัม, พริกไทยเม็ด 0.5 กรัม, ตะไคร้ซอย 15 กรัม, ข่าซอย 5 กรัม, รากผักชี 3 กรัม, ผิวมะกรูด 2 กรัม, กระเทียม 15 กรัม, หอมแดง 40 กรัม, ลูกผักชีคั่ว 5 กรัม, ยี่หร่าคั่ว 3 กรัม, กะปิ 5 กรัม, เกลือป่น 10 กรัม

วิธีทำ
1. โขลกเครื่องแกงทั้งหมดรวมกันให้ละเอียด
2. เคี่ยวกะทิพอแตกมัน ใส่เครื่องแกงลงผัดให้หอมโดยใช้ไฟปานกลาง
3. ใส่เนื้อปลา ผัดจนเนื้อปลาสุก ใส่กระชาย ขมิ้นขาว พริกไทยอ่อน มะเขือเปราะ
4. ปรุงรสด้วยน้ำตาล น้ำปลา ผัดให้ทั่ว ชิมรส ใส่ใบมะกรูด ใบโหระพา พริกชี้ฟ้า เคล้าพอทั่ว ยกลง

เคล็ดลับ
1. ลักษณะของผัดเผ็ดปลาไหลจะมีน้ำขลุกขลิก
2. วิธีการล้างปลาให้ใส่เกลือป่นลงไปคลุกให้ทั่วชิ้นปลา เพื่อที่จะล้างเมือกและกลิ่นคาวของปลาออกให้หมด แล้วล้างด้วยน้ำเปล่าทำซ้ำ 2-3 ครั้งเนื้อปลาจะไม่มีกลิ่นคาว

แกงเนื้อไส่มะเขือ
     วันนี้ขอเสนออาหารแบบบ้าน ๆ ทานอร่อย ๆ เหมาะที่จะทานกับข้าวสวยร้อน ๆ

เครื่องปรุง
- เนื้อหั่นชิ้นบางๆ 1/2 ถ้วย วิธีหั่นเนื้อให้ได้บางๆเวลาทำแกงเเล้วเนื้อนุ่มๆให้เอาไปแช่ช่องฟรีซให้เนื้อเเข็งตัวก่อนเเล้วเอามาหั่น
เป็นชิ้นบางๆ
- พริกแกงเผ็ด 1 ชต.
- มะเขือ 5-6 ลูก ไม่ต้องหั่นไว้ เอาไว้หั่นใส่หม้อแกงเลยทีเดียว
- น้ำปลา 2 ชต.
- กะทิ 1 กระป๋อง เอาไปแช่ตู้เย็นซักสิบนาทีก่อนเเกงนะจ้ะ จะได้เเยกหัวกะทิออกมาผัดพริกแกงได้จ้า
- น้ำเปล่า
- น้ำตาลปี๊บ 1 ชช.
- ใบโหระพา 1 กำมือ

วิธีทำ

- ผัดพริกแกงเผ็ดกับหัวกะทิ ซัก 2 ชต. ผัดให้พริกแกงหอมกะทิแตกมัน
- ใส่เนื้อลงไปผัดให้เเค่พอเข้ากับพริกแกง
- หั่นมะเขือใส่ลงไป โดยการ ผ่า 4 ซีกต่อมะเขือหนึ่งลูก
- เติมหางกะทิ กับน้ำเปล่าลงไป เเล้วปรุงรสด้วยน้ำปลา เเละน้ำตาล
- ปิดฝาหม้อแกงทิ้งไว้ 5 นาที
- ใส่ใบโหระพาลงไป ก็เป็นอันเรียบร้อยเเล้วจ้า

... ผัดผักบุ้งไฟแดง ...

เครื่องปรุง + ส่วนผสม
* ผักบุ้ง 300 กรัม
* กระเทียมสับละเอียด 10 กลีบ
* พริกทุบพอแหลก 3-5 เม็ด
* น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
* เต้าเจี๊ยว 1 ช้อนชา
* ซ๊อสหอยนางรม 2 ช้อนชา
* น้ำตาล 1 ช้อนชา
* กระเทียมเจียว (สำหรับแต่งหน้าอาหาร)
* พริกไทยป่น (สำหรับแต่งหน้าอาหาร)

วิธีทำ

1. ล้างผักบุ้งในน้ำสะอาด สะเ็ด็ดน้ำให้แห้งแล้วจึงนำไปหั่นตามยาว โดยหั่นให้มีความยาวประมาณ 2 นิ้ว

2. ในถ้วยขนาดใหญ่ นำผักที่หั่นแล้วใส่ลงไป จากนั้นจึงเติมเครื่องปรุง ซึ่งได้แก่ กระเทียมสับ, พริก, น้ำมันหอย, เต้าเจี๊ยว และน้ำตาล บนผักบุ้ง

3. ใส่น้ำมันลงในกระทะและนำไปตั้งไฟ (ใช้ไฟแรง) รอจนกระทั่งเริ่มมีควันจากน้ำมันในกระทะ จากนั้นจึงใส่ผักและเครื่องปรุงที่เตรียมไว้แล้ว (ในขั้นตอนที่ 2) ลงในกระทะ ผัดอย่างรวดเร็วประมาณ 15 วินาที จึงหรี่ไฟลง
(หมายเหตุ : ในขณะที่ใส่ผักและเครื่องปรุงลงไปผัด จะเกิดไฟวาบลุกขึ้นในกระทะ ถ้าครัวของท่านมีขนาดเล็ก ไม่ควรจะใช้ไฟแรง เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายต่อสิ่งของภายในครัวได้ นอกจากนั้น ควรระวังใบหน้าและมือด้วย กรณีผู้ที่ไม่ชำนาญการทำอาหาร แนะนำให้ใช้ไฟปานกลางผัด ก็จะได้รสชาติที่อร่อยเหมือนกัน แต่จะไม่มีกลิ่นควันไฟในอาหารเท่านั้นเอง)

4. ตักใส่จาน โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียวและเหยาะพริกไทยป่นนิดหน่อย เสริฟทันทีพร้อมข้าวสวยร้อนๆ

 
 
 

 

อยากทานจังเลย.... ผัดผักบุ้งไฟแดง...ของโปรดยายต้าค่ะ.. ::)

จ้า..
แล้วจะเลือกผักบุ้งชนิดใดดีจึงจะอร่อย
1. ผักบุ้งจีน
2. ผักบุ้งไทย
3. ผักบุ้งฝรั่ง
4. ผักบุ้งโหรงเหรง..

ชอบผักบุ้งไทยค่ะ.... ผักบุ้งโหรงเหรง เป็นงัยค๊ะ  ;D

เป็นผักบุ้งของชาวกรุงเทพฯ
หลังจากน้ำท่วม

หิวววววววข้าวววววววววว.....แล้วววววววววจ้าาาา...... :D :D

กับข้าวววว....หายไปไหนนนนน... :-\ ??? >:(

กินหมดแล้ว ;D

ตอบ  ผักบุ้งโหรงเหรง  เพราะมีน้อย>>> ก็แสดงว่าใกล้หมด  >>> ก็แสดงว่าอย่ยอยอยอย  ;D

... แกงขี้เหล็กหมูย่าง ...
วันนี้มาลองทำอาหารสูตรเพื่อสุขภาพดูนะจ้ะ
จะน่ากินหรือไม่ก็ขึ้นกับฝีมือกุ๊กอย่างท่านจ้า..อิอิ ;D

เครื่องปรุง
ใบขี้เหล็กต้ม 1 ถ้วย
ดอกขี้เหล็กต้ม 1/2 ถ้วย
เนื้อหมูส่วนสะโพก 200 กรัม
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 1 ช้อนชา
มะพร้าวขูด 500 กรัม
น้ำพริกแกงคั่ว (น้ำหนัก 50 กรัม) 1/4 ถ้วย
น้ำปลา 1/2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา
น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนชา

เครื่องแกง
พริกแห้งแกะเมล็ดออกแช่น้ำ 8 เม็ด
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
กระเทียมไทยกลีบเล็ก 2 ช้อนโต๊ะ
ขาหั่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
ตะไคร้ซอย 2 ช้อนโต๊ะ
ผิวมะกรูดหั่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
หอมแดงหั่น 1/4 ถ้วย
กะปิ 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ
1.ทำน้ำพริกแกงโดยโขลกพริกแห้งกับเกลือเข้าด้วยกันจนละเอียด ใส่กระเทียม ข่า ตะไคร้ ผิวมะกรูด โขลกต่อจนละเอียดเข้ากันดี จึงใส่หอมแดง กะปิ โขลกจนละเอียดดี ตักใส่ถ้วย พักไว้
2. ทำหมูย่างโดยล้างหมูใส่ลงในอ่างผสมตามด้วยซีอิ๊วขาว น้ำมันพืช เคล้าพอทั่ว นำเข้าแช่ในตู้เย็นช่องธรรมดานาน 15 นาที จากนั้นนำมาย่างเตาถ่านด้วยไฟแรงจนน้ำมันตกและไหม้เกรียมเล็กน้อย ใส่จาน หั่นเป็นชิ้นบาง ใส่จานใบเดิม เตรียมไว้
3. คั้นมะพร้าวโดยใส่น้ำอุ่น 1/4 ถ้วย คั้นให้ได้หัวกะทิ 1 ถ้วย ใส่น้ำอุ่นอีก 2 ถ้วย คั้นให้ได้กะทิ 2 1/2 ถ้วย
4. เคี่ยวหัวกะทิ 1/2 ถ้วยในกระทะด้วยไฟอ่อนจนแตกมัน ใส่น้ำพริกแกงคั่ว ผัดจนมีกลิ่นหอมและมีมันสีแดงลอยหน้า จึงใส่เนื้อหมูย่างลงผัดจนทั่วและสุก ปรุงรสด้วยน้ำปลา เกลือ น้ำตาล ผัดจนทั่ว ค่อยๆ ใส่กะทิ ผัดจนหมดกะทิ ปิดไฟ
5. ตักแกงที่ผัดใส่หม้อ ยกขึ้นตั้งไฟกลางจนเดือด ใส่ใบและดอกขี้เหล็กต้ม ต้มจนเดือด ใส่หัวกะทิที่เหลือ ปิดไฟ
6. ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟ

ผัดคะน้าหมูน้ำมันหอย

เครื่องปรุง

ผักคะน้า 300 กรัม
สันในหมู 200 กรัม 
กระเทียมกลีบใหญ่ 3 กลีบ
พริกสด 2 เม็ด
น้ำมันหอย 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันสำหรับผัด 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. ปลอกเปลือกกระเทียม เด็ดขั้วพริก นำไปล้างน้ำให้สะอาด นำกระเทียมมาสับให้ละเอียด ส่วนพริกสดนำมาหั่นเป็นท่อน พักไว้

