เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย

เตือน ญาติพี่น้องให้ดี
ช่วงนี้ทางพะเยาระบาดหนักมาก จะมีคนเข้ามาชักชวนคนในหมู่บ้านโดยบอกจะได้เงินจำนวนมากพอมีคนเชื่อแผนของพวกนี้ก็สำเร็จ เพราะว่าคนที่เชื่อก็จะไปพูดต่อคนที่รับฟังก็เป็นชาวบ้านก็จะเชื่่อและพูดต่อๆไป จากที่ได้ฟังมา ลงทุน หนึ่งร้อยบาท จะได้เงิน สองหมื่นบาท ถ้าลงทุนหนึ่งพันบาท จะได้เงินสองแสนบาท ชาวบ้านได้ยินแบบนั้นก็มีแต่คนอยากได้ คนในหมู่บ้านและญาติๆผมก็ลงกันหลายคนอยู่ชวนผมลงด้วยแต่ผมไม่ลง
เท่าที่เห็นบอกว่าจะได้เงิน แต่ก็เลื่อนมากหลายต่อหลายครั้งละผมก็บอกเขาละมันคงไม่มีจริงหรอกแบบนี้ อันที่จริงการชักชวนแบบนี้มีมาหลายปีแล้วและก็มีการจับกันไปหลายคดีแล้ว แต่อย่างว่าครับชาวบ้านถ้าเชื่ออะไรไปแล้วจะเปลี่ยนความคิดใหม่จะยากหน่อย จึงอยากรู้ว่าตอนนี้ใครเจอบ้างระบาดหนักแค่ไหน

มีมานานละครับ แอบอ้างระดับสูง ในเชียงรายโดนไปกันเยอะละ ไม่กล้าโวยวายเพราะส่วนใหญ่เป็นคนมีตำแหน่งหรือหน้าตาในชุมชน  ตัวอย่าง กำนันชื่อดังแถวๆที่ท่องเที่ยวดังติดลาวนั่นคนหนึ่ง
    ป.ล   โวยวายก็ไม่ได้ พวกเหยื่อด้วยกันนี่ละที่จะเล่นเรา ประมาณว่า  มึงจะรีบทำไม เขาว่ากำลังจะใด้ ๆๆ

ทำกันได้นะครับ สงสารชาวบ้านที่มีเงินเก็บไม่มากแต่ด้วยความเชื่อคำพวกนี้ยอมทุ่มหมดตัว

ใช่ครับยิ่งคนมีสีมีตำแหน่งที่เล่นด้วยจะทำให้ยิ่งหน้าเชื่อถือเข้าไปอีก

ต้องสนับสนุนเรื่องการศึกษาให้เข้าสู่ชุมชนอย่างทั่วถึงครับ

สงสารชาวบ้านที่โดนหลอกจัง :-[ ปีก่อนเห็นระบาดหนักแถวภาคอีสาน ชาวบ้านรวมตัวกันฟ้องเป็นข่าวอยู่ช่วงหนึ่งแล้วก็เงียบหายไป เห็นอีกทีโผล่มาโซนนี้แล้ว แย่จัง :-\ >:( :'(

ช่วยกันเป็นหูเป็นตา ขอบคุณเจ้าของกระทู้สำหรับการแจ้งเตือนที่เป็นประโยชน์ค่ะ ;)

เพราะมีคนหลายระดับเกี่ยวข้องด้วยนั้นหละครับเรื่องถึงเงียบ

ไม่มี

น้าเราก็เป็นเหยื่ยมาแล้วค่ะ แม้กระทั่งตอนนี้ เขายังเชื่ออยู่เลยว่าจะได้เงินจริง จ่ายไปตั้งแต่เมษา 62 พูดแล้วพูดอีก แกไม่เชื่อเลย มีไลน์กลุ่มคอยปั่นกระแสกรอกหูตลอดค่ะ อันนี้ ร้อยแลกล้านค่ะ ลูกเต้าพูดแกก็ไม่ฟัง แกก็ไม่เชื่อว่ามันหลอก หลอกคนแก่เชื่อเป็นตุเป็นตะได้ดูเถอะ

เหมือนกันครับพูดไปก็ไม่เชื่อ เดียวนี้เลยต้องปล่อยให้คิดได้เองครับ วันที่หมดตัวคงคิดได้ครับ