2. นำผักคะน้ามาล้างน้ำให้สะอาด หั่นใบที่แก่ออก ปลอกเปลือกก้าน แล้วหั่นใบเป็นท่อนๆ ส่วนก้านนำมาหั่นเฉียงๆ บางๆ

3. นำสันในหมูไปล้างน้ำให้สะอาด จากนั้น นำมาหั่นเป็นชิ้นขนาดพอคำ

4. เปิดเตาที่ไฟปานกลางค่อนข้างแรง ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันลงไป พอน้ำมันเริ่มร้อน ให้นำกระเทียมที่สับไว้และพริกหั่นลงไปผัดให้หอม จากนั้นใส่หมูลงไป ผัดไปเรื่อยจนหมูเริ่มสุก

5. ใส่ผักคะน้าลงไป เติมน้ำมันหอย แล้วผัดต่อไปซักพักจนผักคะน้าเริ่มสลดก็ปิดเตาและยกลงได้

6. ตักใส่จาน จากนั้นก็ยกเสริฟได้เลยจ้า

(http://upic.me/i/kt/subinfo-picdetail3-20060919040048wince.jpg) (http://upic.me/show/33913585)

ผัดดอกหอม

ส่วนผสม
เนื้อสัตว์ต่าง ๆ ตามชอบ เช่น หมู ตับหมู กุ้ง ไก่
ดอกหอม ล้างสะอาดหั่นท่อน
กระเทียมสับ
พริกไทยป่น
ซอสปรุงรส
ซีอิ๊วขาว
ซอสหอยนางรม
น้ำตาลทราย
น้ำซุป หรือ น้ำสะอาด
น้ำมันพืช สำหรับผัด
 
วิธีทำ
ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ รอให้ร้อน
ใส่กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ ลงไปเจียวให้พอมีกลิ่นหอม ไม่ต้องเหลืองจ้ะ
ใส่เนื้อสัตว์ลงไป ตามชอบ
นำดอกหอมเทใส่ตามลงไป รีบผัดให้เข้ากัน
เติมน้ำซุปหรือน้ำสะอาดเล็กน้อย ไม่ต้องมาก เดี๋ยวน้ำในดอกหอมก็จะออกมา
ปรุงรสตามชอบจ้า

สองวันก่อนอนัตตาผัดดอกหอมใส่หมูสับกับเต้าหู้ปลา น้ำตาไหลพรากเลยค่ะ  :'( :'( :'(
มีเคล็บลับมั้ยค่ะท่านอาจารย์ศิราฯ แสบตาไปหมดเลยค่ะ  :-[ :-[ :-[

คงต้องนำผ้ามาปิดตาและจมูกในคราเดียวกัน ;D

เหง้ออออ.... ;D ;D ;D
ซ่ะงั้น....แล้วอนัตตาจะทำกับข้าวยังไงค่ะเนี้ยยย ฮ่าๆๆๆ

~ ยำเนื้อ ~

ส่วนผสม
• เนื้อสัน 500 กรัม
• หอมใหญ่ 50 กรัม
• หอมแดง 1 ถ้วย
• มะเขือเทศ 50 กรัม
• (หั่นหอมใหญ่ หอมแดงและมะเขือเทศขนาดสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็กๆ)

ส่วนผสมของน้ำยำ
• รากผักชี 1 ช้อนโต๊ะ
• กระเทียม 1 ช้อนโต๊ะ
• พริกป่น 1/2 ถ้วย
• พริกแดง 2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมะนาว 1/2 ถ้วย
• น้ำตาล 1/4 ถ้วย
• น้ำปลา 1/4 ถ้วย
• ใบมะกรูด 1/4 ถ้วย


วิธีทำ
1. นำเนื้อสันไปย่างให้เนื้อพอสุก ไม่ต้องถึงกับสุกมาก (เพราะเนื้อจะแข็งเกินไป) แล้วก็หั่นสไลด์เป็นชิ้นพอคำและพักไว้ก่อน
2. ทำน้ำยำโดยเอาส่วนผสมของน้ำยำทั้งหมดมาคลุกเคล้ารวมกัน
3. นำน้ำยำที่ได้ราดลงบนเนื้อแล้วใส่หอมใหญ่ หอมแดง มะเขือเทศ แล้วคลุกเคล้าทั้งหมดให้เข้ากันอีกที เพียงเท่านี้ก็จะได้ "ยำเนื้อ"รสเด็ด พร้อมเสิร์ฟเป็นกับแกล้มหรือกินเป็นกับข้าวได้อีกหนึ่งจาน

โปรดสังเกต...พร้อมเสริฟ์เป็นกับแกล้ม...มาก่อน..หรือกินเป็นกับข้าวววว.... ;D ;D
แกล้มอารายดีน้า... :o ;D

แกงคั่วหอยแครง + ใบชะพลู

ส่วนผสม

       หอยแครง              1 กิโลกรัม
       หัวกะทิ                  3 ขีด
       หางกะทิ                ครึ่งกิโลกรัม
       ใบชะพลูหั่น            1 ถ้วย
       น้ำปลา                  2 ช้อนโต๊ะ
      
 เครื่องแกง
       พริกขี้หนูสด           20 เม็ด
       พริกไทย                 1 ช้อน
       หอมแดง              3-4 หัว
       ข่าหั่น                  2-3 แว่น
       กระเทียม                 2 หัว
       ตะไคร้หั่นฝอย        2-3 ต้น
       ขมิ้นหั่น                   1 หัว
       กะปิ                       3 ช้อนโต๊ะ
       เกลือ                    2/4 ช้อนชา
      
  วิธีทำ      
       นำหอยแครงไปล้างให้สะอาดแช่น้ำทิ้งไว้ นำเครื่องแกงทั้งหมดมาโขลกรวมกันให้ละเอียดแล้วพักไว้ แล้วนำหอยแครงไปลวกพอสุก แกะเอาแต่เนื้อ
      
       จากนั้นนำหางกะทิใส่หม้อขึ้นตั้งไฟจนเดือด แล้วจึงใส่เครื่องแกงที่โขลกเอาไว้ลงไปคนในหม้อให้เข้ากัน ใส่หอยแครงลงไปจนน้ำเดือด จึงใส่ใบชะพลูที่เตรียมเอาไว้ ลงไปต้ม จน ใบชะพลูสุก ปิดท้ายด้วยการนำหัวกะทิลงไป ใส่น้ำปลา ชิมรส เป็นอันแล้วเสร็จพร้อมเสิร์ฟได้
เหตุหมาย...
ใบชะพลู..ไม่รู้ว่าทางเหนือเขาเรียกอะไร บ้างก็ว่าใบหญ้าปรกต๋อฯลฯ
แต่ทางอีสานเรียก..ผักอีเลิด ;D

เห็นเมนู แกงคั่วหอยแครง + ใบชะพลู  ท้องร้องจ๊อกๆๆๆๆๆ  :D ;D ;D

 :P นํ้าลายย้อยเลยอ่ะ ท่านขา  :P

ทานกับข้าวสวยร้อน ๆ ...อย่าบอกใครเชียว ;D

แกงอ่อมปลาดุกสูตรอีสาน

ส่วนผสม       
       ปลาดุกตัวขนาดกลางหั่นเป็นชิ้น 1 ตัว
       ผักชีลาวหั่น 5 ต้น
       ต้นหอมหั่น 3 ต้น
       มะเขือเปราะหั่นเป็นซีก 3 ลูก
       มะเขือพวง 2 ช้อนโต๊ะ
       ใบแมงลัก 1 ต้น
       พริกขี้หนูสด 15 เม็ด
       ตะไคร้หั่น 1 ต้น
       หอมแดง 4 หัว
       ข้าวเหนียวดิบแช่น้ำให้นิ่ม 2 ช้อนโต๊ะ
       น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
       น้ำปลาร้า 1/2 ถ้วย
       น้ำเปล่า 2 ถ้วย
       พริกชี้ฟ้าแดงสำหรับโรยหน้า 1 เม็ด
       
วิธีทำ
เริ่มจากล้างปลาดุกให้สะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้น หันไปตั้งหม้อต้มน้ำเปล่าให้เดือด ระหว่างนั้นโขลกหอมแดง พริกขี้หนูสดให้ละเอียดแล้วใส่ลงในหม้อ ส่วนข้าวเหนียวที่แช่น้ำไว้ก็โขลกให้ละเอียดแล้วตักลงหม้อตามไป ข้าวเหนียวดิบโขลกหรือข้าวเบือนี้จะทำให้น้ำแกงออกข้นเล็กน้อย จากนั้นใส่มะเขือพวง และมะเขือเปราะผ่าซีก ซึ่งเป็นผักที่สุกช้าลงไปก่อน เสร็จแล้วปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำปลาร้า พอน้ำเดือดดีแล้วใส่ปลาดุกที่หั่นเป็นชิ้นๆ เมื่อใส่ลงไปแล้วพยายามอย่าคน เพราะจะทำให้เหม็นคาวปลา กะเวลาสักพักให้ปลาสุกดีแล้ว จึงใส่ผักชีลาว ต้นหอม ตะไคร้ และใบแมงลักตามลงไป ใช้ทัพพีกดให้ผักจมน้ำ ปิดฝาหม้อไว้สักครู่ให้ผักสุก เวลาเสิร์ฟหั่นพริกชี้ฟ้าแดงโรยหน้า กินร้อนๆ กับข้าวเหนียวหรือข้าวสวย อร่อยสุดๆ

เมนูวันนี้  ยายต้าอดทานค่ะ......ทำปลาดุกไม่ได้  สั่งแม่ค้าทำก็ไม่ได้
เปลี่ยนเป็นเนื้อปลาทะเลแช่แข็ง  ไม่รู้ว่าจะอร่อยเหมือนตามสูตร ท่านศิราน้อย หรือป่าวหนอ.... :-\

ข้าวผัดทะเล
     งั้นเย็นนี้ต้องเมนูนี้จ้า เป็นอาหารรสไม่จัดจ้าน ทานแบบสบาย ๆ รสชาติพอประมาณ
Siranoi ก็ลดอาหารประเภทรสจัด ๆ มาหลายปีแล้วจ้า

เครื่องปรุง
- ข้าวสวย
- ปลาหมึกลวก
- หอยแมงภู่ลวก
- เนื้อปลากระพงลวก
- กุ้งลวก
- แครอทหั่นลูกเต๋า
- หัวหอมใหญ่หั่นลูกเต๋า
- มะเขือเทศหั่นลูกเต๋า
- ซีอิ้วขาว
- น้ำตาล
- พริกไทย
- ต้นหอม, ผักชี
 
วิธีทำข้าวผัดทะเล

- ตั้งกระทะ นำปลาหมึก กุ้ง หอย และเนื้อปลาที่ลวกแล้วลงไปผัด
- จากนั้นนำข้าวสวยลงไปผัด ตามด้วยแครอท หอมหัวใหญ่
- ปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว น้ำตาล ชิมรสตามชอบ จากนั้นเติมมะเขือเทศ
- ใส่ต้นหอมผักชีปิดท้าย ก่อนโรยหน้าด้วยพริกไทย ยกเสิร์ฟได้ทันที

อย่างนี้ค่อยยังชั่วหน่อยค่ะ  ไม่ต้องทำบาป อร่อยด้วย  ;D
ขอบคุณค่ะ ท่านศิราน้อย  ;)

ตำแตง แสบๆแซบๆ

ส่วนประกอบ

- แตง อะไรก็ได้ เช่น แตงร้าน แตงกวา แตงไทยดิบ เปลือกแตงโม แตงกวาญี่ปุ่น ฯ เอาแตงแช่น้ำ สัก 1 ชั่วโมง ให้ยาฆ่าแมลงลดลงบ้าง ไม่ต้องปอกเปลือก (ได้เพคติน) เอามาสับเป็นเส้นๆเหมือนสับมะละกอ ปริมาณตามชอบ จะได้เส้นเขียวสลับขาว
- พริกสด ใส่ตามความพอใจในความแสบ
- กระเทียมหัว  กระเทียมต้น (สด) หั่นท่อนสั้นๆ 1/2 นิ้ว
- มะเขือเทศสีดา ลูกเล็กๆ ผ่าสี่ ปริมาณตามพอใจ
- กะปิ นิดหน่อย หรือถ้าชื่นชอบปลาร้าก็เชิญใช้แทนกันได้
- น้ำปลาดี
- มะนาว บีบน้ำ มีฝานเปลือกเอากลิ่นหอมบ้าง นิดนึงมากจะขม
- ถ้ามีกุ้งแห้ง ก็หยิบใส่ได้ตามใจชอบ

วิธีทำ

- เอาพริก กระเทียม ใส่ครก ตำหยาบๆไม่ละเอียดนัก
- เอาเส้นแตง และมะเขือเทศลง ตำเบาๆ (ย้ำ เบาๆเส้นจะไม่
กรอบ) เอาทับพีพลิกคน ล่างขึ้นบน สลับกัน
- เอากะปิหรือน้ำปลาร้าใส่ กุ้งแห้งตาม มะนาวฝาน ตำเบาๆอีก
- ใส่น้ำปลา ชิม ไม่เปรี้ยว บีบมะนาว อาจจะมีน้ำตาลติดปลายช้อน
แทนผงชูรส โรยกระเทียมหั่น ตำเบาๆ คนให้เข้ากัน ชิมอีก
ครั้ง ให้รสเค็มนำเปรี้ยวตาม เผ็ดอย่าแซง หน้าตามีสีสัน เขียว
ขาวแดง เวลาทานระวังลูกโดด เสร็จแล้วเน๊อ.. ตักออกใส่จาน
ทานได้เลย เป็นของว่างยามบ่าย หรืออาหารหลักก็ได้ กะ - ลึ๊บ!

แกงคั่วหน่อไม้เปรี้ยว

 เครื่องปรุง
   1.น้ำมัน พืช    2 ช้อนโต๊ะ
   2.เครื่อง แกงคั่ว   2 ช้อนโต๊ะ
   3.กะทิ 100 % ตราอร่อยดี   500 มิลลิลิตร
   4.เนื้อปลา กดคัง   300 กรัม   
   5.หน่อไม้ ดองเปรี้ยว   200 กรัม
   6.น้ำปลา   2 ช้อนโต๊ะ
   7.น้ำตาลปี๊บ   1 ช้อนโต๊ะ
   8.พริกชี้ ฟ้าแดงหั่นแฉลบ   2 เม็ด
   9.ใบโหระพา   1 ถ้วยตวง

วิธีทำ
1.นำหม้อตั้งไฟ ใส่น้ำมันพืชลงไปให้ร้อน ใส่เครื่องแกงคั่วลงไป ผัดพอหอม ใส่หัวกะทิลงไปประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ผัดพอเครื่องแกงสุกและแตกมัน

2.ใส่เนื้อปลากดคังลงไปผัดคลุกกับเครื่องแกงพอเนื้อปลา สุกข้างนอก แต่ข้างในยังไม่สุก

3.ใส่กะทิที่เหลือลงไปต้มให้เดือด เติมหน่อไม้ดองเปรี้ยว ลงไปคนให้เข้ากัน

4.ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ ชิมรสชาติให้ออกรสเค็ม เปรี้ยว หวาน หรือตามต้องการ

5.ก่อนยกลงใส่พริกชี้ฟ้าแดง และใบโหระพาลงไป คนให้เข้ากัน

6.ตักใส่ถ้วยเสิร์ฟกับข้าวสวยร้อน ๆ

 :P :P นํ้ายายใหยยย 3 ถัง  :P :P :P

มีเวลาว่าง...เรามาทำทานร่วมกัน คงอร่อยน่าดูเน๊อะ ท่านลิลลี่ ...
แต่มีข้อแม้นว่า....ห้ามตลก  เพราะแกงมันเผ็ดค่ะ  ;D

< แกงไข่แมงมัน >

..เครื่องปรุง..       
พริกหนุ่ม
กระเทียม
หอมแดง
ไข่
ต้นหอม
และปลาร้า
 
วิธีปรุง   

1. ตำกระเทียมให้ละเอียด ไม่ต้องแกะเปลือก
2. ใส่พริกหนุ่มลงไป ถ้าอยากให้ละเอียดเร็ว ๆ ก็เอาพริกมาซอยก่อน  ตามด้วยหอมแดง
3. ใส่ปลาร้าลงไป ตำให้เข้ากัน    ตั้งน้ำให้เดือด
4. ใส่น้ำพริกลงไป น้ำเดือดอีกครั้ง ก็ใส่ไข่แมงมันลงไป
5. น้ำเดือดอีกครั้ง ก็ใส่ไข่ลงไป ถ้าไข่แมงมันมีน้อย ก็ใส่ไข่ไก่เยอะหน่อย จะได้ปริมาณเยอะขึ้น
6.  ไข่สุกแล้ว ก็ใส่ต้นหอมซอยลงไป
7.  เสร็จแล้วอาจจะปรุงรสด้วยน้ำปลา

ยำปลากระป๋อง
...............
ส่วนประกอบ

ปลากระป๋อง 2 กระป๋อง (สามแม่ครัว หรือ เชฟ จะอร่อยกว่า)
ขิงอ่อนซอย 2 ช้อนโต๊ะ
หอมแดงซอย 1/4 ถ้วย
ต้นหอมหั่นท่อนยาว 1 นิ้ว 1 ช้อนโต๊ะ
ใบสะระแหน่ 1/4 ถ้วย
ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต๊ะ
 
น้ำยำ     
พริกขี้หนูหั่น 1/2 ช้อนชา
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. ทำน้ำยำโดยผสมพริกขี้หนู เกลือ และน้ำมะนาวเข้าด้วยกัน
2. เคล้าปลากระป๋องกับขิงอ่อนและหอมแดงในชามพอทั่ว ใส่น้ำยำ เคล้าพอทั่ว ใส่ต้นหอมและใบสะระแหน่เคล้าเบา ๆ อีกครั้งพอเข้ากัน ตักใส่ภาชนะ โรยต้นหอมซอย เสิร์ฟ

แต่...เอ๊ะ!!!
เค้าจาว่าเราขุดกระทู้ป่าวเนี่ย
เจี๋ยวอ่ะ.. ;D

ฮ่าๆๆๆๆๆๆ  อันนี้แอดมินกำลังพิจารณาอยู่ค่ะ  ;D ;D ;D
แกงไข่แมงมันชอบทานค่ะ อร่อยดี ปีนี้ได้ทานตั้งหลายรอบ แต่เปลืองไข่ไก่จังเลยค่ะ ต้องใส่เยอะ ๆ เพิ่มปริมาณมาก ๆ  :D
ว่าแต่ยำปลากระป๋องใส่ขิงด้วยเหรอค่ะ ยังไม่เคยทำเลยค่ะ ได้เมนูใหม่อีกแล้ว ขอบคุณค่ะท่านอาจารย์ศิราฯ  ;)

กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก...
มีคนรู้ทันด้วย ;D

ยำปลากระป๋อง ใส่หัวปลีซอยบางๆ ก็อร่อยนะคะ เป็นการเพิ่มปริมาณไปในตัวด้วยแหล่ะ อิอิ

     วันนี้เวลา 16.00 น.
เตรียมพบกับสูตรอาหารจาน-ชาม อร่อย
ที่จะนำมาลงให้ท่านได้ทดลองทำ โดย กุ๊กฝีมือ เชี่ยม!
 1. กุ๊กอนัตตา
 2. กุ๊กยาย-ต้า
 3. กุ๊กฟ้าใส flashi
 4. กุ๊กไก่..กุ๊ก ๆ
ฝากด้วยเน้อ ไม่อยู่ ;D

หวา.....แล้วเราจะทำอะไรดีเนี่ย....
ทำเป็นแต่ ยำไข่เค็ม
ทอดไข่ดาว

   ;D

หนูขอสละสิทธิ์ให้กุ๊กยาย-ต้า  กุ๊กฟ้าใส flashi กุ๊กไก่..กุ๊ก ๆ น่ะค่ะ  ;D
เพราะทุ๊กกกกกวันนี้ เวลาหนูทำกับข้าว หนูก็มาพึ่งอาจารย์ศิราฯ นี้แหล่ะค่ะ  :-[ :-[ :-[
ล่าสุดทำเมนูยำปลากระป๋องอร้อออออยอร่อย ใส่ขิงด้วย อิอิ ^^ เลี้ยงปี๋ใหม่มีแต่คนบอกว่าอร่อย  ;D

เอ่อ...ที่นี่ห้องกลอนใช่ไหมครับ....อ๋อ...แผนกอาหารต้อนรับแขกนี่เอง...นึกว่าเข้าห้องผิด....มีเมนูเด็ดเลี้ยงผมซักมื้อสิครับ...หิววววววว...อิอิ

มาสิค่ะ...เดี๋ยวยำปลากระป๋องให้ทานค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ  ;D

ไม่มีแอลกอฮอล์หนา...มีแต่น้ำเป-ล่า  ได้ก่อคร๊าบบบ  :D

บ่เป๋นหยัง...ขอให้ได้อิ่มจั๊กมื้อเป็นพอ...