บางคน โดนมา4-5ปีละครับ  ทุกวันยังหวังว่าจะได้อยู่เลย

บ้านผมมีคนโดนมาปีกว่าจากที่มีอาชีพค้าขายเดียวนี้ไม่ได้ทำแล้วเอาเงินไปทุ่มตรงนี้หมดแต่เดียวนี้เจ้าตัวก็ยังเชื่ออยู่ว่าจะได้ตัง

เดียวนี้มีรูปแบบใหม่มาอีกแล้วครับ สมัครแล้วจะได้รับเงินเดือน หลักแสนต่อเดือน ตอนนี้ผมก็กำลังเข้าไปสิงอยู่ในกลุ่มครับจะตามดูว่าจะมาแนวไหนอีก

มีการกระทำแบบนี้หลายรูปแบบ และจะเปลี่ยนรูปแบบไปเรื่อยๆ
จากเดิมเป็นการระดมเงินจากชาวบ้าน เงินหลักพันบาทได้เงินหมื่นบาท หรือ แบ่งปันผลดอกสูง
จนไปถึงหลอกให้ชาวบ้านไปกู้เงิน ยืมชื่อชาวบ้านไปกู้ร่วมเงิน แล้วคนกู้เอาไปลงทุนในกองทุน...

ระยะแรกๆ กลุ่มแรกๆ จะได้เศษเงินปันผลให้ และให้ช่วยกระจายข่าวต่อ
พอตัวเงินระดมมาสูงขึ้น คนโกงก็จะชิ่งหนี หรือหลอกว่าจะได้เงินให้รอ รอ รอ
หากใครโวยวาย หรือถามมากๆ จะโดนดีดทิ้งออกจากกลุ่มไลน์
ส่วนคนที่ไม่โวยวายจะได้รับข้อความให้ความหวัง เช่น อีก 7 วันเงินลงระบบ, มีเฮเงินใกล้คลอด เป็นต้น
มีการอ้างอะไรมามากมาย เช่นอ้างคนระดับสูง อ้างรัฐบาล อ้างสถาบันการเงิน

ถ้าว่าง จะเข้ามาเขียนรายละเอียดให้ (ถ้ามีผู้สนใจที่จะอ่านต่อ)

เตือนระวัง
ถ้ากลุ่มนี้มาขอสำเนาบัตรประชาชน และสำเนาสมุดเงินฝากธนาคาร
โดยระบุว่า ห้ามขีดคร่อมและห้ามเขียนข้อความใดๆในเอกสารสำเนา
=====ท่านอย่าให้โดยเด็ดขาด======

ข้อสังเกตุ
1. กลุ่มประเภทนี้จะใช้ไลน์ เพราะติดตามสืบหาได้ยาก
2. ผู้ชักชวน จะเป็นคนที่มีความน่าเชื่อถือ หรือดูน่าเชื่อถือ  โดยจะอ้างตัวว่า
 เป็นระดับผู้บริหาร เจ้าของกิจ ครูอาจารย์ ดอกเตอร์ ฯลฯ
3. บอกว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนที่สูงเกินความเป็นจริง
4. สร้างระบบหรือระดมเงินในลักษณะเครือข่าย

ให้น้ารีบออกมา อย่าลงเงินเพิ่ม อย่าส่งเอกสารสำคัญให้
ที่รู้ตอนนี้ มีอยู่ 1 กลุ่ม (ประมาณ 2 สายงาน) หัวหน้าทีมสายเชียงรายกำลังติดคุก
ในคดีหนึ่งอยู่ ไม่แน่ใจใช่กลุ่มเดียวกันไหม แต่ถ้าเริ่มเข้าเมษา 62 อาจจะเป็นกลุ่มใหม่

ขอแชร์ประสบการณ์ที่ได้เจอกับกลุ่มประเภทนี้
เนื่องจากเมื่อประมาณช่วงปี 59 ได้กลับไปเยี่ยมที่สถานศึกษาเดิิมและได้รู้จักอาจารย์ท่านหนึ่ง ท่านเป็นคนที่มีความน่าเชื่อถือในสังคม และประกอบกิจการธุรกิจจนเป็นที่นับหน้าถือตาในจังหวัด
อาจารย์ท่านนี้ ที่ข้าพเจ้าทราบและรู้จักกันมาเป็นคนชอบไปวัดทำบุญ และท่านได้ไปพบเจอกับกลุ่มคนและจัดตั้งกลุ่มหรืออยู่ในกลุ่มไลน์ ว่า "กลุ่มสายบุญ..... "