          ไม่มีภาพจะโพสต์ขอโทษด้วย   แต่จะช่วยกล่าวพูดสูตรอาหาร
รับรองว่าอร่อยนักจนอยากทาน          หาใดปานมิขัดข้องลองทำเลย
"รากผักชี" กับน้ำเปล่าในหม้อใหญ่     ต้มบนไฟปานกลางอย่างที่เอ่ย
ใส่กระเทียมตำสักนิดมิผิดเปรย          ขอเฉลยจะให้ทำ"กระเพาะปลา"
ตอนนี้เริ่มทำน้ำซุปให้อร่อย                จึงค่อยค่อยทำเป็นขั้นไร้ปัญหา
ซีอิ๊วหวานสีดำใส่ตามมา                     ผงพะโล้นิดนึงหนาอย่าเสียดาย
ไมโลนิดน้ำตาลทำหวานนัก                 ซุปก้อน"คนอร์"ก้อนไก่หลักใส่ให้หลาย
ตามด้วยอก ตับปอดไก่หยิบไม้พาย      ใส่เข้าไปแล้วหมายจะให้คน
เลือดหมูตามเห็ดหอมตามทำแบบนี้       หน่อไม้มีก็ใส่อย่าได้ฉงน
แป้งมันสำปะหลังหนีไม่พ้น                   ใส่น้ำล้นคนให้เหนียวในกะละมัง
รอหม้อต้มเดือดสุกส่งกลิ่นหอม              ค่อยตะล่อมใส่แป้งตามทีหลัง
กระเพาะปลาชามนี้อร่อยจัง                  สูตรนี้ดังสูตรฮ่องเต้ให้บ้านกลอน

เพียงแค่อ่าน  ก็พาล            น้ำลายไหล
เห็นภาพได้   ชามใหญ่ใหญ่  ได้กลิ่นหอม
แต่อย่าลืม     พริกไทย         นะพ่อจอม
แล้วมาล้อม    วงกิน             แทบปลิ้นพุง


อย่าลืมใส่ผักชีด้วยนะคะ ของโปรดเลยนะนั่น ;D ;D ;D

ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าทะเล
     เมื่อวานได้มีโอกาสเดินทางไปพะเยา  ตะเวณหาร้านอาหารแบบลุกทุ่ง ๆ ธรรมดา ๆ บริเวณเยื้อง ๆ รพ.พะเยาสายใน มาทางเชียงราย ไปเจออยู่ร้านหนึ่ง กะว่าจะสั่งราดหน้าทะเลสั๊กกะหน่อย น่าเสียดายเจ้าของร้านเดินมาบอกว่าช่วงนี้อาหารทะเลไม่เข้า เลยอด จึงสั่งราดหน้าหมูมากินก็อร่อยดี เขาไส่ก้านผักกาดขาวด้วยนะ ไม่เคยทำและไม่เคยกินสูตรนี้ แต่ก็อร่อยดีรสชาติกะลมกะหล่อม
..................

เครื่องปรุงและส่วนผสม
ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ 200 กรัม
ปลาหมึกสดหั่นขวางเป็นท่อน 1 ตัว
กุ้งกุลาดำเด็ดหัวปอกเปลือกออกผ่าหลังเอาเส้นดำออก 3 ตัว
หอยแมลงภู่แกะ 5 ตัว
เนื้อปลากะพงหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ 3 ชิ้น
กระเทียมสับ 1 หัว
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
แป้งข้าวโพดละลายน้ำพอสมควร 1 ช้อนโต๊ะ
เต้าเจี้ยว 1 ช้อนชา
น้ำปลา 1 ช้อนชา
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
ซอสถั่วเหลืองปรุงรส 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
คะน้าหั่นแฉลบ 1 ต้น
พริกไทยป่น พริกดองน้ำส้ม   

วิธีการทำ 

1. เอากระทะตั้งบนเตาไฟ เร่งไฟแรงพอสมควร พอร้อนเอาเส้นก๋วยเตี๋ยวลงผัดแล้วใส่จานไว้ ต่อจากนั้นก็ใส่น้ำมันพืชลงไป พอร้อนเอากระเทียมสับลงเจียว
2. ใส่ปลาหมึกสดที่เตียมไว้ ใส่เนื้อปลา หอยแมลงภู่สดแกะใส่กุ้งกุลาดำที่ทำเรียบร้อยแล้วลงไป ผัดต่อไป
3. ใส่เครื่องปรุงรสน้ำปลา ซอสถั่วเหลืองปรุงรสซีอิ๊วขาว เต้าเจี้ยว น้ำมันหอย น้ำตาลทราย เติมน้ำซุปลงเล็กน้อย ใส่คะน้า ใส่แป้งข้าวโพดที่ละลายน้ำเอาไว้แล้วลงไปผัดคลุกเคล้าเสร็จแล้วเอาไปราดหน้าก๋วยเตี๋ยวที่ผัดใส่จานรอท่าอยู่แล้ว ยกเสริฟทันที

ว้าวๆๆๆๆ พอดีเลยค่ะ วันนี้มีทะเลรวมมิตรแช่อยู่ในช่องฟีต
เดี๋ยวไปตลาดซื้อก๋วยเตี๋ยวกับคะน้าดีกว่า 
ขอบคุณน่ะค่ะ  :-* สำหรับมื้อเย็นวันนี้ อิอิ ^^

จ้า..
ขอให้อารีดอย

ต้มแซบ! ปลานิล
.............
วัตถุดิบ:
ปลานิล 1 ตัว
มะพร้าวอ่อนเอาทั้งน้ำและเนื้อ 1 ลูก
ตะไคร้ 3 ต้น
ข่าอ่อน 10 แว่น
กระเทียม 5 กลีบ
หอมแดง 5 หัว
พริกชี้ฟ้า 7 เม็ด
พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ
มะเขือเทศ 3 ผล
น้ำมะขามเปียก 1 ช้อนโต๊ะ
มะนาว 1 ลูก
เกลือ 1 ข้อนชา
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
เครื่องปรุง:ตะไคร้
ข่าอ่อน
กระเทียม
หอมแดง
พริกชี้ฟ้า
พริกป่น
มะเขือเทศ
น้ำมะขามเปียก
มะนาว
เกลือ
น้ำปลา
ต้นหอม
ผักชี
ผักชีฝรั่ง
ใบมะกรูด
.............
ขั้นตอนการทำ

1. เตรียมปลา เอาเกล็ดและไส้ปลาออก หั่นเป็นชิ้นพอเหมาะแล้วล้างน้ำให้สะอาด เอาแช่ในเเช่น้ำข้าวไว้
2. มะพร้าว เฉาะเอาน้ำออกแล้วนำน้ำไปใส่ในหม้อเพื่อต้มเป็นน้ำต้มแซบ และแกะเอาเนื้อด้วย
3. เตรียมเครื่องปรุง ตะไคร้ ข่า กระเทียม หอมแดง ใบมะกรูด เกลือ แล้วนำไปใส่ในหม้อต้มน้ำเดือด
4. พอน้ำเดือดให้ใส่พริก พริกป่น มะเขือเทศ น้ำมะขามเปียก มะนาว น้ำปลา ลงไป
5. ใส่ปลาในขณะน้ำเดือด อย่าคน ปิดฝาหม้อ รอให้เนื้อปลาสุกแล้วเติมเนื้อมะพร้าวลงไป พอสุกยกลง
6. ชิมรสและปรุงรสตามใจชอบและเติมผักชี ต้นหอม ผักชีฝรั่งและใบมะกรูดลงไป เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

เคล็ดลับ:   ปลาควรแช่น้ำแช่ข้าวก่อนนำมาปรุงเพื่อไม่ให้คาว

โต๊ะ ๕ สั่งตั้งนานแล้ว ยังไม่ได้ทานเลยนะ >:(

หิวจังเลยค่ะ ;D

หัดทำดิเจ้าป้า ทำแล้วโทรบอกด้วยนะครับ   ;D

อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ 
จริงไม่กลัว กลัวไม่จริง นะ ตัวเอง ;D

แกงหอยขม (หอยจูบสูตรคุณสาน)
.............
 
เครื่องปรุง / ส่วนผสม
๑. หอยขมสด
๒. ใบชะพลู (ใบผักแค)
๓. ถั่วฝักยาว
๔. ใบพริกขี้หนูอ่อน
๕. ข้าวคั่ว
๖. ถั่วพู
๗. พริกขี้หนูสดอ่อน
๘. พริกแห้ง
๙. กระเทียม
๑๐.หอมแดง
๑๑. เกลือ
๑๒. ตะไคร้
๑๓. กะปิ
๑๔. น้ำปลา

ขั้นตอน / วิธีทำ
๑. นำหอยขมมาล้างน้ำให้สะอาด ตัดก้นหอยออก นำไปล้างน้ำซาวข้าวอีก
หนึ่งครั้ง
๒. นำเครื่องปรุงข้อ ๘ – ๑๓ โขลกให้ละเอียดนำไปผัดในหม้อให้หอม จากนั้นนำหอยขม ลงผัดให้เข้ากับเครื่องแกงผัดต่อไปสักพัก ใส่น้ำลงไปพอประมาณใช้ไฟปานกลางปิดฝา เคี่ยวให้น้ำเดือดจนสุก
๓.นำข้าวคั่วโรยลงไปพอประมาณ เพื่อให้เข้มข้น ปรุงรสให้พอดีด้วยน้ำปลา ยกลง รับประทานร้อนๆ

เทคนิคในการทำ (เคล็ดลับ)
เคล็ดลับในการทำแกงแคนั้น อยู่ที่ส่วนประกอบและเครื่องปรุง เช่น หอยที่นำมาแกงนั้น ต้องเก็บมาพักไว้สัก ๒ – ๓ วันเพื่อให้หอยถ่ายของเสียออก
อ้อ...ความอร่อยอยู่ที่ข้าวคั่วเป็นหลักนะจ้ะ..

แกงหอยๆๆๆๆ ช๊อบบบชอบบบบ ..รักก็จูบ ไม่รักก็จูบ.. หิวข้าวววอีกแย้ววววว  :D ;D ;D

ต้มข่า ปลาสลิด

เครื่องปรุง
ปลาสลิดแดดเดียว
กะทิ
เห็ด
ข่า
พริกขี้หนู
ใบมะกรูด
ตะไคร้
ผักชี
เกลือป่น
ซีอิ้วขาว (หรือน้ำปลา)
น้ำตาลทราย
น้ำมะนาว
น้ำเปล่า
น้ำมัน
แป้งทอดกรอบ

วิธีทำ
1. นำข่า ตะไคร้ ใบมะกรูดมาล้างน้ำให้สะอาด สะเด็ดน้ำแล้วหั่นข่าเป็นแว่น หั่นตะไคร้เฉียงๆ และฉีกเส้นกลางใบมะกรูดออก พักไว้
2. นำเห็ด พริกขี้หนู และผักชีมาล้างน้ำให้สะอาด สะเด็ดน้ำแล้วหั่นเห็ดออกเป็น 6-8 ส่วน หั่นพริกเฉียงๆ แล้วซอยผักชีหยาบๆ พักไว้
3. นำเนื้อปลามาล้างให้สะอาด สะเด็ดน้ำแล้วหั่นเป็นชิ้นขนาดพอคำ เอาก้างออกด้วย แล้วตั้งน้ำมันให้ร้อนเอาปลาคลุกแป้งเล็กน้อยแล้วเอาลงทอดให้เหลืองกรอบ
4. เปิดเตาที่ไฟแรงปานกลาง นำหางกะทิและน้ำเปล่า 1 ถ้วยใส่ลงหม้อ รอจนเดือดจึงใส่ข่า ตะไคร้และใบมะกรูดลงไป เคี่ยวไปประมาณ 5 นาที
5. ใส่หัวกะทิลงไป ใส่เกลือป่นเล็กน้อย คนให้เข้ากัน แล้วเติมน้ำเปล่าลงไปอีก 1 ถ้วย รอซักพักจนน้ำแกงเดือด
7. ใส่เห็ดและพริกที่หั่นไว้ลงไป คนให้เข้ากัน
8. ใส่ปลาสลิดที่ทอดไว้ลงไป
9. ปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว (หรือน้ำปลา) น้ำตาลทราย และน้ำมะนาว ชิมรสตามชอบ จากนั้น โรยด้วยผักชีและคนให้เข้ากันคนให้เข้ากัน แล้วปิดเตาได้พร้อมรับประทาน ;D ;D ;D ;D ;D

ยำใบบัวบก
.............
ส่วนผสม
ใบบัวบก 20 ใบ
กุ้งเสียบ 15 ตัว
น้ำพริกเผา 1 ช้อนโต๊ะ
มะพร้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 3/4 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลเล็กน้อย

วิธีทำ
- ล้างใบบัวบกให้สะอาด หั่นเป็นท่อนพอดีคำ พักไว้
- ผสมน้ำพริกเผา มะพร้าวคั่ว น้ำปลา น้ำมะนาว และน้ำตาลทรายเข้าด้วยกันเป็นน้ำยำ
- นำใบบัวบกมาคลุกเคล้ากับน้ำยำให้เข้ากัน จากนั้นตักใส่จานและโรยหน้าด้วยกุ้งเสียบ จัดแต่งให้สวยงาม พร้อมเสิร์ฟ
- นำปลากะพงที่ปั้นได้รูปแล้วเขาอบในเตา ก่อนที่จะนำไปทอดบนกระทะเทฟลอน ใส่น้ำสต๊อกผักลงไปเล็กน้อย
- แต่งหน้าด้วยมะเขือเทศหั่นขวาง ผักชี และใบสะระแหน่ พร้อมเสิร์ฟกับน้ำจิ้มรสเด็ด

หมายเหตุ : ใบบัวบก ช่วยควบคุมความดันโลหิตให้เป็นปกติ ชะลอความแก่ กระตุ้นการสมานแผลให้เร็วขึ้น เป็นต้น

แกงเผ็ดเนื้อไผ่ตง
...............

แกงเผ็ดเนื้อกับหน่อไม้ไผ่ตง

เครื่องปรุง
1) เนื้อวัว (หั่นเป็นชิ้น ๆ)

2) หน่อไม้ไผ่ตง (ฝานเป็นแผ่น ๆ แล้วซอยเป็นชิ้นเล็ก ๆ นำไปต้ม ระหว่างต้ม ให้ชิมดูว่า
หายขมหรือยัง ให้ต้มต่อไป
จนกว่าจะหายขม
แล้วตักใส่ตะแกรง เตรียมไว้)

3) กะทิ (คั้นเอาหัวกะทิเก็บไว้ 1 ถ้วยก่อนแล้วใช้น้ำที่ 2 คั้นเอาหางกะทิ (กะน้ำพอประมาณ)
4) พริกแห้ง 15 – 20 เม็ด
5) กระเทียมปอก 5 หัว
6) ผิวมะกรูดหั่น 1/2 ช้อนโต๊ะ
7) ใบมะกรูดฉีก 5 ใบ
8) ใบกระเพรา 1 ถ้วย
9) พริกอ่อนหั่น 1 ช้อน
10) น้ำปลา

วิธีทำ
1) โขลกเครื่องแกง ข้อ 4) – 6) ให้ละเอียด
2) ใช้หางกะทิสักเล็กน้อย เคี่ยวให้แตกมัน
3) ใส่เครื่องแกงลงไปผัดให้หอม
4) ใส่น้ำปลา
5) ใส่เนื้อลงไป ผัดให้สุก
6) ใส่หางกะทิ
7) ใส่หน่อไม้
** เคี่ยวสักพัก ชิมดูว่าได้รสชาติตามชอบหรือยัง
อาจใส่เกลือสักเล็กน้อย **
7) ใส่พริกอ่อนหั่น
8) ใส่หัวกะทิ
9) ตามด้วยใบกะเพรา
**พอเดือดแล้ว ก็ยกลงได้

~~ ผัดเผ็ดหน่อไม้เนื้อ ~~
......................

เครื่องปรุง

เนื้อสด
หน่อไม้ต้ม หั่นฝอย
พริกแกงเผ็ด
ใบโหระพา
น้ำตาลปีบ
น้ำมันหมู / น้ำมันพืช
น้ำปลา
 
วิธีเตรียม

1. เนื้อ ล้างน้ำ หั่นเป็นชิ้นพองาม
2. หน่อไม้ ล้างน้ำ สงขึ้นให้สะเด็ดน้ำ
3. ใบโหระพา ล้างน้ำ เด็ดเป็นใบๆ

วิธีทำ

1. นำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันพอร้อน ใส่น้ำพริกลงผัดให้หอม
2. ใส่เนื้อ น้ำปลา น้ำตาล พอเดือดเนื้อสุก ใส่หน่อไม้ ผัดให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ ใส่ใบโหระพา คนให้ทั่ว
....................

ของที่ใช้แทนกันได้

1. ผัก
- ถ้าไม่มีหน่อไม้ต้มหั่นฝอย ใช้หน่อไม้ไผ่ตงต้มแล้วหั่นฝอย มะเขือเปราะ มะเขือยาว  มะเขือเจ้าพระยา
- ถ้าไม่มีใบโหระพา ใช้ใบกระเพรา
2. เนื้อสัตว์ ถ้าไม่มีเนื้อ ใช้ หมู กุ้ง ลูกชิ้นปลา ปลาดุก ปลาช่อน ปลากะพง

สูตรยำหอยแครง

เครื่องปรุง

1.หอยแครงลวก 1 กก. ( อย่าลวกจนเลือดแห้งจะไม่หวาน )

2.ตะไคร้ 3-4 ต้น ( ชอยบางๆ )

3.หอมแดง 4-5 หัว ( หั่นบางๆ )

4.ผักชีฝรั่ง 1-2 ต้น ( หั่นหยาบ )

5.สะระแหน่เด็ดใบ

เครื่องปรุง

1.น้ำมะนาว 3 ชต.

2.น้ำปลาดี 3 ชต.

3.น้ำตาลทราย 1 ชช. ( ชิมก่อนค่อยใส่ )

4.น้ำพริกเผา 1-2 ชต. ( ถ้าหวานไม่ต้องเติมน้ำตาล )

5.พริกขี้หนูสวนบุบพอแตกหรือหั่น จำนวนตามต้องการ

วิธีทำ

- นำเครื่องปรุงมาผสมคนให้ทุกอย่างเข้ากัน

- แกะหอยแครงออกใส่ทั้งเลือดและเนื้อหอยแครงลงภาชนะที่จะใช้คลุกเคล้า

- นำส่วนผสมทั้งหมดใส่ลงในหอยแครงรวมทั้งเครื่องปรุงด้วยคลุกเคล้าให้ทั่วแล้วชิมรสตามต้องการชอบแบบไหนก็ลดได้เพิ่มได้

อยากจะกินหูฉลามผ้ดฉ่า        ปลาไหลผัดเผ็ดแกงเป็ดเขียวหวาน
ต้มโคล้งใบมะขามลูกตาล        พร้อมกับจานมะเขือยาวมะนาวดอง ;D ;D 

... ปลานิลนึ่ง ...
..................

ปลานิลตัวใหญ่                     1  ตัว
ขึ้นฉ่ายซอย                          ½  ถ้วย
แครอทซอย                          ½  ถ้วย
ขิงซอย                                 ½  ถ้วย
ตะไคร้                                  1  ต้น
ใบเตย                               2-3  ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว                             3  ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว                               2  ช้อนโต๊ะ
วิธีทำปลานึ่ง
1.  ล้างปลาให้สะอาด ควักไส้ออก บั้งปลาให้ถึงกระดูก  ใส่ตะไคร้และใบเตยในท้องปลา  นึ่งปลาในซึ้งด้วยไฟปานกลางประมาณ 15 นาที
2.  เปิดซึ้ง  ใส่แครอท  ขึ้นฉ่าย และขิงบนตัวปลา  นึ่งต่อสักครู่จนผักสลด  ยกลง
3.  ผสมน้ำมะนาวและซีอิ๊วขาวเข้าด้วยกัน  แล้วราดบนตัวปลา  พร้อมเสิร์ฟ

ส่วนผสมน้ำพริกหนุ่ม
.................