จากนั้นพฤติกรรมของอาจารย์ท่านนี้ได้เปลี่ยนไปจากคนที่ตั้งใจทำงาน ทำธุรกิจ ก็ใช้โอกาส ความน่าเชื่อถือและความมีหน้าตาในสังคม หลอกระดมเงินเพื่อนที่ทำงาน ญาติพี่น้องและผู้ร่วมทำธุรกิจ โดยอ้างว่าเอาไปลงทุนร่วมกับนักธุรกิจ....ใหญ่ในจังหวัด วิธีการระดมเงิน ตัวอย่างเช่น

• 1. ขอยืมเงินมาลงทุนทั้งนี้รวมถึงการขอยืมบัตรเครดิต
• 2. ชักชวนให้กู้ร่วม(จากโปรโมชั่นหรือแคมเปนของบางธนาคาร)
• 3. ชักชวนให้กู้แทน  

ซึ่งตัวอย่างกระบวนการทั้งสามจะทำสัญญา โดยให้ดอกเบี้ยร้อยละ 1  ถึง 3 ต่อเดือน ซึ่งสัญญานั้นจะมีผู้เซนต์คือ ผู้กู้ ผู้ยืม และพยาน 1 คน (อาจารย์ท่านนี้จะให้คู่สมรสของตนเซนต์เป็นพยานแทบทุกครั้ง)

โดยระหว่างนั้น ผู้ที่ให้เงินไปจะได้รับเฉพาะดอกเบี้ย ตามสัญญาเป็นระยะเวลาเช่น 1 ปี 2ปี หรือ 3 ปี เมื่อหมดสัญญาจะได้รับเงินก้อนนั้นคืน แต่ต้องแจ้งก่อนล่วนหน้า 30 วัน

เมื่ออาจารย์ท่านนี้ เปิดระดมเงินมาอยู่ที่ตัวเองและเมื่อใกล้หมดสัญญาจะมีกระบวนการที่ถ่วงเวลาการที่ผู้ให้กู้ขอเอาเงินต้นคืน หรืออาจจะคืนให้เพียงบางส่วนก่อน (ปรกติคนที่ให้รับเงินจะถูกโกงเมื่อเวลาผ่านไป 8-10 เดือน ก่อนหมดสัญญา) จากนั้นอาจารย์ท่านนี้ ได้ลาออกจากงานไป โดยให้เหตุผลประมาณว่า ธุรกิจที่ทำมีผลกำไรและการประกอบการที่ดี ต้องการขยายกิจการไปต่างจังหวัด หรือเพื่อเปิดรับงานระดับ AEC เป็นต้น

ข้อสังเกตุ การประวิงเวลาชำระเงินต้นและดอกเบี้ย
ด้วยความน่าเชื่อถือประกอบกับทักษะการพูด อาจารย์ท่านนี้จะประวิงเวลา โดยให้ความหวังว่าผู้ให้กู้จะได้รับเงินมากขึ้น เงินที่ทำธุรกิจใกล้จะออกแล้ว ฯลฯ ต่างต่างนานา แต่ยังให้เงินที่เป็นดอกเบี้ยแก่ผู้ให้กู้อยู่ นอกจากนั้น ยังแจ้งผู้ให้กู้แต่ละคนไม่ให้พูดคุยกัน ใส่ความผู้ให้กู้แต่ละคนหรือหาวิธีการไม่ให้เกิดการแชร์ข้อมูลกันของผู้ให้กู้

สถานะการณ์ปัจจุบัน
อาจารย์ท่านนี้ได้หนีไปแล้ว...
ขอแบ่งระดับความเสียหายเนื่องจากผู้ให้กู้แต่ละคนมีวงเงินไม่เท่ากัน
กลุ่มที่ 1 ได้ทำการแจ้งความไปบางส่วนแล้ว เนื่องจากเป็นวงเงินที่มาก
กลุ่มที่ 2 กลุ่มเงินสด ไม่ได้แจ้งความเพราะเห็นว่า จำนวนเงินที่ให้ไปเป็นจำนวนเงินไม่มาก ซึ่งอยู่ประมาณ 20,000 - 60,000 บาท
กลุ่มที่ 3 กลุ่มเงินจากการกู้ร่วม บัตรเครดิต ฯลฯ ไม่ได้แจ้งความเพราะเห็นว่า จำนวนเงินที่ให้ไปเป็นจำนวนเงินไม่มาก สามารถชำระหนี้ได้ด้วยตัวเอง ซึ่งอยู่ประมาณ 10,000 - 100,000 บาท ซึ่งปัจจุบันผู้ให้กู้ก็ผ่อนชำระ แบกรับหนี้ส่วนนั้น