พริกหนุ่มเม็ดใหญ่ปิ้ง                                                   10  เม็ด
กระเทียมปิ้ง                                                               5  กลีบ
หอมเล็ก                                                                    5  หัว
รากผักชี                                                                    1  ช้อนชา
น้ำปลา                                                                     2   ช้อนชา
เกลือ                                                                        1  ช้อนชา
ต้นหอมและผักชีซอยละเอียดรวมกัน                                  ¼ ถ้วย

วิธีทำน้ำพริกหนุ่ม
.............

1.  ตำพริกหนุ่มกับเกลือ  จากนั้นใส่หอมเล็ก กระเทียม  รากผักชี  ตำจนเข้ากัน
2.  จากนั้นใส่น้ำปลา  คนให้เข้ากันดี  ชิมรส
3.  ใส่ต้นหอมและผักชีซอย  คลุกเคล้าให้เข้ากัน  พร้อมเสิร์ฟ

     ท่านใดมีสูตรอาหารอร่อย ๆ อย่าเก็บไว้คนเดียว
รีบนำมาเผยแพร่เถิดนะ.. ;D
วันนี้มีปัญหาเรื่องเน็ตพึ่งแก้ไขเสร็จ..โปรดใช้เมนูเดิม ;D

... ผัดผักบุ่งไฟแดง ... (อีกสูตร)
วัตถุดิบ เครื่องปรุง
■ผักบุ้ง 300 กรัม
■กระเทียมสับละเอียด 10 กลีบ
■พริกทุบพอแหลก 3-5 เม็ด
■น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
■เต้าเจี๊ยว 1 ช้อนชา
■ซ๊อสหอยนางรม 2 ช้อนชา
■น้ำตาล 1 ช้อนชา
■กระเทียมเจียว (สำหรับแต่งหน้าอาหาร)
■พริกไทยป่น (สำหรับแต่งหน้าอาหาร)

ขั้นตอนการทำอาหาร
1ขั้นตอนแรกล้างผักบุ้งในน้ำสะอาด สะเด็ดน้ำให้แห้งแล้วจึงนำไปหั่นตามยาว โดยหั่นให้มีความยาวประมาณ 2 นิ้ว เท่าๆกัน หรือถ้าบางคนชอบทานแบบยาวๆก็ไม่ต้องหั่นก็ได้ครับ

2นำผักที่หั่นแล้วใส่ลงไปพักไว้ในถ้วยหรือตะกร้าขนาดใหญ่ จากนั้นจึงเติมเครื่องปรุง ซึ่งได้แก่ กระเทียมสับ, พริก, น้ำมันหอย, เต้าเจี๊ยว และน้ำตาล บนผักบุ้ง

3ตั้งไฟแรง รอจนน้ำมันเริ่มร้อน แต่อย่าให้ร้อนจนเกินไปเพราะกระเทียมจะไหม้ครับ รอจนกระทั่งเริ่มมีควันจากน้ำมันในกระทะ จากนั้นจึงใส่ผักและเครื่องปรุงที่เตรียมไว้แล้ว (ในขั้นตอนที่ 2) ลงในกระทะ ผัดอย่างรวดเร็วประมาณ 15 วินาที จึงหรี่ไฟลง (หมายเหตุ : ในขณะที่ใส่ผักและเครื่องปรุงลงไปผัด จะเกิดไฟวาบลุกขึ้นในกระทะ ถ้าครัวของท่านมีขนาดเล็ก ไม่ควรจะใช้ไฟแรง เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายต่อสิ่งของภายในครัวได้ นอกจากนั้น ควรระวังใบหน้าและมือด้วย กรณีผู้ที่ไม่ชำนาญการทำอาหาร แนะนำให้ใช้ไฟปานกลางผัด ก็จะได้รสชาติที่อร่อยเหมือนกัน แต่จะไม่มีกลิ่นควันไฟในอาหารเท่านั้นเอง)

4ผัดจนสุกดีแต่อย่าให้เละและเหนี่ยวก็ตักใส่จาน โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียวและเหยาะพริกไทยป่นนิดหน่อย เสริฟทันทีพร้อมข้าวสวยร้อนๆ
สำหรับจานนี้ สามารถทำทานได้ สองท่านนะครับ

เต้าหู้ผัดเห็ดกับไข่
......................

     เต้าหู้ เป็นผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองซึ่ง รับประทานได้ง่ายและให้คุณค่าทางโภชนาการสูง ซึ่งเมนูที่มาก็คือ เมนูที่ทำจากเต้าหู้  เราจะใช้เต้าหู้แทนเนื้อสัตว์ แต่คุณค่าทางอาหาร ไม่ได้ด้วยกว่าเมนูที่มีเนื้อสัตว์เลยหรือใครชอบเนื้อสัตว์ก็สามารถนำมาแทนได้

 ส่วนผสมสำหรับ 2-3 ที่

     เต้าหู้ทอดหั่นเส้นยาว 100 กรัม

     ฟองเต้าหู้หั่นเส้น 50 กรัม

     เห็ดหอมแห้งแช่น้ำหั่นยาว 7-10 ดอก

     เห็ดโคนน้อย 30 กรัม

     กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ

     ซีอิ๊วขาว 3 ช้อนโต๊ะ

     ซอสปรุงรส 3 ช้อนโต๊ะ

     ไข่ไก่ 1 ฟอง

     พริกไทยป่น 1 ช้อนชา

     น้ำมันสำหรับผัด

     ต้นหอมและผักซีซอยสำหรับโรยหน้า

 วิธีทำ

          1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันเล็กน้อย พอร้อนดีแล้วใส่กระเทียมลงผัดพอหอมและใส่เห็ดต่าง ๆ ลงผัดพร้อมเต้าหู้ ผัดให้แห้งแล้วปรุงรสตามชอบ

          2. จากนั้น ตอกไข่ใส่แล้วผัดต่อ ชิมรสอีกครั้งแล้วตักใส่จาน โรยพริกไทย ต้นหอม และผักชี เสิร์ฟพร้อมซอสพริก

          เวลาในการปรุง 10 นาที
........................
รูปนี้แทนไปก่อน

         

มีเต้าหูปลาพอดีเลยค่ะ เอ้...ใช่แทนกันได้มั้ยค่ะ  :-\ :-\ :-\

ได้จ้า..
แต่ต้องเพิ่มใบมะกรูด หรือหัวหอมซอย และหรือฯลฯ
เพื่อดับคาวที่ฝังลึกในลูกชิ้นปลา

ว้าวๆๆๆๆๆๆ  วันนี้ได้เมนูผัดเต้าหูปลาใส่เห็ดหอม เห็ดเข็มทอง เห็ดหูหนูค่ะ เดี๋ยวหนูวิ่งไปหาใบมะกรูดก่อนค่ะ  ;D
ขอบคุณน่ะค่ะท่านอาจารย์ศิราฯ ที่เคารพ คริ คริ ^__^

อาหารสำหรับคนอยู่หอ หรือ ต้องกินสำเร็จรูป
ปลากระป๋องราดพริก

ส่วนประกอบ
1 ปลากระป๋องหนึ่งกระป๋อง
2 น้ำพริกตาแดง
3 น้ำตาล
4 น้ำปลา

วิธีทำ

ตั้งกระทะใช่ไฟกลาง เปิดฝาปลากระป๋องเทปลากระป๋องลงในกระทะ ระหว่างรอให้ร้อน นำน้ำปลากับน้ำตาลมาละลายเข้าด้วยกัน ใส่น้ำพริกตาแดงคนให้เป็นเนื้อเดียวกัน ค่อยๆเทผสมลงในกระทะชิมรสให้ออก เค็น เผ็ด หวาน อ่อนรสไหนก็เติมตามใจชอบ แล้วปิดไฟ ยกลงตักใส่จานทานกับขาวสวยร้อนๆ ......เมนูง่ายๆสำหรับคนที่ต้องกินอาหารจำเจ ลองทำดู ;D

ว้าวววววววววววววววววววว
ท่าทางน่าอร่อย  ;D
ไม่ได้อยูหอ
แต่อยู่วัง.............................................................................................เวง
ก็ทำกินได้ ใช่มั้ยคะ

ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


(http://upic.me/i/nj/36_11_61.gif) (http://upic.me/show/3014462)

.. ยำไข่ ..(สูตรไทยแท้)
ส่วนผสม
ไข่ไก่ต้มสุก 5 ฟอง
หอมแดงซอย 1/4 ถ้วย
มะม่วงดิบรสเปรี้ยวสับ 1/4 ถ้วย
ใบสะระแหน่ 1/4 ถ้วย
ต้นหอมหั่นท่อนยาว 1/2 นิ้ว 2 ช้อนโต๊ะ
ผักกาด กะหล่ำปลีซอยและแครอทซอยสำหรับรองถ้วย
ยอดสะระแหน่สำหรับตกแต่ง

น้ำยำ
น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมดองซอยบางๆ 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา
พริกขี้หนูแดงหั่น 4 เม็ด

วิธีทำ
1. ทำน้ำยำโดยผสมน้ำมะนาว กระเทียมดอง เกลือและพริกขี้หนูใส่ถ้วย
2. ปอกเปลือกไข่ต้ม แล้วหั่นไข่เป็นแว่นหนา 1/4 นิ้ว จัดใส่ถ้วยที่รองด้วยผักกาดหอม กะหล่ำปลีซอยและแครอทซอย
3. ใส่หอมแดง มะม่วง ใบสะระแหน่และต้นหอมลงในชาม ตามด้วยน้ำยำ คลุกเคล้าเบาๆพอทั่ว
4. ตักราดบนถ้วยไข่ต้ม ตกแต่งด้วยยอดสะระแหน่ พร้อมเสิร์ฟ

หิวข้าวววววว..... :o

           แกงเผ็ดหน่อไม้
( Bamboo shoots curry with Pork)
Ingredients ( serves 4-5)

300 g Pork, cut 1-2 cm. thick
50g Red curry paste
1 can of bamboo shoots, boiled for 5 minutes
200 ml. coconut milk
2 cloves of garlic, finely chopped
basil leaves
2 tablespoons vegetable oil
4-5 red chili, roughly chopped
seasonings such as fish sauce, sugar


Heat the oil in a large saucepan with medium heat. Stir fry garlic for 2-3 minutes.
Add red curry paste and stir occasionally until fragrant.
Add pork and stirring until almost cooked.
Add coconut milk 200 ml. and water 100 ml. then bring to boil.
Add Bamboo shoots and cover the saucepan with a lid
Taste and adjust seasoning with fish sauce, sugar


serve on jasmine rice bed and siding with or without fried egg. There are good together !! GREAT combination !
... ไม่รู้! ห้ามถาม ไปเจอมา เผื่อมีฝรั่งเข้ามาอ่าน..อิอิ

~~ แกงแคกบ ~~
..............