ซึ่งกลุ่มที่ 2 และ 3 เห็นว่าการแจ้งความก็ไม่สามารถนำเงินนั้นคืนมาได้ เป็นคดีแพ่ง และต้องเสียค่าใช้จ่ายทนายความ ต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ซึ่งเวลาส่วนใหญ่ก็ง่วนอยู่กับการทำงาน และการที่จะได้รับเงินคืนนั้นเป็นไปได้ยาก จากการสืบข้อมูลพบว่าอาจารย์ท่านนี้ ได้โอนทรัพย์สินและขายทรัพย์สิน ของตนทั้งหมด เช่น บ้าน รถ เงินสด เงินในบัญชี นอกจากนั้น อาคารที่ทำการเปิดบริษัทเป็นอาคารเช่า

***ข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้
1. การลงทุนใดๆ ย่อมมีความเสี่ยง โปรดพิจารณาให้ดี
2. คนที่มีความน่าเชื่อถือในสังคม ไม่ใช่ผู้ซื่อสัตย์และเป็นคนดีเสมอไป
3. ไม่ควรให้ใครยืมเงิน หากไม่แน่ใจความสามารถในการคืนเงินของผู้ยืม
และหากให้ใครยืมให้ทำใจไว้ก่อนว่าอาจจะไม่ได้คืน
4. ไม่ควรเป็นผู้ค้ำประกัน หากไม่แน่ใจในความสามารถในการคืนเงินของผู้ยืม และหากค้ำประกันให้ใคร ควรเตรียมทำใจ และสำรวจตัวเองว่า หากเกิดเรื่องเลวร้ายจริงๆ จะรับมือกับหนี้ก้อนนั้นได้ไหม
5. การระดมทุน มีทั้งที่ตั้งเพื่อมีเจตนาดีและเจตนาไม่ดี ส่วนน้อยเพียง 1% ที่เป็นเจตนาไม่ดี แต่คนทั่วไปมักเจอใน 1% นั้น

วันนี้ขอแบ่งปันเท่านี้ก่อนนะ ถ้าว่างจากภาระกิจ จะเข้ามาเขียนรายละเอียดให้ (ถ้ามีผู้สนใจที่จะอ่านต่อ)
หากท่านใดมีประสบการณ์ขอร่วมแชร์กันด้วยนะครับ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผู้เสียหายมากไปกว่านี้

นี่เป็นส่วนเริ่มต้น จากการเก็บข้อมูลที่ข้าพเจ้าเสียรู้มา ...ก่อนจะเข้าสู่เรื่อง "เงินพัน แลกเเสน", "เงินขวัญทุน อารีบาบา...", "กองทุนเงินรากหญ้า...", "ธุระกิจเงินลาว...." ฯลฯ

 ไม่ทราบ ว่าสถานศึกษาเก่าท่านแถวๆ ต. นางแลหรือเปล่าครับ

บอกหลายที่ละครับไม่ยอมเชื่อเราบอกไป แกก็ว่าเดียวได้ตังมาจะเอาให้ดู  พาไปเที่ยวมั้ง แบ่งให้มั้งผมเลยไม่รู้จะพูดยังไงละ