วัตถุดิบ:กบย่างหรือปิ้งสุกแล้ว 500 กรัม
ผักสำหรับใส่แกงแค 2 ถ้วย
ใบชะพลู 4-5 ใบ
พริกแห้ง 7-9 เม็ด
ข่า 5 แว่น
ตะไคร้ 1 หัว
มะแขว่น 1 ช้อนชา
กระเทียม 1 หัว
หอมแดง 2-3 หัว
กะปิ 1/2 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1 ช้อนชา
เครื่องปรุง:กบย่างหรือปิ้งสุกแล้ว
ผักสำหรับใส่แกงแค (เราสามารถใส่ผักที่เราชอบได้ แต่เมนูนี้เก็บผักในสวนมาทำ)
ใบชะพลู
พริกแห้ง
ข่า
ตะไคร้
มะแขว่น
กระเทียม
หอมแดง
กะปิ
เกลือ

ขั้นตอนการทำ
1. นำกบย่างสุกแล้วมาล้างน้ำให้สะอาด สับให้เป็นท่อนพอเหมาะ
2. โขลกเครื่องแกงโดยนำเครื่องปรุงต่าง ๆที่เตรียมไว้มาโขลกรวมกันให้ละเอียด
3. เด็ดหรือหั่นผักแล้วล้างน้ำให้สะอาด พักไว้
4. ตั้งหม้อ ใส่น้ำมันพืชเล็กน้อย เอาเครื่องแกงที่โขลกแล้วลงผัดให้หอมแล้วก็นำกบใส่ลงไปผัดเข้ากันให้หอม
5. เติมน้ำแล้วตั้งให้เดือด หลังจากนั้นก็เอาผักที่เตรียมไว้ใส่ลงไป ให้สุก
6. ใส่ใบชะพลูลงไปเพื่อเพิ่มความหอม ปรุงรสด้วยน้ำปลา ชิมตามใจชอบ


เคล็ดลับ:   กบที่จะนำมาแกงแคต้องสดและย่างให้สุก
เวลาคั่วพริกแกงให้ใช้ไฟอ่อนๆๆเคี่ยวนานๆๆเพื่อเพิ่มความหอมของเครื่องแกง

ดิช...มีไหน ดิช...มีไหน แปลไม่ออกค่ะ แง้ๆๆๆๆ :'( :'( :'(

คงต้องพึ่งป้ามอย...
เพราะป้ามอยเป็นฝรั่งไปแล้วครึ่งตัว...
อีกครึ่งหนึ่งเป็นทุเรียน.. ;D

ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
เอิ๊กกกกกกกกกกกกกกกกกก(http://upic.me/i/fl/f8j68.gif) (http://upic.me/show/5664)