เรื่อง "เงินพัน แลกเเสน", "เงินขวัญทุน อารีบาบา...", "กองทุนเงินรากหญ้า...", "ธุระกิจเงินลาว...." ฯลฯ
    ขอเล่าถึงวิธีปรกติทั่วไป จะใช้วิธีการหลอกลวงเงินชาวบ้านมาร่วมลงทุน โดยแต่เดิมจะเริ่มจากจำนวนเงินไม่มาก เช่น คนละ 100 บาท, คนละ 1000 บาท แต่จำนวนคนหลายคน
ต่อจากนั้นจะเปิดกลุ่มไลน์ในชื่อต่างๆ (สาเหตุที่ใช้ไลน์จะอธิบายอีกทีนะ) และจะทำการแสดงความคืบหน้าของกระบวนการว่าจะได้เงิน ยกตัวอย่างเช่น เงินใกล้คลอดแล้ว, ตอนนี้แบงค์...ระดมปล่อยเงินแล้ว, เงินอยู่ที่หัวหน้างานจะทะยอยลงมาสู่ระดับล่าง, ส่งรูปมาว่าอยู่ต่างประเทศโดยรูปถ่ายแสดงการทำธุรกิจ, ส่งรูปมาว่าอยู่ในสถานที่สถาบันการเงิน, รูปถ่ายการทำธุรกรรมที่มีคนหลายๆคนร่วมเซนต์สัญญา ฯลฯ และบางทีก็จะอ้างเชื้อพระวงค์, อ้างผู้มีหน้ามีตาในสังคม, อ้างคณะรัฐบาล, อ้างแบงค์ชาติ ฯลฯ ซึ่งอาจจะมีหน้าม้าในกลุ่มมาคอยเชียร์ มาให้กำลังใจ เป็นต้น
     ซึ่งถ้าถามข้าพเจ้าว่า ได้เงินจริงหรือไม่ คำตอบคือ มีแค่บางคนที่จะได้เพื่อเป็นการวางเหยื่อให้คนต่อไป ซึ่งคนที่ได้จะได้มากน้อยเท่าไรไม่มีใครทราบ (แต่ก็จะมีการอวยกันภายในกลุ่มไลน์นั้นๆ) อย่างที่มีข่าวต่างๆในโลกโซเชียล

ข้าพเจ้ากะว่าคงไม่เสียรู้ในรูปแบบที่กล่าวมาข้างต้น เพราะเคยได้อ่านเจอในโลกโซเชียลมาบ้าง แต่ข้าพเจ้าไปเสียรู้ในรูปแบบที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเกิดจากคนที่มีหน้ามีตาในจังหวัด เป็นบุคลที่มีความน่าเชื่อถือ และเป็นบุคลที่เป็นที่รู้จักในธุรกิจสังคมจังหวัด เป็นเวลานาน

ข้าพเจ้าขอเปลี่ยนสรรพนามของครูหรืออาจารย์ท่านนั้นว่า "ผู้ล่า" เพื่อให้เกิดความเข้าใจได้ง่ายในการแบ่งปันประสบการณ์นะ

รูปแบบที่ผู้ล่านั้นได้กระทำ คือ ลักษณะการระดมทุนแต่ไม่ได้ระดมในรูปแบบที่จะเก็บเงินเหยื่อแค่ 100 บาท หรือ 1,000 บาท แต่เป็นลักษณะชวนให้ฝากเงินไปลงทุน ชักชวนกู้ร่วม ชักชวนมากู้แทน ขอชื่อมาเป็นนอมินี ยืมชื่อมาค้ำประกัน เป็นต้น
     ซึ่งในระยะแรกเหยื่อระดับต้นน้ำจะได้รับดอกเบี้ยตามที่ตกลง เพื่อให้ผู้ล่าสร้างเครดิต ให้เหยื่อระดับต้นน้ำหาเหยื่อรายอื่นๆ มา  โดยให้เปอร์เซนต์บ้าง ให้เงินดอกส่วนต่างบ้าง เป็นทอดๆ แล้วแต่กรณี
(ถามว่าเหยื่อระดับต้นน้ำรู้ตัวไหมว่าเป็นเหยื่ออยู่ คำตอบคือ ไม่มีใครรู้ตัว เพียงรู้ว่าได้ดีแล้วบอกต่อ)
ในช่วงเวลานั้นเหยื่อลำดับต้นน้ำๆ จะได้ดอกเบี้ยจากเงินที่ฝากไว้ และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ผู้ล่าจะจากไป(หนีออกจากจังหวัด) เมื่อเหยื่อแต่ละระดับ(ระดับต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ) ทำการทวงเงิน ผู้ล่าจะส่งรายละเอียดการแชตกับกลุ่มไลน์ที่สังกัดกองทุนต่างๆ มาให้เหยื่อแต่ละราย แล้วโน้มน้าวเหยื่อต่างต่างนานา เช่น จะได้เงินแล้วนะ(ส่งรูปเงินก้อนมาให้ดู), เดียวจะให้เงินอีกเท่าตัวรออีกสามวัน, เดียวรอหลังเลือกตั้ง..ตอนนี้ทางธนาคารห้ามเคลื่อนย้ายเงิน เป็นต้น

   ในส่วนกรณีคนที่ไปกู้ร่วม หรือผู้กู้เงินมาให้ จะมีคำพูดในลักษณะว่า อีกเจ็ดวันปิดหนี้ให้....คุณไปแจ้งธนาคารที่กู้เงินได้เลยว่าให้ธนาคารคิดดอกหนี้สินมีดอกเท่าไร...ใช้ทันที หรือประมาณว่า อย่าห่วง..เงินมาแล้วกำลังเคลียส่งบัญชีมาเลยวันนั้นวันนี้โอนให้แน่นอน เป็นต้น
ผู้ล่าจะประวิงเวลาแบบนี้ไปเรื่อยๆ เมื่อถึงกำหนดตามที่แจ้ง เหยื่อจะไม่ได้รับเงินแต่อย่างใด ซึ่งสร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก ใครที่เป็นเหยื่อเมื่อโดนเร่งรัดหนี้มาจากสถาบันการเงินต่างๆ ก็ต้องหาเงินใช้ให้ไปก่อนเพื่อบรรเทาความเสียหายจากการถูกฟ้องถูกทวง (ซึ่งเมื่อเหยื่อแต่ละคนรู้ตัวว่าเสียรู้ ส่วนมากจะไม่ค่อยมาแจ้งความด้วยเหตุผลที่กล่าวมาในช่วงต้นๆ )

    นอกจากนั้น ผู้ล่ายังจะมาในรูปแบบที่ไลน์แชตมาขอสำเนาบัตรประชาชนและสำเนาสมุดฝากเงินจากเหยื่อ โดยบางรูปแบบจะห้ามเหยื่อเซนต์เอกสาร บางรูปแบบจะให้เหยื่อเซนต์เอกสารแต่ห้ามเขียนทับสำเนาบัตรประชาชน ห้ามเขียนทับสำเนาสมุดเงินฝาก และห้ามเขียนกำกับทับสำเนาบัตรประชาชนว่าเอกสารนั้นจะนำไปใช้ทำอะไร ห้ามเขียนระบุวันที่หรือกำกับวันที่ เป็นต้น
เอกสารนั้นข้าพเจ้าไม่รู้ว่าผู้ล่าเอาไปทำอะไรจริงๆ (หากใครทราบแบ่งปันข้อมูลกันด้วย) แต่เท่าที่ทราบ...ผู้ล่าคนนี้ได้เอกสารจากกลุ่มเพื่อนๆ ญาติพี่น้อง ลูกศิษย์ที่เคยเรียนด้วยไปเป็นจำนวนมาก และเปิดกลุ่มไลน์ในชื่อประมาณว่า เงินอังเปา...., เงินอารีบา...., เงินถอน... ฯลฯ เป็นต้น และข้าพเจ้าได้สืบค้นพบว่าผู้ล่าท่านนี้มีประวัติคดีปลอมแปลงลายเซนต์ (ทั้งนี้ข้าพเจ้าได้ทำแก้ปัญหาด้วยการทำบัตรประชาชนใหม่ และยกเลิกบัญชีธนาคารนั้นไปแล้ว ขอแนะนำเพิ่มว่าควรลงบันทึกประจำวัน(โดยใช้หลักฐานในไลน์) เพื่อป้องกันเหตุอันตรายที่ข้าพเจ้าก็ไม่อาจรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต)