กำลังกินทุเรียนหมอนทอง ของโปรดอยู่พอดีค่ะ  เกือบสำลักเลย   ;D

~~~ .. ยำแตงกวา ..~~~~
....................
ส่วนผสม
แตงกวาอ่อน          9     ผล
กุ้งแห้งป่น              4     ช้อนโต๊ะ
หัวหอมซอย           4     หัว
น้ำปลา                   2     ช้อน
น้ำตาล                   1     ช้อนชา
มะนาว                    1     ผล
พริกแดง                 2     เม็ด


วิธีทำ
1.ล้างแตงกวาให้สะอาด เสร็จแล้วหั่นหรือซอยบางๆ ตามต้องการ
2.ใส่เครื่องปรุงทั้งหมดตามสัดส่วนที่เตรียมไว้
3.เมื่อนำเครื่องปรุงทั้งหมดใส่แล้ว ก็คลุกเคล้าให้เข้ากัน ชิมดูหากพอใจแล้วนำไปรับประทานได้
***หากต้องการรสเผ็ดก็สามารถนำพริกแดงซอยใส่รวมกับเครื่องปรุงได้

~~ .. ต้มยำปลาช่อน .. ~~
สูตรนี้เป็นสูตรแบบบ้าน ๆ ทางภาคกลางอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนผสม
1.  ปลาช่อน  (มากน้อยแค่ไหนก็ดูจำนวนคนกินเป็นหลัก  แต่ถ้า 2 - 3 คนกิน ก็ ตัวละ 6 ขีด  สัก 3 ตัวก็พอ แต่ถ้ากินเหล้า ด้วยน่าจะมากกว่านี้)
2.  ตะไคร้ซอยละเอียด สัก 2 กำมือ
3.  กระเทียมแกะเปลือก ประมาณ 15-20 กลีบ
4.  หอมแดงปอกเปลือก  ประมาณ  10 หัว
5.   พริกแห้ง  1 กำมือ
6.  ข่าแก่  ซอยเป็นแว่น สัก 10 แว่น
7.  ใบโหระพา 1 กำมือ
8.  มะขามเปียก 2 ปั้น


วิธีทำ
1.  เครื่องปรุง  ตะไคร้  กระเทียม  หอมแดง  ข่า   พริกแห้ง   คั่วในกระทะให้หอม (อย่าให้ไหม้)
2.  ตำเครื่องปรุงที่คั่วแล้วให้แหลก  ควรใช้ครกหินใบใหญ่  เครื่องปรุงจะแหลกดี
3.  ปลาช่อน  หั่นเป็นแว่น 
4.  ต้มน้ำเดือดจัดแล้วใส่ปลาช่อน   พอปลาสุกได้ที่ก็ใส่เครื่องแกงที่ตำลงไป
5.  ปรุงรสด้วยน้ำปลาดี  /  มะขามเปียก + น้ำอุ่น  คั้น   รสชาดตามใจชอบ  (เปรี้ยว / เค็ม)
6.  สุกแล้วใส่ใบโหระพา   ตักเสริฟ

อื่นๆ
ต้มยำปลาช่อน (สูตรบ้านนอก) กินกับข้าวก็ดี   กินกับเหล้าก็ยิ่งเข้าท่า  นักตกปลาช่อนถ้าเบื่อเมนูอื่นๆ  ลองสูตรนี้บ้าง เพราะปลาช่อนเป็นทั้งปลากิน และปลาเกม ทำอาหารได้หลายอย่างจริงๆ   

วันไหนอยากทาน จะซื้อปลาช่อน มา แล้วให้ท่านอาจารย์ศิรา ช่วยสับให้ทีนะคะ

ยะบ่อ จ้าง เจ้า ;D

แกงส้มมะละกอกับปลากระป๋อง                               
เครื่องปรุง
1. มะละกอแก่เกือบสุก       1  ถ้วย
2. ปลากระป๋อง                1  กระป๋อง
3. น้ำเปล่า                      1 ½  ถ้วย
4. มะขามเปียก                2  ฝัก
5. มะนาว                       1  ลูก
6. น้ำปลา                      2  ช้อน
7. น้ำตาลทราย                1 ช้อนชา
8. ชูรส                          เล็กน้อย
9. พริกแห้ง                    5  เม็ด
10. กระเทียม                   1 หัว
11. หอมแดง                   1 หัว
12. ข่า                          1 แว่น
13. ตะไคร้                     1 ต้น
14. เกลือ                      เล็กน้อย
15. กระชาย                   2 นม
16. ปลาร้า                     เล็กน้อย
17. น้ำมันพืช                 2 ช้อน
18. น้ำปลา                 ½  ช้อน

วิธีทำ
1. ปลอกเปลือกมะละกอ  ล้างให้ยางออกให้หมด และหั่นเฉลียงๆ เป็นชิ้นๆ ไม่หนาและไม่บางเกินไป  พักไว้
2. ตำพริกแกงส้ม ใส่พริกแห้ง กระเทียม หอมแดง ข่า ตะไคร้ เกลือ ตำให้แหลกละเอียด แล้วค่อยใส่กระชายภายหลังเพราะว่าในกระชายจะมีส่วนผสมน้ำเยอะถ้าใส่ครั้งแรกจะทำให้ตำแล้วกระเด็นนั่นเอง  เมื่อทุกอย่างละเอียดแล้วก็ใส่ปลาร้าสับที่เตรียมไว้ตำให้เข้ากันและพักไว้
3. ตั้งหม้อน้ำรอจนเดือดก็ใส่น้ำพริกแกงส้ม  ละลายในหม้อ  ใส่มะละกอ และปลากระป๋องลงไป เมื่อมะละกอสุกก็ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก  น้ำปลา น้ำตาล ชูรสเล็กน้อย   ถ้าเปรี้ยวไม่พอก็ใส่มะนาวเสริมแต่ถ้าไม่ชอบเปรี้ยวมากนักก็ไม่ต้องใส่  ชิมรสตามใจชอบแล้วก็ตักใส่ถ้วยเสริฟ
 

(http://upic.me/i/of/2010-09-0007wince.jpg) (http://upic.me/show/35884289)

ยำมะม่วงทรงเครื่อง
วัตถุดิบที่ต้องเตรียม
- มะม่วงเปรี้ยว 1 ลูก
- กุ้งสด 100 กรัม
- ปลากรอก 100 กรัม
- หอมแดง 6 หัว
- พริกขี้หนูสวน

>> เครื่องปรุง
- น้ำปลาดี 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ
- ข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ

>> ขั้นตอนการทำ
นำมะม่วงมาปลอกเปลือกออกแล้วสับให้เป็นเส้นเล็ก นำกุ้งแกะเปลือกไปลวกให้สุก หั่นหอมแดง พริกขี้หนู เตรียมชามใหญ่ไว้ ใส่น้ำปลา น้ำตาลคนให้น้ำตาลละลายใส่พริก (ถ้าชอบเผ็ดจี๊ดจ๊าดก็ใส่เยอะได้นะ กะ ลึ๊บ!) น้ำมะม่วง กุ้ง ปลากรอบ ข้าวคั่ว ผสมให้เข้ากันเป็นอันเสร็จจ้า

>> คุณค่าทางอาหารและประโยชน์
ผลมะม่วงดิบมีวิตามินซีสูง แก้เลือดออกตามไรฟัน

(http://upic.me/i/vq/100_6192wince.jpg) (http://upic.me/show/35961463)

... แกงเผ็ดปลาไหล ... (อีกครั้ง)
เครื่องปรุง
ปลาไหลหั่นชิ้น
น้ำพริกแกงเผ็ด
หัว+หางกะทิ
เกลือ น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ ใบโหระพา ใบมะกรูดหั่นฝอย พริกสดหั่น

วิธีทำ
- หัวกะทิตั้งไฟ นำน้ำพริกแกงเผ็ด(ลืมบอกตำกระชายลงไปด้วยเพื่อดับกลิ่นคาว)จนหอม
- ใส่ปลาไหลหั่นชิ้นลงผ้ด พอสุกประมาณหนึ่งใส่น้ำตาลปี๊บ เกลือ
- ใส่หางกะทิ ทิ้งให้เดือด
- พอสุกใส่ใบมะกรูดหั่น พริกสดหั่น ใส่หัวกะทิ
- รับประทานกับข้าวสวย รับรองอร่อยมากมาย

โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
แว๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

หิวข้าว

ระดับป้าคงไม่สนใจอาหารเช่นนี้ดอก..รู้น่า ;D

อ้าววววววววววววววววววว ???  
แล้วระดับป้า ต้องสนใจอาหารแบบไหนคะ
บอกทีสิ จะได้รู้ตัวค่ะ

ป๊าดดดดดดดดดดดดดดดดโทะ
ทานได้ทุกอย่างค่ะ ตั้งแต่หูฉลามยันเรือรบ ;D ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ฉมวก! อย่าเผลอทานนะป้า..ปลายมันแหลม ;D
ก็เห็นชอบเพลงฝรั่ง ๆ ก็นึกว่าชอบไปทาง แฮมเบอร์เก้อ (ว๊า), ขนมปัง ฯลฯ

ชอบทั้งแฮมเบอร์เก้อ ขนมปัง                   ทั้งข้าวตัง สังขยา  ป้าก็ชอบ
หมูเค็ม ไก่ทอด และเกี๊ยวกรอบ                 พิซซ่าขอบหน้าเป็ด เด็ดจริงจริง อ่ะ ;D

แกงคั่วหน่อไม้
แกงคั่วหน่อไม้ เป็นคนชอบกินหน่อไม้มาแต่อ้อนแต่ออก ;D  แต่ส่วนใหญ่ก็เอามาแกงเผ็ด ผัดเผ็ด จะมีบางทีนึกอยากกินต้มหน่อไม้กระดูกบ้างแต่น้อยครั้ง อย่างแกงคั่วหน่อไม้นี่ก็ของโปรดเลย แกงเผ็ดกับหน่อไม้ทำทีไรไม่ต้องทำกับข้าวอย่างอื่นมาก กินกับไข่เจียวอย่างเดียวก็อร่อยแล้ว

วัตถุดิบ:
1. หน่อไม้ไผ่ตง ½ กิโลกรัม
2. น้ำพริกแกงคั่ว 120 – 150 กรัม
3. หัวกะทิ 1 ถ้วย
4. หางกะทิ 4- 5 ถ้วย
5. เนื้อไก่ 350 กรัม
6. น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำปลา 4 ช้อนโต๊ะ

ขั้นตอนการทำ

1. ตั้งกระทะด้วยไฟปานกลาง ใส่หัวกะทิ ลงไปเคี่ยวให้แตกมัน ใส่พริกแกงผัดให้หอม ใส่เนื้อไก่ลงไป
2. ผัดเนื้อไก่ให้สุก เติมหางกะทิลงไปรอให้เดือด ใส่หน่อไม้ ต้มให้หน่อไม้สุก
3. ปรุงด้วยน้ำตาลปี๊บและน้ำปลา ชิมรสเอาตามชอบ ใส่พริกชี้ฟ้าลงไป คนให้เข้ากันแล้วปิดไฟ


 

...กุ้งเต้นสูตรอีสาน...
....................

ส่วนผสม

•กุ้งฝอยเป็นๆ ล้างน้ำให้สะอาด 200 กรัม
•ข้าวคั่วโขลก 2 ช้อนโต๊ะ
•พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ
•น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
•น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
•ฝักชีฝรั่ง ซอย 1 ต้น
•ต้นหอมซอย 2 ต้น

วิธีทำ

1.ใส่ กุ้งฝอย ลงในอ่างผสม ตามด้วย ข้าวคั่ว พริกป่าน น้ำปลา และน้ำมะนาว คลุกเคล้าให้เข้ากัน ชิมรสและปรับรสตามชอบ
2.ใส ผักชีฝรั่ง และ ต้นหอม คลุกเคล้าให้เข้ากัน
3.ตัก กุ้งเต้น จานโปรดใส่จานเสิร์ฟ พร้อมเสิร์ฟ

กุ้งเต้นนนนน.... :o :o :o น่าสงสารออกค่ะ  :'( โดนทั้งพริกและก็มะนาวอ่ะเจ้า

... พะแนงเนื้อเจ ...
.....................
     ช่วงนี้เข้าพรรษา หลาย ๆ ท่านที่อยากงดหรือลดอาหารประเภทเนื้อสัตว์ลงสัก 3 เดือน จึงนำสูตรอาหารเจมาฝาก
     มีข้อระวังอย่างหนึ่งคือ เมื่อกินเจครบ 3 เดือนแล้ว หลังจากนั้นจะมีความรังเกียจ..รับไม่ได้หากจะให้หวนกลับไปกินอาหารประเภทเนื้ออีก..บางคนแพ้ถึงกับอ้วก
     ส่วนร่างกายและกำลังวังชานั้น จะเป้นปกติดีทุกอย่าง บางท่านอาจถึงกลับมีความเมตตากรุณาต่อสัตว์สูงเป็นกรณีพิเศษ
     แต่ขออย่างเดียวคือ อย่าไปรังเกียจ กระแนะกระแหน คนกินเนื้อสัตว์ เพราะหาไม่แล้วจะกลายเป็นเจเขี่ย..เจกระแดะไป ;D

ส่วนผสม
โปรตีนเกษตรเม็ดกลางแช่น้ำแล้ว                   4              ถ้วย

กะทิ(มะพร้าวขูด1กิโลกรัม  คั่นด้วยน้ำ3ถ้วย)

น้ำพริกแกงคั่ว                                                      ¾             ถ้วย
ถั่วลิสงคั่วป่น                                                        1              ถ้วย

ใบมะกรูดหั่นฝอย                                               1              ช้อนโต๊ะ

พริกชี้ฟ้าเขียวแดงเหลืองเด็ดก้าน                    20           เม็ด

เครื่องปรุงอาหารเจ:พะแนงเนื้อเจ

ซีอิ้วขาว                 ¼             ถ้วย

น้ำตาล                   ¼             ถ้วย
น้ำส้มมะขามเปียก              ¼             ถ้วย

เกลือป่น                                ½             ช้อนชา

วิธีทำอาหารเจ:พะแนงเนื้อเจ

1.กะทิใส่หม้อตั้งไฟพอแตกมัน  (ประมาณ 15 นาที)
2.ตักกะทิที่แตกมันประมาณ 1 ถ้วยใส่กระทะตั้งไฟแล้วใส่น้ำพริกแกงคั่วผัด 5 นาที  ใส่ถั่วลิสงคั่วป่นลงผัดสักครู่  ตักใส่ในหม้อกระทิ
3.ตั้งไฟพอเดือดใส่โปรตีนเกษตรปิดฝาเคียวไฟอ่อน 10 นาที  ใส่พริกพอหอมแล้วใส่น้ำตาลและน้ำส้มมะขาม  เกลือป่น  เดือดสักครู่  ก่อนยกลงโรยด้วยใบมะกรูดหั่นฝอย
หมายเหตุ แพนงเนื้อเจนี้สามารถใช้เต้าหู้ขาวอย่างแข็งทอดพอเหลืองหรือหมี่กึน  แทนโปรตีนเกษตรก็ได้

ป่นปลา ฉบับอีสาน
...........
ส่วนประกอบ

ปลาหมอ ขนาดตัวโต 5 - 6 ตัว ขอดเกล็ด เอาพุงออก
ปลาร้า น้ำหรือ ชิ้นปลาร้าก็ได้แต่ต้องกรองด้วยกระชอน มากน้อยตามใจ  น้ำปลาร้า 2 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนู 9 เม็ด ลดลงได้ถ้าไม่ชอบเผ็ดจัด เสียบลวดหรือไม้ จี่ไฟให้สุก อยู่บ้านก็อบหรือคั่วเอาก็ตามใจ
หอมหัวแดง 3 หัว จีให้สุกเช่นกัน
ผักหอมป้อม(ผักชี) 1 ต้น
น้ำต้มปลา 2 1/2 ถ้วยตวง
น้ำปลาดี

วิธีทำ
เอาน้ำใส่หม้อ ต้มจนเดือด ค่อยใส่ปลาจะไม่คาว จากนั้น ใส่ปลาร้า ต้มไปเรื่อยๆจนปลาสุกเปื่อยดี ยกลง แกะเอาเนื้อปลาล้วนๆ ก้างก็ทิ้งซะ จากนั้น เอาหอมแดง พริก ที่เผา มาทำสะอาดส่วนที่ไหม้ไฟออก โขลกรวมกับรากผักชีในครกให้ละเอียด จากนั้นเอาเนื้อปลาใส่ โขลกพอละเอียดไม่ต้องมาก เดี๋ยวจะเป็นแป้งไปหมด เอาน้ำต้มปลาขึ้นอุ่นใหม่ให้เดือด แล้วเทน้ำต้มปลาลงครก กะว่าไม่ข้น ไม่ใส พอจ้ำได้(ข้าวเหนียวปั้นแน่นๆจิ้มที่กับข้าวที่แฉะๆ ข้าวไม่ยุ่ย) จากนั้นใส่น้ำปลา ชิมรสเค็มพอดีตามใจตามปาก ก็เสร็จ ตักใส่ถ้วย โรยผักชี ยกไปตั้ง ทานกับผักที่หาได้ในท้องนา เช่น ผักแว่น ยอดผักบุ้งแดง ทูน ผักสันตวาใบพาย อีแปะ แต่ต้องระวังผักน้ำให้มาก เพราะเป็นแหล่งพยาธิ์ใบไม้ในตับ อีแปะ สันตวาใบพาย มีรายงานว่าไม่ปลอดภัย ครั้นจะลวกก็ไม่ได้รสชาติ 

มีทริกอยู่อันนึง ถ้ามีปลาไม่มากพอ ก็เอามะเขือเปราะ ต้มไปกับปลาด้วย พอมะเขือปื่อยก็ยกลง ปลาจะสุกพร้อมกันพอดี ตอนโขลกเนื้อปลา (กิริยานี้ อีสานออกเสียงว่า ต่ำป้น) ให้เอามะเขือต้มใส่ด้วย จะเพิ่มเนื้อป่นปลาได้หลายขึ้น กินได้หลายคน