วันนี้ขอแบ่งปันประมาณนี้ก่อนนะ ต้องเข้าทำงานต่อแล้ว

ข้อคิดให้พึงระวัง
1. สำเนาบัตรประชาชน สำเนาสมุดธนาคาร ควรเซนต์ภายในรูปเอกสารนั้น(บริเวณลายน้ำ) โดยระบุด้วยว่าเอกสารนั้นๆ ท่านเอาไปใช้ทำอะไร วันที่เซนต์คือวันที่เท่าไร
2. ลายเซนต์ก็นั้นสำคัญ ควรมีลายเซนต์ที่ไม่ใช้การเขียนด้วยอักษรตัวบรรจง ควรเป็นลายเซนต์ที่มีเทคนิคหรือส่วนที่เป็นวิธีการของตนเอง เพื่อเป็นการป้องกันเบื้องต้นเมื่อถูกปลอมลายเซนต์
3. ถ้ามีผู้ชักชวนที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน ชักชวนให้ลงทุนโดยจะให้ท่านได้รับผลตอบแทนที่สูงๆ  ท่านควรคิดดีๆ ทบทวนความคิดหลายๆครั้ง ศึกษาให้แน่ใจ อย่าด่วนตัดสินใจโดยไม่ปรึกษาใคร (ปรึกษาผู้รู้อย่างน้อยสัก 10 คน)
4. ถ้ามีผู้ชักชวนที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน มาชักชวนให้ท่านลงทุนด้วย มาร้องไห้อ้อนวอนให้ร่วมเป็นนอมินีหรือรวมลงทุนด้วย ท่านพิจารณาให้ดี คิดตัดสินใจมากกว่า 10 รอบ.....ถึงแม้ว่าคนที่ชักชวนนั้นจะเป็นครูอาจารย์ที่สอนท่าน เป็นญาติสนิทหรือญาติห่างๆของท่าน เป็นเพื่อนสนิทของท่าน เพราะเมื่อใดที่ท่านเซนต์เอกสารไปแล้ว สิ่งนั้นมีผลทางกฏหมายผูกมัดท่านทันที
5. การเป็นผู้ค้ำฯ ต่างๆ โปรดพิจารณาถึงวันที่เลวร้าย(ผิดสัญญา) ว่าวงเงินความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ท่านรับผิดชอบได้ไหม ท่านผ่อนหรือชำระไหวไหม ถ้าท่านรับผิดชอบกับสิ่งเลวร้ายที่จะเกิดขึ้นนั้นไม่ได้ ท่านอย่าเซนต์เป็นผู้ค้ำฯ เพราะเมื่อใดที่ท่านเซนต์เอกสารไปแล้ว สิ่งนั้นมีผลทางกฏหมายผูกมัดท่านทันที

อาจจะไม่เกี่ยวกับกระทู้นี้โดยตรงนะคะ แต่เป็นเรื่องของการหลอกลวงให้ใช้เงินลงทุนเหมือนกัน  เคยอ่านเจอว่า มีการแอบอ้างชื่อเจ้าชายท่านหนึ่งที่อยู่ในต่างประเทศ ที่ผู้อ้างบอกว่า เจ้าชายท่านนี้อยากจะช่วยเหลือคนยากจน โดยการให้เอาเงินไปร่วมลงทุนในเหมืองทอง..ลงทุนโดยใช้เงินเพียงเล็กน้อยแต่ผลตอบแทนดีมาก

..คาดว่า น่าจะมีผู้หลงเชื่อลงทุนไปมากพอสมควร  มาถึงวันนี้ กระทู้ที่ลงข้อความชวนเชื่อ สูญหายไปหมดแล้ว  :o

ขออภัยที่หายไปนานนะครับ...
ตามที่กล่าวนั้นเป็นจริง... มีการอ้างถึงคนใหญ่โต อ้างถึงระดับทหารยศใหญ่ ฯลฯ
ถึงแม้ว่าตอนนี้...xxx นั่นโดนจับอยู่ในคุก ซึ่งกำลังรอขึ้นศาล และยังไม่ได้ประกันตัว

แต่ที่น่าแปลกใจคือ...มีใครบางคนสวมรอยเป็น xxx.... และสร้างความเคลื่อนไหวในกลุ่มไลน์อยู่
และสร้างความน่าเชื่อถือให้เหยื่อ โดยประกาศตัวเองว่าเป็นมาเฟีย สามารถออกคุกมาได้แล้ว
โดยหัวหน้าใหญ่จะมาประกันตัว

ซึ่งมีข้อสงสัยว่าวงเงินความเสียหายที่มากเป็นหลักล้านบาท การประกันตัวไม่ใช่น้อย ใครจะกล้าประกัน???

ที่แน่ๆของฟรีไม่มีในโลกนะครับ

เขามีช่องใน ยูทูปด้วยนะครับ  ชื่อ ...เล็ก สุโขทัย  ไปดูคลิปอธิบายงานแล้วมีแต่คนด่าคนทวงเงิน 555

ผู้เสียหายส่งข้อมูลที่
สมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย
https://www.facebook.com/stopmoneygameth/


ข่าวเวิกพอย เสนอประเด็นนี้อยู่
https://www.facebook.com/153951094974177/posts/1070737649962179/?app=fbl

สุดยอดครับ

คนโลภย่อมดึงดูดคนโลภเข้ามาเจอกัน

มีจริงๆ นะคะ ยินดีให้คำปรึกษาค่ะ   ::)

ของฟรีไม่มีในโลก